• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Hanako5

#4412
ไอแบงก์ปล่อยของ ทรัพย์สินรอการขายลดราคาพิเศษ พร้อมเปิดยื่นสินเชื่อกับไอแบงก์ได้


ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ประกาศขายทรัพย์สินรอการขายของธนาคาร ทรัพย์สวย ทำเลดี ราคาโดนใจหลายรายการ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาว์นเฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม ที่ดินเปล่า ฯลฯ พร้อมมอบส่วนลดราคาพิเศษหากลูกค้าสนใจ

โอกาสทองของผู้ที่กำลังมองหาทรัพย์มือสองมาถึงแล้ว เมื่อไอแบงก์นำทรัพย์สินรอการขายคุณภาพดีกว่า 140 รายการมาขายในราคาพิเศษ โดยทรัพย์ส่วนใหญ่มีที่ตั้งในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และตามจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งธนาคารพร้อมเปิดให้ลูกค้าเสนอราคาและมอบส่วนลดราคาพิเศษให้กับลูกค้าที่สนใจ นอกจากนี้ผู้ที่สนใจสามารถขอสินเชื่อกับ ไอแบงก์เพื่อซื้อทรัพย์ได้อีกด้วย

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปรับตัวลงเช้านี้ จากแรงขายทำกำไรหลังทะยาน 8 วันติด
 
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลงในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นเกือบ 3,000 จุดในการทะยานขึ้น 8 วันที่ผ่านมาจนถึงเมื่อวานนี้

หลังจากเปิดตลาด 15 นาที ดัชนีนิกเกอิ ลดลง 63.65 จุด หรือ -0.23% สู่ระดับ 28,046.74 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 28,338.81 จุด เพิ่มขึ้น 228.42 จุด หรือ +0.81%

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางทะเล, กลุ่มข้อมูลและการสื่อสาร และกลุ่มประกัน
#4413
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร "บ. ปริญสิริ" ที่ "BBB-" แนวโน้ม "Stable"

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB-? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตองค์กรสะท้อนถึงฐานรายได้ของบริษัทที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ความสามารถในการทำกำไรที่น่าพอใจ ภาระหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น และสภาพคล่องที่เพียงพอ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านในระยะปานกลาง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ฐานรายได้ค่อนข้างเล็ก

ฐานรายได้ของบริษัทมีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตรายอื่น รายได้ของบริษัทอยู่ระหว่าง 1.8-2.5 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2561-2564 คิดเป็น 1% ของรายได้รวมของผู้ประกอบการทั้ง 24 รายที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง ยอดผู้ติดเชื้อระลอกใหม่จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)ที่เพิ่มขึ้นและการปิดไซต์ก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2564 เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บริษัทต้องเลื่อนเปิดโครงการใหม่และเกิดความล่าช้าในการโอนกรรมสิทธิ์แก่ผู้ซื้อบ้าน ส่งผลให้รายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 2.28 พันล้านบาท ลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์เพียง 2 โครงการมูลค่า 1.9 พันล้านบาทน้อยกว่าที่ตั้งเป้าตอนแรกที่ 2.6 พันล้านบาท

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้ของบริษัทจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.4 พันล้านบาทในปี 2565 และ 2.8-3.2 พันล้านบาทต่อปีในปี 2566-2567 ภายใต้สมมติฐานที่บริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นมูลค่าประมาณ 3.7-5 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โครงการใหม่ของบริษัทยังคงเน้นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยทาวน์เฮ้าส์จะอยู่ที่ระดับราคาหลังละ 2-4 ล้านบาท และบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดอยู่ที่ระดับราคาหลังละ 4-7 ล้านบาท

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวน 18 โครงการ โดยมีมูลค่ารวมทั้งหมด (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและยังไม่ได้ก่อสร้าง) ประมาณ 7.43 พันล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในสัดส่วน 46% โครงการทาวน์เฮ้าส์ 34% และโครงการคอนโดมิเนียมเตี้ยอีก 20% ยอดขายรอการรับรู้รายได้ ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 229 ล้านบาท ดังนั้น รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างยอดขายใหม่และยอดโอนในปีนั้น ๆ

ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับน่าพอใจ

ทริสเรทติ้งคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจไว้ได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงในปี 2564 แต่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจจากการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างที่ดีขึ้นและต้นทุนที่ดินที่ต่ำในบางโครงการ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 37.5% ในปี 2564 จากระดับ 32%-35% ในระหว่างปี 2561-2563 อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเช่นกันโดยอยู่ที่ระดับ 29% ในปี 2564 จากระดับ 23%-27% ในปี 2561-2563

ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรม การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมและต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นคาดว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้อยู่ที่ระดับ 32% และ 24% ตามลำดับ ในปี 2565-2567 ดังนั้น คาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 550-780 ล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

เป็นปีที่มีความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย

ทริสเรทติ้งคาดว่าอุปสงค์ที่อยู่อาศัยในปี 2565 จะเติบโตที่ระดับ 5%-10% จากปีก่อนหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนคือแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด 19 ที่มีสัญญาณบรรเทาเบาบางลง นอกจากนี้ การขยายระยะเวลาผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยยังคงเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan-to-value Ratio -- LTV) ให้อยู่ที่ระดับ 100% จาก 70%-90% สำหรับที่อยู่อาศัยทุกประเภทและการลดค่าโอนและค่าจดจำนองสำหรับบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทไปจนถึงสิ้นปี 2565 นั้นน่าจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ที่อยู่อาศัยให้เติบโตขึ้นได้ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อีกหลายประการในระยะสั้นถึงปานกลางนี้ โดยการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยจะยังคงรุนแรงต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ไม่แพง ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาดเพื่อให้ยังคงสถานะการแข่งขันได้ในตลาด นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นก็อาจส่งผลทำให้กำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าบ้านระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ในขณะที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวดยิ่งขึ้นก็ยังคงเป็นประเด็นท้าทายสำหรับผู้ประกอบการ

ภาระหนี้ปรับตัวสูงขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยที่งบประมาณซื้อที่ดินจะอยู่ที่ระดับราว ๆ 1 พันล้านบาทต่อปี อีกทั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท ปริญอินเวสท์ เพื่อหาโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในต่างประเทศ โดยเงินลงทุนเริ่มแรกในปี 2565 อยู่ที่ราว 100 ล้านบาท ภายใต้แผนการลงทุนของบริษัท ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 48%-49% ในปี 2565-2567 จากระดับ 45% ณ สิ้นปี 2564 เมื่อพิจารณากำไรที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงและภาระหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5%-7% ในช่วงปีประมาณการ

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินรวมจำนวน 5.27 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยตั๋วแลกเงินจำนวน 190 ล้านบาท เงินกู้โครงการจำนวน 1.73 พันล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 3.35 พันล้านบาท ทั้งนี้ หนี้ประมาณ 1.73 พันล้านบาทของภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมของบริษัทมีสัดส่วนอยู่ที่ 33% ซึ่งต่ำกว่าอัตราส่วน 50% ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้? ของทริสเรทติ้ง ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบในด้านลำดับสิทธิเรียกร้องเหนือสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน

สภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอที่จะคืนหนี้จนถึงสิ้นปี 2565 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 566 ล้านบาท เงินลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จำนวน 931 ล้านบาท และวงเงินจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีก 175 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 240 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีที่ดินที่ไม่ติดภาระเป็นหลักประกันคิดเป็นมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่จำนวน 2.62 พันล้านบาทซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันสำหรับขอวงเงินสินเชื่อใหม่ได้หากจำเป็น บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จำนวน 1.01 พันล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยตั๋วแลกเงินจำนวน 190 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 821 ล้านบาท บริษัทได้ชำระหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาทที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมกราคม 2565 และตั๋วแลกเงินที่ครบกำหนดทั้งหมดด้วยหุ้นกู้ใหม่ บริษัทมีแผนจะรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่เหลือที่จะครบกำหนดไถ่ถอนด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่

ตามข้อกำหนดทางการเงินที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับไม่เกิน 2 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.1 เท่า และ 1.3 เท่าตามลำดับ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินดังกล่าวได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.4-3.2 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

? อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับประมาณ 32% และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 24% ในปี 2565-2567

? เปิดโครงการที่อยู่อาศัยมูลค่าประมาณ 3.7-5 พันล้านบาทต่อปี โดยงบประมาณซื้อที่ดินจะอยู่ที่ระดับ 1 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

? เงินลงทุนในต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 100 ล้านบาท ในปี 2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินเอาไว้ได้ตามเป้าหมาย ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสร้างรายได้ที่ระดับ 2.4-3.2 พันล้านบาทและจะคงอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไว้ที่ระดับ 24% ในปี 2565-2567 โดยที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ที่ระดับเกินกว่า 5% ในช่วงปีประมาณการ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถขยายฐานรายได้และผลกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ยังคงสถานะทางการเงินที่ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
#4414
ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ตามภูมิภาคไร้ปัจจัยใหม่-ราคาน้ำมันอ่อนตัว

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อาจผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นได้ส่วนหนึ่งมาจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี ทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานออกมาต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.2512 เป็นปัจจัยหนุนสำคัญ

ส่วนบ้านเราคาดเคลื่อนไหวสลับบวก-ลบ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังสหภาพยุโรป (EU) ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย จึงคาดว่าจะมีแรงขายในฝั่งของพลังงานต้นน้ำ แต่อาจมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มโรงกลั่นแทน เช่น TOP, SPRC เป็นต้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้น 17.53 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี

แนะนักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนของรัสเซียและยูเครนอย่างต่อเนื่อง และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนพ.ค. คาดปรับขึ้น 0.5% และงบการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 ของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/65 ที่จะเริ่มทยอยประกาศหลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นไป

ให้แนวรับไว้ที่ 1,670 และ 1,675 จุด ส่วนแนวต่าน 1,686 และ 1,690 จุด
#4415
ภาวะตลาดหุ้นเกาหลีใต้: หุ้นโซลปิดบวกเล็กน้อย แม้วิตกเกาหลีเหนือและสงครามยูเครน
 
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทรงตัวในวันนี้ แม้จะมีความกังวลจากการที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่สกุลเงินวอนไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,729.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.32 จุด หรือ +0.01% โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลาง 590 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 10.7 ล้านล้านวอน (8.8 พันล้านดอลลาร์) และมีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 503 ต่อ 343 ตัว

หุ้น SK hynix ปรับตัวลง 2.07% และหุ้น Naver ปรับตัวลง 2.06% ขณะที่หุ้น Samsung Electronics ไม่เปลี่ยนแปลง
#4417
ส่งสินค้าทางเรือไปอเมริกา สอบถามค่าส่งสินค้าพวกเราบริการขนส่งสินค้าทั้งโลก
มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจขนส่งสินค้ารวมทั้งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์อื่นๆ
ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการขนส่งทั้งยังในและก็
เมืองนอกซึ่งเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการขนส่ง

ส่งสินค้าทางเรือไปอเมริกา สอบถามค่าส่งสินค้าการมอบสินค้าระหว่างชาติมากมาย
กว่า 22 ปีด้วยความตั้งใจจริงที่
อยากได้เน้นย้ำให้ลูกค้าเพื่อได้รับ
ความพอใจแล้วก็บริการอย่างมาก
ส่งสินค้าทางเรือไปอเมริกา สอบถามค่าส่งสินค้าสุด โดยจากจุดกำเนิดที่พวกเราเริ่มด้วยพนักงานที่มี
ความเป็นจริงเป็นจัง
ในการให้บริการซึ่งได้รับ
การฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี


https://bit.ly/3utt7jn
#4418
Zipmex กวาดเงินรอบ Series B เพิ่มเป็นกว่า 1.7 พันลบ.พุ่งเป้ารุกตลาดเวียดนาม
 
นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Zipmex Thailand เปิดเผยว่า Zipmex ได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติมในรอบ Series B เป็นมูลค่ากว่า 360 ล้านบาท จากนักลงทุนในรอบ Series B ที่ผ่านมา ได้แก่ B Capital, TNB Aura, กรุงศรีฟินโนเวต Plan B Media, MACO และ MindWorks Capital ส่งผลให้ Zipmex ได้รับเงินในรอบ Series B ทั้งหมดรวมกว่า 1,700 ล้านบาท สะท้อนถึงความมั่นใจในแพลตฟอร์ม ผลประกอบการ และศักยภาพในการเติบโตของ Zipmex ระบุเพื่อช่วยเสริมการขยายตลาดไปสู่ประเทศต่าง ๆ เพิ่มเติม ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขอบคุณนักลงทุนทุกท่านในความเชื่อมั่น และเล็งเห็นถึงศักยภาพของ Zipmex พร้อมกับได้ลงทุนเพิ่มเพื่อให้เราได้ขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเวียดนาม ซึ่งเรามองว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง โดย Zipmex ประเมินทั้งจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ กฎหมาย โครงสร้างทางเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของประชากร และ Zipmex จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมากที่สุด และยังคงยึดมั่นในเรื่องของความปลอดภัยของนักลงทุนเป็นสำคัญ ทำให้ Zipmex ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนที่เข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเรา"
Zipmex ตอกย้ำการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเปิดเผยผลประกอบการของปี 64 โดยมีนักลงทุนเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มสูงถึงกว่า 1.7 ล้านคนทั่วโลก และเทรดดิ้งวอลลุ่มเติบโตแตะระดับ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงมีพาร์ทเนอร์กว่า 100 เจ้าในหลากหลายอุตสาหกรรม และล่าสุด Zipmex เพิ่งร่วมมือกับ Polygon Studio เพื่อพัฒนาและผลักดัน Metaverse Ecosystem ในเอเชีย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ระยะยาวของ Zipmex อีกด้วย
#4419
ดาวโจนส์เปิดแดนบวก คลายกังวลเงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพ

ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ หลังราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพในวันนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี

ณ เวลา 20.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,419.94 จุด บวก 61.44 จุด หรือ 0.18%

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น และผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ราคาน้ำมัน WTI, เบรนท์เริ่มมีเสถียรภาพในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยว่าการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านมีความคืบหน้า ซึ่งจะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด

นักลงทุนจับตาการประชุมฉุกเฉินขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในวันนี้เพื่อหามาตรการตอบโต้รัสเซียจากการที่ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้เดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของ 3 กลุ่มในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การประชุมนาโต, การประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 และการประชุมสหภาพยุโรป (EU)

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังมีกำหนดเดินทางเยือนโปแลนด์ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงวอชิงตันในวันเสาร์

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 28,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2512 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 67,000 ราย สู่ระดับ 1.35 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2513
#4420
คลังเผยยอดใช้จ่ายสะสม 3 โครงการกระตุ้นบริโภคในปท.กว่า 6.3 หมื่นลบ.
 
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศปี 2565 ซึ่งประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 4, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่งระยะที่ 4 พบว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 24 มีนาคม 2565 ณ เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 40.88 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 63,109.11 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 13.35 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 5,204.73 ล้านบาท

2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 1.27 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 460.58 ล้านบาท

3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 (ประชาชนกลุ่มเดิมฯ) จำนวน 25.46 ล้านราย ซึ่งมียอดใช้จ่าย 55,899.65 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 (ประชาชนกลุ่มใหม่ฯ) จำนวน 7.97 แสนราย ซึ่งมียอดใช้จ่าย 1,544.15 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 26.26 ล้านราย และยอดการใช้จ่ายรวม 57,443.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 29,224.0 ล้านบาทและรัฐร่วมจ่าย 28,219.8 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 24.039.6 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 9,853.4 ล้านบาท ร้าน OTOP 2,580.8 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 19,840.7 ล้านบาท ร้านบริการ 1,020.9 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 108.4 ล้านบาท

สำหรับประชาชนที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 26.38 ล้านราย เป็นประชาชนกลุ่มเดิมฯ ที่กดยืนยันสิทธิและมีการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 25.46 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 26.35 ล้านราย และในส่วนของผู้ประกอบการ มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 แล้วจำนวน 1.35 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.83 หมื่นราย

สำหรับข้อมูลการใช้จ่ายสะสมผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีการใช้จ่ายสะสม 1,701.2 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 884.1 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 817.1 ล้านบาท และในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มมีจำนวน 9.36 หมื่นราย

นายพรชัย กล่าวว่า ทั้ง 3 โครงการดังกล่าวข้างต้น ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายใหม่ยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ผ่าน www.คนละครึ่ง.com หรือติดต่อเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ หรือสาขาธนาคารกรุงไทย (KTB) ได้อย่างต่อเนื่องจนกว่ากระทรวงการคลังจะประกาศปิดรับสมัคร
#4421
จำหน่าย อุปกรณ์บริหารกล้ามเนื้อ ทุกชนิด
อุปกรณ์บริหารกล้ามเนื้อ
 เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย อุปกรณ์บริหารกล้าม สามารถใช้ได้สำหรับภายในบ้านและภายในยิม อุปกรณ์สำหรับบริหารกล้ามเนื้อ
อุปกรณ์มีคุณภาพและได้มาตราฐาน นำเข้าจากต่างประเทศ

Facebook : CCT Fitness นำเข้าเครื่องออกกำลังกาย
Tel: 089-750-7380
สนใจชมตัวอย่างสินค้า >> https://goo.gl/maps/RBNaNTLmk8LD3T2A8 
#4422
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25


#4423
รับโพสเว็บบอร์ด ราคาถูก พร้อม report
รับลงประกาศขายหรือให้เช่า บ้าน, ที่ดิน, คอนโด, อาคารพาณิชย์, ทาวน์เฮ้าส์ หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ
#4424
จำหน่าย เครื่องเล่นหน้าอก นำเข้าจากต่างประเทศ

เครื่องเล่นหน้าอก ( Chest Press Machine ) คือ เครื่องเล่นกล้ามอกที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับเล่นหน้าอกทั้ง 3 มัดโดยเฉพาะทั้ง หน้าอกส่วนบน หน้าอกส่วนกลาง และหน้าอกส่วนล่าง เครื่องเล่นหน้าอกมีหลายแบบหลายดีไซส์ให้เลือก เครื่องเล่นกล้ามส่วนอก สามารถเลือกชมได้เลย

Facebook : CCT Fitness นำเข้าเครื่องออกกำลังกาย
Tel: 089-750-7380
สนใจชมตัวอย่างสินค้า >> https://goo.gl/maps/RBNaNTLmk8LD3T2A8 
#4425
 เครื่องดัดผมดิจิตอลหมดการอรอ สีทรีทเม้นท์แฟชั่นเข้ามาครบทุกเฉดสีแล้วค่ะ สีย้อมผมผสมทรีทเม้นท์ ดูแลรักษาผม 
เนื้อสีแน่น ติดทน ไม่ต้องผสมไฮโดรเจน ไม่มีแอมโมเนีย สามารถลงได้เลย มีให้เลือกถึง 11 เฉดสีกันเลย
โดย บริษัท โมเดิร์น แฟนตาซี จำกัด ผู้นำเข้า-ส่งออก 
 เครื่องดัดผมดิจิตอลอุปกรณ์
 เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ 
 เครื่องดัดผมดิจิตอลและผลิตภัณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับเส้นผม 
ภายใต้แบรนด์ ENIE(เอนี่)


https://bit.ly/3wxPret