• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

หากการดำเนินการในต่างประเทศไม่ถูกต้องคำพิพากษาไม่มีผลในประเทศไทย หรือไม่

Started by luktan1479, June 15, 2022, 10:51:26 PM

Previous topic - Next topic

luktan1479

โจทก์เป็นคนสัญชาติอเมริกัน จำเลยเป็นคนสัญชาติไทย จดทะเบียนสมรสกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ฟ้องฟ้องขอหย่า.กับผู้ถูกฟ้องต่อศาลชั้นต้น ขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา ผู้ฟ้องฟ้องหย่าร้างผู้ถูกฟ้องต่อศาลสูงสุดแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และศาลสูงสุดแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนียมีคำพิพากษาให้โจทก์และผู้ถูกฟ้องคดีหย่าขาดจากกัน โดยในคดีนี้ผู้ฟ้องนำสืบเพียงว่า เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องหย่า.จำเลยต่อศาลสูงสุดแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทนายผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อติดตามผู้ถูกฟ้องมาต่อสู้คดี โดยส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้ผู้ถูกฟ้องคดีด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ซึ่งตามกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาบัญญัติให้คู่สามีภริยาหย่ากันได้ 2 กรณีคือ 1. กรณีหย่า.ไม่มีผู้คัดค้าน หมายถึง คู่สมรสยินยอมที่จะหย่ากัน 2. กรณีหย่าโดยมีผู้คัดค้าน ส่วนคำพิพากษาศาลสูงสุดแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนียก็ไม่ได้ระบุถึงเหตุแห่งการหย่าไว้ว่าเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาตราใด หรือเพราะเหตุใดระบุแต่เพียงว่าจำเลยขาดนัดแล้วพิพากษาให้โจทก์หย่า.ขาดจากผู้ถูกฟ้องคดีเท่านั้น กรณีจึงเป็นเรื่องที่ผู้ฟ้องซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างมิได้พิสูจน์กฎหมายนั้นให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่ากฎหมายบัญญัติเหตุหย่า.ไว้ว่าอย่างไร นอกจากนี้พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ได้ยื่นฟ้องหย่าผู้ถูกฟ้องคดีเป็นคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นก่อน แต่ยังไม่ทันที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษาคดี ผู้ฟ้องกลับไปแต่งงานกับหญิงอื่นแล้วอาศัยคำพิพากษาของศาลสูงสุดแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนียมาบังคับจำเลย จึงเป็นการใช้สิทธินำคดีไปฟ้องยังศาลต่างประเทศโดยไม่สุจริตและยังขัดกับหลักเกณฑ์การยอมรับและบังคับคำพิพากษาของศาลต่างประเทศด้วย กล่าวคือผู้ฟ้องฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้น โจทก์ย่อมทราบดีว่าผู้ถูกฟ้องคดีมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด แต่ผู้ฟ้องกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ เป็นเหตุให้ศาลสูงสุดแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคำพิพากษาให้ผู้ฟ้องคดีชนะคดีโดยขาดนัด การดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของโจทก์จึงไม่ได้เป็นไปโดยเที่ยงธรรมและผู้ฟ้องคดีไม่ได้พิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าเหตุแห่งการฟ้องหย่าไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของกฎหมายภายในของประเทศสยาม ศาลจึงต้องใช้กฎหมายภายในแห่งประเทศสยามมาใช้บังคับแก่คดี ศาลล่างทั้งสองจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่ามีเหตุหย่าร้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 หรือไม่ เป็นเช่นไร เมื่อศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกฟ้องคดีมิได้จงใจทิ้งร้างโจทก์เกินกว่าหนึ่งปี และฎีกาของโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลล่างดังกล่าว ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลล่างวินิจฉัยมา ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4) คำพิพากษาศาลล่างชอบแล้ว เมื่อผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้องยังมิได้หย่าร้างขาดจากกัน จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสหรือไม่ อย่างไร เพราะการแบ่งสินสมรสจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการหย่าร้างแล้วเท่านั้น ทั้งนี้เป็นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1532 และ 1533 ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องคดีฟ้องแย้งเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ฟ้องคดีซึ่งต้องบังคับตามกฎหมายสัญชาติของผู้ฟ้อง แต่ผู้ฟ้องมิได้พิสูจน์กฎหมายนั้นจนเป็นที่พอใจแก่ศาล จึงต้องใช้กฎหมายภายในแห่งประเทศสยามบังคับ ที่ศาลล่างพิพากษาให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่จำเลยโดยใช้ ป.พ.พ. มาตรา 1461 และ 1598/38 จึงชอบแล้ว(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8455/2559)ทนายเชียงใหม่ทนายความเชียงใหม่