• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#3061


องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกอาจทะลุระดับ 300 ล้านรายภายในต้นปีหน้า หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางปัจจุบัน และได้เรียกร้องให้บรรดาผู้นำทั่วโลกชะลอการแพร่ระบาดด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ตรวจเชื้อ, การรักษา และวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่บรรดาประเทศยากจน

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของดับเบิลยูเอชโอ เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ว่า การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากดับเบิลยูเอชโอ รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกจำนวน 200 ล้านรายแล้ว

นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีการรายงานนั้น อาจทำให้ยอดติดเชื้อจริงๆ สูงกว่าที่มีการรายงานอย่างมาก

"ยอดติดเชื้อจะถึง 300 ล้านรายหรือไม่ และจะไปถึงระดับดังกล่าวรวดเร็วเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน" นายแพทย์ทีโดรสระบุ

บรรดาเจ้าหน้าที่ของดับเบิลยูเอชโอ เปิดเผยถึงความต้องการเงินทุน 7.7 พันล้านดอลลาร์อย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยในการแจกจ่ายวัคซีน, ออกซิเจน และการรักษาพยาบาลในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ขณะที่นายแพทย์ทีโดรสผลักดันให้มีการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาผู้ติดเชื้อตั้งแต่อาการน้อยจนถึงอาการรุนแรง

ด้าน Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมนั้นมีจำนวน 205,103,455 รายแล้ว และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,332,308 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (36,897,983) รองลงมาคืออินเดีย (32,052,127) และบราซิล (20,213,388)
#3062


เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ติดตามความคืบหน้า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศผ่าน เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564

ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนซิโนฟาร์ม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 12-16 สิงหาคม 2564 ผ่านทาง LINE Official รพ.จุฬาภรณ์ >> https://bit.ly/MomForm

ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะส่งข้อความ SMS ถึงคุณแม่ที่ลงทะเบียนเข้ามาทุกท่านให้เข้ามาดำเนินการทำแบบคัดกรองและใบยินยอม และนัดหมายการเข้ารับวัคซีนต่อไป

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป
เข้ารับบริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) อาคาร 9 (ทีโอทีเดิม) ถนนแจ้งวัฒนะ เท่านั้น
ในวันฉีดวัคซีนกรุณานำเอกสารการฝากครรภ์ และบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อแสดงเป็นหลักฐานในการเข้ารับบริการฉีดวัคซีน
#3063



ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 220.30 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 35,484.97 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.95 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,447.70 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 22.95 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 14,765.14 จุด


ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในวันนี้ ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังสหรัฐเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดราคาที่กำลังพุ่งขึ้น ก็ช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

'12 สิงหาคม' เฉลิมพระเกียรติพระอัจฉริยภาพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ทรงเป็นผู้นำการแต่งกายด้วยผ้าไทย
ไอเดีย'ของขวัญวันแม่'ในยุคโควิด-19 ระบุ 'นมแม่' วัคซีนที่ดีที่สุด
'ลุมพินีวิสดอม'ลุ้นรัฐคุมโควิดปลุกเศรษฐกิจ-ธุรกิจฟื้นปีหน้า
นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 220.30 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 35,484.97 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.95 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,447.70 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 22.95 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 14,765.14 จุด


ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในวันนี้ ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังสหรัฐเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดราคาที่กำลังพุ่งขึ้น ก็ช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว
#3064


เมื่อเร็วนี้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2564 ในส่วนประเด็นการแก้ไขเรื่องการทับซ้อน รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟไทย-จีนช่วงบางซื่อ ถึง ดอนเมืองซึ่งเป็นช่วงที่ต้องใช้แนวเส้นทาง และจำเป็นต้องมีโครงสร้างโยธาเสาและฐานรากร่วมกัน (โครงสร้างโยธาร่วม) แต่ระยะเวลาการก่อสร้าง และมาตรฐานเทคนิคทั้งสองโครงการไม่สอดคล้องกัน


ดังนั้น สกพอ. กระทวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) จะเจรจากับเอกชนคู่สัญญา จัดทำข้อเสนอการแก้ไขสัญญาร่วมทุน เพื่อให้เอกชนเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างช่วงบางซื่อ ถึง ดอนเมือง โดยจะเจรจาให้เอกชนรับพื้นที่และเริ่มงานก่อสร้างโยธาให้ได้มาตรฐานเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้โครงการรถไฟฯ ไทย-จีน สามารถใช้เส้นทางดอนเมืองบางซื่อได้ภายในเดือน ก.ค. 2569 และให้ยึดข้อตกลงทั้งมาตรฐานและระยะเวลาของ รถไฟไทย-จีนเป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องระยะเวลา และด้านเทคนิคให้สามารถรองรับทั้งสองโครงการได้
#3065


การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 ถึงวันที่ 10 ส.ค.2564 รวม 767,088 ราย และมผู้ป่วยที่กำลังรักษา 211,223 ราย 

ในขณะที่จำนวนเตียงที่รองรับการรักษาข้อมูลล่าสุดวันที่ 4 ส.ค.2564 ทั่วประเทศมีเตียง 197,837 ราย ใช้ไปแล้ว 151,103 เตียง คิดเป็น 76.38% และมีเตียงว่าง 46,516 เตียง แบ่งเป็นเตียงว่างในกรุงเทพฯ 5,331 เตียง และในต่างจังหวัด (รวมปริมณฑล) 41,185 เตียง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เตียงในระบบสาธารณสุขจึงน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดหน่วยคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ในโครงการ "ลมหายใจเดียวกัน" ของกลุ่ม ปตท. วันที่ 11 ส.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม

รายงานข่าวจาก ปตท.ระบุว่า กลุ่ม ปตท.ได้จัดตั้ง "โครงการลมหายใจเดียวกัน" เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ของประเทศ ร่วมเป็นพลังต่อลมหายใจของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยในระยะแรกได้เร่งส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ เครื่องให้ออกซิเจนอัตราไหลสูง พร้อมสนับสนุนออกซิเจนเหลวแก่โรงพยาบาลในพื้นที่วิกฤติ และมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อใช้ในการรักษาอาการผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดรวมกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ

รวมทั้งในระยะต่อมาได้สนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุกใน 4 พื้นที่เปราะบางและมีความเสี่ยงสูง รวมถึงเดินหน้าโครงการ Restart Thailand ต่อเนื่องทำให้มีอัตราการจ้างงานภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 25,000 อัตรา ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน กลุ่ม ปตท.ได้สนับสนุนความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในภาวะวิกฤติโควิด-19 แล้วรวมเป็นงบประมาณจำนวนกว่า 1,700 ล้านบาท

ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย และมีผู้ป่วยหนักสูงขึ้น ซึ่งกลุ่ม ปตท.มีแผนช่วยเหลือประชาชนและแบ่งเบาภาระภาครัฐ โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรทางการแพทย์ จัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจรแบบ End-to-End ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงมีตัวเลขที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเสียชีวิต ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เร็วที่สุด



สำหรับหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) วางแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งเน้น "ตรวจเร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว" ซึ่งจะเป็นการตรวจรักษาแบบครบวงจรแห่งแรกที่เอกชนร่วมกับภาครัฐ ประกอบด้วย 4 จุดหลัก ได้แก่

จุดที่ 1 หน่วยคัดกรอง โครงการลมหายใจเดียวกัน ณ อาคาร Energy Terminal (Enter) ของบริษัทเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กลุ่ม ปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เพื่อเป็นจุดคัดกรองสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยวางระบบดิจิทัลเพื่อลงทะเบียน และเริ่มจากการตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Antigen test kit และหากพบว่ามีการเสี่ยงติดเชื้อ จะนำส่งตรวจ RT-PCR 

สำหรับผู้ป่วยระดับสีเขียวที่ตรวจพบสามารถทำการดูแลตนเองเบื้องต้นที่บ้านหรือในชุมชน (Home or Community Isolation) โดยจะได้รับมอบ "กล่องพลังใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน" ประกอบไปด้วยชุดอุปกรณ์การทางแพทย์และยาที่จำเป็น รวมทั้งระบบติดตามอาการ

สร้างโรงพยาบาลสนามพันเตียง

จุดที่ 2 , 3 และ 4 จัดเตรียมเป็นโรงพยาบาลสนามครบวงจร โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ตามระดับความรุนแรง โดยโรงพยาบาลสนามครบวงจรแห่งนี้ นับเป็นการระดมกำลังของกลุ่ม ปตท.ทุกด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หวังแบ่งเบาภาระและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเตียงในกรุงเทพฯ โดยแบ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ดังนี้

1.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีเขียว เปิดให้บริการในรูปแบบของ Hospitel กระจายไปในหลายโรงแรม จำนวน 1,000 เตียง รองรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากหน่วยคัดกรองอย่างเป็นระบบ

2.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีเหลือง ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการในระดับหนักขึ้น เปิดให้บริการ ณ โรงแรมเดอะบาซาร์ กรุงเทพ มีเตียงผู้ป่วยจำนวน 300 เตียง มีระบบไฮโดรเจน ต่อ Direct Tube ส่งตรงถึงทุกเตียงผู้ป่วย 

พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. เพื่อให้การดูแลคนไข้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ เตียงพลาสติกรับน้ำหนักสูง หุ่นยนต์ ปิ่นโต เป็นหุ่นยนต์ลำเลียงเพื่อช่วยบุคคลากรทางการแพทย์ในการดูแลคนไข้ รวมถึงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ Xterlizer UV Robot

3.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีแดง โดยจัดสร้างโรงพยาบาลสนาม ICU บนพื้นที่ 4 ไร่ สำหรับผู้ป่วยจำนวน 120 เตียง ให้บริการสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก โดยปรับพื้นที่โล่งของโรงพยาบาลปิยะเวทเป็นสถานที่ก่อตั้ง โดยจัดทำห้องรักษาความดันลบแยกรายผู้ป่วย ห้องละ 1 เตียง ซึ่งเป็นครั้งแรกของโรงพยาบาลสนามในประเทศ พร้อมระบบ Direct Tube ส่งท่อออกซิเจนตรงทุกห้องผู้ป่วย และมีการติดตั้งถังออกซิเจนเหลวขนาด 10,000 ลิตรพร้อมห้องฉุกเฉินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
#3066


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยบางส่วนได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามทิศทางราคาน้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในหลายประเทศ

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,488.66 จุด ลดลง 5.97 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,887.03 จุด เพิ่มขึ้น 66.99 จุด หรือ +0.24% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,456.61 จุด เพิ่มขึ้น 173.21 จุด หรือ +0.66%

นักลงทุนยังคงจับตาการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในหลายพื้นที่ โดยล่าสุดนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐได้เพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศไทย, อิสราเอล, ฝรั่งเศส, ไอซ์แลนด์, เวสต์แบงก์และกาซา รวมทั้งอีกหลายพื้นที่ เนื่องจากยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมากในประเทศเหล่านี้

นอกจากนี้ CDC ยังได้เพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสู่ระดับ 3 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังออสเตรีย, โครเอเชีย, เอลซาลวาดอร์, อาร์เซอร์ไบจาน, กวม, เคนยา และจาไมกา CDC ยังระบุว่า ชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้

นักลงทุนในภูมิภาคยังจับตาความเคลื่อนไหวหุ้นของบริษัทในเครือซัมซุง หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ประกาศวานนี้ว่า นายเจย์ วาย. ลี หรือนายลี แจยง ทายาทของซัมซุง กรุ๊ป จะได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลสูงกรุงโซลของเกาหลีใต้ ได้ตัดสินจำคุกนายลี แจยง เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ฐานติดสินบนนางชเว ซุน-ซิล คนสนิทของอดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนแผนการสืบทอดอำนาจในซัมซุง กรุ๊ป

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Samsung Electronics ลดลง 0.25% และหุ้น Samsung C&T ร่วงลง 1.05% ขณะที่หุ้น Samsung Life Insurance เพิ่มขึ้น 0.78%

ตลาดยังจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคในวันนี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ของออสเตรเลีย
#3067


ระบบ 'Home isolation' ถูกนำมาใช้ได้ในระยะหนึ่ง มีการปรับหลักเกณฑ์ และระบบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษา รับยาให้ได้เร็วขึ้นเพื่อลดการเสียชีวิต เพิ่มคลินิกเอกชนร่วมดูแล และเพิ่มร้านขายยากระจาย 'Antigen Test Kit' ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

ผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวที่บ้าน การเตรียมระบบเพื่อรองรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยที่หลุดจากระบบการรักษา และเสียชีวิตในบ้านอย่างที่เป็นมา การให้ยาได้เร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกรมการแพทย์ ได้ออกประกาศให้ยาฟิวิพิราเวียร์ให้เร็วที่สุดโดยไม่แบ่งว่าเป็นกลุ่มใด

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเพื่อร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่บ้าน และการตรวจโควิดด้วยชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) สำหรับคลินิกเอกชนทั่วประเทศเพื่อให้บริการในระบบ Home Isolation และ Community Isolation (HI/CI)

ประสานผู้ป่วยตกค้าง จัดส่งยา เข้าระบบ


โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 6 ส.ค. พบว่าผู้ป่วยในระบบ Home Isolation มีประมาณ 6.3 หมื่นราย นำเข้าระบบแล้วราว 4 หมื่นราย ส่วนอีกประมาณ 2 หมื่นราย อยู่ระหว่างรอการตอบรับจากคลินิก ซึ่งมีคลินิกที่เข้ามาช่วยดูแล ผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 206 แห่ง

"นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี" เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่าผู้ป่วยราว 2 หมื่นรายที่ยังไม่มีคลินิกกดรับเข้าระบบ Home isolation ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 64 เหลืออยู่ราว 1.3 หมื่นราย จะทำการเคลียร์ให้เสร็จภายใน 1-2 วัน เบื้องต้น สปสช. ได้โทรสอบถามผู้ป่วยราว 2,000 ราย มีประมาณครึ่งหนึ่งที่เข้าระบบการรักษาไปแล้ว


เช่น ฮอสพิเทล หรือกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนา หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการจะส่งยาไป กำลังประสานขอยาไปให้โดยไม่ต้องมีคลินิกกดรับก็ได้ จากเดิมต้องให้คลินิกรับ และให้คลินิกเป็นผู้ส่งยา แต่ตอนนี้ขอว่าหากไม่มีใครรับ เราเป็นคนโทรเองและส่งยาก่อน จนกว่าคลินิกจะกดรับ

ขณะที่กรมการแพทย์ ได้ออกหนังสือมาให้ว่าต่อจากนี้ระหว่างรอสามารถให้ยาก่อนได้ สปสช. มีคอลเซ็นเตอร์ขณะนี้เพิ่มคู่สายเป็น 3,000 คู่สาย และเพิ่มคนรับโทรศัพท์ 800 กว่าคน มีอาสาสมัครมาช่วยเพิ่มเติมในการตามผู้ป่วยที่ค้างอยู่ ธนาคารออมสิน จะส่งมอเตอร์ไซค์เดลิเวอร์รี่ มาช่วยอีกแรง

คลินิกเอกชน ร้านยา เข้าร่วมดูแลผู้ป่วย กระจายชุดตรวจ
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช.ให้องค์การเภสัชกรรมจัดหา ATK จำนวน 8.5 ล้านชุดไว้สำหรับใช้ทั่วประเทศใน 1-2 เดือนตอนนี้จึงเตรียมกระบวนการกระจาย ต้องย้ำว่า ATK ให้ประชาชนตรวจเองไม่คิดมูลค่า คนละส่วนกับที่กระจายให้หน่วยบริการตรวจ"

ขณะนี้ มีคลินิกเอกชนที่สนใจเข้าร่วมเพิ่มเติม 23 แห่ง และมีแอพพลิเคชั่นที่ปรึกษาผู้ป่วย 1 แห่ง มีร้านยาที่สนใจเข้ามาเป็นหน่วยกระจาย ATK จำนวน 170 แห่ง เพิ่มเติมจากที่มี 200 แห่ง และมีศูนย์ที่จะช่วยตรวจ ATK ประมาณ 50 แห่ง ในพื้นที่ กทม.ในอนาคตอาจจะมีการพิสูจน์ตัวตนผ่านแอพฯ เป๋าตังค์ รวมถึงส่ง ATK ทางไปรษณีย์ เพราะคนป่วย หรือญาติอาจจะไม่สะดวกเดินทางมารับที่คลินิก กำลังพิจารณาว่าคนหนึ่งอาจจะต้องตรวจ 3-4 ชิ้น ใน 14 วัน

ตรียมระบบส่งต่อ ผู้ป่วย ATK ผลบวก
สำหรับร้านยาที่กระจาย ATK ต้องมีข้อแนะนำ หากผู้ป่วยเจอผลบวกต้องทำอย่างไร เช่น โทรมาที่ร้าน ส่งต่อไปคลินิก หรือ แนะนำการเข้าระบบผ่าน สปสช. หากผลบวกไม่มีอาการสามารถรักษาที่บ้านได้ หรือขอยาที่ร้านขายยาได้ จะง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น โมเดลนี้กำลังพยายามดูว่าใช้ได้หรือไม่ หากอาหารหนักต้องมีระบบไปดูแล ขณะนี้ยอดผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาตัวเลขรวมทุกภาคส่วนกว่าแสนคน ประสานผ่านสปสช. เฉลี่ยวันละประมาณ 600- 700 ราย

เล็งจัดระบบส่งอาหารผู้ป่วย HI
นพ.จเด็จ กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น สปสช.พยายามพัฒนาระบบการทำ Home isolation แต่มีข้อจำกัดเรื่องอาหาร หากได้ร้านอาหารที่ตอนนี้เปิดหน้าร้านไม่ได้ มาช่วยส่งอาหารเดลิเวอร์รี่จะถือว่าดีมาก เป็นการสร้างงานให้กับร้านอาหารอีกทางหนึ่ง เพราะการจัดระบบหากมีกลไกกลางมาเข้าร่วมน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เช่น สมาคมภัตตาคารไทย มาจัดระบบได้อย่างนั้นจะดีมาก

"ตอนนี้หากมีผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร มาช่วยเรื่องอาหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์มาช่วยเรื่องอุปกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ก็ทำด้านการแพทย์ จะดีใจมาก ซึ่งหากมีภาคส่วนใดสนใจ ไม่ต้องเปิดหน้าร้านก็ได้ เพียงแค่มีเดลิเวอร์รี่วิ่งไปส่งผู้ป่วย เชื่อว่าสามารถทำได้ เพราะ สปสช. มีงบประมาณอยู่แล้ว จะทำให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพขึ้น" เลขาธิการ สปสช. กล่าว

จัดหา ฟาวิพิราเวียร์ สำรอง
สำหรับแผนการจัดหายา ฟาวิพิราเวียร์ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที 9/2564 เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2564 มีมติเห็นชอบให้เพิ่มรายการยาฟาวิพิราเวียร์ในแผนการจัดหา เพื่อให้เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์จัดหาเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนในปี 2564 จำนวนไม่เกิน 27 ล้านเม็ด วงเงินไม่เกิน 891 ล้านบาท จากงบค่าบริการโควิด-19 และต่อเนื่องไปปี 2565 รองรับกรณีหน่วยบริการไม่สามารถหายาฟาวิพิราเวียร์ได้เพียงพอ ซึ่ง ครม.อนุมัติงบดำเนินการมา 13,026 ล้านบาท

"เดิมป่วยเราต้องไปเข้า รพ. ฮอสพิเทล รพ.สนาม วันนี้ต้องใช้วิธี Home isolation ขณะนี้เริ่มมีหลายคนที่สมัครใจอยู่บ้าน ขอเอายา โดยเฉพาะคนที่อายุไม่มากเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่ากลุ่มที่ไม่เสี่ยงก็สามารถรักษาที่บ้านได้ แทนที่จะไปอยู่ฮอสพิเทล เพราะมีแพทย์ มียา อาหาร แต่ต้องสร้างความมั่นใจว่า หากมีอาการเปลี่ยนแปลง เราพร้อมจะรับเข้าสู่ระบบ"

อย่างไรก็ตามการรับมือกับสถานการณ์ต้องประเมินทุกๆ มาตรการ หาก 2 เดือนแล้วยังไม่สงบ ก็ต้องวางมาตรการเพิ่ม เมื่อผู้ป่วยเยอะขึ้น ต้องยอมรับว่าบริการสาธารณสุข รองรับไม่ไหว รัฐบาลต้องเข้าไปสนับสนุนประชาชนที่ต้องดูแลตัวเองที่บ้าน


สำรองฟาวิพิราเวียร์ 400 ล้านเม็ด
องค์การเภสัชกรรม (จีพีโอ) ปรับแผนเพิ่มการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ รองรับการรักษาที่จ่ายยาเร็วขึ้น เดือนสิงหาคม-กันยายน 2 เดือน 120 ล้านเม็ด ตุลาคม-ธันวาคม 300 ล้านเม็ด และทยอยกระจายสู่หน่วยบริการแม่ข่ายตามการจัดสรรของศูนย์ PHEOC อย่างต่อเนื่อง

"นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์" ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า องค์การฯได้ทำการปรับแผนการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อรองรับการปรับเกณฑ์แนวทางการรักษาใหม่เพื่อจ่ายยาให้ผู้ป่วยเร็วขึ้น ได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง โดยจะมีการเพิ่มการสำรองทั้งจากยาที่องค์การฯผลิตเองและจัดหาจากต่างประเทศ โดยเดือนสิงหาคม-กันยายน รวม 2 เดือน จำนวน 120 ล้านเม็ด และเดือนตุลาคม-ธันวาคม เพิ่มอีกเดือนละ100 ล้านเม็ด รวมจำนวน 300 ล้านเม็ด

โดยทั้งนี้จะมีติดตามและประเมินสถานการณ์ความต้องการใช้ใกล้ชิด เพื่อทำการปรับแผนการสำรองให้ทั้งการผลิตเองและจัดหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของการระบาดของโรค โควิด-19 ซึ่งจำนวนยาทั้งหมดในข้างต้นจะมีการทยอยผลิตเองและจัดหาเข้ามาสำรองอย่างต่อเนื่อง


เตรียมยาแรมเดซิเวีย 2 แสนขวด
นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคมได้จัดหา ยาแรมเดซิเวีย (Remdesivir) เป็น 2 แสนขวด และจะพิจารณาจัดหาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอตามเกณฑ์การรักษาใหม่ โดยยาเรมเดซิเวียร์นั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาฉีดให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด ที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ผู้มีปัญหาในการดูดซึมยา ผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมอย่างรุนแรง ผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ได้

ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ ทั้งหมดจะมีจัดสรรให้กับหน่วยบริการหรือโรงพยาบาลแม่ข่ายต่างๆ ตามการบริหารจัดการของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) โดยกลุ่มภารกิจสำรองเวชภัณฑ์และส่งกำลังบำรุง ผ่านระบบการบริหารคลังสินค้า หรือ VMI (Vender Management Inventory) ขององค์การเภสัชกรรม และองค์การฯเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งกระจายตามการจัดสรรให้กับหน่วยบริการแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งหลังจากนั้น หน่วยงานแม่ข่ายจะทำการบริหารจัดการและกระจายให้แก่หน่วยบริการลูกข่ายในแต่ละพื้นที่ต่อไป
#3068


เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 ที่สโมสรทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 พร้อมด้วย นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ร่วมกันตรวจความพร้อมและเปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine เพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ที่รอผลการตรวจหาเชื้อวิด-19


พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 กล่าวว่า ทางกองทัพภาคที่ 2 มีนโยบายสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งด้านแพทย์ พยาบาล และกำลังพล ที่จะช่วยเหลือประชาชน จึงได้ร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัด เทศบาลตำบลโพธิ์กลาง เปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์คัดกรอง ช่วยเหลือด้านสาธารณสุข แบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก ทั้งแพทย์ พยาบาล และระบบสาธารณสุข ซึ่งสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง แห่งนี้สามารถรองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัว ได้จำนวน 50 เตียง

ด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 488 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แยกเป็นติดเชื้อนอกจังหวัด 311 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 177 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ พบในพื้นที่ อ.สูงเนิน 119 ราย อ.โนนไทย 52 ราย อ.ประทาย 49 ราย อ.สีคิ้ว 32 ราย อ.ครบุรี 30 ราย อ.เสิงสาง 26 ราย อ.เมือง 23 ราย อ.ห้วยแถลง 21 ราย อ.พิมาย 18 ราย อ.ขามสะแกแสง 16 ราย อ.โนนสูง 16 ราย อ.บัวใหญ่ 16 ราย อ.ด่านขุนทด 11 ราย อ.วังน้ำเขียว 11 ราย อ.ปักธงชัย 8 ราย อ.บ้านเหลื่อม 7 ราย อ.พระทองคำ 7 ราย อ.ชุมพวง 6 ราย อ.ลำทะเมนชัย 6 ราย อ.สีดา 5 ราย อ.จักราช 4 ราย อ.บัวลาย 3 ราย และ อ.ขามทะเลสอ 2 ราย
#3069


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักและต่อเนื่องในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารธุรกิจอื่นๆ ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่นเดียวกับร้าน "โคเอ็น ซูซิ บาร์" ที่ไม่รอดจากวิกฤตในครั้งนี้ ทำให้ทางร้านต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจเพื่อให้อยู่รอดและรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว
จุดเริ่มต้น "โคเอ็น ซูซิ บาร์"


นายธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา ซีอีโอ โคเอ็น กรุ๊ป และเจ้าของร้าน โคเอ็น ซูซิ บาร์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจนั้นเริ่มต้นจากร้าน ซูซิ บาร์ ขนาดเล็ก โดยมีสาขาแรกที่โครงการ I'm Park จุฬาฯ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 12 สาขา และ 5 Cloud Kitchen ซึ่งปีนี้ได้ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 โดยตนมีแนวคิดที่อยากจะรวบรวมของดี ราคาไม่แพง พร้อมคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมจากหลากหลายสถานที่ในการปรุง ซึ่งจะเน้นคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงและจับต้องได้ ทั้งนี้ยังมีบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยม ในราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้อย่างสบายใจ (Affordable Luxury Sushi Bar) โดยทางร้านจะมีเมนูคอนเซ็ปทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.Sushi 2.Shabu + Sushi และ 3.Yakiniku + Sushi



เมนูไฮไลท์

สำหรับเมนูไฮไลท์ของทางร้านนั้นจะเป็น Salmon Sashimi นอร์วีเจียนแซลมอน จากประเทศนอร์เวย์ (Norwegian Salmon) ซึ่งแซลมอนดังกล่าวนั้นจะมีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแน่น มีสีส้มนวล ก้างน้อย ไขมันพอเหมาะ และคนในประเทศไทยนิยมบริโภคจำนวนมาก



นอกจากนี้ยังมี Zuwai Kani Miso ซุไว คานิ มิโซะ มันปูย่างบนเตาถ่าน ซึ่งทางร้านได้มีการส่งเชฟไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้ได้เรียนรู้และรับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเพื่อปรับปรุงสูตรของทางร้าน สำหรับวิธีการกินซุ ไว คานิ มิโซะ มันปูย่างบนเตาถ่าน นั้นทางร้านแนะนำให้ย่างจนเริ่มมีกลิ่นหอม แต่อย่าให้เกรียมมากจนเกินไป 



ไปต่อกับ Salmon Volcano Roll แซลมอนภูเขาไฟสุดยอดเมนู Signature ประจำร้าน Kouen Sushi Bar ที่มีมายาวนานกว่า 4 ปี และมียอดขายมากกว่า 1 ล้านคำ สำหรับเมนูดังกล่าวมีวิธีทำโดยการนำชิ้นปลาแซลมอนมาห่อเข้ากับข้าวญี่ปุ่นแล้วราดซอสสไปซี่สูตรเฉพาะของทางร้าน ก่อนจะนำมาเบิร์นไฟจนสุกพอประมาณ เพิ่มความอร่อยด้วยซอสเทริและกากเทมปุระ Botan Foie Gras Truffle กุ้งโบตันหวาน ที่ด้านบนเป็นฟัวกราส์และด้านในเป็นไส้เห็ดทรัฟเฟิลแท้



ความเปลี่ยนแปลงในช่วงโควิด-19 เริ่มต้นขึ้น

ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 นั้น ทางร้านมีพนักงานกว่า 500 คน จนกระทั่งในช่วงที่เกิดวิกฤตดังกล่าวทำให้ทางร้านจำเป็นต้องลดพนักงานลงเหลือเพียง 200 คน โดยทางร้านได้รับผลกระทบแบบจริงจังและเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 ซึ่งจากข่าวที่ห้ามคนกินปลาดิบ เนื่องจากกินแล้วนั้นจะทำให้ติดเชื้อโควิด -19 ได้ ทำให้ทางร้านได้รับผลกระทบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งนี้ทางร้านจึงคิดค้นหาวิธีและทางออกต่อเนื่อง หลังจากปัญหาการเลิกกินปลาดิบนั้นก็ยังมีปัญหาเรื่องการกินอาหารภายในร้านค้าตามมามีมาตรการให้กินในร้านได้เริ่มต้นตั้งแต่ 100% เป็น 50% และ 25% ล่าสุดเปลี่ยนเป็นสั่งกลับบ้าน หรือ Delivery ได้เพียงอย่างเดียว ทางร้านจึงจำเป็นต้องปิด Cloud Kitchen ตั้งแต่วิกฤตในรอบแรก



ศึกษาหากลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ไปต่อให้ได้ ทางร้านวางหมากหาจุดส่งอาหาร โดย Cloud Kitchen มากขึ้น ซึ่งวิธีดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนในการทำถือว่าน้อยกว่าเปิดร้านในห้างสรรพสินค้าค่อนข้างมาก โดยตัดในเรื่องการตกแต่งหน้าร้านและการจัดการร้านต่างๆ ทางร้านจึงเน้นกลยุทธ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และปิดสาขาในห้างฯ หรือใช้พื้นที่ร้านในห้างฯ ให้เล็กลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ลูกค้ายังคงโหยหาบรรยากาศการกินอาหารนอกบ้าน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 ที่จะสามารถนั่งกินอาหารภายในร้านได้ตามปกติหรืออาจจะเลวร้ายไปจนถึงปี 2566 ก็เป็นได้



กระทบต่อเนื่องตลอด 2 ปี ขาดทุนกว่า 8 หลัก

แน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมาก็หนีไม่พ้นเรื่องยอดขายและรายได้ สำหรับทางร้านนั้นได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องตลอดเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะมาตรการการสั่งเปิดปิด 4 รอบนั้นทำให้ 3 เดือนที่ผ่านมาทางร้านขาดทุนไปกว่า 8 หลัก โดยเฉพาะรอบล่าสุด ทางร้านเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำการโปรโมชั่นในช่วงต้นเดือน แต่มีคำสั่งตอนดึก ณ ตอนนั้นในช่วงเวลา ตี 1 เมื่อทางร้านรับทราบในตอนเช้าจึงต้องหาวิธีกระจายอาหารที่เตรียมไว้ให้ได้มากที่สุด ทางร้านจึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 ซึ่งถามว่าจัดโปรโมชั่นแบบนี้ขาดทุนหรือไม่ คำตอบคือ ขาดทุนแน่นอน แต่อย่างน้อยทางร้านก็ถือว่าเป็นการตอบแทนลูกค้ารวมถึงระบายสต็อคไปในตัว



หนทางต่อสู้เพื่อให้อยู่รอด

ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ทางร้านมีการขยายไลน์ธุรกิจและการแบ่งปันอาหาร โดยมีทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

1.การเปิดแบรนด์ลูก เพื่อลดราคาอาหารให้สามารถจับต้องได้ โดยเปิดเป็นร้าน Ono Sushi by Kouen Group Delivery มีอาหารน้องใหม่กว่า 100 เมนู มีราคาเริ่มต้นเมนูละ 10 บาท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดในช่วงนี้ที่ต้องการกินอาหารที่อร่อย มีคุณภาพและมีให้เลือกหลากหลายในราคาที่เอื้อมถึงและสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่องสั่งเดลิเวอรี่กับทาง Line Man และชำระด้วยบัตรเครดิตเคทีซีสามารถใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER 399 คะแนนเพื่อแลกค่าจัดส่ง 50 บาท โดยมีลิงค์ดังนี้ https://www.facebook.com/kouensushibar/posts/2886227904965046

2. หา Cloud Kitchen สำหรับผู้ที่มีบ้านอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ต้องการเพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหาร สามารถติดต่อทาง Kouen Group เพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็น Cloud Kitchen ได้ โดยสามารถเข้าถึงได้ที่ลิงค์ดังนี้ https://www.facebook.com/kouensushibar/photos/a.1508325216088662/2891905037730666

3. การแบ่งปันอาหารจาก Kouen Group กว่า 6,000 กล่อง ไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ผ่านวิกฤตอันโหดร้ายนี้ไปพร้อมกัน



หลักการการฝ่าวิกฤต : ปัญหาไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเจอ

"เราต้องมีการเตรียมพร้อมที่จะต้องรับมือตลอดเวลา มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน จับมือกับพันธมิตรอย่างบัตรเครดิต ทำรายการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย อย่างบัตรเครดิตเคทีซีที่เรามี Target กลุ่มเดียวกัน จัดโปรโมชั่นต่อเนื่องกันมานานเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยม Burn Point การใช้คะแนน KTC FOREVER แลกสิทธิพิเศษต่างๆ มากกว่าการใช้เงินสดและในการแลกคะแนนสะสมนั้นก็ไม่ได้เอาไปใช้ในการสะสมแลกไมล์เที่ยวบินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่เป็นการใช้ในหมวดของการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต และหมวดอาหารเป็นหลัก การทำโปรโมชั่นร่วมกันก็เป็นการกระตุ้นให้คนต้องการใช้มากขึ้นและคาดหวังกับภาครัฐให้รับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการด้วยครับ" 
#3070


ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF วันนี้ (9 ส.ค.2564) ปิดตลาดภาคเช้าที่ 38.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.68% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,809.06 ล้านบาท พุ่งขึ้นเป็นหลักทรัพย์ที่มีผลต่อดัชนี SET เป็นอันดับ 2 รองจาก AOT

โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ทยอยปรับประมาณการกำไรปี 2564 รวมถึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย GULF ภายหลังปิดดีลซื้อ INTUCH สำเร็จ และขยับขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 ด้วยสัดส่วนการลงทุน 42.25% ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาทต่อหุ้น จากเดิม 42.25 บาทต่อหุ้น ส่วน บล.หยวนต้า ให้ราคาเป้าหมายที่ 40.75 บาทต่อหุ้น แต่คาดดีลซื้อ INTUCH จะทำให้ราคาเป้าหมายขยับขึ้นได้อีก 2-4 บาท และ บล.เมย์แบงก์ ให้ราคาเป้าหมาย 38.00 บาทต่อหุ้น แต่มีโอกาสปรับขึ้นเป็น 40.00 บาทต่อหุ้น

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นตอบรับเชิงบวกหลังสิ้นสุดคำเสนอซื้อ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของเราในวันศุกร์ที่ผ่านมา เราคงมุมมองบวกต่อการ Unlock Asset Value ใน ADVANC ซึ่งมีโอกาสจะเกิดขึ้นตามมา ดังนั้น เราเชื่อว่าในระยะกลางจะเป็น Catalyst สำคัญต่อ ADVANC
#3071


สหภาพแรงงานและกลุ่มสิทธิแรงงาน 33 กลุ่มจากกัมพูชา ซึ่งทำการศึกษาวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลจากโรงงานผลิต 114 แห่งในกัมพูชา ได้เขียนจดหมายถึงแบรนด์เสื้อผ้าแฟชันชั้นนำระดับโลกทั้งหลายในสัปดาห์นี้ รวมถึง อาดิดาส เอชแอนด์เอ็ม ลีวายส์ ไนกี้ พูมา ทาร์เก็ต แก๊ป ซีแอนด์เอ และวีเอฟ คอร์ป ให้ดำเนินการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ พร้อมระบุว่า ในช่วงที่กัมพูชาล็อกดาวน์ประเทศในเดือนเม.ย.และพ.ค. อุตสาหกรรมสิ่งทอสูญเสียรายได้ 117 ล้านดอลลาร์

กลุ่มฯดังกล่าวประเมินว่าแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอของกัมพูชาซึ่งมีจำนวนกว่า 700,000 คนถูกผู้ว่าจ้างติดค้างค่าจ้างและเงินชดเชยจำนวนกว่า 393 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่กระทรวงแรงงานของกัมพูชาแนะนำให้โรงงานผลิตปิดโรงงานเพราะสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่โดยไม่ได้จ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าเสียหายแก่แรงงาน รวมทั่้งไม่ได้แจ้งให้แรงงานทราบล่วงหน้า 

"คุน ธาโร"ที่ปรึกษาด้านสิทธิแรงงานจากศูนย์กลางเพื่อพันธมิตรแรงงานและสิทธิมนุษยชน(Center for Alliance of Labor and Human Rights) กล่าวว่า "เนื่องจากแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอไม่ได้รับค่าจ้างแรงงานที่ควรได้ บรรดาแบรนด์ดังทั้งหลายจึงตกเป็นที่พึ่งของแรงงานเหล่านี้ จนเกิดเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือจากแบรนด์ดังที่ถือเป็นผู้ว่าจ้าง"

ในส่วนของกระทรวงแรงงานกัมพูชา ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

               
แบรนด์ดังเสื้อผ้าแฟชันชั้นนำของโลกจำนวนมากที่มีรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นในปีนี้ บอกว่า พยายามที่จะจำกัดผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19ที่มีต่อแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ

อาดิดาส เปิดเผยกับเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียว่า บริษัทมีพันธกิจในการจ่ายค่าแรงที่ยุติธรรมและโปร่งใสแก่แรงงานทุกคนในกัมพูชาพร้อมทั้งให้การช่วยเหลือบรรดาซัพพลายเออร์หลักๆให้ได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากธนาคารเจ้าหนี้เพื่อนำมาใช้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19   

"บรรดาโรงงานที่เป็นซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่ของเราในกัมพูชายังคงรักษาแรงงานที่โรงงานผลิตเอาไว้แต่ลดชั่วโมงการทำงานสืบเนื่องจากการล็อกดาวน์"โฆษกอาดิดาสกล่าว

ด้านพูมา ยืนยันว่า บริษัทพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้วิธีการยกเลิกคำสั่งซื้อและพยายามไม่ลดออร์เดอร์ซื้อสินค้าจากโรงงานรับจ้างผลิตในกัมพูชาในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19

"เฉิง ลู"นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม ให้ความเห็นว่าว่า บรรดาแบรนด์ต่างๆเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในสหรัฐและใรนยุโรปมีความคืบหน้าด้วยดี ถึงแม้ว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลักๆหลายด้าน รวมถึง ความไม่แน่นอนและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

"ปีนี้ทุกอย่างแพงขึ้นทั้งต้นทุนการขนส่งทางเรือและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ วัตถุดิบด้านสิ่งทอไปจนถึงต้นทุนด้านแรงงาน ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในฤดูร้อนปี 2564 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดความไม่แน่นอนแก่ตลาด" ลู กล่าว

ในเวียดนาม ซึ่งปีที่แล้วแซงหน้าบังกลาเทศในฐานะผู้ส่งออกสิ่งทอใหญ่สุดอันดับสองของโลกรองจากจีน ที่กำลังประสบปัญหายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19เพิ่ม ก็ปิดโรงงานสิ่งทอและรองเท้าประมาณ 30-35% 

สำหรับกัมพูชา การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเหมือนสิ่งซ้ำเติมทางการค้าระลอกสอง หลังจากปีที่แล้ว กัมพูชาสูญเสียสถานภาพพิเศษทางการค้าจากยุโรปเพราะปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยยอดส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องของกัมพูชาไปยุโรปหดตัว 14% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564
#3072
หัวขับวาล์ว Sirca ทุกรุ่นปกติจะเป็นแบบ double acting actuator หรือทำงานด้วย ไป/กลับ ด้วยลม ถ้าเกิดเราต้องการใช้งานแบบ single acting actuator พวกเราสามารถใส่สปริงเข้าไปที่หัวขับได้เลยครับ โดยสปริงจะเป็นแท่งเล็กๆต่อ 1 ข้างจะสามารถใส่สปริงได้ 1-6 ชิ้นขึ้นอยู่กับรุ่น

หัวขับsirca เป็นหัวขับลมคุณภาพสูงจากประเทศ อิตาลี หัวขับลมยี่ห้อ เซอร์ก้า ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย body aluminium anodize สีทองสวยงาม ในรูปจะประกอบกับ limit switch box valve position indicator 2SPDT เป็นแบบ dry contact 2 ชุดนะครับนำสัญญาณไปต่อใช้งานได้เลยครับ





หัวขับลม sirca นี้มี 2 รุ่น คือ รุ่น AP และก็ รุ่น APM

AP series ที่มีการปรับเพียงครั้งเดียว อนุญาตให้ปรับจังหวะของลูกสูบในตำแหน่งเปิดได้ 90° ± 3° เท่านั้น

ส่วน APM series ที่มีการปรับสองครั้งช่วยทำให้ปรับจังหวะของลูกสูบสำหรับเพื่อการปิดและก็เปิดได้ ± 5°

การออกแบบชั้นวางลูกสูบคู่และก็ปีกนกสำหรับโครงสร้างที่กะทัดรัด ลูกสูบติดตั้งแบบสมมาตร ออกแบบให้กะทัดรัดชิ้นเดียวที่มีตัวกล้องรวมทั้งฝาปิดเช่นเดียวกันสำหรับรุ่น Double Acting รวมทั้ง Spring Return

ตัวอลูมิเนียมอัดขึ้นรูป มีให้เลือกปกป้องการกัดกร่อนสองแบบ ได้แก่ ชุบทองหรือชุบแข็ง ตัวเครื่องทั้งหมดถูกกลึงด้วยเครื่องจักรที่ควบคุมด้วย CNC เพื่อให้ได้คุณภาพและความแม่นยำสูงสุด

ฝาท้ายแล้วก็ลูกสูบทำจากอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป ฝาท้ายถูกทาสี

ปีกนกทำจากโลหะผสมเหล็กชุบนิกเกิล ระบบป้องกันการระเบิดจะเซฟไม่ให้ก้านหลุดออกจากตัวหัวขับลม

ส่วนประกอบที่เคลื่อนที่ทั้งหมดมีวงแหวนหรือตลับลูกปืนกันการเสียดสีพิเศษ

สปริงทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วยระบบห่อหุ้มเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างขั้นตอนการถอดประกอบของหัวขับลม

ตัวยึดสแตนเลสข้างในและก็ภายนอกเพื่อความคงทนต่อการกัดกร่อนในระยะยาว





สอดคล้องกับข้อกำหนดทางด้านเทคนิค:
ISO 5211, DIN3337 รวมทั้ง VDI / VDE 3845 NAMUR
สำหรับความสามารถในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์แล้วก็การติดตั้งโซลินอยด์วาล์ว ลิมิตสวิตช์ รวมทั้งอุปกรณ์เสริมอื่นๆได้ง่าย
ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร โรงงานเคมี โรงงานฟอกย้อม โรงงานพลาสติก โรงงานน้ำดื่ม น้ำผลไม้ โรงงานยาง อยู่ในส่วนของการเปิดปิดวาล์วน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆเป็นระบบออโต้ ลดแรงงานคนได้

หัวขับลม sirca มีรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขาย มีชิ้นส่วนอะไหล่ให้เปลี่ยนอยู่หลายส่วนได้แก่ โอริงสำหรับหัวขับลม ฝาหัวท้ายสำหรับหัวขับลม สปริงสำหรับหัวขับลม และ rack and pinion

สามารถนำมาประกอบ.วาล์วได้อีกหลายรุ่น เช่น .วาล์ว2ทาง .วาล์ว 3ทาง .วาล์วหน้าแปลน รวมทั้ง.วาล์วยูพีวีซี ยิ่งกว่านั้นยังสามารถประกอบกับวาล์วปีกผีเสื้อ (บัตเตอร์ฟลายวาล์ว butterfly valve) ทั้งแบบ wafer type และก็ rug type รวมทั้งแบบ flange type.


#3073


        เงินในกระเป๋าสั่นเลยทีเดียว เมื่อทางค่าย LG ออกทีวีรุ่นใหม่มากรุบๆ ชื่อรุ่นว่า "LG Stand By Me" ตอบโจทย์สายมินิมอลสุด ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายไปไว้ส่วนต่างๆของบ้านได้ไม่ว่าจะเป็นในครัว ห้องนั่งเลย ห้องนอน เพราะตัวนี้มีล้อเลื่อนได้



        สาวก TikTok น่าจะชอบตรงที่จอสามารถปรับหมุนเป็นแนวตั้งได้เลยทันทีดีงามมาก แถมหน้าจอขนาด 27 นิ้ว  เป็นแบบทัชสกรีน หากลากเครื่องนี้ไปอยู่ในครัวขณะทำอาหาร จะเปิดดูวิธีการทำอาหารจากยูทูปก็ย่อมได้  แต่เด็ดสุดๆ ตรงที่ทีวีเครื่องนี้ สามารถใช้แบบไร้สายได้เลยไม่ต้องยุ่งยากเสียบปลั๊กต่างๆ นาๆ เพราะมีแบตเตอรี่ในตัวเสร็จสรรพ ที่ใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง



บอกสรรพคุณมาขนาดนี้ ราคาน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ตัดสินใจว่าจะฟาดซื้อดีไหม  อดใจไว้ก่อนเพราะทางเกาหลียังไม่บอกราคาแบบเป็นทางการออกมา ที่เกาหลีจะเปิดตัวทีวีรุ่น "LG Stand By Me" เร็วๆ นี้

ระหว่างนี้เข้าไปชมพลางๆ ได้ที่เวปนี้
https:// www.lge.co.kr/tvs/27art10akpl?fbclid=IwAR3-g5oeez6uuOBo9d3OrU3V0fk5SNAepecV6VRdCGQw-TdwL4dUo4j99Z8
#3075


เอพี - แม้เริ่มต้นตะกุกตะกัก แต่ตอนนี้จำนวนผู้เข้าโครงการฉีดวัคซีนโควิดของอียูแซงหน้าอเมริกาไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อโครงการใบรับรองสุขภาพที่บังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนทางอ้อมอาจช่วยให้ยุโรปรอดพ้นจากการระบาดระลอกใหม่ที่อเมริกากำลังเผชิญอยู่ และรอดพ้นจากการล็อกดาวน์ซึ่งเศรษฐกิจอียูไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป

กลางเดือนกุมภาพันธ์ ประชาชนไม่ถึง 4% ใน 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อยหนึ่งเข็ม เทียบกับเกือบ 12% ในอเมริกา ทั้งนี้ จากข้อมูลของอาวร์ เวิลด์ อิน ดาตา เว็บไซต์เผยแพร่ข่าวสารทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แต่ล่าสุด ชาวยุโรปราว 60% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม เทียบกับไม่ถึง 58% ในอเมริกา

ความสำเร็จยิ่งชัดเจนในอิตาลีที่ประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไปถึงราว 63% ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ประกาศว่า อิตาลีฉีดวัคซีนให้ประชาชนต่อ 100 คนมากกว่าในฝรั่งเศส เยอรมนี และอเมริกา

นอกจากนั้น เมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ประเทศนี้ยังเริ่มบังคับให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม หายป่วยหรือตรวจโควิดได้ผลเป็นลบเมื่อเร็วๆ นี้ หากต้องการเข้าสู่สถานที่สาธารณะในอาคาร ฟิตเนส ดูคอนเสิร์ต ภาพยนตร์ ละคร และไปเที่ยวสถานที่สำคัญ เช่น โคลอสเซียม

ดร.ปีเตอร์ ลีส สมาชิกรัฐสภายุโรปจากเยอรมนี บอกว่า กระบวนการอนุมัติวัคซีนที่ล่าช้าอาจทำให้โครงการฉีดวัคซีนของอียูคืบหน้าช้ากว่าอเมริกาและอังกฤษนานหลายสัปดาห์ในช่วงแรก แต่ตอนนี้กระบวนการดังกล่าวส่งผลดีอย่างชัดเจนในแง่ที่ทำให้ประชาชนมั่นใจและกล้าฉีดวัคซีน อีกทั้งสะท้อนว่า ไม่ใช่แค่ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในช่วงไม่กี่เดือนแรกเท่านั้น แต่กลยุทธ์ระยะยาวก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน

ตัวอย่างยังปรากฏชัดเจนในสเปนที่เมื่อกลางเดือนเมษายนยังมีประชาชนแค่ 7% ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ขณะที่ตัวเลขของอเมริกาอยู่ที่เกือบ 25% แต่มาถึงตอนนี้ชาวสเปนเกือบ 60% ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ส่วนของอเมริกาเพิ่งได้ 50%

ความพยายามในการฉีดวัคซีนของอียูเริ่มต้นช่วงคริสต์มาสปีที่แล้วพร้อมๆ กับอเมริกา และมีปัญหาในการตอบสนองความต้องการของประชาชนในระยะแรก และกลายเป็นความอับอายทางการเมืองครั้งใหญ่สำหรับเจ้าหน้าที่ยุโรปเมื่อได้เห็นโครงการของอเมริกาและอังกฤษเร่งเครื่องทิ้งห่าง

จิโอวานนา เดอ ไมโญ นักวิชาการอาคันตุกะด้านวิเทศสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ชี้ว่า หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของอียูในช่วงแรกคือ การตัดสินใจสั่งซื้อวัคซีนแบบพร้อมกันทั้งกลุ่ม แทนที่จะให้แต่ละชาติสมาชิกสั่งซื้อกันเอง เนื่องจากกลัวว่า ประเทศขนาดเล็กจะไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน แต่กลายเป็นว่า ต้องใช้เวลาเจรจากับบริษัทยานานขึ้น

ขณะเดียวกัน อเมริกาแจกจ่ายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยการรีบเร่งตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ อีกทั้งยังส่งวัคซีนให้ร้านขายยา ซูเปอร์มาร์เกต และสถานที่อื่นๆ จัดการฉีดให้ประชาชน ขณะที่อียูเน้นการฉีดในโรงพยาบาลและสถานพยาบาลอื่นๆ เท่านั้นในช่วงแรก

นอกจากนั้น ชาติสมาชิกอียูยังมั่นใจเกินไปว่า ผู้ผลิตจะจัดส่งวัคซีนให้ตามกำหนด ผลปรากฏว่า แอสตร้าเซนเนก้าผลิตไม่ทันและจัดส่งให้บางส่วนเท่านั้น ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้ยังทำให้คนไม่กล้าฉีด แต่หลังจากได้วัคซีนไฟเซอร์ล็อตใหญ่ สถานการณ์ก็คลี่คลายอย่างชัดเจน

ในทางกลับกัน โครงการฉีดวัคซีนของอเมริกาคืบหน้าถึงขีดสุดและดิ่งลงจากความลังเลและการต่อต้านอันเป็นผลจากการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ และความแตกแยกทางการเมือง

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม อเมริกาฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละไม่ถึง 600,000 โดส จากสถิติสูงสุด 3.4 ล้านโดสในเดือนเมษายน และการระบาดอย่างรุนแรงของสายพันธุ์เดลตาทำให้จำนวนเคสใหม่รายวันในเดือนที่ผ่านมาพุ่งสูงสุดนับจากเดือนกุมภาพันธ์ และผู้ป่วยอาการหนักส่วนใหญ่คือผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

ถึงกระนั้น ใช่ว่าทุกอย่างในอียูราบรื่นทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตัวอย่างเช่น ในเนเธอร์แลนด์นั้นประชากรวัยผู้ใหญ่ 85% ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส แต่ที่บัลแกเรียตัวเลขอยู่ที่เพียงไม่ถึง 20% นอกจากนี้ยังปรากฏสัญญาณว่า โครงการฉีดวัคซีนของยุโรปเริ่มแผ่วลงเช่นกัน

ที่เยอรมนีที่ประชากร 54% ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ทว่า สถิติการฉีดวัคซีนต่อวันกลับลดจากกว่า 1 ล้านเข็มในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ราว 500,000 เข็มในขณะนี้

เจ้าหน้าที่เมืองเบียร์ต้องเริ่มรณรงค์โดยเพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีนในเมกะสโตร์ รวมทั้งออกมาตรการจูงใจ เช่น รัฐเทือริงเงินแจกไส้กรอก ขณะที่เบอร์ลินจัดดีเจเปิดเพลงในสถานที่ฉีดในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อดึงดูดหนุ่มสาว

เดอ ไมโญเชื่อว่า โครงการใบรับรองสุขภาพแบบอิตาลีจะช่วยให้อียูไม่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับอเมริกาที่โควิดกลับมาระบาดหนัก เพราะเศรษฐกิจยุโรปไม่สามารถรองรับการล็อกดาวน์ได้อีกต่อไป
#3076


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  เปิดเผยถึงการเสนอขายหุ้นกู้ ปตท. ภายใต้โครงการออกตราสารหนี้ (MTN Program) ประเภทนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (ไม่รวมบุคคลธรรมดา) มูลค่าเสนอขายรวม 47,000 ล้านบาท ว่า ปตท. ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้นกู้ ปตท. เป็นอย่างดีเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยยอดจองกว่า 2.73 เท่าของการเสนอขาย หรือกว่า 95,615.9 ล้านบาท

ปตท. จึงพิจารณาเพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้จากที่วางแผนไว้ที่ 35,000 ล้านบาท เป็น 47,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ  สถานะทางการเงินที่มั่นคง  และศักยภาพการดำเนินงานของ ปตท.  โดยการจัดหาเงินทุนครั้งนี้  ปตท. จะนำไปใช้ลงทุนเพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานต่อเนื่องตามแผนงาน  รวมถึงชำระคืนเงินกู้ และทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด

 ทั้งนี้ ท่ามกลางความผันผวนจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และวิกฤติ COVID-19 ปตท. ยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ Powering Life with Future Energy and Beyond  ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต  เดินหน้าออกหุ้นกู้เพื่อเป็นช่องทางจัดหาเงินทุน  ให้การบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 


ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่แสวงหาโอกาสในการลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม  นับเป็นการช่วยสนับสนุนและพัฒนาตลาดทุนไทย  ด้วยเงินทุนหมุนเวียนในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ประกอบด้วยหุ้นกู้ 5 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ที่ Compounded THOR + 0.18% ต่อปี และรุ่นอายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่ 0.96% 1.31% 1.79% และ 2.37% ต่อปี ตามลำดับ

ซึ่งมีนักลงทุนที่สนใจครอบคลุมทุกประเภท อาทิ กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกันชีวิต กลุ่มสหกรณ์ ธนาคารพาณิชย์

รวมถึงผู้ลงทุนรายใหญ่ (ไม่รวมถึงบุคคลธรรมดา)หุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน เป็นการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว โดยอิงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงธุรกรรมซื้อคืนระยะข้ามคืน (Thai Overnight Repurchase Rate: THOR)

ซึ่ง ปตท. เป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่เสนอขายหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวโดยอ้างอิง THOR ในตลาดตราสารหนี้ไทย เพื่อเป็นการนำร่องและร่วมพัฒนาตลาดทุนให้มีรูปแบบการเสนอขายที่หลากหลายและตอบโจทย์การลงทุนของนักลงทุน 

นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นว่า การเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR โดย ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนรายแรกในไทยนั้น ถือเป็นต้นแบบของการนำอัตราดอกเบี้ย THOR ไปใช้อ้างอิงได้จริงในการระดมทุนของภาคเอกชน

ธปท. ขอชื่นชมและขอบคุณทาง ปตท. และผู้จัดการการจัดจำหน่ายที่ให้ความร่วมมือกับ ธปท. ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ร่วมตลาด และส่งเสริมการนำอัตราดอกเบี้ย THOR ไปใช้เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดตราสารหนี้ซึ่งมีนักลงทุนหลากหลายกลุ่ม

โดย ธปท. คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตลาดการเงินไทยจะมีการทำธุรกรรมการเงินอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR อย่างแพร่หลายและต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากอัตราดอกเบี้ย THBFIX ได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป

สำหรับการจัดจำหน่ายครั้งนี้ มีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
#3077


จากสถานการณ์วิกฤตภัยร้าย "โควิด-19" ที่ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ต้องหยุดชะงักหลายคนต้องตกงาน และขาดรายได้หลักจากการทำงานในวิชาชีพ ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้เราทุกคนจะได้เห็นอีกแง่มุมกับน้ำใจของคนไทยและของเหล่าคนบันเทิงทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังที่ได้เข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือ แบ่งปันน้ำใจ ด้วยบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นที่ขาดแคลนต่อบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่นักร้องหนุ่ม "ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ส่งมอบเครื่องผลิตออกซิเจนเพิ่มอีก 73 เครื่อง ให้โรงพยาบาล และอาสา

โดยหนุ่ม "ป๊อบ ปองกูล" ได้โพสต์ภาพลงอินสตาแกรม พร้อมเขียนข้อความว่า "ตอนนี้ถึงไทยทั้งหมด 73เครื่องแล้วครับ ทยอย ส่งต่อถึงอาสาสมัคร แพทย์ พยาบาล และ โรงพยาบาล ที่เราติดต่อไว้ครับ ขอบคุณภูมิและหยี ที่ไปช่วยขนของ และคุณกานและแฟน ที่เป็นธุระให้ทุกอย่างนะครับ" งานนี้ก็มีแฟนคลับเข้ามาส่งอิโมจิรูปหัวใจให้รัวๆ กันเลยทีเดียว
#3078


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายแดน เทฮัน รัฐมนตรีการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน ของออสเตรเลีย ผ่านระบบประชุมทางไกล ว่า  ออสเตรเลียสนใจจะจัดทำหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจกับประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าเรื่องการลดภาษีระหว่างกันเกือบทุกรายการแล้ว โดยการจัดทำยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ (Strategic Economic Partnership) ระหว่างไทยและออสเตรเลีย

ขณะนี้ไทยได้มีการเตรียมการจัดทำข้อตกลงนี้ ใน 7 สาขา ได้แก่ 1 .เกษตรแปรรูป โดยเฉพาะด้านอาหาร 2. การท่องเที่ยว 3. บริการสุขภาพ 4. การศึกษา  5. อีคอมเมอร์ซ 6. เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ 7. ด้านอื่นๆ เช่น ด้านพลังงาน หรือด้านการลงทุนร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งรัฐมนตรีออสเตรเลียแจ้งว่าจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว หากได้ข้อสรุปจะเชิญไทยเข้าร่วมลงนามเข้าร่วมยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจต่อไป คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2565

สำหรับเรื่องของการเร่งรัดข้อตกลงอาร์เซ็ป โดยมีประเทศที่ให้สัตยาบันแล้ว 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ จีนและญี่ปุ่น ในส่วนของไทยคาดว่าจะยื่นให้สัตยาบันต่อจากจาการ์ตาในเดือนตุลาคมหรือไม่เกินพฤศจิกายนปีนี้ สำหรับออสเตรเลียจะยื่นได้ในเวลาใกล้เคียงกัน เพื่อให้อาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้โดยเร็วภายในต้นปีหน้าตามเป้าหมาย  ส่วนปัญหาการอุดหนุนการประมงขององค์การการค้าโลก ซึ่งไทยย้ำว่า ไทยมีจุดยืนในเรื่องการสนับสนุนประมงชายฝั่งและประมงพื้นบ้าน และไม่สนับสนุนการอุดหนุนประมงผิดกฎหมาย (IUU fishing)

นอกจากนี้ออสเตรเลียได้สอบถามเรื่องการเตรียมเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ โดยไทยได้เตรียม 3 ประเด็นเพื่อผลักดัน ได้แก่ 1. เรื่องการเจรจาหาข้อสรุปการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิกเอเปค 2. หาข้อสรุปการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และ 3. การส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มประเทศเอเปคภายใต้ทิศทาง BCG (Bio-Circular-Green Economy) โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

 
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของไทยนั้นได้ขอให้ออสเตรเลียนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยมากขึ้น อาทิ ยางรถยนต์ ซึ่งเป็นโอกาสดีของไทยที่จะใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพิ่มขึ้น อุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะถุงมือยาง ซึ่งไทยเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก อาหารแปรรูป ไทยสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีศักยภาพ ติด 1 ใน 10 ของโลก และอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นสินค้าดาวรุ่งของไทยที่การส่งออกขยายตัวสูง และออสเตรเลียจะเป็นตลาดสำคัญในอนาคต และประเด็นที่ 2 ไทยขอให้ออสเตรเลียช่วยสนับสนุนวัคซีนให้กับไทย เนื่องจากออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่และได้สนับสนุนวัคซีนให้กับหลายประเทศ

 ทั้งนี้ ไทยกับออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบปีที่ 69 โดยในปี 2563 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 13,138 ล้านดอลลาร์  สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) การค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลียมีมูลค่า 8,426 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว34.3%  จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยไทยส่งออกมูลค่า 5,598 ล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้ามูลค่า 2,827 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ อัญมณีและเครื่องประดับ ยางรถยนต์ และเม็ดพลาสติกสำหรับสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ทองคำ อลูมิเนียมและทองแดง ธัญพืช น้ำมันดิบ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ
#3079


กรุงเทพฯ 5 ส.ค. 2564 –ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดตัวประกันชีวิตควบการลงทุน "ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค" (ยูนิตลิงค์) ตอบโจทย์ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องการความคุ้มครองสูงและต่อเนื่องระยะยาว ควบคู่กับโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ชูจุดเด่นคุ้มครองยาว 99 ปี คุ้มครองชีวิตสูงถึง 120 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลัก คุ้มครองเพิ่มเป็นสองเท่า สูงสุดรวม 240 เท่า ของเบี้ยประกันหลักภัย กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และปรับเปลี่ยนได้ในแต่ละช่วงของชีวิต

ทีเอ็มบีธนชาต มุ่งมั่นสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต โดยสนับสนุนให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญและเล็งเห็นความจำเป็นของการมีประกันชีวิตที่เพียงพอและเหมาะสม เพื่อเป็นตัวช่วยรองรับความเสี่ยง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ธนาคารจึงร่วมกับบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต "ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค" (ยูนิตลิงค์) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ต้องการมีหลักประกันความคุ้มครองสูงในระยะยาวให้กับตนเองและครอบครัว โดยมอบหลักประกันความคุ้มครองสูงสุดนาน 99 ปี คุ้มครองชีวิตสูงถึง 120 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลัก คุ้มครองเพิ่มเป็นสองเท่า สูงสุดรวม 240 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลัก กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และให้ความมั่นใจ ด้วยสิทธิคุ้มครองต่อเนื่อง 10 ปีแรก แม้มูลค่าบัญชีกรมธรรม์ไม่เพียงพอชำระค่าธรรมเนียมกรมธรรม์ก็ตาม (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด)

นอกจากนี้ ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค (ยูนิตลิงค์) ยังมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับช่วงชีวิตในแต่ละช่วง หากไม่อยากชำระเบี้ยฯ ยาวนาน สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงชีวิต ด้วยการวางแผนจ่าย หรือหยุดพักชำระเบี้ยฯ หลักได้ มีน้อยจ่ายน้อย มีมากจ่ายมากขึ้น เพื่อลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม เจ้าของธุรกิจจึงมั่นใจได้ว่าจะมีหลักประกันที่แน่นอนให้กับครอบครัวที่รักและธุรกิจที่สร้างมากับมือ มีทั้งความคุ้มครองชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นการสร้างรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ต่อไป

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ ทีทีบีเฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค (ยูนิตลิงค์) สามารถสอบถามข้อมูลได้จาก ที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนส่วนบุคคลของท่าน หรือ ttb ทุกสาขา และเว็บไซต์ ttbbank.com/th/personal/insurance/detail/flexi-ultimate-protect
#3080


นางสาวสุวดี พันธุ์พานิช เลขานุการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) มีหนังสือลงวันที่ 4 ส.ค.2564 โดยใช้อำนาจมาตรา 58 (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ให้ผู้บริหารบริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลและนำส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และเปิดเผยคำชี้แจงดังกล่าวผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่ในหนังสือ

บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือจาก สำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว โดยจะดำเนินการชี้แจงโดยละเอียดตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยขอให้ข้อมูลเบื้องดันได้ดังนี้

1. บริษัทฯ "ไม่ได้ให้ข้อมูลการทำสัญญาหรือจะทำสัญญาร่วมกับกระทรวงกลาโหม" ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐเพื่อร่วมกันนำเข้าวัคชีนจริง โดยจะเปิดเป็นเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้สำนักงาน ก.ล.ต.

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

2. บริษัทฯ ไม่ได้ใช้เงินสด เงินกู้ หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ ในการวางมัดจำหรือค่าปรับมัดจำวัคซีน

3. วัคชีนจำนวน 20 ล้านโดสที่ได้มีการเจรจากับผู้แทนจำหน่ายแล้วนั้น ยังไม่มีการลงนามสั่งซื้อจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามระเบียบของรัฐ แต่บริษัทฯ ยังไม่ละทิ้งความพยายาม โดยจำนวนวัคชีน และระยะเวลาการนำเข้าวัคซีนไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อนึ่ง ขอเรียนให้ท่านทราบว่า "แม้บริษัทฯ ไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ในการดำเนินการสั่งซื้อวัดซีนโควิด 19 ตามกำหนดของรัฐ" แต่เป็นการ ทำหน้าที่ในฐานะเอกชนและพลเมือง ที่ไม่เพิกเฉยต่อสถานการณ์การระบาดของโรคที่มีในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้วิกฤตนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว