• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - kaidee20

#3181



"กมลภัทร แสวงกิจ" ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นอุปสรรคสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกระทบภาพรวมการเติบโตของทุกธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงจากความยืดเยื้อของการแพร่ระบาด อุปสงค์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกล่าสุดส่งผลให้ครัวเรือนจำนวนมากมีปัญหาในการชำระหนี้ เห็นได้จากระดับหนี้ครัวเรือนปัจจุบันสูงถึง 90.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย ได้รับผลกระทบไม่น้อย! ทั้งทางตรงจากมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และทางอ้อมจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แม้ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะผลักดันโปรโมชัน สงครามราคา และ ใช้ช่องทางออนไลน์มาลดช่องว่างในการซื้อขาย แต่สภาพคล่องทางการเงินและผลกระทบด้านอาชีพของผู้บริโภคยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้จำเป็นต้องชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม ออกไปก่อน แม้จะยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยก็ตาม

"แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42.7 จาก 41.6 ในเดือนก่อนหน้า แต่ผู้บริโภคก็ยังไม่เชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจ จึงวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยนานขึ้น แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยทุกประเภทลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ดัชนีอุปทานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% สะท้อนว่ายังคงมีสินค้าคงค้างอยู่ในตลาดอีกพอสมควร"

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้ประกอบการได้ปรับแผนเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ นักลงทุน และผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือต่าง "ชะลอการขาย" เพื่อรอผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงอื่นแทน คาดว่าจำนวนที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีจะไม่สูงไปกว่านี้ และจะไม่เกิดภาวะล้นตลาด!!


"กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วขึ้น คือ การจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้ และภาครัฐควรมีมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือเยียวยาและพักหนี้ให้ผู้บริโภคที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยในขณะนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง"

รายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ระบุ ข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ทิศทางตลาดอสังหาฯ ไทยไตรมาสล่าสุด พบว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้ผู้บริโภคประสบปัญหาทางการเงินและว่างงานมากขึ้น ทำให้ต้องชะลอการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไปรวมถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย แม้จะมีสงครามราคาที่อัดความคุ้มค่าเพื่อเปิดโอกาสทองให้ผู้ซื้อมากเพียงใด แต่ด้วยกำลังซื้อที่ค่อนข้างจำกัดจึงไม่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อเท่าที่ควร

จะเห็นได้จากจำนวนที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสล่าสุด ดัชนีอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 428 จุด จาก 399 จุด หรือเพิ่มขึ้นถึง 7% จากไตรมาสก่อน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 37% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นดัชนีอุปทานที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2558

หากพิจารณาในแต่ละทำเล กรุงเทพฯ ที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส ได้แก่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เพิ่มขึ้นถึง 34% ตามมาด้วย แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 11% เท่ากัน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกนี้ ส่งผลต่อทิศทางการเติบโตในตลาด ผู้พัฒนาอสังหาฯ ตัดสินใจชะลอการเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อเร่งระบายสต็อกคงค้าง รวมถึงผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือก็ชะลอการขายออกไปเพื่อรอจังหวะที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่านี้

"ผลกระทบจากโควิดทำให้มุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อบทบาทของที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป หลายคนต้องใช้เวลาในแต่ละวันที่บ้านมากขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคนี้ซึ่งต้องมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอและตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ ทั้งรองรับการเรียนออนไลน์ ทำงานออนไลน์ ทำให้ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงได้รับความสนใจในกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านอย่างต่อเนื่อง"

แม้ว่า คอนโดจะมีการจัดโปรโมชันออกมากระตุ้นยอดขายจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เห็นได้ชัดจากดัชนีอุปทานล่าสุดที่คอนโดมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% โดยปัจจุบัน คอนโด มีสัดส่วนสูงถึง 87% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วนเพียง 7% และ 5% ตามลำดับ ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลให้หลายครอบครัวยังคงเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากกว่าเช่นกัน

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951819
#3182



เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 64 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า การประเมินตำแหน่ง และ วิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่ได้รับผลกระทบ แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลให้ครูต้องปรับรูปแบบจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ดังนั้น ก.ค.ศ. ได้ปรับหลักเกณฑ์การประเมิน และทำหนังสือแจ้งแนวปฏิบัติไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ผู้อำนวยการโรงเรียน รวมถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ยืดหยุ่นหลักเกณฑ์การประเมินต่างๆ โดยครูที่เป็นจิตอาสาในช่วงวิกฤตโควิด-19 สามารถนำมาใช้เป็นผลงานในการประเมินได้ ทั้งนี้ ให้สถานศึกษายืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ส่วนการประเมินผู้อำนวยการสถานศึกษา ให้ใช้การประเมินในแนวทางเดียวกัน

รศ.ดร.ประวิต กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้จัดประชุมคณะทำงานดำเนินการนำร่องการประเมินตำแหน่ง และวิทยฐานะ ผ่านระบบออนไลน์ มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้าร่วม โดยรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ห่วงใยเรื่องการเรียนการสอน และจากการรับฟังปัญหาของครูในพื้นที่ อยากให้มีงบประมาณเข้ามาช่วยเด็กในการเรียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่ขาดแคลน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.รับทราบปัญหา คาดว่าจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาเร็วๆ นี้ ทั้งการปรับ และยืดหยุ่นระเบียบการใช้เงินอุดหนุนรายหัว การนับเวลาเรียน การประเมินผลการจัดการเรียน การบริหาร จัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้แก่นักเรียน และผู้ปกครอง

"ในส่วนของสำนักงาน ก.ค.ศ.เอง พยายามปรับระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันให้มากที่สุด และเป็นไปตามนโยบาย โดยการประเมินต่างๆ ได้ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตั้งแต่การแพร่ระบาดในช่วงแรก ถือเป็นการปลดล็อก ไม่ให้กระทบภาพรวมการจัดการเรียนการสอน"

ส่วนความคืบหน้ากรณีข้าราชการครูฯ จำนวน 1,933 ราย ยื่นทบทวนมติคณะกรรมการ ก.ค.ศ.กรณีระบุให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะตามเกณฑ์ ว13 เรื่องการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ซึ่งกรณีนี้ยืดเยื้อ และมีการร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2561 และ ก.ค.ศ.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ อ.ก.ค.ศ.ได้พิจารณาแล้ว และจะประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ครบทุกคน เนื่องจาก อ.ก.ค.ศ.ไม่สามารถจัดประชุมได้ เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ดังนั้น การทำงานจึงอาจต้องล่าช้าออกไป แต่ ก.ค.ศ.จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้เสียสิทธิจากกรณีดังกล่าว ได้รับการพิจารณาจากสำนักงาน ก.ค.ศ.ว่าเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ ศธ.0206.3/ว13 เรื่องการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ซึ่งเปิดให้ยื่นตั้งแต่ปี 2559 และได้รับแจ้งผลการประเมินปี 2561 ขณะนั้นผู้ที่ยื่นขอทบทวน 16 ราย ได้เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2561
#3183



ในขณะที่สายตานับล้านคู่จับจ้องไปที่ สุนิสา ลี นักกีฬายิมนาสติกหญิงดาวรุ่งวัย 18 ปี ซึ่งมีเชื้อสายม้งอเมริกัน ในการเเข่งขันโอลิมปิก2020 ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ครอบครัวของเธอที่รัฐมินนิโซตา กำลังลุ้นอย่างเต็มที่เช่นกัน จนกระทั่งได้สมหวังในที่สุด

สุนิสา สร้างชื่อให้กับตัวเองและทีมสหรัฐ หลังคว้าเหรียญทองประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์มาครองได้สำเร็จ ในฐานะตัวแทนของสหรัฐเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้งคนแรกที่คว้าเหรียญทองให้กับทีมสหรัฐ


นี่ถือเป็นฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องของนักยิมนาสติกสาวดาวรุ่ง โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน สุนิสาคว้าเหรียญเงินกับให้กับทีมชาติสหรัฐในการแข่งขันยิมนาสติก ประเภททีมรวมอุปกรณ์

ก่อนเปิดฉากโอลิมปิกครั้งนี้ สุนิสาถือเป็นความหวังของครอบครัวและชุมชนชาวม้งในสหรัฐ ในฐานะนักยิมนาสติกหญิงอายุน้อยที่สุดที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว

- สุนิสากอดฉลองกับโค้ช หลังคว้าเหรียญทองเหรียญแรก (29 ก.ค.) -

เกิดและโตในมินนิโซตา

สำหรับประวัติของสุนิสาถือว่าโดดเด่นและน่าสนใจไม่น้อย เธอเกิดเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2546 ในเมืองเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนม้งขนาดใหญ่ในอเมริกาที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคหลังสงครามเวียดนาม และสุนิสาก็ใช้ชีวิตเติบโตในเมืองเซนต์พอลมาจนถึงปัจจุบัน


นอกจากรัฐมินนิโซตาจะเป็นถิ่นฐานขนาดใหญ่ของชาวม้งในสหรัฐ ซึ่งคาดว่ามีประชากรถึง 80,000 คนแล้ว ยังเป็นที่ที่แม่ของสุนิสาได้พบรักกับพ่อบุญธรรมขณะสุนิสาอายุเพียง 2 ขวบในปี 2548 ด้วย


- ฮัว จอห์น ลี (ซ้าย) พ่อบุญธรรม และ ยีฟ ทอจ (กลาง) แม่บังเกิดเกล้าของสุนิสา -

แม่ของสุนิสาเป็นชาวม้งชื่อ ยีฟ ทอจ (Yeev Thoj) และพ่อบุญธรรมเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้งเช่นกัน ชื่อ ฮัว จอห์น ลี (Houa John Lee) ซึ่งคอยเลี้ยงดูสุนิสาตั้งแต่เด็ก ๆ และเมื่อโตขึ้น สุนิสาก็ตัดสินใจใช้นามสกุล ลี ตามพ่อบุญธรรม

แม้ว่าจอห์น ลี มีลูกติด 2 คนจากอดีตภรรยาชื่อว่า โจนาห์และไชเอนน์ แต่ลูก ๆ ทั้ง 3 คนรวมถึงสุนิสา ต่างรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะไชเอนน์ที่อายุห่างกับสุนิสาเพียง 12 วัน มีหน้าตาคล้ายกับสุนิสาจนเพื่อนร่วมชั้นเรียนเคยเข้าใจผิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝด

ลี้ภัยสงครามข้ามแปซิฟิก

ทั้งพ่อบุญธรรมและแม่ของสุนิสาต่างเกิดในลาวในยุคสงครามเวียดนาม ซึ่งสมัยนั้น กลุ่มชาติพันธุ์ม้งร่วมรบเคียงไหล่กับทหารอเมริกันในลาว แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย

มีชาวม้งหลายหมื่นคนเสียชีวิตในสงครามเวียดนาม หรือถูกรัฐบาลลาวสังหาร หลังจากกองทัพสหรัฐถอนทัพกลับประเทศ

ครอบครัวชาวม้งของพ่อและแม่สุนิสาสมัยที่ทั้งคู่ยังเด็ก ได้เสี่ยงอันตรายหนีออกจากลาวข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทยอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนลี้ภัยไปตั้งรกรากในในรัฐมินนิโซตาและเติบโตที่นั่น

"เมื่อสหรัฐถอนทัพออกจากลาว สงครามยังไม่จบลงในทันที" จอห์น ลี พ่อบุญธรรมสุนิสาเล่าถึงความทรงจำอันขมขื่น "ผู้คนจำต้องหนีไปประเทศไทยเพื่อความปลอดภัย และเพื่อโอกาสมีชีวิตที่ดีกว่า"

จนกระทั่ง จอห์น ลี ย้ายไปอยู่สหรัฐตอนอายุ 7 ปี เมื่อปี 2522 ส่วนแม่สุนิสาย้ายไปสหรัฐตอนอายุ 12 ปี เมื่อปี 2530

ปัจจุบัน ยีฟ เเม่ของสุนิสา ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยด้านการเเพทย์ ส่วนจอห์น ลี พ่อของสุนิสา ทำงานด้านวิศวกรรมที่บริษัท Cummins Power Generation 

เห็นแววยิมนาสติกตั้งแต่เล็ก

ทั้งพ่อบุญธรรมและเเม่ของสุนิสาชอบกีฬาเหมือนกัน ซึ่งความรักในกีฬาเป็นสิ่งที่ทั้งสองปลูกฝังให้ลูก ๆ แม้ปัจจุบัน พ่อของสุนิสาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงหน้าอกลงไป หลังประสบอุบัติเหตุตกบันไดเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ต้องนั่งรถเข็นตั้งแต่นั้นมา


เเม่ของสุนิสา ให้สัมภาษณ์กับ VOA ภาคภาษาลาวว่า ในฐานะผู้ปกครอง เธอสอนให้สุนิสา หรือชื่อเล่นว่า สุนิ (Suni) มีวินัย เป็นเด็กดี และว่า สุนิชอบทำกิจกรรมหลายอย่าง


ยีฟ บอกด้วยว่า สุนิมีพรสวรรค์ตั้งเเต่เด็กในกีฬายิมนาสติกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เเละเมื่อได้เเรงกระตุ้นด้านวินัย จึงทำให้เก่งขึ้นในกีฬานี้ เเละมีความพร้อมในด้านอื่น ๆ เมื่อโตขึ้นมา

สำหรับที่มาของชื่อ สุนิสา ยีฟเปิดเผยกับ ESPN ว่า ตั้งชื่อลูกสาวตามนักแสดงละครไทยคนหนึ่งที่ตนชื่นชอบในยุคนั้น และจับลูกเรียนยิมนาสติกตั้งแต่เล็ก ๆ หลังเห็นแววจากการโชว์ท่าตีลังกากลับหลังบ่อยครั้ง ขณะเล่นซุกซนตามประสา

ตั้งเป้าสูงเพื่อให้พ่อภูมิใจ

แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่สุนิสาทำตามเป้าหมายได้สำเร็จในฐานะนักยิมนาสติก คือ การร่วมแข่งขันและคว้าเหรียญโอลิมปิก2020 ซึ่งถึงแม้เธอจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับการที่มีเหตุการณ์โควิด-19 ระบาด จนมหกรรมกีฬานี้ต้องเลื่อนมา 1 ปี แต่เธอประกาศเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาว่า "กำหนดการเปลี่ยน แต่เป้าหมายไม่เปลี่ยน"

คำพูดครั้งนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่า เหรียญทองโอลิมปิก คือเป้าหมายต่อไปในชีวิตของสุนิสา เพราะความฝันนี้เป็นสิ่งที่พ่อและเธอตั้งเป้าหมายร่วมกันมาตลอด 10 ปี หรือนับตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มเรียนยิมนาสติก


"มันไม่ใช่แค่ฝันของฉัน มันคือฝันที่พ่อกับฉันตั้งเอาไว้ร่วมกัน มันจึงมีความหมายมาก ฉันอยากทำมันให้สำเร็จอีก ฉันอยากให้พ่อภูมิใจ เพราะเขาคือคนที่สนับสนุนฉันมา ตั้งแต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะทำได้ดีหรือไม่กับทางเดินนี้" สุนิสาพูดถึงเบื้องหลังการตั้งเป้าหมายก่อนเดินทางไปโตเกียว

ส่วน จอห์น ลี เปิดใจกับสื่อก่อนลูกสาวเข้าร่วมทีมชุดลุยโอลิมปิก2020 ว่า ไม่ว่าผลการเเข่งขันจะเป็นอย่างไร การที่สุนิเป็นชาวม้งอเมริกันคนเเรกในการเเข่งโอลิมปิกให้กับประเทศสหรัฐ ก็ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไปเรียบร้อยเเล้ว

หลังจากคว้า 1 เหรียญทองและ 1 เหรียญเงิน (ณ วันที่ 29 ก.ค.) สุนิสายังมีโอกาสเก็บเหรียญโอลิมปิกเพิ่มจากการแข่งขันช่วงวันที่ 1 ส.ค. และ 3 ส.ค.นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่เธอจะได้เหรียญรางวัลมาครองอีกครั้งก่อนกลับแผ่นดินสหรัฐ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951839
#3184



งานนี้เกิดดราม่าแบบงงๆ สำหรับนักร้องสาวเสียงดีสุดแซ่บ หวาย ปัญธิษา หลังออกมาโพสต์ภาพเก่าซึ่งเป็นภาพโปรโมตจากโปรเจกต์ 2021 ราตรี กับการรวมตัวของ 5 สาวสุดปังแห่งยุคในอินสตาแกรมส่วนตัว

ทั้งนี้ภาพดังกล่าวมี หวาย ปัญธิษา, มิลลิ และ แก้ม วิชญาณี ร่วมเฟรมด้วย แต่งานนี้กลับเกิดดราม่าขึ้นเมื่อแฟนคลับของสาวแก้มเข้าไปคอมเมนต์ถล่มอินสตาแกรมของสาวหวาย หลังมองว่าภาพที่ 2 ของโพสต์นั้นมีการครอปสาวแก้มออกเหลือเพียง หวาย และ มิลลิ จนมองว่าสาวหวายไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน เชื่อมโยงไปถึงประเด็นข่าวการเมือง โดย หวาย และ มิลลิ นั้นออกมา Call Out ทำเอาสาวหวายต้องรีบเข้าไปเคลียร์ถามคอมเมนต์ดังกล่าวว่าตัวเองทำอะไรผิด

ล่าสุด สาวหวาย ได้ออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์เป็นคลิปที่เผยให้ดูชัด ๆ ว่าไม่มีการครอปรูปสาวแก้มออก แต่เป็นรูปที่คุณแม่ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวถ่ายเก็บไว้ให้และซูมถ่ายไว้แค่ 2 คนเท่านั้น และบอกว่า "สติค่ะ "เป็นแบบนี้นี่เอง" คือแบบไหนคะ ถ้าจะครอปจริงก็คงลงแค่รูปคู่ค่ะ ไม่ใช่คนที่จะมาเก็บ feelings ได้หรือ fake ได้ค่ะ"

เรียกว่างานนี้ทำเอาแฟนคลับของสาวหวายและชาวเน็ตอีกด้านต่างออกมาวิจารณ์กันสนั่นว่าแฟนคลับของสาวแก้มควรออกมาขอโทษที่เข้าไปคอมเมนต์ตำหนิสาวหวายโดยไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร

ด้านสาวหวายได้ออกมากล่าวอีกว่า..."รอคำขอโทษอยู่นะคะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่า ร้อน ตัว ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ"
#3185



การสร้างแบรนด์ ให้ผู้คนรักและชื่นชอบ คือ หนึ่งในเรื่องที่นักการตลาด และเจ้าของแบรนด์ทุกคนวางเป้าหมายให้แบรนด์ตัวเองไว้ แต่ก่อนไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างเราและผู้บริโภค 

สิ่งสำคัญนอกเหนือจากส่งมอบสินค้าบริการ ส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ของแบรนด์ คือ การบริหารเรื่องไม่ดีของแบรนด์ ด้วยเมื่อแบรนด์เกิดวิกฤติ ทำอย่างไรไม่ให้การพลาดเพียงครั้งเดียว ทำแบรนด์พังตลอดกาล

'สโรจ เลาหศิริ' Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์และ Marketing Transformation บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในประเด็นนี้ว่า ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนจัดการวิกฤติ สิ่งแรกที่แบรนด์ควรต้องมี คือ วางแผนและจำลองสถานการณ์แก้ไขเมื่อเกิดวิกฤติที่เป็นขั้นเป็นตอน เฝ้าสังเกตและจัดการเมื่อเจอวิกฤติใน 24 ชั่วโมงแรกซึ่งกำหนดความเป็นความตายของแบรนด์ไว้เลยทีเดียว สิ่งสำคัญ คือ กอบกู้ชื่อเสียงหรือความรู้สึกของคนเมื่อถูกแบรนด์ทำลายลงไป 

เปิดเฟรมเวิร์ค 4 ขั้นกู้แบรนด์ 

"บลูบิค" แนะนำแนวทางการวางแผนรับมือวิกฤติ หรือ Crisis Management Framework แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลักๆ 


1. Preparation เตรียมป้องกันกระแสลบ ป้องกันเปรียบเสมือนการซื้อประกันสุขภาพของแบรนด์ที่ช่วยจำกัดความเสียหายไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อเกิดขึ้นจริงจะสามารถจัดการได้เป็นอย่างดี 

วิธีการวางแผนป้องกัน คือ ตั้งทีมเพื่อรับมือสถานการณ์วิกฤติโดยเฉพาะ (Core Crisis Team) ลำดับวิกฤติประเภทต่างๆ ของแบรนด์หรือบริษัทเป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ เขียว เหลือง แดง รวมถึงวางการรับมือแต่ละแบบ ทำคู่มือการรับมือ ฐานข้อมูลกลาง ลำดับการค้นหาต้นเหตุ และผู้รับผิดชอบในแต่ละส่วนเรื่องทั้งหมด รวมไปถึงพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อนิยามภาวะวิกฤติ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการวิกฤติ

2. Moderation เฝ้าระวังวิกฤติและเสียงบนโซเชียล เช่น ตั้งทีม Social Moderation การฝึกสอน แอดมินในช่องทางโซเชียล การวางแผนทำไกด์ไลน์ คำถาม-คำตอบลูกค้าในหลายสถานการณ์ กำหนดลักษณะใช้คำพูดตอบโต้กับลูกค้าให้เป็นรูปแบบเดียวกัน รวมถึงให้ความสำคัญการฝึกฝนฝ่ายดูแลลูกค้าเพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆ ใช้เครื่องมือ Social Listening Tools และวางลำดับแจ้งเตือนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและประเมินสถานการณ์ในเวลาไม่กี่นาที

3. Crisis in Action ลงมือแก้ปัญหา ซึ่งต้องผ่านการประเมินว่า สถานการณ์รุนแรงมากแค่ไหน เช่น กระแสบนโลกออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมืออย่าง Social Listening Tools ที่ดึงข้อมูลมาวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อช่วยจัดการวิกฤติต่อไป และเมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้ว ถัดไป คือ ดำเนินการตามความร้ายแรง หากเป็นวิกฤติเบาจบได้โดยการรับมือจากทีมดูแลลูกค้า หรือ ทีม Admin 

แต่หากเหตุการณ์ลุกลามต้องผ่านทีมรับมือสถานการณ์วิกฤติเฉพาะ (Core Crisis Team) แต่ละคนต้องทำตามลำดับที่วางแผนไว้ ทำ Holding Statement ร่างคำชี้แจง สืบสวนความจริง ชี้แจง ประสานสื่อ และเยียวยา

4. Recovery กอบกู้และเยียวยาหลังวิกฤติ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นปมที่อยู่บนโลกออนไลน์ไปตลอด หรือเราเรียกว่า Digital Footprint การกอบกู้เยียวยามี 3 ส่วน Confidence Recovery เริ่มที่การฟื้นฟู "ความเชื่อมั่น" ของลูกค้า ผ่านการออกนโยบายป้องกันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดปัญหาเดิม หรือออกนโยบายใหม่

Reputation Recovery กู้ชื่อเสียงแบรนด์กลับคืนมา ผ่านการสร้างเสียงแง่บวก หรือประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของแบรนด์โดยตรง ที่เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ ติดตามสถานการณ์ผ่าน SEO และ Sentiment 

กรณีที่วิกฤติเกี่ยวข้องกับประเด็นอ่อนไหว เช่น ศาสนา การเมือง แบรนด์อาจต้องแสดงออก และแสดงการกระทำที่เคารพต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วางแผนการจัดการบนความเชื่อและความรู้สึกเป็นหลัก ถัดมา คือ Sale Recovery วางแผนและหาทางฟื้นฟูยอดขายควบคู่ เพื่อดึงคนกลับมาใช้และซื้อสินค้าอีกครั้ง


มีคำแนะนำ สำหรับแบรนด์เพิ่มเติม เช่น การป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติตั้งแต่แรก คือ การแก้วิกฤติที่ดีที่สุด สร้างความมั่นใจว่าแบรนด์ดูแลในทุกปัญหา ระบุช่องทางแจ้งความไม่สะดวกให้ชัด จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาใหญ่มาก

อาจต้องแก้วิกฤติที่ "อารมณ์" ด้วยเพราะกระแสเป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าข้อเท็จจริง ขณะที่ การตอบสนองครั้งแรก (First Response) สำคัญที่สุด เป็นตัวกำหนดกระแสที่มีต่อแบรนด์ว่าจะแก้ได้ หรือจะพังพินาศ

แบรนด์ควรเน้น แก้ปัญหาให้ตรงจุด ผิดตรงไหนไปแก้ตรงนั้น อย่าเบี่ยงเบนประเด็น ขณะที่ เมื่อมีปัญหาต้องสื่อสาร ไม่ควรเงียบ แต่บางกรณีการเงียบอาจดีกว่าการแก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ และอย่าพลาดแบบเดิมซ้ำสอง เพราะสังคมจะลดความเชื่อมั่นต่อคุณ และน้ำหนักคำพูดลงไปทันที
#3186



กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงาน การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนมิถุนายน 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 6,093 รายเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ก่อน (มิถุนายน 2563) และการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดตั้งธุรกิจใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2564 มีจำนวน 41,022 ราย เพิ่มขึ้นถึง 23% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ก่อน (มกราคม - มิถุนายน 2563)  ในขณะที่การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนมิถุนายน มีจำนวน1,048 ราย ลดลง จากช่วงเดียวกันของเดือนก่อนหน้า 22% และการจดทะเบียนเลิกในครึ่งปีแรกของปี 2564มีจำนวน 4,930 ราย เทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2563 ลดลง ถึง 21%


ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนการจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ และการลดลงของจำนวนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในครึ่งปีแรกนั้น อาจมีผลมาจากปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจ เช่น การฟื้นตัวของตัวเลขการส่งออกจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในเดือนมิถุนายน 2564 ของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 46.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย และยังอยู่ต่ำกว่า 50 สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ที่อาจยืดเยื้อและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

เมื่อพิจารณาการเพิ่มขึ้นของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในครึ่งปี 2564 ส่วนหนึ่งสอดรับกับพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ธุรกิจสร้างแม่ข่ายมีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 262 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 28 เท่า และ ธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 112 รายเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 10 เท่า รวมถึงนโยบายการผลักดันให้วิสาหกิจชุมชนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของภาครัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีแนวโน้มกระจายเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและธุรกิจ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทั้งความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจและสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งจะต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
#3187



นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า บทบาทหน้าที่หลักของดีพร้อม คือ การเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพภาคการผลิตให้อุตสาหกรรมไทย โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ดีพร้อมได้เร่งดำเนินการ คือ การบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพสถานประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล รวมทั้งสถานประกอบการที่มีต้นทุนด้านโลจิสติกส์ค่อนข้างสูง จะต้องลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ทั้งในด้านการจัดการสินค้าคงคลัง การจัดการคลังสินค้า การจัดการการขนส่ง และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลดต้นทุนโลจิสติกส์ทั้งหมด


จากแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ดีพร้อมจึงได้เดินหน้าเร่งผลักดันโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจโดยมีเป้าหมายในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดรวมถึงการเพิ่มความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันขององค์กร การพัฒนาระบบมาตรฐานด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานสากลของโลก เพื่อให้มีศักยภาพและได้ผลสัมฤทธิ์ต่อการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ รวมไปถึงการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ

ซึ่งต้นทุนโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 3 ด้านหลัก 1. ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory Holding Cost) ได้แก่ ต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Cost) และต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (Warehousing Cost) 2. ต้นทุนการขนส่งสินค้า (Transportation Cost) และ 3. ต้นทุนการบริหารจัดการ (Administration Cost) นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสำหรับสถานประกอบการใน 3 มิติหลัก ๆ คือ ต้นทุน เวลา และความน่าเชื่อถือ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินธุรกิจ


ทั้งนี้ กิจกรรมสำคัญของโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 5 กิจกรรมหลัก คือ 1. กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์ เพื่อการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2. กิจกรรมพลิกธุรกิจด้วยโลจิสติกส์กับการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ (Business Rebirth by Logistics (BRL))  3. กิจกรรมเสริมสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ดำเนินการโดยการ Coaching การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยง (Supply Chain Network) และสร้างความร่วมมือในโซ่อุปทานทั้งภายในและภายนอกกลุ่มอุตสาหกรรม 4. กิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) สัญจรขยายผลความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมสู่ภูมิภาค 5. กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรด้านการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน โดยการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับบุคลากร

"ดีพร้อมตั้งเป้าในการดำเนินงานในปี 2564 คือการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการลดลงคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาทซึ่งสถานประกอบการเป้าหมายในปี 2564 อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนโลจิสติกส์สูง ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและพลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางพาราและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และสถานประกอบการ เช่น เกษตรแปรรูป และเครื่องจักรกลรวมถึงดำเนินการพัฒนาสถานประกอบการไม่ต่ำกว่า 170 กิจการ และพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมให้มีทักษะและองค์ความรู้ด้านจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานที่นำไปใช้ได้จริงไม่ต่ำกว่า จำนวน 100 ราย" ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย
#3188
7 อย่างต้องทำ ถ้าอยากให้เพจเปิดการมองเห็นhttps://www.chatstickmarket.com/single-post/7thingstodoifyouwantyourpagetobevisible

#3189



แฟนคลับทนไม่ไหวอยากรู้มากๆกับข่าวลือที่ถูกโยงมาเป็นสาว กระต่าย พรรณนิภา โดยในข่าวโยงว่าท้องกับผู้จัดการส่วนตัว งานนี้ชาวเน็ตจี้ถามมากมาย

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ขึ้นมาทันที หลังล่าสุดมีคนขุดเรื่องราวของนักร้องสาว กระต่าย พรรณนิภา ลูกทุ่งอีสานอินดี้ชื่อดัง โดยเม้าท์ว่าซุ่มคลอดลูกเงียบๆ โดยหลายคนจับสังเกตจากรูปร่างของเธอที่อวบขึ้น ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่มากขึ้น ซึ่งต่อมามีการชี้เป้ามา ผู้จัดการของเธอก็คือพ่อของเด็ก และมีการขุดเรื่องแฟนเก่าของผู้จัดการมาคอมเมนต์แตกยอดมากมาย

หลังมีข่าวดังกล่าวออกมา สาวกระต่ายก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร มีเพียงโพสต์โปรโมทเพลงก่อนหน้านี้ไปเท่านั้น งานนี้ชาวเน็ตและแฟนคลับเลยอดรนทนไม่ไหวต้องออกมาจี้ผ่านคอมเมนต์ถามสาวกระต่ายแบบรัวๆว่าเรื่องราวจริงไหม ให้ตอบด้วย ถ้าจริงจะเลิกติดตามทุกอย่าง บ้างก็มีคนยุให้ฟ้อง จากนั้นก็มีการสาดน้ำลายกันไปมาอย่างดุเดือดจนกลายเป็นดราม่ากลางไอจีสาวกระต่ายทันที นอกจากนี้ก็มีชาวเน็ตมาให้กำลังใจอีกด้วย




ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @kratai_phannipha
#3190



นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกแนวปฏิบัติการใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการให้บริการทางการเงิน เพื่อให้ผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ใช้เป็นแนวทางในการนำเทคโนโลยี  Blockchain ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าผู้ใช้บริการ และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้มีความปลอดภัยและความเชื่อมั่นแก่ประชาชนผู้ใช้บริการทางการเงินในโลกการเงินยุคดิจิทัลในอนาคต

เทคโนโลยี Blockchain มีศักยภาพในการพัฒนาภาคการเงินเนื่องจากมีคุณสมบัติสำคัญเรื่องการกระจายข้อมูลจัดเก็บ การเข้ารหัสข้อมูล การเชื่อมต่อกันโดยอ้างอิงจากข้อมูลก่อนหน้า ทำให้การบริหารจัดการข้อมูลในเครือข่าย Blockchain มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ ข้อมูลใน Blockchain ถูกปลอมแปลงแก้ไขได้ยาก และช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ส่งผลให้ต้นทุนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลต่ำลง ทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้น และสามารถนำไปพัฒนาบริการทางการเงินได้หลากหลาย

ซึ่งในปัจจุบันภาคการเงินของไทยมีการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้มากขึ้น เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลธุรกรรมการเงิน การโอนเงินระหว่างประเทศ การออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินต่าง ๆ


แนวปฏิบัติฉบับนี้เป็นกรอบหลักการในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาพัฒนานวัตกรรมทางการเงินควบคู่ไปกับการดูแลความเสี่ยงอย่างรัดกุม โดยผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. สามารถนำมาปรับใช้กับบริการทางการเงินที่มีการประยุกต์ใช้ Blockchain โดยเฉพาะในรูปแบบ Private Blockchain Network โดยเนื้อหาของแนวปฏิบัติ Blockchain ประกอบด้วยสาระสำคัญ 4 ส่วน ได้แก่ 


1) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในทางธุรกิจ
2) การกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยี Blockchain
3) การบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน IT
4) การบริหารความเสี่ยงทางกฎหมาย
#3191



ซีรี่ส์เกาหลีโรแมนติกแฟนตาซี "The Great Shaman Ga Doo Shim" เมื่อ 2 นักเรียนมัธยมปลายต้องต่อสู้กับผี เริ่มฉาย 30 ก.ค. นี้


จากดาราเด็กเกาหลีชื่อดังที่แฟนซีรีส์แดนกิมจิชาวไทยคุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดี เติบโตสู่การเป็นวัยรุ่นเต็มโต 'นัมดารึม' (Nam Da Reum) และ คิมแซรน (Kim Sae Ron) ได้ก้าวขึ้นมารับบทพระ-นางคู่กันแล้ว ในซีรี่ส์เกาหลีโรแมนติกแฟนตาซีเรื่อง The Great Shaman Ga Doo Shim (เดอะ เกรท ชาแมน กา ดู ชิม)


'The Great Shaman Ga Doo Shim' เป็นเรื่องราวของเด็กสาว 'กาดูชิม' ในวัย 18 ปี ที่ถูกชะตากำหนดให้ต้องรับการสืบทอดเป็นหมอผี ในขณะที่เธอเองปรารถนาจะใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไป เธอมีบุคลิกที่กล้าหาญและแข็งแกร่ง สามารถต่อกรกับวิญญาณชั่วร้าย เธออยากใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นปกติทั่วไป แต่เมื่อย้ายมาโรงเรียนมัธยมแห่งใหม่ กลับเจอวิญญาณและเรื่องลึกลับ และได้พบกับ 'นาอูซู' นักเรียนชายมัธยมปลายที่ดูมีความเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ด้วยฐานะทางบ้านอันมั่งคั่งร่ำรวย หน้าตาหล่อเหลา และมีผลการเรียนที่โดดเด่น แต่เมื่อกาดูชิมเข้ามาในชีวิตของเขา เขาก็ได้รับความสามารถในการมองเห็นวิญญาณ ซึ่งทั้งสองเข้าไปพัวพันกับคดีลึกลับและต้องการไขความจริงให้กระจ่าง

ซีรีส์เกาหลีเรื่อง The Great Shaman Ga Doo Shim เริ่มฉาย 30 ก.ค. นี้ ทางแอป iQiyi (อ้ายฉีอี้) และเว็บ iQ.com
#3192



นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระจายอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบรุนแรงทั่วประเทศ ธนาคารออมสินมีความห่วงใยต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า จึงขอแนะนำลูกค้าพยายามอยู่ในที่พักอาศัย ลดการเดินทาง และแนะนำให้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ของธนาคารออมสิน โดยล่าสุด ธนาคารฯ ได้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่มีบัตรเดบิต สามารถเปิดใช้บริการแอป MyMo ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเดินทางไปเปิดใช้แอปที่สาขาอีกต่อไป ซึ่งนอกจากเป็นการลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่วงนี้ ลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อหรือขอพักชำระหนี้ และต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ก็จะได้รับความสะดวกจากการใช้บริการผ่านแอป MyMo ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ลูกค้าบัตรเดบิตที่ยังไม่มีแอป MyMo สามารถดาวน์โหลดแอป MyMo ด้วยสมาร์ทโฟน ซึ่งรองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS / Android และ HUAWEI จากนั้นเปิดใช้บริการแอป MyMo ด้วยข้อมูลบัตรเดบิตใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ คือ (1) กรอกหมายเลขบัตรเดบิต (2) กรอก PIN บัตรเดบิต และ (3) กรอก OTP เพื่อยืนยันการเปิดใช้บริการ MyMo โดยสามารถดูรายละเอียดคำแนะนำขั้นตอนการดาวน์โหลดและเปิดใช้งานแอป MyMo ด้วยตนเองได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 1
#3193


ธอส.เผยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 สินเชื่อคงค้างรวม 1,375,663 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากโควิด-19 ล่าสุด มีลูกค้าได้รับความช่วยเหลือผ่านทั้ง 18 มาตรการของ ธอส. ตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบันเป็นจำนวนรวมสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ว่า แม้ประเทศไทยจะยังคงอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และรายได้ของประชาชน แต่ ธอส. ยังคงสามารถทำหน้าที่ตามพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 คิดเป็นเกือบ 50% ของเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2564 ที่ 215,641 ล้านบาท สินเชื่อ 6 เดือนแรกที่ปล่อยไปเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง จำนวน 50,183 บัญชี ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,375,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.17% สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.46% เงินฝากรวม 1,205,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.81% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 59,268 ล้านบาท คิดเป็น 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปี 2563 ที่มี NPL อยู่ที่ 3.75% ของสินเชื่อรวม โดยมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% เพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต

โดยธนาคารยังคงมีกำไรสุทธิตามเป้าหมายตัวชี้วัดของธนาคารที่ 5,993 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.63% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง คือ มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคาร และการจัดโปรโมชันของผู้ประกอบการ ช่วยให้ประชาชนกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีบ้านเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายขึ้น โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ ธอส. ที่มีลูกค้าเลือกใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ



1.โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 2.75% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสมสูงถึง 23,620 ล้านบาท รองลงมา คือ สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.60% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,998 ล้านบาท และ 3.โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก อัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.50% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,215 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านโครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ผ่าน 2 มาตรการเร่งด่วนล่าสุดที่บรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกค้าทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในและนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ มาตรการที่ 15 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ และมาตรการ 16 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะ NPL หรืออยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับความช่วยเหลือโดยการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2564 เปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564



ล่าสุด ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 15 จำนวนเงินต้นคงเหลือ 48,880 ล้านบาท และมาตรการที่ 16 จำนวน 2,485 ล้านบาท ทำให้นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธอส. สามารถช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 18 มาตรการ รวมเป็นจำนวนสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท โดยมาตรการที่ 15 และ 16 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2564

ส่วนลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือตามมาตรการที่ 9, 10, 11 และ 11 New Entry : แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดต้น ตัดดอก) มาตรการที่ 13 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน และมาตรการที่ 14 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน พร้อมลดดอกเบี้ย ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564

นอกจากความช่วยเหลือในมาตรการด้านการเงิน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือสังคมไทยสู้ภัยโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณสนับสนุนรวมกว่า 5,000,000 บาท ให้หลายหน่วยงานทั้งสถานพยาบาล สถานศึกษา และสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อนำไปดำเนินการในด้านต่างๆ ที่จำเป็น เช่น การจัดสร้างหอผู้ป่วยไอซียูความดันลบแบบห้องแยกที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่มีอาการรุนแรง การจัดซื้อเครื่องฮีโมเปอร์ฟิวชันใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 การจัดสร้างไอซียูสนาม การจัดหาเก้าอี้นั่งจุดพักคอย น้ำดื่มธนาคารกว่า 100,000 ขวด รวมถึงหน้ากากอนามัยพร้อมสายคล้อง ถุงยังชีพ และอาหารกล่อง สอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ด้วยความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกในการเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
#3194


เปิดหมดทุกวีรกรรมความเจ้าชู้ สมรักษ์ จากปากคุณอ้อย ภรรยาที่เผยว่ามีคนมาจ้างหย่าให้ราคาถึง 2 ล้าน พร้อมแนะวิธีเด็ดของเมียหลวง ที่กำราบเหล่าเมียน้อยให้ยอมถอยห่างครอบครัว

นับเป็นอีกคู่รักที่มีความเข้าใจ ให้อภัยซึ่งกันและกันเพื่อรักษาคำว่า ครอบครัวที่อบอุ่น เพื่อลูกๆ สำหรับ บาส สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยทีมชาติไทย ฮีโร่เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 1996 ที่จูงมือภรรยาคนสวย อ้อย เสาวนีย์ คำสิงห์ มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ที่คุณอ้อย ได้เปิดเรื่องราวชีวิตอย่างหมดเปลือกถ้าวีรกรรมความเจ้าชู้ของสามี ที่มีเข้ามากวนใจอยู่นับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็สามารถผ่านมาได้ด้วยสติและความรักที่มีต่อลูกๆ พร้อมยังเผยถึงขนาดที่ว่ามีคนมาจ้างให้หย่าถึงสองล้าน พร้อมแนะวิธีเด็ดของเมียหลวง ที่กำราบเหล่าเมียน้อยให้ยอมถอยห่างครอบครัว



เริ่มต้นคือไปเจอกันได้ยังไงเอ่ย แล้วความใจกล้าตอนนั้นไปจีบอย่างไร
สมรักษ์ : คือถ้าผมเล่าเดี๋ยวจะหาว่าผมโม้ (หัวเราะ) คือ ผมเป็นนักกีฬาเขต 4 จังหวัดขอนแก่น แล้วคุณอ้อย เขาก็เป็นนักกีฬาเขต 4 ขอนแก่นเหมือนกัน ส่วนผมชกมวย

คุณอ้อย : ตอนนั้นเป็นนักกีฬาบาสเกต.ค่ะ
สมรักษ์ : ตอนนั้นเราก็นั่งรถบัสคันเดียวกันเพื่อที่จะไปแข่งที่ อยุธยา แล้วเพื่อนกลุ่มนักมวยของผมก็บอกว่าคนนั้นหน้าตาดี (บอกว่าคุณอ้อยหน้าตาดี) เขาฟังซาวด์เบาท์อยู่ใครกล้าไปยืมบ้างก็ไม่มีใครกล้าเลย แล้วผมก็อาสาออกตัวว่าจะไปยืมให้(ตอนนั้นผมดังอยู่) เพราะว่าต่อยมวยไทยพิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญก็ดังอยู่ แบบผมชกจนไม่มีคู่ชกเลย แต่ตอนที่เราบอกว่าเราจะไปยืมซาวด์เบาท์ของเขาให้คือ เรายังไม่เห็นหน้าตาเขานะครับ เห็นแต่ด้านหลังแต่ก็ใช้ได้แล้วแหละ (หัวเราะ) เราก็เดินไปสะกิดหลังเขาว่าขอยืมซาวด์เบาท์หน่อย แล้วเขาก็หันมาแบบเหล่สายตามองเราด้วยหางตา

คุณอ้อย : เราก็คิดว่าเธอเป็นใครมายืมของฉัน แล้วเราก็หันไปแล้วบอกว่าไม่ให้
สมรักษ์ : พอเขาไม่ให้เราก็เดินกลับมาบอกเพื่อนว่าเขาไม่ให้ แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเราเสียหน้าหรืออะไรนะครับ เพราะว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีเพราะว่าคนเราต้องมีน้ำใจต่อกันเข้าใจไหม (หัวเราะ)

คุณอ้อย : พอจากตรงรถทัวร์จบแล้วก็ไปพักที่โรงแรมเดียวกัน แต่อยู่คนละตึก ซึ่งเราจะเห็นเขาทุกเช้าผ่านหน้าต่างเพราะว่าเขาจะกระโดดเชือกเพื่อรถน้ำหนักเราก็จำได้ว่าคนนี้นิที่มาสะกิดยืมซาวด์เบาท์เรา เราก็มองธรรมดา แล้วมีวันหนึ่งเขาจะเดินไปทานข้าวแล้วเขาเห็นเรานั่งอยู่ เขาก็ถามว่ากินข้าวหรือเปล่า ไปทานข้าวกันไหม เราก็ส่ายหน้าไม่ไป ไปเถอะเราก็บอกเขาไปแบบนี้ แล้วพอเขาเดินเลยเราไปนิดนึงเราก็เรียกเขาเดี๋ยวๆเธอชื่ออะไร ... เราก็เลยถามแบบนี้



สมรักษ์ : แล้วผมก็หันมาช้าๆแล้วบอกกับเขาว่าเราชื่อ บาส แล้วผมก็เดินไปเลย
คุณอ้อย : เราก็แบบว่าช็อกเลยพอได้ยินชื่อของเขาว่าเขาชื่อ บาส เพราะว่าเรามีความใฝ่ฝันว่าอยากมีแฟนชื่อ บาส ค่ะ เพราะว่าเราชอบเล่น บาส ถึงขนาดที่เรามีความคิดว่าถ้าเราไม่มีแฟนชื่อนี้เราจะไม่มีแฟนเลย พอเราหายช็อกพอรู้ชื่อเขาเราก็รีบตะโกนเรียกเขาเลยว่าเธอๆเดี๋ยวเราไปด้วยแล้วเราก็วิ่งลงจากอาคารแล้วก็ไปทานข้าวกับเขาเลย แล้วเวลาที่ไปทานข้าวเราก็นั่งมองหน้าเขาอย่างเดียวเลยค่ะ คือ ตอนนั้นเหมือนแบบจากซาตานเป็นเทพบุตรเลยค่ะ แล้วเราก็ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี คิดแค่ว่าเราเจอแล้ว เราก็นั่งจ้องเขาแล้วเขาก็โม้ไปเรื่อย แล้วหลังจากนั้นเราก็เป็นฝ่ายที่ไปจีบเขาเลยค่ะ

เมื่อความรักทุกอย่างลงตัว แต่ก็ต้องมีเรื่องให้เสียใจเพราะว่าต้องสูญเสียลูกคนแรกไปช่วงที่ คุณสมรักษ์ ไปแข่งกีฬาโอลิมปิก
คุณอ้อย : คุณหมอก็มาแจ้งเราว่า คุณอ้อยๆลูกเสียแล้วนะ ลูกเสียในครรภ์ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะเสียเราก็ไม่ได้มีอาการอะไรเลยนะคะ เพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งไปตรวจคุณหมอก็ยังบอกว่าหัวใจของเขายังเต้นปกติแล้วก็มาเสีย พอรู้ว่าลูกไม่ได้อยู่กับเราแล้วตอนนั้นเราเสียใจมาก แล้วเขาก็ไม่อยู่ด้วยเราก็ร้องไห้ คุณหมอก็โทรไปบอกเขาที่อเมริกา
สมรักษ์ : พอผมทราบเรื่องก็ร้องไห้เดินไปร้องไห้ในห้องน้ำเลยทีมมวยเขาก็มาปลอบใจเราว่ากลับไหม แล้วผมก็เลยคิดว่าเออ.... เราต้องเอาเหรียญทองโอลิมปิกมาให้ได้เพราะว่าลูกเนี่ยเอาชีวิตแลกไปแล้ว เพราะถึงเรากลับมาลูกเราก็ไม่ฟื้น ต้องซ้อมเอาเหรียญทองแล้วพอได้เหรียญทองแล้วเราค่อยกลับมาดูแลเขา

เป็นวิธีคิดที่เอาความเสียใจมาเป็นพลังบวกให้ได้ แล้วในมุมของคุณอ้อย ล่ะ
คุณอ้อย : ในมุมของเราคือตอนนั้นเราอยู่คนเดียวเราจะทำอย่างไร เราก็น้อยใจ ไม่เข้าใจเพราะว่าเหตุการณ์อะไรต่างๆกว่าเราจะมาเจอเหตุการณ์นี้มันผ่านมาเยอะ อย่างก่อนหน้านี้เขาไปบาร์เซโลนา เราก็รถยนตร์หายไปคันหนึ่งเหมือนว่ามันเป็นทุขลาภแล้วค่อยมาได้เหรียญทองแต่ครั้งนี้มันเอาชีวิตแลกเลย

ตอนนั้นที่เราไป คุณสมรักษ์ คิดว่าเราน่าจะเป็นผู้ชนะไหม
สมรักษ์ : การไปโอลิมปิกครั้งนั้นคือ ผมมั่นใจมากที่จะได้เหรียญเพราะว่าก่อนที่ผมจะได้คือ สั่งเสื้อไว้ก่อนเลยสั่งสกรีนเสื้อไว้เลย 100 ตัว แล้วบอกภรรยาว่าได้เหรียญทองกลับมาแน่นอน อยากได้อะไรไปดูไว้ อยากได้บ้าน อยากได้รถอะไรไปดูไว้
คุณอ้อย : เขาเคยโดนซื้อตัวจะให้ไปชกแชมป์โลก สากลอาชีพ ซื้อตัวเท่าไหร่เขาก็ไม่ไปเพราะเขาตั้งเป้าว่าเหรียญทองมวย โอลิมปิก ยังไม่มีใครได้เขาต้องเอามาให้ได้ ซึ่งเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆค่ะ เพราะเขาเป็นคนมุ่งมั่น และเขาตั้งใจทำเพื่อประเทศไทย



ซึ่งในวันนั้น คุณสมรักษ์ ก็ทำให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุขและเป็นความสุขของคนไทยจริงๆในรอบที่ชกในวันนั้น ในความเสียใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งสูญเสียลูกไปในวันที่เขาชกตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เราเชียร์อยู่ที่นี่หรือว่าตามไปเชียร์ที่โน้น

คุณอ้อย : ก็เลยมีโอกาสเขาให้ไปเชียร์ เหมือนเขาให้รางวัลปลอบขวัญ ปลอบใจเราให้ไปเชียร์ที่อเมริกาพอได้เหรียญเลยได้คุยกันว่า พี่ได้เหรียญทอง พี่มีเงินแล้วนะ เขาบอกว่าถ้ากลับไปถึงเมืองไทยเขาจะจัดงานแต่งงานให้



แล้วพอมีชื่อเสียงก็จะมีคนเข้ามาถึงขนาดที่ว่ามีคนมาจ้างหย่า 2 ล้าน เขากล้ามาจ้างหย่าเลยเหรอ
คุณอ้อย : เขาน่าจะจ้างคุณสมรักษ์ เราก็บอกว่า 2 ล้านบาทไม่พอหรอกเพราะมูลค่าเขามากกว่านั้น เพราะถ้าคุณเอาเขาไปคุณคุ้ม เราก็บอกเขาไปว่าสัก 10 ล้านบาทได้อยู่นะ เพราะตอนนั้นน่าจะประมาณปี 40 ได้ค่ะ

ฟังดูแล้วเวลาที่เกิดเรื่องแบบนี้ คุณอ้อย ดูแบบมีสติมากเลยนะ เพราะว่าที่จะโต้ตอบให้อีกฝ่ายหงายหน้าไป
คุณอ้อย : ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาพูดเยอะค่ะ พวกผู้หญิงพวกนั้นมันขึ้นอยู่กับผู้ชาย ถ้าเราถามว่าคุณอย่างไร ถ้าเขายังเลือกเราอยู่เราจะมีความมั่นใจที่จะไปตอบโต้เพราะว่าเราอย่าไปคิดเลยว่าเราจะเลิกกัน แต่ถ้าเราคิดว่าจะเลิกแล้วเราจะไปอยู่คนเดียวเราเลิก แต่ถ้าเลิกกันแล้วเราคิดอยากจะแต่งงานใหม่ เราอย่าเลิกดีกว่าเพราะว่าเราไม่รู้ว่าผู้ชายที่เราจะไปเจออีกเขาจะดีหรือไม่ดีอะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วอีกอย่างเขาเป็นพ่อของลูกเรามองว่าให้เขาอยู่กับลูกเรา คือ เป็นพ่อของลูกเรามันอบอุ่นดีอยู่แล้วเราไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรเลย เพียงแต่ว่าเวลาที่เขาออกนอกลู่นอกทางเราก็ตบๆเขามาเพราะว่ามันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว แล้วเราก็บอกเขาว่าต่อให้เลิกกันยังไง หรือต่อให้เธอย้ายเอาของออกไปจากบ้านอะไรที่เป็นสมบัติของเธอมันมีอยู่ชิ้นเดียวคือ ทะเบียนสมรส แล้อยากจะไปมีเมียใหม่ไปมีเลย แต่ทะเบียนสมรสฉันกอดไว้มันคือ ความสะใจ ของคนที่เป็นเมียหลวง เพราะคนที่เป็นเมียน้อยมันอยากได้อย่างเดียวเลยคือ ทะเบียนสมรส
สมรักษ์ : เป็นครอบครัวนักกีฬาคือ ต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย (หัวเราะ) ฟังไว้นะครับ อันนี้หลายครอบครัวบางทีมีปัญหานี่เอาอย่างภรรยาของผม รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ดีมากคือครอบครัวอยู่ยาว

คือผู้หญิงกลัวที่สุดคือเรื่องการนอกใจ แต่พอมันเกิดขึ้นแบบนี้มันก็ต้องชั่งน้ำหนักว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างของผุ้ชายคนนี้ที่ยังน่ารักมากพอให้เราทน
คุณอ้อย : ใช่ค่ะ เขาอาจจะเป็นสามีที่ดีไม่ได้ แต่เขาเป็นพ่อที่ดีของลูกมากๆ ถามว่าตอนนี้หยุดเจ้าชู้หรือยัง ตอนนี้ เบสบอกว่าแม่ไม่ต้องเดี๋ยว เบส จัดการเอง

สมรักษ์ : ผมก็อยู่ของผมเฉยๆผมก็ไม่เคยปิดบังว่าผมมีครอบครัว
คุณอ้อย : แต่จริงๆนะคะ คือต่อให้ตอนนั้นที่เขาไม่หยุด ผู้หญิงทุกคนก็อยากเป็นหนึ่งคนที่เป็นเมียน้อย ก็คือ อยากเป็นเมียหลวงถูกไหมคะ ตอนนั้นต้องบอกว่าทะเบียนสมรสอันเดียวเลยค่ะ คือมันจะกำราบพวกคนพวกนี้ไปเพราะเราอย่าหย่าต่อให้เขาอยากเลิกกับเราแค่ไหนเราก็อย่าหย่าเพราะมันคือว่า สะใจ ค่ะ

จริงๆแล้วเรื่องสถานบันครอบครัวมันก็จะมีเรื่องอันนี้อยู่เยอะมากในขณะที่ คุณอ้อย เองก็คือคนหนึ่งเลยที่ต้องใช้ความหนักแน่นเยอะมาก และต้องใช้สติเยอะมาก อยากให้เป็นข้อคิดกับหลายๆคนที่อาจจะดูอยู่แล้วกำลังมีปัญหาสามีออกนอกลู่นอกทางแล้วเราต้องพยายามดึงกลับมาให้อยู่ในเส้นทางเราต้องตั้งสติยังไงบ้าง



คุณอ้อย : เราก็ฟูมฟายเหมือนกันนะคะ เราก็สาดเสียเทเสียเหมือนกันแต่เรากับเขาก็มาคุยกัน ถ้าเขายังอยู่กับเราหมายถึงว่า เขายังเลือกอยู่กับเราเราก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว เราก็ดึงเขาให้กลับมา แต่กลับมาในที่นี่คือกลับมาหมดเลยนะคะ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเราแล้ว พอจะดึงเขากลับมาเนี่ยอันดับแรกเราต้องตั้งสติแล้วก็อย่างี่เง่า แล้วก็อย่าเอาผู้หญิงคนนั้นมาเปรียบเทียบเพราะผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้มีค่าอะไรเท่ากับเราเลย แล้วเราก็มองว่าสามีเราต้องการอะไร แล้วเราก็ต้องปฏิบัติกับเขาอย่างไรเพื่อที่จะให้เขากลับมาอยู่กับเรา (แต่เราไม่ได้มีความคิดว่าเขายังอยากอยู่กับเขาไหมนะคะ ในตอนนั้นไม่มีความคิดตรงนั้นเลย ไม่มีคำว่าอยากหรือไม่อยาก แต่ว่ารักลูก) แล้วพอเขากลับมาแล้วพออะไรมันดีขึ้น ความคิดอยากอยู่มันจะมาเอง



ในความเป็นคุณพ่อที่ดีของ คุณบาส เขาเป็นคุณพ่อที่ดีแบบไหนกับลูกๆบ้าง
สมรักษ์ : ครอบครัวของผมอบอุ่นอยู่แล้ว ครอบครัวอบอุ่นคือ ป้องกันได้ทุกอย่างนะครับ เพราะว่าการเลี้ยงลูกตั้งแต่เล็กจนโตผมก็ใส่ใจเต็มที่แล้วถือว่าอบอุ่นครอบครัวไม่มีพูดหยาบ ไม่มีทะเลาะกัน เพราะเวลาที่เราทะเลาะกันลูกก็ไม่เคยเห็นมีปัญหาก็เข้าห้องเถียงกันก็จบ
คุณอ้อย : ส่วนคนที่ดุที่สุดในบ้านคือ คุณพ่อค่ะ ลูกจะเชื่อฟังเขามากกว่าค่ะ



มาจนถึงวันนี้ก็น่าจะพูดได้ว่าที่ต้องบอกเลยว่าเป็นคุณพ่อ คุณแม่ที่มีความสุขเหลือเกินเพราะว่าคุณลูกถือว่าประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วมาก แล้วก็คือคนที่ย้อนกลับมาดูแลคุณพ่อคุณแม่อย่างเต็มที่มากๆเลยเช่นกันทั้งน้องเบส และ น้องโบ๊ท ทั้งสองคนเลยรู้สึกยังไงบ้างกับลูกที่เขาสามารถดูแลเราได้

สมรักษ์ : ภูมิใจมากแล้วผมยังเชื่อมั่นว่าเพราะเราทำความดีไว้เยอะ แล้วความดีที่เราทำขอให้ส่งไปให้ลูก เรื่องจริงไม่ได้โม้ เป็นอย่างไรลูกผมตอนนี้ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง ทั้งสวย ตอนนี้ก็ลุ้นเกียรตินิยมอันดับหนึ่งยังเหลืออีก 1 เทอมครับ คือไม่ว่าจะเป็นลูกชาย ลูกสาวนะครับ ถือว่าประสบความสำเร็จมากๆเลยครับ



สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป
#3195


เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้ามาสร้างวิกฤติให้กับคนทั้งโลก จนหลายคนกล่าวกันว่าเป็นเสมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่คร่าชีวิตคนนับล้านคนทั่วโลก ความรุนแรงที่ทวีขึ้นทุกขณะ สร้างความหวาดหวั่นให้กับทุกๆคน แต่เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป และสุดท้ายนั้นก็ต้องอยู่กับโควิดให้ได้ โดยเฉพาะในภาคส่วนเอกชนท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงเกิดแนวคิดพยายามแสวงหาแนวทางสร้างการท่องเที่ยววิถีใหม่ นำร่อง ผลักดัน และเป็นต้นแบบให้ท่องเที่ยววิถีใหม่ของไทยในยุคโควิด

เปิดประเทศต้องเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ง่าย

ทั้งนี้ นาย ชำนาญ ศรีสวัสดิ์' ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (สทท.) กล่าวว่า หากเปิดประเทศเรียบร้อยตามแผนที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศนับถอยหลัง 120 วันถ้าหากไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจะเป็นความลำบากอีกระลอกของคนท่องเที่ยว ดังนั้นจึงเสนอว่าการเปิดประเทศจะต้องมีกระบวนการที่ง่าย เข้าถึงได้ นักท่องเที่ยวสะดวกสบาย รวมถึงจำเป็นต้องมีแคมเปญสำหรับการเปิดประเทศ อาจช่วยจ่ายเงินค่าห้องให้นักท่องเที่ยว ผ่านแคมเปญ 1 ดอลลาร์ 1 คืน จ่ายเพียง 1 ดอลลาร์ก็สามารถเข้าพักได้แล้ว โดยรัฐสนับสนุนเบื้องต้นไปก่อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนคนท่องเที่ยวล้มหายตายจากเพิ่มอีก

ขณะที่ นางสาว ศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด กล่าวว่า ควรเร่งศึกษาแนวทางเปิดประเทศของประเทศอื่นๆ อาทิ สิงคโปร์ เพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และจำเป็นจะต้องมีโปรโมชันหรือแคมเปญ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ควรเปิดให้เข้าถึงการตรวจโควิด-19 ด้วยรูปแบบการตรวจแอนติเจนที่ทั่วโลกใช้งาน เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการตรวจโควิด-19 ได้ด้วยตัวเอง ลดความหวาดกลัวของนักท่องเที่ยวต่อประเทศไทย

สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่เดินทางมาคือ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะไทยโดดเด่นเรื่องอากาศ อาหาร สมุนไพร และเพิ่งเปิดเรื่องเสรีกัญชากัญชง จึงเป็น 3 จุดที่สามารถสร้างความแตกต่างให้ต่างชาติอยากเข้ามาในประเทศได้ แต่ภาครัฐต้องเปลี่ยนแนวคิดก่อน หันมาให้ความสำคัญในประเด็นว่า จะทำอย่างไรให้คนมา ตามด้วยเรื่อง รักษาความปลอดภัยได้ยังไง เพราะถ้าคิดตั้งกฎก่อน การท่องเที่ยวก็จะไม่เกิด

ร่วมผลักดันสร้างจุดท่องเที่ยวปลอดภัย

ด้าน นางพิศมัย ศุภนันตฤกษ์ อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดระยอง และเจ้าของโรงแรมโนโวเทล ระยอง สตาร์คอนเวนชั่น กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสม็ดได้รับการฉีดวัคซีนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และอยากผลักดันให้เสม็ดสามารถเดินหน้าได้เหมือนกับ #ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ภายใต้ชื่อ #เสม็ดแซนด์บ็อกซ์ เพราะคนบนเกาะฉีดวัคซีนครบ 100% แล้ว พื้นที่ปลอดภัยควรถูกทยอยเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ภาพรวมท่องเที่ยวไทยค่อยๆ ฟื้นตัว

ส่วน นางสาวอลิสา พันธุศักดิ์' เจ้าของทิฟฟานี โชว์ พัทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบุคลากรท่องเที่ยวไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือ บุคลากรทางด้านการท่องเที่ยวมีต่างชาติมากมาย จำเป็นจะต้องได้รับวัคซีนเช่นเดียวกันกับคนไทย เพราะอยู่ในประเทศไทย ทำงานให้กับคนไทย และเจ้าของกิจการก็จ่ายภาษีไปแล้วจำนวนมาก อีกประเด็นสำคัญคือ การเยียวยา ซึ่งในส่วนของทิฟฟานีโชว์ พนักงานไม่ได้รับการเยียวยาจากประกันสังคม เพราะจดทะเบียนเป็นโรงมหรสพ-โรงละคร

ขณะที่ นายเกษมสันต์ ยศรุ่งโรจน์' เจ้าของโรงแรมน้ำเพียงดิน บูติก โฮเทล เชียงใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องมีความจริงใจทั้งกับเรื่องวัคซีนหรือการเยียวยาผู้ประกอบการโรงแรม ไม่ใช่ทำเป็นเพียงหนังสือราชการมาแจ้งหน่วยงาน ให้โรงแรมให้ความร่วมมือ เช่น น้ำเพียงดิน บูทิค โฮเทล เชียงใหม่ ได้รับผลกระทบเรื่องเงินทุน ไปขอกู้จากธนาคารใดก็ไม่ได้ แม้จะเสียเงินค่าประเมินไปแล้วก็ตาม ซึ่งก็ต้องควักทุนเองไปกว่าสิบล้านบาทแล้ว เพื่อประคองการจ้างงานและพนักงานจำนวน 19 คนเอาไว้ เพราะทำงานร่วมกันมานานกว่า 8 ปี

รวมถึง นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(บมจ) ณุศาศิริ ได้กล่าวว่าตนเองได้ร่างจดหมายเปิดผนึก ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว ร่วมผลักดันสร้างจุดท่องเที่ยวปลอดภัย ใช้ My ozone Green box เป็นโมเดลต้นแบบนำร่องท่องเที่ยวไทยไร้โควิด โดยสร้างมาตรฐานหลักเกณฑ์ของผู้เข้าพักเสมือนการรับแขกจากต่างประเทศเช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ต และที่จะมีการขยายไปจังหวัดใกล้เคียงอื่น ๆ อาทิ กระบี่ พังงา หรือเกาะสมุย ซึ่งมีข้อกำหนดของบุคคลที่เข้าพัก หรือเข้ามาใช้บริการของโครงการต้องได้รับวัคซีนหรือผ่านการสว๊อตเทสมา แล้วแต่ถ้ายังไม่มีทั้งสองรายการ เบื้องต้นทางโครงการมีเจ้าหน้าที่บริการตรวจสว๊อตก่อนเข้าพักในโครงการทุกราย และหากมีผลเป็นผลลบ จึงจะอนุญาตให้เขาพักได้ โดยจะเริ่ม 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
#3196
รับจ้างโพสขายบ้านรับจ้างโพสขายอสังหา อันดับ1 รับโพสต์ลงเว็บขายบ้าน ที่รับรองผลงาน จ้างโพสขายอสังหาตัวจริง


ไม่ใช่แค่การโพสขายอสังหา ถูกที่สุด อย่างเดียว ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก. แต่ยังรวม การทำ SEO(การทำให้ติดgoogleหน้าแรกๆ) ที่ถูกที่สุด ที่เดียว ที่ กล้ารับประกันผล เราขอท้า

งไงพอ เรายังมีทีมโพสต์ SEO ช่วยให้คุณติดหน้าแรกGoogleด้วยราคาถูกที่สุด เมื่อเทียบราคากับคุณภาพ

รับจ้างโพสขายบ้าน โฆษณาขายบ้านที่ดินที่ดี 
การเขียนโฆษณาขายบ้านที่ดี คือ ต้องสร้างจุดเด่น เน้นให้ตัวบ้าน ที่ดิน มีข้อความให้โดนใจ อยากซื้อบ้าน ที่ดิน ของคุณทันทีที่อ่านจบ เพราะคอนเทนต์ที่ดี มีพลัง = อ่านจบ อยากซื้อเลย หาจุดเด่นให้เจอ ไม่เจออย่าขาย...

ทีมงานเขียนบทความมืออาชีพ
เราช่วยคุณได้ โดย ทีมง่านเขียนบทความขายบ้านขายที่ดินมืออาชีพ ต้องเขียนยังไง ถึงจะได้อย่างนี้ ? นี่เลย! เรามีทีมงาน เขียน "เขียนยังไงให้ขายบ้าน ขายที่ดิน ได้" หาจุดเด่น ให้เจอ ไม่มีจุดเด่น เหนื่อย ครับ ถ้าเรายังไม่มั่นใจในทรัพย์สินเรา แล้วคนอื่นล่ะ

การเขียนเพื่อขาย
บ้านทุกๆหลัง ที่ดินทุกๆแปลง มีเจ้าของ ของมันเสมอ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป ดังคำกล่าว สมบัตืผลัดกันชม การเขียนเพื่อขายอสังหา ให้ได้ไว เขียนใช้ภาษา ที่คนขายบ้าน ขายที่ดิน เค้าใช้กันแบบมืออาชีพ Search ค้นเจอก็ง่าย ไม่เพียงแค่ขายดี แต่ยังช่วยให้ขายบ้านได้ไว ได้ราคา ไม่เสียเวลา ไม่เสียกำลังใจ เสียค่าใช้จ่ายแสนถูก ไม่ต้องมี ค่านายหน้า หลักหลายหมื่อน หลายแสน !!

เข้าใจแนวคิด แนวเขียน เพื่อขายบ้าน
– การ ขายที่ดิน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าคุรมี ผู้ช่วยทีเข้าใจเทคนิคการขาย เว็บที่ใช้โพส เว็บดัง มีพลัง มากเพียงพอ สำหรับงานขายบ้าน ออนไลน์ ทำให้ขายบ้าน ขายที่ดิน ได้ไว ตรงกลุ่มเป้าหมาย -Guarantee ติดหน้าแรก Google ได้จริง ในคำสำคัญ และ เกี่ยวข้อง เจ้าเดียว ที่ทำได้ ในราคานึ้ -ถูกที่สุด และ ขาย ได้จริง

เขียนให้โดน ใช้ภาษา ดึงจุดเด่น สำหรับ บ้าน ที่ดิน ของท่าน ให้ตรงใจผู้ซื้อ ใช้ คำ สดใหม่ ไม่ซ้ำใคร แบบ ประณีต ตั้งใจทำ ทำให้ติดGoogle ถูกหลัก SE


รับโปรโมทขายบ้าน สนใจ โพสขายบ้านแบบseo ปรึกษาได้ฟรี ครับ ส่งรายละเอียด ข้อมุล มาทาง email surachaithailand @ gmail.com
เราจะส่งเบอร์ บัญชี ให้ หลังการแจ้งการโอน เราจะแจ้ง ลิงค์การโพสหลักเสร็จ ภายใน 1 วัน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง 

สงสัยสอบถามได้ก่อนครับ ครับ ที่เบอร์ 092 2497813  ID Line  su.banforum  


คลิก!! รายละเอียด เพิ่มเติม

https://อสังหาโพสต์.com 
 
#3197


วันที่ 25 ก.ค. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้เดินหน้ามาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกระตุ้นเศรษฐกิจและทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งตอนนี้เปิดได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่เดินทางเข้ามาเกือบหนึ่งหมื่นคน โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เข้ามา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, อิสราเอล, เยอรมนี และฝรั่งเศส อัตราเฉลี่ยการเข้าพักต่อคนอยู่ที่ 11 คืน ประเมินค่าใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ 70,000 บาท ได้แก่ ค่าที่พัก ค่าตรวจ Swab ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าพาหนะเดินทางในจังหวัด ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เฉลี่ยการใช้จ่ายอยู่ที่ 5,500 ต่อคนต่อวัน ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนอยู่ที่ 534.31 ล้านบาท 


"นักท่องเที่ยวมีความประทับใจในอัธยาศัยไมตรีของชาวภูเก็ต และวางแผนเดินทางไปยังจังหวัดอื่น เช่น เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ต่อไป นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับไปแล้วยังได้วางแผนพาครอบครัวกลับมาเที่ยวไทยซ้ำอีกด้วย ซึ่งจากการประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวพบว่า พอใจคุณภาพของรถบริการรับ-ส่ง SHA พลัส ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต มากที่สุด รองลงมาคือ พอใจภาพรวมการให้บริการ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต และพอใจการตรวจคัดกรองเมื่อเดินทางมาถึง ซึ่งการเปิดประเทศครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมตัวในการรองรับช่วงปลายปีที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีก ทำให้เห็นว่าการเปิดประเทศครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว"

นายธนกรฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงประโยชน์สูงสุดของพื้นที่ที่เปิดไปแล้ว อย่างภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดล ให้ได้ใช้ประโยชน์ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดประชุม การจัดแสดงสินค้า เป็นต้น แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้ทั้งจังหวัดภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี ได้เพิ่มมาตรการการคัดกรองนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างเคร่งครัด นายกฯ ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับเรื่องการนำเทคโนโลยีมาใช้ที่ด่านหรือจุดตรวจอย่างเข้มงวดแล้ว เพื่อที่ประชาชนชนในพื้นที่จะได้มีรายได้อย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศในครั้งนี้

นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ปรับปรุงระบบลงทะเบียน COE ออนไลน์ใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาให้มีความสะดวก และ ททท. ในต่างประเทศยังได้ทำการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเจาะไปที่กลุ่มตลาดยุโรป เช่น ดูไบ แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน กรุงปราก สตอกโฮล์ม และปารีส อีกด้วย โดยคาดว่า ต่อไปนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของฤดูกาลการท่องเที่ยว

โฆษก ศบศ. กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนต่อไป คือ การเดินหน้าเปิด 3 เกาะ ของจังหวัดกระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์ และ 3 เกาะ ของจังหวัดพังงา ได้แก่ เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ โดยมีกำหนดเปิดในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 นี้ โดยได้เน้นย้ำถึงแผน 7+7 ของการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับพื้นที่นำร่องที่เปิดไปแล้ว เป็นการผ่อนคลายมาตรการให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใน "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" อยู่ครบ 7 วัน (เดิม 14 วัน) และตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้งแล้ว สามารถเดินทางไปในพื้นที่เกาะสมุย พะงัน และเกาะเต่า (สุราษฎร์ธานี) รวมถึงเกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ (กระบี่) และเกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย และเขาหลัก (พังงา) ในรูปแบบซีลรูท (Sealed Routes) หรือ Island Hopping ได้ตั้งแต่วันที่ 8 เป็นต้นไป โดย ททท.ยังคงตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวรวมปีนี้ที่ 8.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากตลาดต่างประเทศ 3 แสนล้านบาทในจำนวนนักท่องเที่ยวราว 3 ล้านคน และรายได้จากตลาดภายในประเทศ 5.5 แสนล้านบาท.
#3198
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด

สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด

คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
คาถามหาหลง โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้งยืน หลงทั้งนั่ง หลงทั้งนอน สวาหะจับติด นะจับจิต โมจับใจ พุทจับไว้ ธาจดจำ ยะจำใส่จิต ติดไว้ใส่ใจ พระอิศวรนารายณ์ พระพาย พระภูมิ พระพรหมเจ้าที่ ครูปู่อยู่ถ้ำ สิทธิให้หลง...ติด

วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย

สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก
https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.searchlist.list.1.54a9133d7TxmgS&search=1&freeshipping=1
#3199


    นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า หลังจากมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่รุนแรงขึ้นและมีมาตรการล็อกดาวน์เข้มขึ้น  ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมช่วงครึ่งหลังปี 2564 ยังคาดการณ์ได้ยากจากครึ่งแรกปี 2564 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 

     ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับแผนกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นสอดคล้องกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาและเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีก่อน ขณะเดียวกันด้านสภาพคล่องของบริษัทมีการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปได้ถึงสิ้นปีหน้า ด้วยกระแสเงินสดที่อยู่ในระดับสูง และมีหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 จึงไม่น่ากังวล  

     "เรายังคงทำธุรกิจด้วยความหวังว่า หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเริ่มลดลง มีวัคซีนทางเลือกเข้ามาและกระจายฉีดวัคซีนสร้างภูมิกันหมู่ได้  มียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลง ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในระยะข้างหน้า ซึ่งเราปรับแผนและเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเมื่อเปิดประเทศ"  

นายพชระ เลิศวิราม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า  แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในปี2564คาดยังคงมีผลขาดทุน แต่จะขาดทุนลดลงจากปีก่อน เนื่องจากโรงแรมมีการปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายมาต่อเนื่อง     

      ทั้งนี้คาดว่าธุรกิจโรงแรมจะกลับมามีกำไรได้ในช่วงกลางปี2565  หากสามารถคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ระลอก 3 ได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งน่าเป็นจุดต่ำสุดของผลดำเนินงานธุรกิจโรงแรม เพราะหากมีการกระจายวัคซีนได้ ทำให้จำนวนยอดผู้ติดเชืื้อลดเริ่มลดลงในไตรมาส 4 ปีนี้ เริ่มเปิดเมือง มีการเดินทางของคนภายในประเทศและเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมาได้คาดว่า่ในปี2566 จะกลับมาเท่าก่อนโควิดในปี 2562 จะส่งผลดีต่อกำไรของธุรกิจโรงแรมในระยะข้างหน้า   

    " คาดว่าสถานการณ์โควิด-19ในต่างประเทศน่าจะฟื้นตัวได้ดีและเร็วกว่าในไทย ส่งผลดีการฟื้นตัวของ MINT และการสร้างรายได้จากต่างประเทศถึง 70%"      

    อย่างไรก็ตาม ทางด้านฐานะการเงินธุรกิจโรงแรมยังแข็งแกร่ง สภาพคล่องไม่น่าห่วง ยังรองรับผลกระทบจากโควิด-19ได้ถึงสองปี  โดย ณ ไตรมาส 1 ปี 2564  พบว่า CENTEL มีเงินสดและเงินกู้ 9,700ล้านบาท รองรับทำธุรกิจได้48เดือน,ERW มีเงินสดและเงินกู้6,500 ล้านบาท รองรับรับทำธุรกิจได้ 26 เดือน ,MINT มีเงินสดและเงินกู้43,000ล้านบาท รองรับทำธุรกิจได้30กว่าเดือน 

       
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3  ปีนี้ คาดยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่ปรับตัวลดลง จากช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คาดการณ์CENTEL ขาดทุน 507 ล้านบาท ERW ขาดทุน 578 ล้านบาท และMINT ขาดทุน6,521 ล้านบาท

      "คาดไตรมาส 3ปีนี้น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจโรงแรม โดยผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งสูงสุดราวกลางเดือน ต.ค. และในไตรมาส 4ปีนี้ คาดว่าน่าจะดีขึ้นหากมีวัคซีนทางเลือกเข้ามามีการกระจายวัคซีนมากขึ้น ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงในบางพื้นที่ จนสามารถเริ่มเปิดเมืองโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ได้ จะสนับสนุนธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัว 

        ดังนั้น มองว่า MINT  ที่มีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดยุโรป  ที่มีพัฒนาการฟื้นตัวจากโควิด-19อย่างต่อเนื่องและยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่งจากการขายโรงแรมในต่างประเทศ และเช่ากลับมา
#3200


จากกรณี นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาพยาบาลอาการโรคโควิด 19 ในถานพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ออกไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีช่วงหนึ่ง ระบุว่ามีแพทย์โทรมาบอกว่า ให้ย้ายออกจากโรงพยาบาลให้ไปรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ทั้งที่ตนเองยังไม่หาย ได้ยายังไม่ครบโดส แต่หมออ้างว่าเปลี่ยนแผนการรักษาได้ ให้ไปรักษาที่บ้าน โดยให้อยู่โรงพยาบาลต่ออีก 24 ชั่วโมง นั้น


นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลดังกล่าวได้ชี้แจงข้อมูลในเบื้องต้นว่า ในส่วนของคุณณวัฒน์ฯ นั้น ทางโรงพยาบาลได้ประเมินแล้วว่าเป็นผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่อาการพ้นวิกฤต และมีอาการดีขึ้นอยู่ในระยะพักฟื้น (Step Down) ทางโรงพยาบาลจึงดำเนินการให้ผู้ป่วยไปพักฟื้นที่สถานพยาบาลชั่วคราว (Hospitel) หรือให้กลับบ้านเพื่อรักษาต่อเนื่อง โดยวิธีกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ตามแนวทางการรักษาแบบ Step-down care ซึ่งจะทำได้โดยความสมัครใจของผู้ป่วย เพื่อจัดเตียงให้กับผู้ป่วยโควิด 19 รายอื่นซึ่งมีความจำเป็นจะต้องใช้เตียงรักษาตัวในสถานพยาบาล 

และเมื่อผู้ป่วยเข้าพักที่ Hospitel หรือกลับไปที่พักที่บ้านแล้ว สถานพยาบาลเองก็จะมีการติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดทุกวันผ่านระบบ Video Call หรือ Teleconference มีอุปกรณ์วัดไข้และออกซิเจนส่งไปให้ มีช่องทางติดต่อกรณีฉุกเฉิน หากผู้ป่วยมีอาการทรุดลงก็จะมีการรับตัวผู้ป่วยกลับไปรักษา ณ สถานพยาบาลโดยทันที ซึ่งในกรณีของคุณณวัฒน์ฯ ได้ครองเตียงผู้ป่วยมาแล้วเป็นเวลา 22 วัน ซึ่งแพทย์ก็ได้มีการประเมินแล้วว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นสามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ จึงมีการแจ้งให้ผู้ป่วยทราบแต่อาจจะด้วยการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ จึงทำให้คุณณวัฒน์ฯ เกิดความเข้าใจผิดว่าทางโรงพยาบาลให้ออกจากโรงพยาบาลทั้งที่อยู่ระหว่างการรักษา 

ซึ่งแพทย์ก็ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับคุณณวัฒน์ฯ แล้วว่าขั้นตอนดังกล่าวเป็นกระบวนการรักษาตามแนวทาง Step-down care ที่ใช้กับผู้ป่วยทุกราย มิได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกับคุณณวัฒน์ฯ แต่อย่างใด รวมทั้ง ขณะนี้คุณณวัฒน์ฯ ก็ยังรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล โดยกรม สบส.ก็ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ติต่อขอข้อมูลจากคณณวัฒน์ฯ ต่อไป

นายแพทย์ธเรศฯ กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ที่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากและผู้เสียชีวิตในแต่ละวัน ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วยและญาติพี่น้อง รวมถึงประชาชนที่ติดตามข่าวสาร ตนจึงอยากฝากให้บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลเอกชนทุกราย ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิด 19 ดำเนินการด้วยความทุ่มเท เสียสละ ทั้งในด้านของการรักษาพยาบาล รวมถึงการสื่อสารกับผู้ป่วยหรือญาติ ก็จะต้องมีความชัดเจนถึงกระบวนการรักษา และมีการชี้แจงถึงความจำเป็นในกรณีที่ต้องให้ผู้ป่วยรักษาตัว ณ ที่พัก เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยและญาติเกิดความวิตกกังวล และขาดความเชื่อมั่นต่อระบบสาธารณสุข