• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - dsmol19

#2081
พาณิชย์ เผย 2 เดือนแรกไทยส่งออกไป RCEP กว่า 2.3 หมื่นล้านดอลล์ โต 9.1%

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถิติการส่งออกของไทยไปกลุ่มประเทศ RCEP ในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ. 65) พบว่า มีมูลค่า 23,501.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 52.5% ของการส่งออกไทยไปตลาดโลก ขยายตัว 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมากที่สุด 24.8% รองลงมา คือประเทศจีน 11.5% ญี่ปุ่น 9.4% ออสเตรเลีย 3.9% เกาหลีใต้ 2.3% และนิวซีแลนด์ 0.6%

ขณะที่ไทยนำเข้าจากกลุ่มประเทศ RCEP มูลค่า 28,890.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยนำเข้าจากประเทศจีนมากที่สุด 25.4% รองลงมา คืออาเซียน 17.2% ญี่ปุ่น 11.8% เกาหลีใต้ 3.6% ออสเตรเลีย 2.9% และนิวซีแลนด์ 0.3%

สำหรับในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 65 มีการใช้สิทธิ์ RCEP ส่งออก มูลค่า 1,165.52 ล้านบาท คิดเป็น 0.15% ของการส่งออกไทยไป RCEP โดยผู้ส่งออกขอใช้สิทธิ์ RCEP ส่งออกไปญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้มากที่สุด ขณะที่การใช้สิทธิ์ RCEP นำเข้ามีมูลค่า 494 ล้านบาท คิดเป็น 0.05% ของการนำเข้าจาก RCEP โดยการใช้สิทธิ์นำเข้าจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และเวียดนาม มากสุดตามลำดับ

"การค้าของไทยกับกลุ่มประเทศ RCEP มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกรมฯ ได้ดำเนินโครงการ "จับคู่กู้เงิน ลุยตลาด RCEP" ร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดหาสินเชื่อให้ผู้ประกอบการไทยที่สนใจส่งออกไปตลาด RCEP รวมทั้งยังได้ลงพื้นที่จัดสัมมนา "ชี้ช่องโอกาส ลุยตลาด RCEP" ทั้งในกรุงเทพฯ และในภูมิภาค เพื่อให้ความรู้และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP อย่างเต็มที่อีกด้วย" นางอรมน กล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เริ่มมีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 65 ปัจจุบันมีประเทศสมาชิก RCEP ให้สัตยาบันความตกลง RCEP แล้ว 13 ประเทศ ได้แก่ บรูไนฯ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ส่วนอีก 2 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย อยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้สัตยาบัน
#2082
ธนาคารโลกคาดศก.ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกขยายตัว 5% ปีนี้

ธนาคารโลกได้ออกมาระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกมีแนวโน้มขยายตัว 5% ในปี 2565 ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง รวมถึงภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นและสงครามรัสเซีย-ยูเครน

"ภาวะตื่นตระหนกจากผลพวงของสงครามในยูเครนและการคว่ำบาตรรัสเซียทำให้อุปทานสินค้าโภคภัณฑ์ตกอยู่ภายใต้ภาวะชะงักงัน เพิ่มความตึงเครียดทางการเงินและบั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก" รายงานความคืบหน้าทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับล่าสุดของธนาคารโลกระบุ

สำนักข่าวซินหัวเปิดเผยข้อมูลของธนาคารโลกว่า การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐอาจกระตุ้นให้มีการคุมเข้มทางการเงินเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยอาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับสหรัฐ แต่ "เร็วเกินไป" สำหรับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ โดยความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินทุนไหลออก ซึ่งสามารถสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินบางประเทศ อาจกดดันให้ต้องคุมเข้มทางการเงิน "ก่อนเวลาอันควร"

ธนาคารโลกระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกมีแนวโน้มจะชะลอตัวสู่ 5% ในปี 2565 ซึ่งลดลง 0.4% จากที่ประมาณการไว้ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยกล่าวเสริมว่า หากภาวะการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลกย่ำแย่ลงไปอีกและมีการตอบสนองด้านนโยบายระดับชาติอย่างอ่อนแอ การขยายตัวในภูมิภาคอาจชะลอตัวลงสู่ระดับ 4%
#2083
ยูโรกรุ๊ปชี้เศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวปีนี้จากผลกระทบวิกฤตยูเครน

นายปาสคาล โดโนโฮ ประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซนหรือยูโรกรุ๊ป (Eurogroup) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) ว่า รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนได้หารือถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่มีต่อเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน พร้อมระบุถึงความท้าทายที่มีนัยสำคัญ

ในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมของยูโรกรุ๊ปที่ประเทศลักเซมเบิร์ก นายโดโนโฮระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปจะชะลอตัวลงในปีนี้ เนื่องจากความขัดแย้งในยูเครน แม้ว่าปีนี้ เราจะยังคงเห็นการเติบโตเชิงบวกของเศรษฐกิจในหลายประเทศก็ตาม

นอกจากนี้ นายโดโนโฮยังระบุเพิ่มเติมว่า นโยบายด้านการค้าจะยังคงต้องมีความยืดหยุ่น

ด้านนายเปาโล เจนติโลนี คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจของยุโรปกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินถึงผลกระทบจากความขัดแย้งที่มีต่อเศรษฐกิจ โดยระบุว่า เขานั้นไม่เชื่อว่า เศรษฐกิจยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้วนั้นมีสัญญาณที่ดี

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย นายเจนติโลนีกล่าวว่า กลุ่มยูโรโซนทราบดีว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป และหากจะใช้เครื่องมือตอบโต้ทางเศรษฐกิจ ยุโรปเองก็จะต้องแลกมากับราคาที่ต้องจ่าย
#2084
บุหรี่ ORIS ฟ้า ราคาถูก สายเย็นไม่ควรพลาดครับ 1 เม็ดบีบ เก็บเงินปลายทาง

บุหรี่ ORIS ฟ้า ราคาส่ง 1 เม็ดบีบ ให้ความเย็นกำลังดี มวนสลิมเล็ก ซองสวย พกพาสะดวก สูบดีมาก สายเย็นไม่ควรพลาดครับ ของแท้ ส่งด่วน เก็บเงินปลายทาง บุหรี่เย็นจากค่าย Oris มาพร้อมเม็ดบีบ 1 เม็ด

บุหรี่ ORIS ฟ้า ราคา
1 คอทตอน ราคา 350 บาท

ติดต่อสั่งซื้อ
Line :: @pra777

เพิ่มเพื่อน

รายละเอียดเพิ่มเติม
(บรรจุ 20 มวน/ซอง – 10 ซอง/คอตตอน)

บุหรี่เย็นจากค่าย Oris มาพร้อมเม็ดบีบ 1 เม็ด ให้ความเย็นกำลังดี มวนสลิมเล็ก ซองสวย พกพาสะดวก สูบดีมาก สายเย็นไม่ควรพลาดครับ

MADE IN GERMANY
#2085
ครั้งแรกในไทย! Dow จับมือเทพวิมลพลาสติก พัฒนาถาดบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็งคาร์บอนต่ำ

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านวัสดุศาสตร์ (Materials Science) ร่วมกับบริษัท เทพวิมลพลาสติก จำกัด ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาถาดบรรจุภัณฑ์อาหารจากพลาสติกโพลีสไตรีนสูตรพิเศษซึ่งสามารถนำวัสดุสะอาดที่เหลือจากการผลิตบรรจุภัณฑ์ในโรงงานกลับมาใช้ประโยชน์ได้ถึง 87% ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 50% และลดขยะตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ

ถาดอาหารแช่แข็งที่ผลิตจากโพลีสไตรีน (Polystyrene) ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมอาหารทั่วไป ผัก ผลไม้ และอาหารแช่แข็ง เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี ดูดซับความชื้นต่ำ และสามารถรีไซเคิลได้ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม จึงได้คิดค้นนวัตกรรมเม็ดพลาสติกโพลีสไตรีนสูตรใหม่ที่ช่วยให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมนำอุตสาหกรรมไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

Dow ได้ร่วมมือกับบริษัท เทพวิมลพลาสติก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์จากโพลีสไตรีนรายใหญ่ของประเทศ นำนวัตกรรมเม็ดพลาสติกโพลีสไตรีนสูตรใหม่มาพัฒนาเป็นถาดบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็ง (Frozen Foam Packaging) โดยพบว่าสามารถเพิ่มอัตราการนำชิ้นส่วนที่เหลือจากกระบวนการผลิต (scrap) มาผสมในถาดบรรจุภัณฑ์ใหม่ได้ถึง 87% และช่วยลดขั้นตอนในการผลิต ลดการใช้ทรัพยากร และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้มากถึง 2,046 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 6,340 ไร่ต่อปี

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า "Dow มุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนและตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอน หยุดขยะพลาสติก และส่งเสริมวงจรรีไซเคิล เรายินดีที่ได้ร่วมกับเทพวิมลพลาสติกซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในการพัฒนาโซลูชันคาร์บอนต่ำตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน"

นายธนไชย วงษ์วิบูลย์สิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพวิมลพลาสติก จำกัด กล่าวว่า "ความร่วมมือกับ Dow ในครั้งนี้ช่วยให้เราลดปริมาณการใช้ทรัพยากรได้เป็นอย่างมาก โดยสามารถนำชิ้นงานสะอาดที่มีขนาดไม่ได้มาตรฐานหรือหลงเหลือจากกระบวนการผลิตทั้งหมดกลับมาใช้ผลิตเป็นสินค้าใหม่ ลดภาระและค่าใช้จ่ายในการขนส่งและจัดการวัสดุเหลือใช้ในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ถาดอาหารแช่แข็งของเรามีการปลดปล่อยคาร์บอนที่ต่ำลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง เป็นโอกาสสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในเวทีโลก อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเรากว่า 26 ปี ในการผลิตสินค้าคุณภาพที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อสอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่กำลังเปลี่ยนไป"
#2086
สิงคโปร์ผ่านกม.คุมแพลตฟอร์มคริปโทฯ สั่งปรับอ่วมหากถูกโจมตีทางไซเบอร์

รัฐสภาสิงคโปร์ลงมติอนุมัติกฎหมายซึ่งจะเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี โดยนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมคริปโทฯ ในสิงคโปร์กำลังถูกควบคุมมากขึ้น

กฎหมายฉบับใหม่นี้ จะกำหนดให้แพลตฟอร์มคริปโทฯ ของสิงคโปร์ซึ่งทำธุรกิจในต่างประเทศต้องมีใบอนุญาต โดยปัจจุบัน แพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน และต่อต้านการจัดหาเงินทุนสำหรับการก่อการร้าย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การผ่านกฎหมายควบคุมแพลตฟอร์มคริปโทฯ ของสิงคโปร์ในวันนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินออกคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทในอุตสาหกรรมคริปโทฯ ทำการโฆษณาต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลสิงคโปร์มีความกังวลอย่างมากในเรื่องนี้

สำหรับเนื้อหาในกฏหมายฉบับใหม่นั้น ครอบคลุมถึงการให้อำนาจธนาคารกลางสิงคโปร์ในการห้ามบุคคลที่ไม่มีความเหมาะสมเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินกิจกรรมและกำหนดกลไกในอุตสาหกรรมการเงิน

นอกจากนี้ กฎหมายยังระบุให้มีการลงโทษปรับสถาบันการเงินเป็นเงินสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (737,050 ดอลลาร์สหรัฐ) หากเกิดกรณีการโจมตีทางไซเบอร์ หรือการให้บริการบนแพลตฟอร์มหยุดชะงัก

 
#2087
ศรีลังกาเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้หลังเจอวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ราคาพันธบัตรของรัฐบาลศรีลังกาทรุดตัวลงอย่างหนัก หลังเกิดเหตุการณ์ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและการตัดกระแสไฟฟ้าเป็นวงกว้าง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี และยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่า ความปั่นป่วนทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของรัฐบาลในการชำระหนี้ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น

ราคาพันธบัตรรัฐบาลศรีลังกามูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ค.ปีนี้ อยู่ที่ระดับ 59 เซนต์สหรัฐ ณ วันจันทร์ที่ 4 เม.ย. ซึ่งลดลง 7 เซนต์ และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563

ราคาล่าสุดของพันธบัตรรัฐบาลศรีลังกาซึ่งปรับตัวลงรุนแรงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนานั้น สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมากขึ้นว่าศรีลังกาจะประสบปัญหาในการชำระหนี้ เมื่อพันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอนในเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือนข้างหน้านี้

ศรีลังกากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศที่ใช้ในการชำระค่านำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง จนส่งผลให้ไฟดับทั้งประเทศเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 เม.ย.) รวมทั้งเกิดภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิง, อาหาร และยา เป็นชนวนให้ความโกรธแค้นของประชาชนปะทุขึ้น และออกมาประท้วงตามท้องถนน

การประท้วงที่รุนแรงส่งผลให้รัฐบาลศรีลังกาตัดสินใจปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียรวมถึงเฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม และประกาศเคอร์ฟิว 36 ชั่วโมงตั้งแต่เวลา 18.00 น.ในวันเสาร์ที่ 2 เม.ย. จนถึง เวลา 06.00 น.ในวันจันทร์ที่ 4 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่น โดยประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะ ผู้นำศรีลังกา ประกาศห้ามไม่ให้ประชาชนออกมาในที่สาธารณะ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางการ

ทั้งนี้ ภาวะขาดแคลนเงินสดของศรีลังกาส่งผลให้รัฐบาลต้องบังคับใช้มาตรการควบคุมเงินทุน (Capital Control) , ควบคุมการนำเข้า และวางแผนที่จะเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับผู้ถือพันธบัตรเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รัฐบาลต้องผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลศรีลังกายังพยายามที่จะหันไปพึ่งพาเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

ปธน.ราชปักษเปิดเผยว่า ศรีลังกากำลังขอความช่วยเหลือจาก IMF เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งเป้าหมายลดการขาดดุลการค้าไว้ประมาณ 14% ในปีนี้ รวมทั้งลดยอดขาดดุลการค้าลงสู่ระดับ 7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ จาก 8.1 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกับประเมินว่า ศรีลังกาต้องใช้เงินช่วยเหลือ 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อพยุงสถานะการเงินของประเทศ

หาก IMF ตัดสินใจปล่อยเงินกู้ต่อ ก็จะกลายเป็นมาตรการช่วยเหลือทางการเงินรอบที่ 17 ที่ IMF อนุมัติให้กับศรีลังกา ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีเงื่อนไขมากมาย เช่น การปฏิบัติตามเป้าหมายทางการคลังอย่างเข้มงวด
#2088
SMD' เสริมช่องทางขาย ATK ใหม่ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ค่าจัดส่งฟรี ถึงลูกค้าภายใน 3 วัน ผ่านไปรษณีย์ไทย
 
บมจ.เซนต์เมด (SMD) ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต เพิ่มช่องทางขายชุดตรวจ ATK ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ https://atk.saintmed.com ในราคาเพียง 49 บาท/ชิ้น ส่งฟรีทั่วประเทศผ่าน ไปรษณีย์ไทย ถึงผู้ซื้อภายใน 3 วัน หวังเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจฯ มากขึ้น ลดภาระในการเดินทางไปซื้อ ลดระยะเวลาในการรอคอยจากการสั่งซื้อ ATK ผ่านตัวแทนจำหน่าย และ/หรือ เข้าสู่ระบบรักษาพยาบาลได้เร็วขึ้นหากตรวจพบเชื้อผลบวก

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ในการคัดกรองการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ https://atk.saintmed.com ในราคาเพียง 49 บาท/ชิ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในเขตต่างจังหวัด หรือแม้กระทั่งประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ที่ไม่สะดวกในการเดินทางออกไปซื้อในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หรือตู้จำหน่าย ATK แบบอัตโนมัติที่ติดตั้งไปแล้วทั่วประเทศประมาณ 50 ตู้ ในโรงพยาบาลรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข

"ปัจจุบันการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น แม้ภาครัฐฯ มีแนวคิดจะเริ่มปรับแนวทางบริหารจัดการโรคโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) แทนโรคระบาดใหญ่ (Pandemic) ซึ่งการตรวจ ATK เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อ และ/หรือ เข้าสู่ระบบรักษาพยาบาลให้เร็วยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนให้ความสำคัญ บริษัทฯ จึงเดินหน้าขยายช่องทางจัดจำหน่ายชุดตรวจ ATK ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ https://atk.saintmed. com ในราคาเพียง 49 บาท/ชิ้น ส่งฟรีทั่วประเทศ ผ่านไปรษณีย์ไทย โดยสินค้าจะส่งตรงถึงมือลูกค้าในระยะเวลา 3 วัน" ดร.วิโรจน์ กล่าว
#2089
สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงโรครูมาตอยด์ได้
ผู้ที่ป่วยเป็นรูมาตอยด์หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะต้องเผชิญกับอาการปวดบวมตามข้อมือ ข้อศอก ข้อเท้า และเข่า รวมทั้งคอได้เช่นกัน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผิวหนัง ดวงตา อวัยวะภายใน เช่น ปวด หัวใจ ไต ได้อีกด้วย 
•สาเหตุของโรครูมาตอยด์ ไม่แน่ชัด
ปัจจุบันยังไม่รู้สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรค แต่พบว่าเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง บางรายที่มีอาการภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายตัวเอง จะทำให้เกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดบวม อักเสบตามร่างกาย 
•ลดความเสี่ยงของโรครูมาตอยด์ ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
เราสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นโรครูมาตอยด์ได้ ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง เริ่มจาก
1.ออกกำลังกาย เพื่อช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงตามข้อมือ ข้อศอก และทุกส่วนในร่างกาย 
2.ไม่ยกของหนัก ไม่กระโดด หรือนั่งพับเพียบ เพื่อลดการทำลายข้อ 
3.ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนเกินไป เพื่อลดการรับน้ำหนักของข้อเข่า ข้อเท้า 
นอกจากนี้ ยิ่งเราเสริมการดูแลด้วย Balance UCore เป็นประจำทุกวัน ยิ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้แน่นอน
BALANCE UCore (BLU)
จดทะเบียนในชื่อ ยูคอร์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูลนิ่ม)
UCore (SOFT GEL DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT)
เลขที่ อย. 13-1-07458-5-0233
ขนาดบรรจุ 30 แคปซูล
ปกติ 1,290 บาท
ราคาพิเศษเพียง 990 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ!
2กระปุก แถม1 กระปุก 
ส่งฟรีเคอรี่ มีบริการเก็บเงินปลายทาง
**ของแท้จากบริษัทโดยตรง**
สอบถาม LINE: @balances
UCore ของแท้
#2090
รัสเซียเปิดช่องจัดซัมมิต 'ปูติน-เซเลนสกี' หากมีข้อตกลงพร้อมลงนาม

นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน หากคณะเจรจาสันติภาพของรัสเซียและยูเครนสามารถจัดทำข้อตกลงที่พร้อมให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายลงนาม

'เราไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการจัดการประชุมดังกล่าว แต่เราขอย้ำว่าการประชุมจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อเรามีข้อตกลงที่ได้รับการยอมรับทั้งสองฝ่าย' นายเพสคอฟกล่าว

เกิดแผ่นดินไหว 5.4 แมกนิจูดนอกชายฝั่งญี่ปุ่น ยังไม่มีเตือนภัยสึนามิ

กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) เปิดเผยในวันนี้ว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.4 แมกนิจูดนอกชายฝั่งจังหวัดฟูกูชิมะของญี่ปุ่น

เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.04 น.ตามเวลาไทย ขณะที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึก 50 กิโลเมตร โดยมีพิกัดอยู่ที่ 37.8 ละติจูดองศาเหนือ และ 141.6 ลองจิจูดองศาตะวันออก

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ และไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
#2091
เกิดแผ่นดินไหว 6 แมกนิจูดนอกชายฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย ไม่มีเตือนสึนามิ

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีวิทยาของอินโดนีเซียรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 แมกนิจูดในจังหวัดมาลูกุเหนือ (North Maluku) ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 08.44 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ (08.44 น.ตามเวลาไทย)

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิในขณะนี้

รายงานระบุว่า แผ่นดินไหวในวันนี้มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเขตฮัลมาเฮรา บารัต ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมาลูกุเหนือประมาณ 108 กิโลเมตร และมีความลึกใต้ทะเลประมาณ 10 กิโลเมตร

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๕

นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๕ ระหว่างวันที่ ๓๑ มีนาคม - ๑ เมษายน ๒๕๖๕ ที่สำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา

วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๕ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเสริมสร้างสันติภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค ส่งเสริมให้อาเซียนเป็นประชาคมเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มีขีดความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามและสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อภูมิภาค รวมทั้งรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการดำเนินความสัมพันธ์กับภาคีภายนอกท่ามกลางความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
#2092
เจ เวนเจอร์ส มองตลาดตอบรับ NFT เร็วมาก เดินหน้าจับมือพันธมิตรยกระดับวงการ

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนา JNFT Marketplace เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาด NFT ในประเทศเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ สะท้อนได้จากผลงานของศิลปิน และครีเอเตอร์ ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานผ่านแพลตฟอร์ม JNFT Marketplace นับตั้งแต่เปิดตัวมามีผลงานจำนวนกว่า 700 ชิ้น สะท้อนให้เห็นภาพการเติบโตที่ชัดเจนของตลาด NFT ในประเทศไทย

ในวันนี้ไม่ได้อยู่เพียงแค่การนำเสนอผลงานรูปแบบศิลปะส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังได้เห็นผลงาน NFT ที่อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก อาทิ ความบันเทิง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสถาบันการเงิน เป็นต้น นับว่าอุตสากรรมต่าง ๆ ล้วนนำเอา NFT มาเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การทำการตลาดเพื่อเข้าถึงผู้คนกลุ่มรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

"นับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ที่ JNFT Marketplace ได้เริ่มต้นเปิดตัวให้บริการอย่างเป็นทางการ เชื่อว่า JNFT ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ศิลปิน และนักสร้างสรรค์ชาวไทยมีโอกาสนำเสนอผลงาน NFT และงาน Digital Art ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเป็นอีกช่องทางที่จะนำนักสะสมทั้งไทย และต่างชาติได้เข้าถึงผลงานศิลปะเหล่านั้นอย่างกว้างขวาง ซึ่ง JNFT จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยนำเสนผลงานคนไทยสู่สายตาโลกได้เป็นอย่างดี" นายธนวัฒน์ กล่าว
นายวรพจน์ ธาราศิริสกุล Chief Technology Officer (CTO) เจ เวนเจอร์ส กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้เห็นกระแสตอบรับของศิลปิน ครีเอเตอร์ นักสะสม และผู้ชื่นชอบผลงาน NFT เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เป็นการการันตีได้ว่าตลาด NFT มาแรงและเติบโตไม่หยุด นั่นคือความสนใจขององค์กรต่าง ๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรม สะท้อนได้จากความร่วมมือรูปแบบ Corporate NFT ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่าง JNFT กับองค์กรธุรกิจที่จะสร้างสรรค์งาน NFT ระดับองค์กร อาทิ บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด,บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (SINGER), บมจ.โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป (MODERN) บมจ.สหพัฒนพิบูล , The Moon : Crypto & NFT Cafe ซีคอนสแควร์ และ 333 Gallery ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นความหลากหลายของงาน NFT ที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม

"งาน NFT จะช่วยเข้ามาเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรธุรกิจได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่ทำให้องค์กรดูมีความทันสมัยมากขึ้น เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนกลุ่มรุ่นใหม่ได้มากขึ้น และในขณะเดียวกันจะเป็นส่วนช่วยเสริมให้กลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ขึ้นผ่าน NFT หรือ ที่เรียกว่า NFT Marketing ขององค์กรและธุรกิจต่าง ๆ สามารถประสบความสำเร็จได้ อีกทั้งความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการสร้างสรรค์ NFT ยังเป็นอีกเครื่องมือที่จะช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราได้สร้าง engagement กับกลุ่มเป้าหมายของเขาอีกด้วย และ JNFT Marketplace เองก็พร้อมเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยผลักดันให้ NFT ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนสอดรับไปกับดิจิทัลเทรนด์ของโลกยุคนี้" นายวรพจน์ กล่าว
สำหรับ JNFT Marketplace มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างพื้นที่ให้กับงานศิลปะที่หลากหลายรูปแบบ และต้องการที่จะสนับสนุนนักศิลปะ ศิลปิน ครีเอเตอร์ และผู้สร้างสรรค์ได้มีพื้นที่แสดงผลงาน และสร้างรายได้ผ่านรูปแบบ Digital รวมไปถึงการทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจกับการเลือกชมและเสนอซื้อขายงานศิลปะที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลาบนแพลตฟอร์ม JNFT Marketplace
#2093
ดอลลาร์แข็งค่าสอดคล้องบอนด์ยีลด์ดีดตัวรับคาดการณ์เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในวันนี้ สอดคล้องกับการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ ยูโรอ่อนค่าลงในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐและยุโรปจะเพิ่มการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย โดยอาจเป็นการคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานเพื่อตอบโต้ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน

ณ เวลา 23.10 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.22% สู่ระดับ 122.76 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.39% สู่ระดับ 134.85 เยน และร่วงลง 0.62% สู่ระดับ 1.098 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.29% สู่ระดับ 98.92

นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวเรียกร้องให้มีการระงับสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลังมีการพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากในยูเครน

"เนื่องจากมีการพบหลักฐานของการก่ออาชญากรรมสงคราม รวมทั้งมีการพบหลุมฝังศพและร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเมืองบูชาของยูเครน รัสเซียจึงไม่อาจเป็นสมาชิกในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้อีกต่อไป" นางทรัสส์กล่าว
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำตัวประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขึ้นศาลในฐานะอาชญากรสงคราม หลังมีการพบผู้เสียชีวิตจำนวนมากในยูเครน

ปธน.ไบเดนยังกล่าวว่า สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรรัสเซียมากขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน

ผู้นำสหรัฐกล่าว หลังสื่อรายงานการพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเมืองบูชา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ โดยนายกเทศมนตรีเมืองบูชาระบุว่า ผู้เสียชีวิต 280 รายถูกฝังในสุสานของเมือง ขณะที่ภายในเมืองเกลื่อนไปด้วยร่างผู้เสียชีวิต

ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนในวันนี้ ซึ่งการสังหารโหดที่เกิดขึ้นถือเป็นการก่อคดีอาชญากรรมสงคราม และถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนมี.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพุธ
#2094
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ บมจ. เจดีฟู้ด 'JDF' เริ่มซื้อขาย 7 เม.ย. นี้

บมจ. เจดีฟู้ด ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร ซอส ไส้ขนม อาหารอบแห้ง ขนมขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบ และซุปกึ่งสำเร็จรูป พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 7 เม.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,560 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า 'JDF'

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เจดีฟู้ด เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า 'JDF' ในวันที่ 7 เมษายน 2565

JDF ประกอบธุรกิจผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร (Food Seasoning) ซอส ไส้ขนม อาหารอบแห้ง แบบครบวงจรตามความต้องการของลูกค้า (Made to Order) ซึ่งเครื่องปรุงรสอาหารดังกล่าวนำไปใช้สำหรับเป็นวัตถุดิบส่วนผสมในการปรุงอาหารของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร อีกทั้ง บริษัทมีการรับจ้างผลิตขนมขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบความต้องการของลูกค้าแบบ OEM (Original Equipment Man.cturer) ให้แก่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัททั้ง ผงเขย่าปรุงรสและไส้เบเกอรี่ ตรา 'โอเค' ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงปรุงรสและอาหารไทยกึ่งสำเร็จรูป ตรา 'กินดี' หรือ 'Kin Dee'มะพร้าวอบกรอบ ตรา 'Crispconut' และตรา 'Little Monkey' และ ซุปกึ่งสำเร็จรูปไม่ใส่ผงชูรสทุกชนิดตรา 'GOOD EATS'

JDF มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) 150 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 29-31 มีนาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 390 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,560 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 25.78 เท่า โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจดีฟู้ด (JDF) เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารกว่า 30 ปี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของลูกค้าในธุรกิจอาหาร ร้านอาหารยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงธุรกิจ SMEs กว่า 300 ราย โดยบริษัทมีทีมวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์อาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้ตรงความต้องการและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งได้พัฒนามาแล้วกว่า 2,000 รสชาติ ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการทำธุรกิจ ทั้งนี้บริษัทมีความพร้อมรองรับโอกาสการเติบโตหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เนื่องจากได้สร้างโรงงานแห่งใหม่ตามมาตรฐานรับรองคุณภาพในระดับสากล เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาสูตรและผู้ผลิตเครื่องปรุงรสชั้นนำของประเทศ

การระดมทุนและการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการเงิน และขีดความสามารถขยายธุรกิจ โดยเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO จะนำไปใช้เพื่อขยายช่องทางตลาดไปยังต่างประเทศ ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาและระบบเทคโนโลยีสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการเติบโต ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

JDF มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่าง ๆ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน สภาพคล่อง แผนการลงทุนและการขยายธุรกิจในอนาคต สภาวะตลาด ความเหมาะสม และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ ครอบครัวหอสัจจกุล และ นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท ถือหุ้นรวม 75%
#2095
เวอร์จิ้น แอ็คทีฟประเดิมงาน FOR EVERY KIND OF FIT. ต่อยอดนิยามใหม่แห่งการออกกำลังกาย กับความฟิตที่ใช่ ในสไตล์ที่ชอบ

เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ (Virgin Active) คลับออกกำลังกายระดับโลก จัด อีเวนต์ภายใต้คอนเซปต์ FOR EVERY KIND OF FIT. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วุธรวี จารุวัฒนะ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ นางงามสายฟิตอย่างคุณ น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ และฟิตเนสอินฟลูเอ็นเซอร์แถวหน้าอย่างคุณ มิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ พร้อมผู้เชี่ยวชาญในแวดวงฟิตเนสอีกมากมายที่มาร่วมให้ความรู้ และสาธิตวิธีการออกกำลังกายที่สนุกและความฟิตที่ใช่หลากหลายรสชาติ

ในปีนี้ งาน FOR EVERY KIND OF FIT. มีจุดประสงค์ที่จะปลุกกระแสการออกกำลังกายในประเทศไทย อีกทั้งยังตอกย้ำแคมเปญของ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ที่ว่า No pain, No gain? No Thanks. หรือ ผลลัพธ์ที่ดีไม่จำเป็นต้องแลกมากับความเจ็บปวด โดยเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย ด้วยการนำมุมมองของการเพิ่มประสบการณ์การออกกำลังกายที่สนุกสนาน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ลำบาก เหนื่อย เจ็บปวด และเข้าถึงยาก โดยการเชิญชวนให้คนไทยมาร่วมค้นหาความสนุกและความฟิตที่ใช่หลากหลายรสชาติ ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เพื่อให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกและได้ผลลัพธ์ นอกจากนี้ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ยังมีความตั้งใจที่จะผลักดันให้ทุกคนรักษาสุขภาพด้วยความฟิตที่เหมาะกับพวกเขา พร้อมสร้างแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตอย่างแอคทีฟและยั่งยืน

ดร.วุธรวี จารุวัฒนะ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ กล่าว "ในฐานะตัวแทนของ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะร่วมผลักดันกระแสการออกกำลังกายในสังคมไทย ผ่านงาน FOR EVERY KIND OF FIT. และเปิดตัวคลาสใหม่ล่าสุด พิลาทีส รีฟอร์เมอร์ นำความสนุกในการออกกำลังกายมาให้กับทุกท่าน เพื่อช่วยให้ทุกท่านค้นหาสไตล์การออกกำลังกายที่สนุกและเหมาะกับความฟิตที่แตกต่างกัน ได้แก่ กิจกรรมตรวจวัดมวลกล้ามเนื้อ โซนพิลาทีส รีฟอร์มเมอร์ อีกทั้งยังมีคลาสเต้นสนุก ๆ อย่างบอดี้คอมแบทและบอดี้แจมอีกด้วย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ จะช่วยให้ทุกท่านสนุกกับสไตล์การออกกำลังกายที่ใช่ แล้วท่านจะพบว่าการออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป มาออกกำลังกายที่เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ เวสต์เกต ครบทุกความฟิตที่ตรงใจ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและชีวิตที่ยืนยาวของเรา"

ไฮไลต์พิเศษในงานนี้คงหนีไม่พ้นการเปิดตัวของคลาสสุดป็อป พิลาทิส รีฟอร์เมอร์ ครั้งแรกที่เวสต์เกต โดยพิลาทิส เป็นการออกกำลังกายเพื่อเน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้ช่วงแกนกลางลำตัว รวมถึงสร้างความยืดหยุ่นควบคู่ไปด้วย ซึ่งมีหลายรูปแบบ รวมถึง พิลาทิส รีฟอร์เมอร์ ที่ใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เรียกว่าเครื่องรีฟอร์เมอร์ (Reformer) เป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของพิลาทิส ประกอบด้วยแผ่นรองที่สามารถเคลื่อนไปด้านหน้าและหลัง อีกทั้งยังมีสปริงที่สามารถยืดไปและกลับได้ ซึ่ง พิลาทีส รีฟอร์เมอร์ จะช่วยปรับการเคลื่อนไหวของผู้เล่นให้แข็งแรง พร้อมสร้างความมั่นคง ความคล่องตัว พลัง การทรงตัว ความแม่นยำ ความพลิ้วไหว และยังช่วยเสริมสร้างท่วงท่าและความอิสระให้กับผู้เล่นอีกด้วย
#2096
ยอดขาย NFT ทั่วโลกเดือนมี.ค.ร่วงลง 21% เทียบรายเดือน

ยอดขาย NFT ทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักในเดือนมี.ค. เนื่องจากนักลงทุนสนใจถือครองหรือสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT ลดลงจากเดิม

ผลการวิจัยจาก Be[In]Crypto ระบุว่า แม้ยอดขาย NFT ในเดือนมี.ค.จะสูงถึงราว 2.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หากมองในภาพรวมของตลาดแล้วก็ยังคงถือว่าเป็นเดือนที่มีสถานการณ์ยากลำบากพอสมควร

ตัวเลขจาก Be[In]Crypto ระบุว่า ยอดขาย NFT ทั่วโลกเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 21% จากเดือนก.พ. ซึ่งทำรายได้ไปที่ราว 2.92 พันล้านดอลลาร์

การปรับตัวลงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อตลาด NFT เนื่องจากผู้ซื้อรายใหม่ ๆ จะดูข้อมูลในเดือนก่อนหน้านี้เพื่อทำการตัดสินใจว่าจะควรทุนใน NFT หรือไม่

ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญกับนักลงทุนสาย NFT เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าผลงานศิลปะที่อยู่ในรูปแบบของโทเคนนั้นจะได้รับความนิยมจนเป็นกระแสหลักแทนที่ผลงานศิลปะแบบดั้งเดิม ขณะผู้เชี่ยวชาญในสาย DeFi และเทคโนโลยีบล็อกเชนอื่น ๆ อีกหลายล้านคนยังคงมองว่า NFT นั้นเป็นโทเคนที่ค่อนข้างใหม่สำหรับโลกแห่งการลงทุน
#2097
FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน มี.ค.65 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 117.92 ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 113.03 ในการสำรวจครั้งก่อน ยังอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว"

ปัจจัยบวก ได้แก่ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมาค่อนข้างดี สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศคลี่คลายระดับหนึ่ง การไหลเข้าของเงินทุน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

ส่วนปัจจัยลบ ยังเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และ สถานการณ์โควิดโอมิครอน

ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex เปิดบวก 487.44 จุด แรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงินหนุนตลาด

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดบวกในวันนี้ โดยตลาดได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร
ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดีย เปิดตลาดวันนี้ที่ 59,764.13 จุด เพิ่มขึ้น 487.44 จุด หรือ 0.82%

หุ้น HDFC Bank เพิ่มขึ้น 5.8% หุ้น Bajaj Finance เพิ่มขึ้น 1.2% และหุ้น Indusind Bank ขยับขึ้น 0.6%

 
#2098
KKP Economic Forum ชี้ไทยถึงจุดพลิกผัน ต้องบ่มเพาะนวัตกรรมจากภายใน ตั้งรับโลกแตกขั้ว-แย่งพลังงาน

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร(KKP) ร่วมกับสำนักข่าวเดอะ สแตนดาร์ด จัดงานสัมมนาใหญ่ในวาระครบรอบ 50 ปีของกลุ่มธุรกิจฯ "THIS IS THE END OF THE LINE สถานีต่อไปของเศรษฐกิจไทย สร้างใหม่อย่างไรดี" วิเคราะห์ประเทศไทยติดหล่มกับดักรายได้ปานกลาง ท่ามกลางการแตกขั้วของการเมืองโลก การพลิกผันของเทคโนโลยีที่เคยเป็นจุดขายของประเทศ และการปฏิวัติอุตสาหกรรมพลังงานรอบใหม่จากภาวะโลกร้อน แนะยกระดับศักยภาพการแข่งขันและทักษะแรงงานผ่านการศึกษา ตลอดจนการวิจัยและพัฒนา เพื่อกระตุ้นนวัตกรรมจากภายในประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีเวทีเสวนา ของผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และเสนอแนะแนวทางออกแบบสถานีต่อไปของเศรษฐกิจไทย ในรูปแบบ Virtual Conference

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวระหว่างการเปิดงานสัมมนาว่า "กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรได้จัดทำหนังสือ 50 Years: The Making of the Modern Thai Economy เพื่อสำรวจพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยในระยะเกินกว่า 50 ปีที่ผ่านมา และพบว่าหากใช้เกณฑ์เป้าหมายของการพัฒนาประเทศที่ควรจะต้อง 'มั่งคั่ง ทั่วถึง และยั่งยืน' ประเทศไทย ยังต้องเร่งฝีเท้าขึ้นอีกมาก เพราะในมิติความ 'มั่งคั่ง' ประเทศไทยมีอัตราเติบโตช้ากว่าประเทศที่มีจุดเริ่มใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่ามาก ไม่ว่าจีนหรือสิงคโปร์ ในด้านความ 'ทั่วถึง' รายได้ของคนในระดับบนร้อยละ 20 และคนระดับล่างร้อยละ 20 ของประเทศ ต่างกันถึง 8 เท่า สะท้อนโอกาสเข้าถึงการศึกษาและทรัพยากรที่ต่างกันอย่างมาก ด้านความ 'ยั่งยืน' แม้ประเทศไทยจะมีพื้นฐานดี เศรษฐกิจมีการกระจายตัว แต่การเปลี่ยนผ่านของโลกในมิติของเทคโนโลยี การเมือง และสิ่งแวดล้อม จะทำให้ความยั่งยืนของเศรษฐกิจถูกกระทบ และการตระหนักถึงความเร่งด่วนของปัญหาการพัฒนาที่ยังไม่บรรลุเป้าคือจุดเริ่มของทางออก"

ด้าน นายธีระพงษ์ วชิรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวใน Keynote Presentation หัวข้อ Thailand's Final Call ว่า "ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเราได้เดินตามสูตรสำเร็จของการพัฒนามาโดยลำดับ ตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างความมั่นคงทางพลังงาน การพัฒนาอุตสาหกรรม มาจนการเปิดเสรีการเงินและการค้าและบริการ แต่ในขณะเดียวกัน จะพบว่าปัจจัยจากโลกภายนอกเป็นตัวกำหนดความสำเร็จและล้มเหลวของนโยบายเหล่านั้นไม่น้อย เช่น การสนับสนุนของสหรัฐฯ แก่ไทยในช่วงสงครามเย็นกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วิกฤตการณ์น้ำมันนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงาน การหลั่งไหลของเงินทุนไปสู่ตลาดเกิดใหม่เป็นพื้นฐานของวิกฤตต้มยำกุ้ง และการเกิดขึ้นของชนชั้นกลางในจีนทำให้การท่องเที่ยวไทยเติบโต ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ประเทศไทยเดินทางมาสู่จุดพลิกผัน เพราะเติบโตช้าลง และสูญเสียตลาดให้กับเพื่อนบ้าน ในขณะที่เงื่อนไขจากภายนอกอาจไม่เป็นแรงส่งอีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นการแตกขั้วของการเมืองโลกที่อาจทำให้โลกาภิวัตน์ไหลย้อนกลับ การขาดแคลนพลังงานที่จะทำให้ต้นทุนทุกระดับแพงขึ้น หรือการพลิกผันของเทคโนโลยีที่จะกระทบฐานอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ด้วยเหตุนี้ การพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) และนักท่องเที่ยวอย่างเดิมไม่ใช่คำตอบที่เพียงพอ ประเทศไทยต้องวางรากฐานของนวัตกรรมที่กำเนิดจากภายใน ซึ่งตั้งอยู่บนการศึกษาที่ดีและการขจัดปัญหาคอร์รัปชันที่บั่นทอนการแข่งขันและพัฒนา"

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีเวทีเสวนาอีก 2 เวที ประกอบด้วยเวที Bracing for the Future I: Technology and Climate Change ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) นางสาวปฐมา จันทรักษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และนางสาวสฤณี อาชวานันทกุล กรรมการผู้จัดการด้านการพัฒนาความรู้ แห่ง 'ป่าสาละ' และเวที Bracing for the Future II: Geopolitics and Our Politics ซึ่งประกอบด้วย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และ รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งนี้ โดยมี ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัยและ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน เป็นผู้ดำเนินรายการ

การจัดสัมมนา "THIS IS THE END OF THE LINE สถานีต่อไปของเศรษฐกิจไทย สร้างใหม่อย่างไรดี" เป็นงานเสวนาด้านเศรษฐกิจของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ซึ่งมุ่งนำเสนอองค์ความรู้ที่จะเปิดโอกาสให้แก่เศรษฐกิจไทย โดยในปีนี้ได้นำเอาประเด็นสำคัญบางส่วนจากหนังสือ 50 Years: The Making of the Modern Thai Economy ที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบ 50 ปีของการก่อตั้งองค์กรมาอภิปรายและขยายผลการรับรู้สู่สาธารณะ
#2099
'ซันเดย์' แต่งตั้ง Country Manager คนใหม่มากประสบการณ์ นำทีมขยายพาร์ทเนอร์ธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ใหม่ขับเคลื่อน Ecosystem ในไทย

บริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด (Sunday) ผู้นำ InsurTech ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศแต่งตั้ง คุณยุวดี ปิตวิวัฒนานนท์ ให้ดำรงตำแหน่ง Country Manager เพื่อนำทีมประเทศไทยสร้างการเติบโตธุรกิจ เดินหน้าสร้างพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์  โดยซันเดย์มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดูแลสุขภาพ ยานยนต์ไฟฟ้า และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำไปใช้ได้จริงในทุก Ecosystem  เนื่องจากโมเดลธุรกิจทั่วประเทศไทยยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

'ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรม InsurTech ในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของซันเดย์ให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานสูงสุดของการให้บริการของเราไว้' คุณยุวดีกล่าว 'ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของเราทุกคน จะสามารถเข้าถึงการประกันภัย และให้การบริการของเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเขา โดยซันเดย์จะส่งมอบและยกระดับมาตรฐานของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว'

คุณยุวดีมีประสบการณ์ในวงการประกันมากกว่า 20 ปี จากบริษัทประกันชั้นนำระดับโลกเช่น Cigna, Allianz และ AEGON ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายขาย (Sales Director) ที่ eBaoTech โดยหน้าที่รับผิดชอบหลักคือการสร้าง 

ความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการทางการเงิน และผู้ให้บริการโทรคมนาคมขนาดใหญ่ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์ และนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดและธุรกิจ เพื่อต่อยอดและนำพาพันธมิตรทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ให้บรรลุผลตามเป้าหมาย

'ภารกิจของซันเดย์คือการทำให้การประกันภัยมีความเข้าถึงง่าย เชื่อถือได้ และเป็นที่น่าสนใจอีกครั้งในประเทศไทย โดยตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเราให้ความสำคัญอย่างมากกับการลงทุนในทีมงานระดับ talent ที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาความ

สามารถด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล และเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อรองรับภารกิจนี้ ความร่วมมือของซันเดย์กับคุณยุวดี เป็นความร่วมมือที่จะเจาะลึกถึง ecosystem รวมทั้งบริการทางการเงิน การบริการด้านสุขภาพ ยานยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซันเดย์รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ประสบการณ์ในวงการประกันอันยาวนานของเธอ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการส่งมอบผลิตภัณฑ์ประกันภัยชั้นนำในตลาด ให้กับคู่ค้าและลูกค้าของซันเดย์' ซินดี้ กัว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซันเดย์ กล่าว

การแต่งตั้ง Country Manager ครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการระดมทุนซีรีย์ B ของกลุ่มซันเดย์จากกลุ่มนักลงทุนระดับแนวหน้าทั้งจากประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เช่น Tencent, Vertex Growth และ SCB10X

เกี่ยวกับ ซันเดย์

ซันเดย์ คือ ผู้นำเทคโนโลยีอินชัวร์เทคสัญชาติไทย ที่ให้บริการประกันภัยด้วยแพลตฟอร์มขายและให้บริการแบบครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัย

ที่ออกแบบเฉพาะตัวบุคคล เพื่อตอบโจทย์ความเสี่ยงทุกรูปแบบของลูกค้าทั่วไปและลูกค้าธุรกิจ นอกจากนั้นยังนำเสนอ Value Chain รูปแบบใหม่ซึ่งจะสร้างคุณค่าให้กับภาคธุรกิจประกันภัยทั้งระบบ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบ end-to-end ผ่านคู่ค้าและช่องทางการขายของบริษัทฯ เอง อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.easysunday.com
#2100
'กรมเจรจาฯ' ชวนร่วมแข่งขัน APEC App Challenge โชว์ศักยภาพนักพัฒนาแอปพลิเคชันไทย หนุนการค้าการลงทุนในเวทีเอเปค

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ขอเชิญชวนนักคิด นักพัฒนา และผู้สนใจเข้าร่วมแข่งขัน APEC App Challenge ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (MRT) โชว์ศักยภาพนักพัฒนาแอปพลิเคชันไทย ตอบโจทย์ภาคการเกษตรและอาหารเพื่อความยั่งยืนในเอเปค หนุนใช้เทคโนโลยีช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุน ภายใต้แนวคิด BCG Model สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 10 เมษายนนี้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ร่วมกับมูลนิธิ Asia Foundation บริษัท Google และสำนักงานเลขาธิการเอเปค จัดการแข่งขัน APEC App Challenge ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade: MRT) ระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม และ 22 พฤษภาคม 2565 เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ส่งเสริมการค้าการลงทุน และสร้างการมีส่วนร่วมและตระหนักรู้เกี่ยวกับเอเปคในภาคประชาชนและคนรุ่นใหม่

นางอรมน กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ การแข่งขันมุ่งส่งเสริมการเจริญเติบโตของเกษตรกรรายเล็กและรายย่อย และผู้ประกอบการที่ผลิตอาหารเพื่อความยั่งยืนภายในเอเปค ซึ่งเป็นปีแรกที่โจทย์การแข่งขันสนับสนุนภาคการเกษตรและอาหารที่เป็นภาคส่วนที่สำคัญของไทย โดยมีโจทย์การแข่งขัน คือ ?Building an online tool that helps farmers and potential entrepreneurs transform their businesses and lead them towards green, inclusive and sustainable growth สร้างเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำการเกษตรและการทำธุรกิจที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตสีเขียว อย่างยั่งยืนและครอบคลุม? ซึ่งการแข่งขันจะเป็นในรูปแบบ Hackathon ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะต้องออกแบบแอปพลิเคชันภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง และนำเสนอแอปพลิเคชั่นต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเขตเศรษฐกิจเอเปค

ทั้งนี้ กรมฯ ขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันกิจกรรมดังกล่าว เพื่อแสดงศักยภาพของนักพัฒนาแอปพลิเคชันไทยในการใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการค้าการลงทุน ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green (BCG) Economy Model) ซึ่งจะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและคนรุ่นใหม่กับเอเปค พร้อมทั้งเป็นการสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยอีกด้วย