• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - dsmol19

#6707
 ข้าวปลอดสารเคมี Low Gi  น้ำตาลต่ำ วัยรุ่นควรกินข้าวอินทรีย์  ข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ จ.สุรินทร์
ข้าวหอมมะลิเมืองสุรินทร์ ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด   ข้าวorganicส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวมะลินิลเกษตรอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ขายข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิorganic
2.  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.ข้าวปะกาอำปึลเพื่อสุขภาพ 
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารสุรินทร์
5. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#6710


อว. เผยไทยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว 48,626,224 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,108 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 353.47 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 98.9%

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,108 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 388 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 183 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 353.47 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (77.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 134.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 26 กันยายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 48,626,224 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 58.59%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,108 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 25 กันยายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 48,626,224 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 30,295,450 โดส (45.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 17,230,670 โดส (26% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,100,104 โดส (1.7% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 25 ก.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 48,626,224 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 1,329,799 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 676,686 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 14,886,303 โดส
- เข็มที่ 2 3,503,698 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,296,214 โดส
- เข็มที่ 2 10,696,945 โดส
- เข็มที่ 3 621,868 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 4,688,039 โดส
- เข็มที่ 2 2,553,788 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 424,894 โดส
- เข็มที่ 2 476,239 โดส
- เข็มที่ 3 478,236 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124% เข็มที่2 117.2% เข็มที่3 87.9%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 60.6% เข็มที่2 47.6% เข็มที่3 3.6%
- อสม เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 53% เข็มที่3 2.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 57% เข็มที่1 30.6% เข็มที่3 0.5%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 62% เข็มที่2 33.6% เข็มที่3 1.2%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 56.1% เข็มที่2 30.8% เข็มที่3 0.1%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 13% เข็มที่2 7.4% เข็มที่3 0.1%
รวม เข็มที่1 60.6% เข็มที่2 34.5% เข็มที่3 2.2%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 77.8% เข็มที่2 39.5% เข็มที่3 3% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 98.9% เข็มที่2 46.9% เข็มที่3 4.5%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 61.4% เข็มที่2 32.8% เข็มที่3 1%
- นนทบุรี เข็มที่1 62.3% เข็มที่2 33.1% เข็มที่3 1.2%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 58.5% เข็มที่2 34.9% เข็มที่3 1.8%
- ปทุมธานี เข็มที่1 49.3% เข็มที่2 32.9% เข็มที่3 1.5%
- นครปฐม เข็มที่1 39.6% เข็มที่2 22% เข็มที่3 1.3%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 32.8% เข็มที่2 19.9% เข็มที่3 1.1%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 30.5% เข็มที่3 0.7%
- ชลบุรี เข็มที่1 61.9% เข็มที่2 33.1% เข็มที่3 1.4%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 23.6% เข็มที่3 0.5%
- เพชรบุรี เข็มที่1 45.2% เข็มที่2 31.1% เข็มที่3 1%
- ยะลา เข็มที่1 44.7% เข็มที่2 22.6% เข็มที่3 1.1%
- สงขลา เข็มที่1 39.2% เข็มที่2 24.4% เข็มที่3 1.4%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 353,470,305 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 134,207,308 (31.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 28,626,224 โดส (45.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 43,088,582 โดส (21.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 41,847,256 (69.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. เวียดนาม จำนวน 36,793,910 โดส (30.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
6. กัมพูชา จำนวน 24,584,763 โดส (76.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 9,742,585 โดส (11.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,223,226 โดส (77.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 4,912,775 โดส (39.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 443,676 โดส (61.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.61%
2. ยุโรป 11.6%
3. อเมริกาเหนือ 9.92%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.03%
5. แอฟริกา 2.3%
6. โอเชียเนีย 0.54%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,194.47 ล้านโดส (78.4% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 850.37 ล้านโดส (31.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 388.57 ล้านโดส (60.7%)
4. บราซิล จำนวน 229.18 ล้านโดส (55.5%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 156.56 ล้านโดส (62%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (97.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (92%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. อุรุกวัย (87.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. บาห์เรน (85.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. คิวบา (85.6%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
6. กาตาร์ (83.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7.. ชิลี (82%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
8. อิสราเอล (82%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (78.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (77.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
 
#6715


ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ทัพ 'ช้างศึก' เผยจุดเปลี่ยนทำพ่าย คาซัคสถาน ถึง 7-0 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตซอลโลก พร้อมย้ำว่ายังไม่มีความคิดที่จะเลิกเล่นทีมชาติ

ภายหลังจากทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ต้องหยุดเส้นทางศึกฟุตซอลโลก ที่ประเทศลิทัวเนีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังพ่าย คาซัคสถาน ทีมอันดับ 7 ของโลกไป

ซึ่ง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวเตะตัวเก่งของทัพ 'ช้างศึก' เผยว่า 'เขาเตรียมตัวมาดีมาก และพอเรามาเสียสองประตูก็ทำให้เราไม่สามารถดึงเกมของเรากลับมาได้ และสมาธิของเราก็เสียไป'

'การเสียก่อนสองประตูมีผลเยอะมาก เราเสียสมาธิ ทำให้ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้เลย รูปแบบเกมรับของเราอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่'

'ที่ลิทัวเนีย เราได้ประสบการณ์เยอะมาก เพราะว่าทุกวันนี้ทุกชาติมันเท่ากันหมดแล้ว ไม่มีใครเหนือกว่าใคร มันอยู่ที่จังหวะ ประสบการณ์ ความคิดในการเล่น'

'ฟุตซอลโลก ครั้งต่อไป เราก็ต้องกลับไปฝึกซ้อม ไปเรียนรู้วิธีต่างๆ โดยเฉพาะเกมรับที่มีข้อบกพร่องทำงานหนักเพื่อที่จะประสบความสำเร็จให้ได้อีกครั้ง ผมยังไม่คิดเลิกเล่นทีมชาติตอนนี้ เราขอดูเป็นปีต่อปี ว่าเราจะไหวหรือไม่ ต้องดูที่ร่างกายเป็นหลัก'
#6716


มหาสารคาม-หมอลำชื่อดัง 5 คณะจังหวัดมหาสารคาม รวมพลังร่วมจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ พร้อมตั้งกองทุน หวังช่วยและให้กำลังใจหมอลำรุ่นเก่า ที่ได้รบผลกระทบโควิด-19 หนักรายได้ทรุดฮวบ เข้าถึงโลกออนไลน์ มีรายได้ประคองตัวช่วงลำบาก

หลังสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อรายวันลดน้อยลง ทำให้รัฐมีมาตรการผ่อนคลายในหลายๆเรื่อง ก็เป็นโอกาสของวงดนตรีหมอลำในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ได้ร่วมมือกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม จัดโครงการมหกรรมหมอลำออนไลน์จังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2564 เพื่อเยียวยาและสร้างขวัญกำลังใจให้กับศิลปินหมอลำพื้นบ้านในจังหวัดมหาสารคาม



ใช้พื้นที่บ้านของนายภู่กัน ปุริสาย หรือบอย ศิริชัย คณะหมอลำใจเกินร้อย เป็นเวทีไลฟ์สด มีการจัดคิวการแสดงแบบคอนเสิร์ต จัดให้ชมกันฟรีผ่านเพจสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม โดยมีคนเข้ามาดูและกดไลท์กดแชร์เป็นจำนวนมาก โดยมีการแสดงของศิลปินหมอลำพื้นบ้าน เช่นหมอลำคณะบัวริมบึง, หมอลำคณะทิดสาวาทะศิลป์, หมอลำคณะไพบูลย์ เสียงทอง, หมอลำคณะสาวน้อยเพชรบ้านแพง และหมอลำคณะใจเกินร้อย บอยศิริชัย

นอกจากนี้ยังมีศิลปินหมอลำพื้นบ้านมาร่วมการแสดงอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งแม่เดือนเพ็ญ อำนวยพร หมอลำชื่อดัง ที่มาพร้อมกับบทเพลง เมื่อเธอพอฉันจะรออยู่ตรงนี้ ทำให้หลายๆ คนหายคิดถึงไปได้บ้าง

นายชูชาติ ราชจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่าโครงการมหกรรมหมดลำออนไลน์จังหวัดมหาสารคาม จัดขึ้นเพื่อเป็นการเยียวยาและสร้างขวัญกำลังใจให้กับศิลปินหมอลำพื้นบ้านในจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ต้องทำการแสดงในรูปแบบออนไลน์ ไลฟ์สดผ่านเพจสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม ให้คณะหมอลำที่เป็นหมอลำคนรุ่นใหม่ เช่นหมอลำคณะบอยศิริชัย ใจเกินร้อย, คณะหมอลำสาวน้อยเพชรบ้านแพง, คณะไพบูลย์ เสียงทอง ที่มีการออนไลน์อยู่แล้ว

มาช่วยพ่อครู แม่ครู หมอลำรุ่นเก่าๆที่ไม่มีช่องทางออนไลน์ ไม่เชี่ยวชาญด้านโซเชียลได้กลับมาจับไมค์ร้องเพลง พบปะเพื่อนๆศิลปินอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีการตั้งกองทุนสนับสนุนสมาคมหมอลำจังหวัดมหาสารคาม เพื่อช่วยเหลือศิลปินหมอลำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นจากสถานการณ์โควิด หรือหากมีใครเจ็บไข้ได้ป่วย กองทุนนี้ก็จะไปช่วยเหลือ





ด้านนายภู่กัน ปุริสาย หรือบอยศิริชัย คณะหมอลำใจเกินร้อย กล่าวว่าตั้งแต่โควิดมาในระลอกแรก จนมาถึงระลอกล่าสุด เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ทำให้ต้องมีการปรับตัวในทุกเรื่อง รถยนต์ เครื่องเสียงที่เคยออกการแสดงก็ถูกจอดไว้กับที่ เพราะไม่มีงานแสดง เจ้าภาพยกเลิกการแสดงทั้งหมด หากจะนับเป็นรายได้ถือว่ามากพอสมควร ศิลปินหมอลำเป็นอาชีพแรกๆที่ได้รับผลกระทบ ต้องหยุดการแสดงก่อนอาชีพอื่น ซึ่งการเปิดการแสดงต้องพบปะผู้คนจำนวนมากเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

ที่ผ่านมาเมื่อไม่มีงานแสดง เงินก็ไม่เข้า ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดง เป็นรูปแบบออนไลน์ไลฟ์สด ทำยูทูป ทำเพจ มีการรับมาลัยออนไลน์ ก็มีแฟนคลับคอยสนับสนุนมาตลอด 2 ปีทำให้พอมีรายได้ ซึ่งคณะหมอลำของตนเป็นลำเรื่องต่อกลอน มีสมาชิกกว่า 300 คน โควิดมาก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทาง แต่คนที่ยังอยู่กับตนก็ต้องดูแล ทั้งค่ากินค่าอยู่ ค่าน้ำค่าไฟ ตกเดือนละกว่า 200,000 บาท ก็พอได้น้ำใจจากแฟนคลับที่สนับสนุนให้สามารถอยู่ได้





แต่หากเป็นรุ่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่เล่นโซเชียลไม่เป็นก็จะลำบาก ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม กับสมาคมหมอลำ จึงได้ปรึกษากัน จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือศิลปินหมอลำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และจัดงานมหกรรมหมอลำออนไลน์ขึ้น เพื่อให้ศิลปินหมอลำในจังหวัดมหาสารคามได้มาพบปะกัน ได้ยินเสียงดนตรี เสียงลำ จะได้ช่วยเยียวยาจิตใจได้บ้าง ตอนนี้ไม่อยากเรียกร้องอะไรจากรัฐบาลแล้ว แต่ทำอย่างไรก็ได้ขอให้ควบคุมสถานการณ์โควิดได้ เราไม่อยากได้เงินเยียวยา แต่เราอยากทำงาน
 
#6717


นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 บริษัท อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (E-COGEN) บริษัทย่อยของ EP ได้จ่ายเงินค่าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ระบบพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) จากผู้ขาย 2 ราย รวม 11,676,000 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้ว มูลค่า 2,107.79 ล้านบาท โดยซื้อหุ้นจากบริษัท คอมลิงค์ จำกัด 15% และบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี่ จำกัด (มหาชน) (EE) 25% เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้จะทำให้ EP มีสัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงและโดยอ้อมผ่าน E-COGEN ใน PPTC จำนวน 50.70% และ SSUT จำนวน 80.96%


ยูบิลลี่ตั้งเป้ายอดขายออนไลน์12%


น.ส.อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยูบิลลี่ไดมอนด์ เป็นแบรนด์เครื่องประดับเพชรแท้แบรนด์แรกที่ทำระบบค้าขายอี-คอมเมิร์ซอย่างเต็มรูปแบบ โดยแพลตฟอร์มJubilee Online Store บริษัทได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ทั้งนี้ในปี 2563 บริษัทมีสัดส่วนการขายผ่านช่องทางออนไลน์ 3% ส่วนในปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 6-7% จากยอดขายรวม ซึ่งเติบโตได้ดีและเป็นโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น รวมทั้งมองเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการกำหนดกลยุทธ์ในอนาคต โดยตั้งเป้ายอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเป็น 12% ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า

แม็คกรุ๊ปชู5กลยุทธ์หลักดันธุรกิจ

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่าบริษัทวางแผนเป็นบริษัทค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของไทย และสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น ภายใต้แผนกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจในงวดปีบัญชี 2565 ประกอบด้วย 1.เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจทั้งในด้านการเงินควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพทางการผลิตสินค้าและบริการ 2.ขยายฐานการรับรู้แบรนด์และชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ 3.พัฒนาแพลตฟอร์มค้าปลีกทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ 4.การปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในองค์กร 5.เพิ่มศักยภาพการเทคโนโลยีและกระบวนการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
#6718


รอยเตอร์ - เวียดนามเลื่อนแผนการที่จะเปิดเกาะฝูก๊วก (Phu Quoc) ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเป็นเดือนพ.ย. หลังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้อยู่อาศัยบนเกาะได้ เนื่องจากวัคซีนมีไม่เพียงพอ สื่อของรัฐรายงาน

ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ที่ในขณะนี้ยังปิดรับผู้มาเยือนทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองที่เดินทางกลับประเทศและนักลงทุน กำลังพยายามอย่างหนักที่จะเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงเนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ในเบื้องต้น ทางการวางแผนที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเริ่มเดินทางมายังเกาะฝูก๊วกได้ในเดือนต.ค. ตามที่รอยเตอร์ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ เพื่อฟื้นภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

"เราต้องฉีดวัคซีนให้ผู้อยู่อาศัยที่นี่เพื่อสร้างภูมิคุ้นกันหมู่แต่วัคซีนมีไม่เพียงพอ" หนังสือพิมพ์ VTC ของรัฐรายงานอ้างคำกล่าวของประธานคณะกรรมการประชาชนเมืองฝูก๊วก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของเกาะกล่าวว่าเกาะต้องการวัคซีนเพิ่มอีก 250,000-300,000 โดสเพื่อบรรลุการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แต่จนถึงขณะนี้ ประชาชนผู้อยู่อาศัยในจ.เกียนซยาง (Kien Giang) ซึ่งเกาะฝูก๊วกเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เพียง 2.9% เท่านั้น

และโดยรวมแล้ว มีเพียง 7.3% ของประชากร 98 ล้านคนของประเทศ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค

เมื่อวันจันทร์ (20) เกาะฝูก๊วกพบผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่ หลังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่มาเป็นเวลาหลายเดือน แต่เจ้าหน้าที่จังหวัดกล่าวว่าสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมและจะไม่ส่งผลกระทบกับแผนการเปิดเกาะ โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่าจะเปิดเกาะอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำสูงสุดที่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

ภายใต้แผนดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้เดินทางมาเยือนเกาะราว 3,000-5,000 คนในช่วงทดลอง พร้อมกับบังคับตรวจหาเชื้อโควิด-19 รายงานระบุ

แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าผู้มาเยือนเกาะจะต้องกักตัวเป็นเวลา 7 วัน ตามคำร้องของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่

ทั้งนี้ ชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนเวียดนามลดลงจาก 18 ล้านคนในปี 2562 ที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยว 31,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 12% ของจีดีพี เหลือเพียง 3.8 ล้านคนเมื่อปีก่อน

แผนการที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมาเยือนเกาะ เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาเลเซียเปิดเกาะลังกาวีรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่ไทยเปิดภูเก็ตและสมุยรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว.
#6719


สสส. จับมือภาคีเครือข่ายสุขภาพพระสงฆ์ ดันมติมหาเถรสมาคม ให้วัดดูแลผู้ป่วยโควิด-19 "1 วัด 1 จังหวัด" ชู รพ.สนามวัดสุทธิวราราม เป็นต้นแบบ พร้อมพัฒนานวัตกรรมสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ ช่วยพระ-บุคลากรทางการแพทย์-ญาติ สร้างความเข้าใจกับผู้ป่วยติดเชื้อ ลดเสี่ยงจากสัมผัส ตั้งเป้าส่งต่อ รพ.สต. 10,000 แห่งทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 ที่วัดสุทธิวราราม กรุงเทพฯ โดยพระสุธีรัตนบัณฑิต, รศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และผู้จัดการโครงการการเสริมสร้างสุขภาวะและการเรียนรู้ตามแนวพระพุทธศาสนา สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน แต่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลสนามและมาตรการดูแลผู้ป่วยโควิดด้วยระบบอื่นๆ เช่น ระบบกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ระบบชุมชน (Community Isolation) ในแต่ละวันยังคงมีอัตราที่สูง จากข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พบว่า มีผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลสนามและระบบอื่นๆ กว่า 80,000 คน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลที่มี 40,000 คน พบว่ามีมากกว่าถึง 1 เท่า การวางระบบบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามและระบบอื่นๆ ให้มีความพร้อมถือเป็นมาตรการสำคัญ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดการแพร่ระบาดในครอบครัวและชุมชมวงกว้างในสถานการณ์ที่ผู้ป่วยยังคงล้นโรงพยาบาล



พระสุธีรัตนบัณฑิต, รศ.ดร. กล่าวว่า โรงพยาบาลสนามวัดสุทธิวราราม ตั้งขึ้นในอาคารศูนย์เรียนรู้พระพุทธศาสนาและการพัฒนาสังคม ภายใต้โครงการการเสริมสร้างสุขภาวะและการเรียนรู้ตามแนวพระพุทธศาสนา สนับสนุนโดย สสส. วัดสุทธิวรารามมีรูปแบบการจัดการและวางระบบที่มีความพร้อม 5 ด้าน คือ 1.ด้านสถานที่ รองรับ 138 เตียง 2.ด้านการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย ที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการรักษากว่า 138 คน ปัจจุบันรักษาผู้ป่วยหายดีกลับบ้านแล้วกว่า 60 คน 3.ด้านอาหาร จัดตั้งโรงครัวทำอาหาร 3 มื้อ 4.ด้านการค้นหาผู้ป่วยและเยี่ยมผู้ป่วยในชุมชน กลุ่ม "พระไม่ทิ้งโยม" ลงพื้นที่เชิงรุกในชุมชนรอบข้าง และ 5.ด้านการสื่อสาร พัฒนานวัตกรรมด้านการสื่อสารรูปแบบรูปภาพเชิงสัญลักษณ์ 4 ภาพ โดยให้ผู้ป่วยสำรวจอาการเบื้องต้นแล้วใช้รูปภาพสื่อสารกับพระสงฆ์ บุคลากรทางการแพทย์ หรือคนในครอบครัว เพื่อลดการแพร่ระบาดจากการสัมผัส และลดปัญหาในการสื่อสาร โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และแรงงานข้ามชาติ โดยขยายการผลิตสื่อในรูปแบบสติกเกอร์ เพื่อส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 10,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเตรียมเปิดพื้นที่การเรียนรู้ Mini-Sandbox ย่านเจริญกรุง เพื่อเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่

ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. มุ่งพัฒนาสุขภาวะองค์กรพระสงฆ์และชุมชน โดยสนับสนุนให้โรงพยาบาลสนามวัดสุทธิวรารามเป็นต้นแบบดูแลคนป่วยในวัดที่มีความพร้อมในการขยายผล พร้อมสานพลังภาคีธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติผลักดันให้มหาเถรสมาคมเห็นชอบแนวทางการดูแลคนป่วยในวัดได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยให้วัดที่มีศักยภาพจัดตั้งเป็นศูนย์พักคอยเพื่อชุมชนอย่างน้อย 1 วัด 1 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะนี้มีวัดและวิทยาลัยสงฆ์ภูมิภาคต่าง ๆ ของ มจร. นำรูปแบบการจัดการของวัดสุทธิวรารามไปปรับใช้แล้ว 17 แห่ง อาทิ วัดสิงห์ กรุงเทพฯ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม วัดท่าโรงช้าง จ.สุราษฎร์ธานี วิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง จ.ลำปาง วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด เพื่อช่วยให้ประชาชนที่กลับภูมิลำเนาได้เข้าถึงบริการสุขภาพ ลดภาระปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ตัดวงจรการระบาดและลดจำนวนผู้เสียชีวิตของไทย

ทั้งนี้ วัดที่สนใจจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อชุมชนในวัด หรือหารือแนวทางการจัดตั้ง ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://stopcovid.anamai.moph.go.th/dashbord_center/ โดยจะมีทีมงานประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหาแนวทางการจัดการวางระบบที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่ได้มาตรฐานต่อไป
#6720
ข้อต่อท่ออ่อนสแตนเลส
ท่อรับการสั่น
ท่อรับการสะเทือน
ข้ออ่อนกันสะเทือน