Alien ตัวละครที่ทำเงินให้กับผู้ลงทุนหนังมามากมายนับตั้งแต่ครั้งแรกที่มันถูกพาเข้าสู่โลกของภาพยนตร์ก็ยาวนานกว่า 43 ปี ถูกเพิ่มในภาพยนตร์มามายหลายเรื่อง แต่ในสมัยก่อนนั้นภาพยนตร์แนวเอเลี่ยนเหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวหรือสมจริงเท่ากับหนังในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นตามกาลเวลา ทั้งเรื่องของความสมจริงที่ถูกเสริมด้วยระบบซีจีจนทำให้เราเชื่อว่ามันคือความจริง ในสมัยก่อนผลงานหนังแนวเอเลี่ยนเป็นผลงานจากมันสมองของแดน โอแบนนอน และเพื่อนสนิท โรนัลด์ ชูเซ็ตต์ แต่ถ้าคุณได้ศึกษารายละเอียดเบื้องหลังงานสร้างนี้แล้วจะรู้เลยว่าคนที่ทุ่มเทและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ตัวประหลาดนอกโลกตัวนี้คือ ริดลีย์ สก๊อตต์ นั่นเองเขาเป็นเจ้าของไอเดียที่ทำให้หลาย ๆ ฉากกลายเป็นภาพจดจำบนโลกภาพยนตร์ ต่อมาก็มีผู้กำกับอีกมากมายที่มารับช่วงต่อหนังแนวนี้และผู้กำกับเหล่านี้เองก็จัดเป็นยอดฝีมือจากแนวหน้าของวงการอย่าง เจมส์ คาเมรอน ที่เพิ่งดังจาก The Terminator (1984) มาสานต่อในหนังเรื่อง Aliens (1986) และยังเป็นภาคเดียวที่ทำเงินสูงยิ่งกว่าภาคต้นฉบับ , เดวิด ฟินเชอร์ ที่ดังมาจากวงการมิวสิควีดีโอ มากำกับ Alien 3 (1992) แต่ผลงานไม่ดีและยังถูกด่าเละเทะว่าห่วย ก่อนจะมาเรียกชื่อเสียงคืนให้ตัวเองได้สำเร็จใน Sev7n (1995) และ Alien ก็ถูกปิดตำนานไปยาวนานด้วยฝีมือของ ฌอง ปิแอร์ จูเนต์ ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสในหนังเรื่อง Alien: Resurrection (1997) แต่ก็ต้องล้มเหลวโดนเสียงวิจารณ์และรายได้เป็นภาคที่ทำเงินได้น้อยสุดไปโดยปริยาย และยังมีการผลิตภาคต่อมาอีกหลายภาคจนประสมความสำเร็จในที่สุด โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จริง ๆ แล้วเริ่มต้นจากแดน โอแบนนอน เค้าเป็นทั้งดาราและนักเขียนบท ผลงานของเขาคือภาพยนตร์เรื่อง Dark Star (1974) กำกับโดย จอห์น คาร์เพนเตอร์ ยุคที่ยังไม่ดัง ซึ่งแดนรู้สึกไม่แฮปปี้กับหนังเรื่องนี้ เขาเลยมีความตั้งใจว่าหนังเรื่องต่อไปของเขาจะต้องเยี่ยมมากกว่านี้แดนจึงกลับไปเขียนบทเรื่องใหม่เป็นหนังสยองขวัญเขาตั้งชื่อว่า Memory เรื่องราวของเครื่องบินอวกาศที่ลูกเรือได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากดวงดาวรกร้าง ในบทร่างของเขาเขียนไว้ด้วยว่ามีฉากที่ลูกเรือโดนAlienเกาะหน้า แต่แล้วความคิดเขาก็มาถึงจุดหนึ่ง เขียนต่อไม่ถูก เลยปรึกษาเพื่อนสนิทของเขาอย่าง รอน ชูเซ็ตต์ ให้ช่วยคิดบทต่อ ทั้งคู่ก็เลยต้องเอาบทภาพยนตร์เก่า ๆ เรื่องหนึ่งที่เล่าเรื่องนักบินทิ้งระเบิดต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบนเครื่องเอามาดัดแปลงเปลี่ยนให้เป็นตอนจบของเรื่องนี้ แล้วตั้งชื่อเรื่องว่า StarBeast ต่อมาพวกเขารู้สึกว่าชื่อหนังยังไม่โดนใจ ก็เลยเปลี่ยนเป็น Alien และมีการทำภาคต่อเรื่อยมานั้นเองและนี้คือเรื่องราวของ Alien หนังที่มีมาอย่างตำนานกว่า 43 ปีตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงสมัยนี้แม้เนื้อเรื่องในอดีตจะดีแค่ไหนก็ยังไม่สามารถสู้ระบบซีจีในปัจจุบันที่สามารถทำภาพยนตร์ออกมาให้สมจริงยิ่งกว่าเดิมจนแทบแยกไม่ออก และถ้ายิ่งได้บท ผู้เล่น ผู้สร้างที่ดีภาพยนต์ก็ยิ่งสามารถมีโอกาสประสมความสำเร็จยิ่งกว่าอดีตอย่างแน่นอน