• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#3041



นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผย ว่า ตามที่ ส.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ในนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เสนอให้รัฐบาลเยียวยาชาวสวนมังคุดที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาตกต่ำในฤดูกาลผลิตปี 2564 ระหว่างการประชุมที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช

 โดยมี นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และตนร่วมประชุมพร้อมด้วยตัวแทนภาครัฐภาคเอกชนและภาคเกษตรกร เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น โดยตนได้ชี้แจงว่า คณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) ยินดีรับข้อเสนอไปพิจารณา

ระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายเลขานุการของฟรุ้ทบอร์ด ศึกษาและรวบรวมข้อมูลตลอดจนมาตรการเยียวยาโดยให้ยึดแนวทางการเยียวยาชาวสวนลำไยฤดูกาลผลิตปี 2563 จากนั้นให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในครั้งต่อไปโดยเร็ว และจะเสนอต่อ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้ นายอลงกรณ์ ยังกล่าวต่อไปว่า จากการที่ตนลงพื้นที่เพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ไขปัญหามังคุดและผลไม้ภาคใต้ 3 จังหวัด (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช) ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้ 7 มาตรการเพิ่มเติมล่าสุดของฟรุ้ทบอร์ด ระหว่างวันที่ 28 - 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ร่วมกับนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์โดยเฉพาะมังคุดมีราคาตกต่ำ พบว่าระบบการขนส่งผลไม้แบบบริการส่งถึงที่รวมทั้งระบบการค้าออนไลน์เกือบเป็นอัมพาตโดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้ามังคุดใหญ่ที่สุดของภาคใต้เพราะผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย บริษัทเคอร์รี่ เป็นต้น ได้หยุดให้บริการโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น ตนจึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยัง ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายพงษ์ทร วิเศษสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. และภายใน 24 ชั่วโมง บริษัทไปรษณีย์ไทยได้เปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษเร่งด่วนอีกครั้งพร้อมกัน 105 สาขาใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.เป็นต้นไป ทำให้ระบบการขนส่ง ระบบไปรษณีย์และการค้าออนไลน์กลับมาเปิดบริการอีกครั้งหนึ่ง

และวันนี้ได้ประสานกับบริษัทไปรษณีย์ไทยให้พร้อมนำส่งผู้รับปลายทางที่อยู่ในพื้นที่สีแดงทุกพื้นที่ซึ่งได้รับการยืนยันว่าจะเร่งกำชับไปรษณีย์ทุกสาขาให้ดำเนินการตามข้อเสนอและการจัดส่งอาจช้าไป 1 วัน เพราะต้องใช้สาขาปลายทางที่อยู่นอกพื้นที่สีแดงผลัดเวรกันส่งเนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานของสาขาในพื้นที่สีแดงติดโควิดโดยไปรษณีย์ไทยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อช่วยชาวสวน

 

 ซึ่งตนได้ขอบคุณบริษัทไปรษณีย์ไทยและนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิตอลฯ ที่ให้ความร่วมมือ กับฟรุ้ทบอร์ดด้วยดีตลอดมา เพราะระบบขนส่งเป็นกลไกสำคัญในการค้าขายและระบายผลไม้ออกจากแหล่งผลิตทั้งการค้าแบบออฟไลน์และออนไลน์ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทเคอรรี่ตกลงที่จะเปิดบริการอีกครั้งเช่นกัน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ ได้ติดตามประสานงานกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ อย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใยต่อเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19

 

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ฟรุ้ทบอร์ดได้คิกออฟโครงการ "เกษตรกรแฮปปี้" โดยรณรงค์ภายใต้กลยุทธ์เพิ่มการขายภายในประเทศทดแทนการส่งออกซึ่งเป็น 1 ใน 7 มาตรการใหม่ของฟรุ้ทบอร์ด ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และขอความร่วมมือพี่น้องชาวไทยทุกคนรวมทั้งชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยช่วยกันสร้างรอยยิ้มให้กับเกษตรกรด้วยการซื้อผลไม้ไทย

 

"ช่วงนี้ต้องเร่งช่วยระบายมังคุดคละที่สดอร่อยพร้อมจำหน่ายสู่ผู้บริโภคภายในประเทศทั้งรูปแบบการขายออนไลน์และออฟไลน์ซึ่งมีปริมาณมากและราคายังไม่น่าพอใจ แม้แนวโน้มราคาเริ่มปรับตัวดีขึ้นจึงได้ออกแคมเปญ "เกษตรกรแฮปปี้" ในวันนี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ รมว.พาณิชย์ และรมว.เกษตรฯ ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน"

 รวมทั้งการขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าผลไม้ (ล้ง) ทั้งค้าภายในและส่งออกให้ล้งมาซื้อมังคุดด้วยมาตรการที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องทำให้สถานการณ์เริ่มกระเตื้องขึ้น โดยล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานว่ามีล้งเข้ามาซื้อขายมังคุดและผลไม้เพิ่มขึ้นจาก 40 กว่า ล้ง เป็น 146 ล้ง

 

นอกจากนี้สมาคมผู้ส่งออกทุเรียนมังคุดแจ้งว่าสามารถจองตู้คอนเทนเนอร์ที่จะส่งออกผลไม้ทางเรือได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ซึ่งจะทำให้ลดการขนส่งทางรถไปประเทศจีนที่แออัดติดขัดที่ด่านโหยวอี้กวนและด่านโมฮ่านมีผลทำให้ตู้คอนเทนเนอร์หมุนกลับมาภาคใต้ไม่ทัน เชื่อว่าตู้คอนเทนเนอร์จะทยอยกลับมาขนมังคุดได้มากขึ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้าจะทำให้การซื้อขายเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อราคาที่จะขยับตัวสูงขึ้น" นายอลงกรณ์ กล่าว


ด้านนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาหลัก ๆ ที่พบ มาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมาตรการป้องกันและควบคุมเชื้อโรคของประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกมังคุดและผลไม้อื่น ๆ ของไทย ที่เกิดจากปัญหาการขนส่งล่าช้า การขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์และตะกร้าใส่ผลไม้ รวมทั้งปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าพื้นที่ที่ทำได้ยาก การขาดแคลนแรงงาน และตะกร้ามีไม่พอ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้เร็วขึ้น

 

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มีแนวทางมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยกระจายมังคุดในประเทศช่วงที่การส่งออกมีปัญหา ดังนี้ 1. เชื่อมโยงและกระจายมังคุดออกนอกแหล่งผลิต โดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการแก่ศูนย์กระจายในจังหวัดแหล่งผลิต กก.ละ 3 บาท ซึ่งกรมการค้าภายในโอนเงินให้จังหวัดดำเนินการจำนวน 50,850,000 บาท ตามที่ฟรุ้ทบอร์ดอนุมัติเพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตัน ออกนอกแหล่งผลิตอย่างเร่งด่วน

 

สนับสนุนค่าขนส่งสำหรับผลไม้ที่ส่งผ่านไปรษณีย์ กรมการค้าภายในร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยสนับสนุนกล่องไปรษณีย์และสติกเกอร์ส่งฟรีผลไม้ทั่วประเทศส่งเสริมการขายผ่านออนไลน์แก่เกษตรกรรายย่อยจำนวน 20,000 กล่องกล่องละ 10 กก. เพื่อช่วยกระจายผลไม้ 2,000 ตัน และ 3. เชื่อมโยงผู้รับซื้อของกรมการค้าภายในให้ช่วยเร่งระบายมังคุดเกรดรองหรือตกเกรดออกจากแหล่งผลิตโดยเร่งด่วนกรณีเกิดปัญหาระบายมังคุดไม่ทันในบางพื้นที่
 

จากนั้น ที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ ได้ร่วมเปิดบริการส่งมังคุด ณ สำนักงานไปรษณีย์ไทยสาขาพรหมคีรี ก่อนเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์รับซื้อมังคุดชนิดคละกก.ละ 20 บาท ที่อำเภอพรหมคีรีซึ่งเป็นโมเดลใหม่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการล้ง เกษตรกรในพื้นที่และศูนย์บลูเฮ้าส์ พรรคประชาธิปัตย์ในการนำล้งมาซื้อตรงจากเกษตรกรด้วยราคานำตลาด โดยจะให้ขยายโมเดลนี้ในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย ต่อมา ได้เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนมังคุดแปลงใหญ่ และศูนย์กระจายสินค้าบริษัทไปรษณีย์ไทยอำเภอลานสกา สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ปลูกมังคุดทั้งหมด 96,159 ไร่ กระจายอยู่ใน 21 อำเภอ มีพื้นที่ที่ให้ผลผลิตแล้ว 90,016 ไร่ ปี 2564 นี้ คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 57,245 ตัน

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในวันที่ 28 ก.ค. นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ได้ลงพื้นที่ตลาดกระจายสินค้าเกษตร ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ติดตามสถานการณ์ผลไม้ในพื้นที่ และประชุมหารือกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมังคุด ตลอดจนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อนำผลผลิตออกสู่ตลาด จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ผลไม้ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และร่วมหารือในการแก้ไขปัญหาการกระจายผลไม้ ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายผลผลิตโดยเฉพาะเงา พร้อมทั้งลงพื้นที่ตลาดสหกรณ์การเกษตร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

 

ทั้งนี้ จ.ชุมพร มีปริมาณผลผลิตรวม 51,587 ตัน ช่วงปลายเดือน ก.ค. 2564 จะปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดกว่า 26,985 ตัน จนถึง ปลายเดือน ส.ค. 2564 ปริมาณ 16,141 ตัน และราคาผลผลิตมังคุด ตลาดทั่วไป กก.ละ 8 – 10 บาท ราคา หน้าล้ง 33 บาท (รับซื้อเฉพาะลูกค้าประจำ) ตลาดประมูลจากกลุ่มผลิตมังคุดคุณภาพในพื้นที่จังหวัดชุมพร จำนวน 26 กลุ่ม เปิดประมูลผลผลิตมังคุด เพียง 11 กลุ่ม ในพื้นที่ อำเภอหลังสวน พะโต๊ะ ละแม ราคาผลผลิตมังคุดตลาดประมูล 12 - 33 บาท (เฉลี่ยทุกเบอร์ ราคา 16.77 บาท) ปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะมีปัญหา 30,735 ตัน สำหรับ จ.สุราษฎร์ธานี ทุเรียนมีปริมาณผลผลิต 46,957 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 50 ราคา กก.ละ 110 บาท มังคุดมีปริมาณผลผลิต 7,294 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 50 ราคากก.ละ 23 บาท เงาะมีปริมาณผลผลิต 38,936 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 32 ราคากก.ละ 25 บาท ลองกองมีปริมาณผลผลิต 4,842 ตัน เริ่มเก็บเกี่ยวไปเพียงร้อยละ 0.66 ราคากก.ละ 50 
บาท.

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952127
#3042



นิสสัน เปิดตัว อัลเมร่า สปอร์ตเทค ตกแต่งพิเศษด้วยฝีมืของ ออเทค เจแปน (Autech Japan) บริษัทในเครือ นิสสัน มอเตอร์ ที่ฝากผลงานตกแต่งกันรถหลายๆ รุ่น

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมตลาดอีโค คาร์ เปิดตัว อัลเมร่า สปอร์ตเทค ที่ตกแต่งพิเศษเติมความสปอร์ต พรีเมียม แบบญี่ปุ่นทั้งภายในและภายนอก ด้วยผลงานของ ออเทค เจแปน  (Autech Japan, Inc) สำหรับลูกค้าที่ชอบความเรียบหรู ซึ่งนิสสัน อัลเมร่า สปอร์ตเทค จะใช้วัสดุตกแต่งที่

ออเทค เจแปน เป็นบริษัทในเครือ นิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงด้านงานออกแบบสไตล์สปอร์ตพรีเมียม และทำงานร่วมกับฐานการผลิตนิสสันในประเทศต่างๆ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละตลาด ทำให้ได้รถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

โดยการตกแต่งพิเศษให้กับ อัลเมร่า สปอร์ตเทค ประกอบด้วย

กันชนหน้าและกันชนหลังใหม่ตกแต่งด้วยสีเงิน
กระจังหน้าแบบโครเมียมดำเงา
สปอยเลอร์หลังใหม่
ตราสัญลักษณ์ สปอร์ตเทค ที่ฝาท้าย
กระจกมองข้างสีเงินพร้อมไฟเลี้ยว
ล้ออัลลอยสีดำปัดเงาขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่ 

อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าว นิสสันทำงานอย่างเต็มที่เพื่อศึกษาความต้องการของลูกค้า ด้วยรถยนต์ที่มีอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ วัสดุที่มีคุณภาพ ที่เหมาะกับการใช้งานทุกวัน

สำหรับนิสสัน อัลเมร่า สปอร์ตเทค  ราคาเริ่มต้นที่ 629,000 บาท

และนอกจาก อัลเมร่า สปอร์เทค ใหม่แล้ว ออเทคยังนำเสนอผลงานการออกแบบ และตกแต่ง รถยนต์รุ่นพิเศษต่าง ๆ ของนิสสัน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งเพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ต หรือการดัดแปลงเพื่อการใช้งานเฉพาะในรูปแบบต่างๆ ต่างๆ เช่น รถที่ผู้ใช้ วีลแชร์สามารถเข้าออกได้ง่าย เป็นต้น

โดยตัวอย่างผลงานเด่นๆ จาก ออเทค  ในญี่ปุ่น ได้แก่  

นิสสัน ลีฟ ออเทค

นิสสัน เซเรน่า ออเทค 

นิสสัน มาร์ช โบเลโร่

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951728
#3043



ก่อนจะมาเป็นนักศึกษาแพทย์ได้ยินคำพูด เช่น "เรียนแพทย์จะได้ช่วยชีวิตคน" หรือ "ตั้งใจเรียนแพทย์จะได้รักษาคนไข้ได้" ไปจนถึง "ความเป็นความตายคนไข้ขึ้นกับเรา"

นักศึกษาแพทย์ ปี 5 กมลชนก กุลชุติสิน คณะแพทยศาสตร์ ศิริราช จะค่อยๆช่วยให้พอนึกภาพออกว่ามันไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่ทุกคนคิด และลองมองไปถึงว่าเดิมคนไข้ก็มากมายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีคนไข้โควิดเพิ่มขึ้นมาอีก ล้นโรงพยาบาลทั้งประเทศ

เราจะทำได้ถึงแค่ไหนที่จะดูคนไข้ได้ทั้งคน ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรและไม่ได้ดูแค่ความเจ็บป่วย

ค่อยๆนึกภาพเบื้องหลังของชีวิตคนป่วยคนหนึ่งมาพบแพทย์เพราะอาการของโรคที่เกิดขึ้นและรบกวนชีวิตประจำวัน การพูดคุยกับคนไข้ การซักประวัติอาการของโรคถือเป็นการซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แต่การไถ่ถามถึงเรื่องราวเบื้องหลังนั้น มีความสำคัญไม่แพ้กัน

แต่...มักจะถูกมองข้ามด้วยเวลาอันจำกัดของแพทย์


สำหรับเรื่องราวเบื้องหลังนั้นคือ การรับฟังเรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของคนไข้ ซึ่งบางครั้งสำคัญและอาจเป็นสาเหตุของโรคที่นำคนไข้มาพบแพทย์ เช่นในคนไข้จิตเวช จะต้องถามถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา

ซึ่งอาจจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและยากต่อการปลอบประโลม แต่ถ้ามีเวลาการรับฟังและใส่ใจในจุดนี้ จะช่วยในความสัมพันธ์ระหว่างหมอและคนไข้อย่างมาก นำไปสู่การรักษาที่ดีขึ้นหรือคนไข้ในสาขาอื่นๆ

การรับฟังเรื่องราวเบื้องหลังอาจจะนำมาสู่การวินิจฉัยที่แม่นยำ

ก่อนมาเป็นนักศึกษาแพทย์จะนึกถึงคุณค่าในตัวตนของทุกคนเสมอ เพราะทุกคนย่อมมีคุณค่าของตัวเอง การยอมรับและเคารพในตัวตนของผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่แพทย์พึงระลึกไว้เสมอ แต่การเรียนแพทย์นั้นมุ่งเน้นถึงการวินิจฉัยและรักษาโรคซึ่งซับซ้อนขึ้นทุกปีตามความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ร่วมกับเวลาอันน้อยนิด


จนบางครั้งคุณค่าในตัวตนของผู้ป่วยจึงเจือจางลงไป เช่นในวอร์ดอายุรศาสตร์มีผู้ป่วยหลายคนที่คิดว่าอาการเจ็บป่วยของเขาสร้างความลำบากแก่ครอบครัวหรือการป่วยเป็นโรครุนแรงทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหว ลองนึกดูว่าถ้าวันนึงไม่สามารถแม้แต่จะกินข้าวเองได้จะรู้สึกยังไง

สิ่งเหล่านี้บั่นทอนกำลังใจและคุณค่าในตัวผู้ป่วยลง จนอาจคิดว่าตนเองนั้นด้อยค่า ไม่อาจตัดสินใจในเรื่องสำคัญใดๆได้อีก

ซึ่งความจริงแล้วผู้ป่วยมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องการรักษา มีสิทธิที่จะเลือกชีวิตในบั้นปลายที่เหลืออยู่ และมีสิทธิที่จะให้ผู้อื่น เข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของเขา ซึ่งแพทย์ก็ควรจะพยายามถามถึงความต้องการของผู้ป่วย เน้นว่าผู้ป่วยและไม่ใช่ถามแต่ญาติ

จากนั้นเคารพในการตัดสินใจของผู้ป่วย หรือพยายามทำตามความต้องการที่อยู่ในขอบเขตของเหตุผล เนื่องจากในบางครั้งทางเลือกที่แพทย์เห็นว่าดีหรือญาติคิดว่าดีอาจไม่ได้ดีที่สุดสำหรับคนไข้เสมอไป

นอกจากการเคารพในคุณค่าและการตัดสินใจของผู้ป่วยแล้ว การมองตัวโรคและตัวตนของผู้ป่วยแยกกัน เพราะตัวโรคอาจทำให้สภาพร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลงไปมาก

สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการรักษาคือการใส่ใจคุณค่าและตัวตนเหมือนดังเช่นในยามที่มีสุขภาพร่างกายและจิตใจ
ที่แข็งแรง เพื่อการแนะนำคนไข้สู่การตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่เหมาะสมที่สุด เพราะในช่วงเวลาคาบเกี่ยวความตาย ไม่ใช่เวลาที่จะมาตัดสินใจ

ควรที่จะคุยและตัดสินใจเรื่องสำคัญต่อการรักษาและชีวิตไว้ให้เรียบร้อยในขณะที่ยังมีเวลา เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการตัดสินใจที่ฉุกละหุกและไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน


บ่อยครั้งไม่ได้มีการคุยเพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน แต่บ่อยครั้งก็เป็นเพราะว่าแพทย์ไม่มีเวลา ไม่ก็ผู้ป่วยหรือญาติยังตัดสินใจไม่ได้ จะพูดถึงในกรณีที่คุยตกลงกันไว้แล้วเพราะเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ครั้งแรกในชีวิตของ นศพ. ที่จำได้ดี ขณะอยู่เวรที่หอผู้ป่วยหนัก พยาบาลประจำวอร์ดได้แจ้งว่าคนไข้คนหนึ่งไม่มีสัญญาณชีพ "น้อง นศพ.ช่วยไปยืนยันว่าคนไข้ไม่มีชีพจรและแจ้งพี่แพทย์ประจำบ้านด้วยนะคะ" ซึ่งคนไข้คนนั้นเป็นคนไข้ที่ทางวอร์ดได้คุยกับญาติแล้วเรื่องปฏิเสธการกู้ชีพและให้เป็นไปตามธรรมชาติ

สิ่งที่ทำคือขออนุญาตคนไข้ตรงหน้าเหมือนที่เคยทำในทุกๆครั้งและดูการตอบสนองต่อเสียงและใช้หูฟัง ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ หน้าอกยังเคลื่อนขึ้นลงช้าๆ

เพราะเครื่องช่วยหายใจไม่ได้มีการหายใจเองและไม่มีเสียงสัญญาณชีพอื่นที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต คนไข้เสียชีวิตแล้ว

และสิ่งที่ทำได้ในวันนั้นคือการเดินไปบอกพี่แพทย์ประจำบ้านให้ทางวอร์ดแจ้งการเสียชีวิตกับญาติคนไข้เพราะว่าดูแลคนไข้คนนี้มานาน จึงมีความผูกพัน ถึงรู้ว่าเป็นระยะสุดท้ายและเป็นตัวอย่างที่ดีของการคุยไว้ก่อนจะได้มีการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

แต่ก็อยากให้รอดและกลับมาดีขึ้น

ฉะนั้นที่ว่าแพทย์เป็นผู้กำหนดความเป็นความตายของผู้ป่วยคงจะเป็นคำพูดที่เกินจริง เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจในชีวิตของตัวเอง ยกตัวอย่างว่าถึงจะอยากมีชีวิตแต่แพทย์เป็นคนเหมือนกัน ที่ตั้งใจจะใช้ความรู้ ความสามารถเท่าที่มีเพื่อดูแลคนไข้ และจะพยายามเคารพในคุณค่าและตัวตนของทั้งญาติและคนไข้

แต่ถ้าตัวโรคได้ถึงระยะสุดท้ายแล้ว หรือระบบสาธารณสุขรวมถึงบุคลากรในนั้นได้มาถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว ทุกอย่างจะค่อยๆเจือจางหายไป โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้.

หมอดื้อ

https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2114195
#3044



ถือเป็นอีกหนึ่งรายการที่สร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดีสำหรับรายการ "Next People คนไม่หมดไฟ" ของ เว็บไซต์ MThai.com (เอ็มไทยดอทคอม) ในเครือโมโน เน็กซ์

ล่าสุดไปฟังแนวคิดจาก "คุณยายบัวฮอง จงปัตนา" แม่ค้าผักย่านบางโพวัย 72 ปี ที่ต่อสู้ ไม่ย่อท้อต่อโรคมะเร็ง อัดคลิปขายของลงโซเชียลจนได้กลายเป็นดาว TIKTOK ที่มีคนติดตามกว่า 2.5 แสนคน และมีคนกดหัวใจส่งให้กว่า 2 ล้านคน จนสามารถสร้างรายได้ ให้กับคุณยายมากมายในช่วงสภาวะเช่นนี้

โดย คุณยายบัวฮองเผยว่า "เริ่มต้นเล่น TIKTOK จากคนขายผักด้วยกันชวนให้เล่นนานแล้ว เค้าบอกว่าเล่นแล้วมีความสุขนะ ยายก็เล่นไปไม่ได้คิดอะไร จนดัง ตอนนี้น้ำพริกยายขายไปถึงเมืองนอกเลยนะ ยายอ่านหนังสือไม่ออกด้วย ต้องให้ Siri อ่านให้ เวลาลงคลิปยายก็ลงเองหมดเลย มีคนถามว่าใครตัดต่อให้ ยายบอกเลยว่าไม่มี ยายทำคนเดียว ถามว่าแก่แล้วมาทำอะไรแบบนี้อายไหม? ยายไม่อาย เราทำของเรา เรามีความสุขเราก็ทำ เจอต้นไม้ที่ไหนยายก็เต้น ใครจะมองก็ช่างเขา ไม่สนใจ ชีวิตเราใครเขาจะมาช่วยเรานอกจากตัวเราเอง


ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ยายเป็นมะเร็งในมดลูก ไปตรวจเจอหมอเขาก็ตัดออกก็รักษามาเรื่อยๆแต่ทีนี้มันลามอีก บางคนก็บอกว่าทำคีโมแล้วจะหัวล้านนะ 3 เดือนตายนะ ยายบอกยายไม่ตายหรอก ยายไม่กลัว ยายสู้ถึงที่สุด คนเรามีลมหายใจอยู่ก็ต้องสู้ อย่าท้อ ไม่ต้องไปขอใครเดี๋ยวเกิดชาติหน้าลำบาก ยายอยากจะบอกคนที่ท้อหรือมีปัญหาอะไร เป็นโรค อะไรก็ตาม ถ้ายังมีลมหายใจอยู่อยากให้สู้ต่อไป"

สามารถ ติดตามรับชมย้อนหลังผ่านทุกช่องทางของ Mthai, youtube channel : mono29 และ เว็บไซต์ seeme.me
#3045



โดย นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ, Certifi cate of cellular and molecular Immunology มีประเด็นฮอตเมื่อเร็วๆนี้ จากการที่ Anthony Fauci แพทย์ใหญ่ผู้มีอิทธิพลสูงของอเมริกา ซึ่งเคยยืนยันว่า โควิดเกิดจากพัฒนาการของไวรัสในค้างคาวตามธรรมชาติและกระโดดข้ามสายพันธุ์มาติดมนุษย์ได้ ไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลออกมาจากห้องแล็บ (lab leak theory) แต่ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแบบ 180 องศา ออกมาพูดว่าเราควรจะตรวจสอบเรื่องนี้จากจีนอย่างจริงจังจนได้คำตอบที่ชัดเจนมหากาพย์เรื่องนี้เป็นมายังไง?

หลังจากเริ่มมีการระบาดของโควิดเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2019 ทางการจีนได้ออกมารายงานว่า เป็นการติดจากตลาดขายสัตว์ป่าในอู่ฮั่น มีการสืบค้นทางพันธุกรรมของไวรัสต่อไปว่ามันเป็นไวรัสจากค้างคาวไปสู่คนโดยผ่านทางตัวลิ่นและคนไปกินสัตว์ป่าพวกนี้ โดยอาจจะติดจากขั้นตอนการปรุงอาหารหรือจากการกินแต่มันบังเอิญไปไหมที่อู่ฮั่นเป็นที่ตั้งของ Wuhan institute of virology ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยทางไวรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกโดยเฉพาะเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านนี้ก็คือ


Dr.Shi Zheng–li ในวงการตั้งฉายาว่า Bat lady มีตัวอย่างโคโรนาไวรัสจากค้างคาวมากมายที่เธอเดินทางไปเก็บตามถ้ำแถวตอนใต้ของจีน และทำวิจัยด้านโคโรนาไวรัสมาแทบตลอดชีวิต

Dr.Shi มีผลงานร่วมกับ Dr.Ralph S. Baric ผู้เชี่ยวชาญด้านโคโรนาไวรัสแห่งมหาวิทยาลัย North Carolina โดยค้นคว้าวิจัยความสามารถของไวรัสจากค้างคาวที่จะนำโรคมาสู่คน Dr.Baric ได้ถ่ายทอดความรู้ในการตัดต่อพันธุกรรมของโคโรนาไวรัส ทำให้สามารถไปติดเชื้อในสัตว์สปีชีส์อื่นๆ ให้แก่ Dr.Shi โดยทำการทดลองในหนูตัดต่อพันธุกรรมให้มีการแสดงออกของตัวรับ ACE2 receptor ของมนุษย์

เมื่อ Dr.Shi กลับมายังอู่ฮั่นก็ได้พัฒนางานวิจัยนี้ต่อโดยใช้เซลล์จากมนุษย์แทนหนู (มีหลักฐานของงานวิจัยนี้ที่ NIH เพราะได้ทุนจาก NIAID ผู้ลงนามรับรองคือ Dr.Daszak แห่ง EcoHealth Alliance)

เมื่อ พ.ย.2015 ทีมวิจัยนี้สามารถสร้างไวรัสชนิดใหม่โดยนำโครงสร้างหลักจากไวรัสซาร์ส SARS1 virus แล้วเสียบด้วย spike protein จากไวรัสค้างคาวชนิด SHC014–CoV พบว่าไวรัสตัดต่อพันธุกรรมนี้สามารถที่จะติดเชื้อได้ในเซลล์จากทางเดินหายใจของมนุษย์ สายพันธุ์ไวรัสตัดต่อพันธุกรรมใหม่นี้ชื่อว่า SHC014–CoV/SARS1 เป็นลูกผสม (chimera) ที่เกิดจากพันธุกรรมของไวรัส 2 สายพันธุ์

9 ธ.ค.2019 ก่อนการระบาดของโควิดไวรัส Dr.Daszak ได้ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้นักวิจัยของสถาบันไวรัสวิทยาในอู่ฮั่นสามารถตัดต่อโปรตีนส่วน spike (S) protein และสร้างไวรัสโคโรนาลูกผสมที่สามารถติดเชื้อในหนูที่ตัดต่อพันธุกรรมของมนุษย์ และกล่าวในบทสัมภาษณ์ว่าใน หนูทดลองเหล่านี้จะป่วยเป็นโรค SARS ที่ไม่สามารถรักษาด้วย monoclonal antibody และไม่สามารถป้องกันด้วยวัคซีน


ผู้สัมภาษณ์ถามไปว่า "อ้าวในเมื่อรักษาไม่ได้ ฉีดวัคซีนป้องกันก็ไม่ได้ แล้วจะทำไงต่อ" (คงชักกลัว) Dr.Daszak ตอบ "ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ไม่ยากในห้องแล็บ และงานวิจัยแบบนี้มีคุณค่ามากกว่าเยอะเพื่อจะลงลึกถึง spike protein ที่นำมาใช้สร้างวัคซีนในอนาคต"

ประเด็นหนึ่งที่อาจเป็นตัวต่อที่สำคัญของจิ๊กซอว์ปริศนาที่มาของโควิดไวรัส ก็คือ spike protein ที่มันใช้ในการจับและเข้าเซลล์มนุษย์ spike protein ของไวรัสจะมีอยู่ 2 หน่วยย่อยที่มีหน้าที่ต่างกัน คือ S1 ทำหน้าที่จับกับเป้าหมายของไวรัส คือ ACE2 บนผิวเซลล์ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ และ S2 ทำหน้าที่เชื่อมกับผนังเซลล์และช่วยให้ไวรัสสามารถเข้าเซลล์ได้

ไวรัสจะสามารถเข้าเซลล์ได้ก็ต้องตัดส่วน S1 และ S2 ออกจากกันก่อน ตำแหน่งที่ตัดนี้เรียกว่า furin cleavage site อยู่ตรง S1/S2 junction โดย furin ที่ใช้ตัดนี้เป็น protease enzyme อยู่ที่ผิวเซลล์ของคนเรา มันจะตัด amino acid sequence ที่เป็น proline-arginine-arginine-alanine-arginine (PRRAR) ซึ่ง sequence นี้อยู่บน furin cleavage site ของโควิดไวรัส ซึ่งเป็นตำแหน่งเล็กๆของไวรัสแต่มีบทบาทสูงต่อความสามารถในการติดเชื้อ

ปริศนาคือ มีแค่เจ้าโควิด SARS2 หรือ SARS-CoV-2 นี้เท่านั้นที่มี furin cleavage site (FCS) อยู่ตรง S1/S2 junction แถมยังเป็น loop ที่ยาวทำให้ furin protease มาตัดได้ง่าย ในขณะที่ SARS-related .a-coronavirus ส่วนใหญ่จะตัด S2 subunit ที่ตำแหน่งต่างออกไป

ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่า FCS ตรงตำแหน่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (ซึ่งก็เป็นไปได้) หรือว่าจงใจทำให้เกิดขึ้นเพื่อการทดลองที่เรียกว่า gain–of–function experiment ที่ทำให้ไวรัสเก่งขึ้น ขอสรุปคร่าวๆเลยนะครับว่าเมื่อพิจารณาถึงประเด็นจากธรรมชาติแล้วพบว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากทั้งจาก mutation และ recombination (ก็สมาชิกใกล้เคียงของตระกูลนี้ไม่มีใครเป็นแบบนี้เลย) ดังนั้น ก็มาถึงประเด็นที่สองคือผลิตขึ้นในห้องทดลอง (gain-of-function experiment)

gain-of-function experiment คือการทดลองเกี่ยวกับเชื้อโรคที่มีจุดมุ่งหมายในการชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์เพื่อเพิ่มความสามารถในการติดเชื้อและการทำให้เกิดโรค รวมถึงการขยายศักยภาพของเชื้อให้สามารถติดเชื้อได้ในสปีชีส์อื่น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรับมือกับโรคติดเชื้อใหม่ๆ เพื่อพัฒนาวัคซีนและการรักษาโรคติดเชื้อ


Dr.Steven Quay ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชำนาญสาขานี้ให้สัมภาษณ์ว่า การเพิ่มหรือ insert furincleavage site ให้กับไวรัสทำได้ไม่ยากในห้อง lab โดยมีอย่างน้อย 11 วิธีที่ทำได้และตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ ซึ่งงานวิจัยของ Dr.Shi Zheng–li (bat lady) ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ก็เป็นข้อมูลนึงที่มาสนับสนุนแนวคิด man–made นะครับ เพราะคนค้านแย้งว่าก็ยังเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสเกิด FCS แบบนี้โดยธรรมชาติ

หลังโควิดระบาด Dr.Daszak ออกแถลงการณ์เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2020 โดยปฏิเสธว่าไม่ใช่ไวรัสที่หลุดออกมาจากห้อง lab แน่นอน แต่เป็นไวรัสที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและพัฒนาเป็นโควิด โดยอ้างประสบการณ์และความช่ำชองร่วม 20 ปีในวงการนี้ รวมถึงตัว bat lady เองเมื่อสื่อจีน South China Morning Post ไปสัมภาษณ์ว่ามีคนอ้างว่าสถาบันไวรัสอู่ฮั่นเป็นสาเหตุของการระบาด

เธอกล่าวว่า "I swear with my life, the virus has nothing to do with my lab." และเมื่อนักข่าวขอความเห็นเกี่ยวกับการระบาด ก็ได้รับคำตอบว่า "My time must be spent on more important matters."


คำถามที่โลกต้องการคำตอบ คือ Covid-19 มีต้นกำเนิดมาจาก SHC014-CoV/SARS1 ไวรัสลูกผสมที่ผลิตขึ้นในห้องทดลองหรือไม่? และการทดลองเกือบทั้งหมดของ Dr.Shi เกี่ยวกับโคโรนาไวรัสทำในห้อง biosafety level 2 (BSL-2) ซึ่งเสี่ยงเกินไปในการทดลองไวรัสร้ายแรงประเภทนี้และอาจมีเชื้อหลุดออกมาจากแล็บ (ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุ หรือจงใจ)

เรายังต้องติดตามกันต่อไปว่าจะไขปริศนาของเรื่องนี้ได้ไหม จริงอยู่เราอาจจะเลยจุดนั้นมาแล้วเพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น...เหมือนไฟกำลังไหม้บ้านต้องรีบดับไฟก่อนแล้วค่อยไปหาว่าต้นเพลิงมาจากไหน แต่ยังไงก็ตามถ้าเราสามารถรู้ถึงต้นตอของมันได้ก็อาจจะช่วยในการป้องกันหายนะแบบนี้ในอนาคต.

หมอดื้อ https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2131712
#3046



ซัมซุงแนะนำ Galaxy Tab S7 FE แท็บเล็ตรุ่นใหม่ ที่รวมฟีเจอร์สุดโปรดของเหล่าแฟนๆ จากแท็บเล็ตรุ่นแฟลกชิปไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ปากกา S Pen ในกล่อง "ไม่ต้องซื้อเพิ่ม" และ "ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรีให้เสียเวลา"


S Pen เพื่อชีวิต Multi-Tasking
S Pen เพิ่มความสะดวกในการเรียนออนไลน์ ทำโปรเจค เอกสาร ด้วยฟีเจอร์ Samsung Notes ที่ช่วยเปลี่ยนการจดด้วยลายมือให้กลายเป็นข้อความตัวพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ สามารถจัดระเบียบบันทึกต่างๆ ด้วยแท็กอัตโนมัติ และการค้นหาอัจฉริยะเพื่อการใช้งานโน้ตที่ต้องการได้ทันที รวมถึงฟีเจอร์ Multi-Active Window เพื่อการใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน และฟีเจอร์ Multi instance เพื่อจับคู่แอพพลิเคชั่นและสร้าง Shortcut ให้สามารถทำงานพร้อมกันได้ถึงสามแอพพลิเคชั่นในหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะท่องอินเทอร์เน็ต จดโน้ต หรือแม้แต่การรับชมวีดิโอสตรีมมิ่งในเวลาเดียวกัน

พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S7 FE เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวผ่าน Samsung DeX ที่ทำงานร่วมกับ Tab S7 FE Keyboard Coverทำให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น พร้อมการแชร์ไฟล์ผ่าน Quick Share ตลอดจนการคัดลอกและวางข้อความหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่สู่ Galaxy Tab S7 FE

เต็มที่ทั้งเรื่อง เล่น เรียน ทำงาน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าตำแหน่งตรงกลางจอความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และระบบเสียงอันคมชัดจาก Dolby Atmos พร้อมไมโครโฟนสามตำแหน่ง ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะกับการ VDO Conference เพื่อการเรียนหรือทำงานออนไลน์

รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว พร้อมขอบจอบางเฉียบให้ภาพที่ละเอียดคมชัดเต็มตา พร้อมใช้งานได้ยาวนานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 10,090 mAh ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมงรวมถึงการรองรับระบบ Super-Fast Charging สูงสุด 45W

ด้วย Galaxy Ecosystem เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง Galaxy Buds Pro ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจากซัมซุงได้ง่ายดายและลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าใดๆ โดยมีฟีเจอร์ Auto Switch ทำหน้าที่ช่วยหยุดวีดิโอชั่วคราว แล้วสลับไปรับสายโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Buds Pro ให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย ก็จะสลับกลับมาเล่นวีดิโอบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่อง


-ใช้งาน Clip Studio Paint แอพพลิเคชั่นวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน
-ใช้งาน Canva Pro แอพพลิเคชั่นออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน
-ใช้งาน Noteshelf แอพพลิเคชั่นเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี
-รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวีดิโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 4 เดือน
-รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์กาแลคซี่ อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง ฯลฯ


Galaxy Tab S7 FE มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ประกอบด้วย Mystic Green, Mystic Pink, Mystic Silver, และ Mystic Black โดย Galaxy Tab S7 FE LTE วางจำหน่ายใน ราคา 19,990 บาท
#3047
รับสมัครงานขายของออนไลน์..ฟรี!! ไม่มีค่าสมัคร..

ขายของออนไลน์  อาชีพเสริม  รายได้เสริม

ใช้เพียงมือถือ ก็ทำงานได้ จากทุกที่  ทุกเวลา

รับสมัครงานขายของออนไลน์(Online)...ฟรี!!ไม่มีค่าสมัคร..
คุณกำลังหา.."อาชีพเสริม รายได้พิเศษ  รายได้เสริม".. อยู่หรือ...

สมัคร :: https://forms.gle/Q2dDb74pW54aFmmD6

LINE ID :: savedee15


Tags :: ขายของออนไลน์,อาชีพเสริม,รายได้เสริม






#3048



บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 เพิ่มความถี่ทำความสะอาดเชิงรุกทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะดีพคลีนนิ่ง หลังปิดทำการทุกวันทุกสาขา เข้มพนักงานทุกคนยกการ์ดสูง จัดทีมรักษาระยะห่างเตือนลูกค้าตลอดเวลา ย้ำสินค้ามีเพียงพอความต้องการ พร้อมทำหน้าที่ต่อสู้วิกฤตเคียงข้างคนไทย

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม็คโครได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าประชาชนในการเป็นสถานที่จับจ่ายสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทั้งอาหารสด และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ในทุกสาขาทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น แม็คโครประกาศเจตนารมณ์ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ขั้นสูงสุด เคร่งครัดรัดกุมมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการทำความสะอาดเชิงลึก (Deep Cleaning) หลังปิดทำการทุกวัน เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสเสี่ยง แจกถุงมือลดการสัมผัสโดยตรง จัดทีมรักษาระยะห่างคอยเตือนลูกค้าตลอดเวลาที่ใช้บริการ พร้อมทำหน้าที่จัดหาสินค้าจำเป็นให้มีเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนในช่วงสถานการณ์เช่นนี้

"เพื่อเพิ่มความมั่นใจในเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ให้กับลูกค้าและพนักงานทุกคน แม็คโครได้วางมาตรการเข้มข้นมากกว่าเดิม ไม่เพียงทำความสะอาดในแบบปกติ แต่ยังจัดทีมเฉพาะกิจทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเชิงลึกหลังปิดทำการในทุกสาขา โดยยึดแนวทางปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ยังคงเคร่งครัดกับการควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการภายในสาขา เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่แม็คโครเราได้เพิ่มเติมและดำเนินการมาโดยตลอดก็คือ จัดตั้งทีมรักษาระยะห่าง (social distancing scouts) คอยประกาศย้ำเตือนลูกค้าให้รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ตลอดเวลาที่อยู่ภายในสาขาโดยเฉพาะจุดที่มีความแออัด รวมถึงมีมาตรการแจกถุงมือให้ลูกค้าทุกคน และรณรงค์ใช้ cashless payment เพื่อลดการสัมผัสให้มากที่สุด"
"แม็คโคร ขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่สำคัญในการเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน โดยการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าให้มีเพียงพอกับควางต้องการ ซึ่งเราทำงานร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เคียงข้างคนไทยไปด้วยกัน" นางศิริพร กล่าว
#3049
วันนี้ ChatStick มี 5 คำถามก่อนสร้าง "ภาพจำ" มาฝากค่าาาาา
https://www.chatstickmarket.com/single-post/5questionsbeforecreatinga-memory

#3050


โฮมโปร ในฐานะผู้นำเรื่องบ้านครบวงจร TOTAL HOME SOLUTION รับมือกับภาวะวิกฤติ COVID-19 ปรับสินค้าตอบโจทย์ ในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเรื่องบ้านที่ตอบสนองเรื่องความสะอาดภายในบ้านครบวงจร ตลอด 24 ชม. เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส เหมือนยกโฮมโปรมาไว้ที่บ้านคุณ

น.ส.เสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ "โฮมโปร" เผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการช่วยกันหยุดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้โดยเร็วที่สุด จึงทำให้ต้องงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และอาจไม่สะดวกในการใช้ชีวิต โฮมโปรเข้าใจถึงปัญหาของลูกค้าทุกคน เห็นความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเราได้วางแผนตั้งรับสถานการณ์ดังกล่าวเอาไว้แล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าเตรียมสินค้า เพื่อให้มีเพียงพอ เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการSME และลูกค้าทั่วไป จากการที่ เกิดความกังวลเรื่องการแพร่ระบาด ส่งผลให้ คนส่วนใหญ่ไม่ออกนอกบ้าน คนทำงานก็ทำงานที่บ้านมากขึ้น เราจึงคัดสรรสินค้าที่สนองตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป สามารถช้อปเรื่องบ้าน ผ่านทุกช่องทางออนไลน์ของโฮมโปร เพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตลอด 24 ชม.



"โฮมโปร ในฐานะผู้นำเรื่องบ้านครบวงจร TOTAL HOME SOLUTION ได้เตรียมรับมือกับปัญหาวิกฤติไวรัสโควิด 19 ( COVID-19 ) จึงได้เตรียมสต็อกสินค้าไว้รองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยแบ่งกลุ่มสินค้าเป็น Stay Safe Stay Home อยู่บ้านให้ปลอดภัย กลุ่มสินค้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID -19 ของใช้ส่วนตัวที่ทุกคนต้องมี กระดาษอเนกประสงค์ , หน้ากากอนามัยการแพทย์ , เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ , ถุงมือยาง , สบู่เหลวล้างมือ, สเปรย์ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ , ตะกร้าผ้า , ผ้าขนหนู,อุปกรณ์จำเป็น ตู้ลิ้นชัก 4 ชั้น ,โต๊ะอเนกประสงค์เหลี่ยม , เก้าอี้พลาสติก , มุ้งชุดผ้าปูที่นอนหมอนข้าง, หมอนหนุน , ราวพาดผ้าสแตนเลสและเครื่องใช้ไฟฟ้า รางปลั๊กไฟ , พัดลมตั้งโต๊ะ , ตู้เย็น 1 ประตู , กาต้มน้ำไฟฟ้า , ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว , เครื่องซักผ้าฝาบน , เครื่องปิ้งขนมปัง



ทั้งนี้โฮมโปรพร้อมมอบประสบการณ์การซื้อของที่สะดวกสบาย และไร้รอยต่อให้แก่ลูกค้า ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และทุกไลฟ์สไตล์จากที่บ้านตลอด 24 ชม. เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส เหมือนยกโฮมโปรมาไว้ที่บ้านคุณ บริการ CHAT SHOP4YOU เพียงทักมาเราช่วยช้อปแทนลูกค้า เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว ทั้งยังช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพียง สั่ง > จ่าย > ส่ง แค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ สั่งได้ที่ช่องทาง Line @HomePro,Facebook HomePro Thailand, จ่ายง่ายสะดวกหลากหลายช่องทางการชำระเงิน ผ่านเงินโอน / โอนเงิน / พร้อมเพย์ / อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง / คิวอาร์เครดิต / บัตรเครดิต /
เดบิตกับธนาคารชั้นนำ ช้อปออนไลน์สะดวก24 ชั่วโมงที่ www.homepro.co.th หรือดาวน์โหลด Mobile Application HomePro APP แอปเดียวครบ จบทุกเรื่องบ้าน โดยลูกค้าสามารถเลือก
ดูสินค้าเรื่องบ้านมากมาย ครบทุกหมวดหมู่ พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม จะเลือกรับด้วยตนเองที่สาขากับบริการ Click &Collect หรือบริการส่งถึงหน้าบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เราพร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเต็มกำลัง
#3051



อีกหนึ่งโครงการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิเพื่อชุมชน โดยพัฒนาผลิตผลในพื้นที่ช่วยเกษตรกรแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิจิตรา เหลียวตระกูล อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารคณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ) หัวหน้าโครงการหมู่บ้านต้นแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มกล้วยหอมเขียวคาเวนดิช เปิดเผยว่า ตนพร้อมคณะทำงาน ได้ลงพื้นที่สำรวจบริบทกลุ่มเกษตรกรพื้นที่ตำบลโพประจักษ์ และตำบลถอนสมอ อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี มีการเพาะปลูกกล้วยหอมเขียวคาเวนดิช พบปัญหาผลผลิตเกินความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ มีกล้วยตกเกรดจำนวนมาก อีกทั้งราคาของกล้วยหอมสดยังตกต่ำ ทำให้เกษตรกรมีภาวะหนี้สินครัวเรือน นั้น



ทำให้ทีมงานวิจัยเกิดแผนงานภายใต้โครงการบ่มเพาะหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ (ชื่อเดิม) ในการสร้างมูลค่าเพิ่มกล้วยหอมเขียวคาเวนดิชตกเกรด ด้วยการแปรรูป ที่มุ่งเน้นการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมอาหารเข้ามาประยุกต์ใช้ ส่งผลให้ มีการรวมกลุ่มกันแปรรูปกล้วยหอมเขียว เพื่อจำหน่าย ถนอมอาหาร เพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร  และ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ ลดอัตราการว่างงานในชุนชน กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิจิตรา กล่าวว่า ปกติเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมเขียวเดิมขายกล้วยหอมเขียวตกเกรด ในราคา 3 บาท/กิโลกรัม ปัจจุบันมีราคากลาง 9 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 3 เท่าโดยมีกลุ่มแปรรูปมารับซื้อ  และมียอดจำหน่ายแป้งกล้วยหอมเขียวเพิ่มขึ้นประมาณ 30-50 กิโลกรัม/เดือน ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ จากกล้วยหอมเขียว ในปี พ.ศ. 2563 เกษตรกรมีรายได้ของกลุ่มเพิ่มขึ้น มูลค่าประมาณ 15,000 บาท/เดือน
#3052



นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวยังมีดีมานต์ความต้องการในโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้จริง พิสูจน์จากความสำเร็จในการ Sold out ปิดการขายโครงการ "1517 NIMMAN" (1517 นิมมาน) เชียงใหม่ จากความโดดเด่นของโครงการ ดีไซน์การออกแบบ สุดยอดทำเลที่ตั้งไข่แดงใจกลางย่านนิมมานฯ ราคาและศักยภาพโครงการที่ลูกค้าเชื่อมั่น ให้การตอบรับเพื่อลงทุนในอนาคต โดยโครงการ 1517 นิมมาน เป็น Co - Business I Living Space พื้นที่ที่รวมธุรกิจ และการอยู่อาศัยเป็นหนึ่งเดียว ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 2 ไร่ จำนวน 23 ยูนิต


บนสุดยอดทำเลไข่แดงใจกลางย่านนิมมานเหมินท์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่นับเป็นย่านศูนย์รวมธุรกิจและไลฟ์สไตล์ ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ บูทีคโฮเทล รวมถึงยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกและแหล่งเศรษฐกิจที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจในแง่การลงทุนและการมองหาบ้านหลังที่สองในไทยที่มีความปลอดภัยและมีระบบสาธารณสุขที่ดี โดยเฉพาะชาวจีน และตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มองหาโลเคชั่นศักยภาพในราคาที่เข้าถึงได้เพื่อประกอบธุรกิจและ ผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเองในย่านชั้นนำของเชียงใหม่ ตลอดจนกลุ่มผู้ลงทุนทั้งภาคเหนือ และกรุงเทพฯ ที่มีความมั่นใจในเรื่องทำเลและผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่าและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยมีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า หรือ Yield สูงถึง 6 - 7% ต่อปี เทียบจากอัตราค่าเช่าอาคารพาณิชย์ในย่านนิมมานฯ ในปี 2564 ซึ่งมาจากความเชื่อมั่นจากสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดเมืองท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ ที่คาดว่าจะกลับมาในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ทำเลย่านถนนนิมมานฯ มีแนวโน้มราคาอสังหาฯ เติบโตพุ่งสูงขึ้นในทุกๆ ปี และส่งผลให้โครงการ 1517 นิมมาน Sold out ปิดการขายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เปิดตัวโครงการได้เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ตอกย้ำผู้นำอสังหาฯ รายใหญ่ในตลาดเชียงใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมาจากการปิดการขาย Sold out รวดทั้งดีคอนโด ริน และ ดีคอนโด พิงค์ รวมถึงการพัฒนาทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมาแล้วกว่า 10 โครงการในจังหวัดเชียงใหม่ สร้างยอดขายแนวราบล่าสุดเป็น 13,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 70% จากเป้ายอดขายแนวราบ 20,000 ล้านบาท พร้อมแผนการรุกตลาดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 2565


ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวในภูเก็ต มีทิศทางที่ดีจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในโมเดล "ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์" ทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคึกคัก โดยล่าสุดมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมรวม 9,358 คน สร้างรายได้ 534 ล้านบาท ขณะที่ภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆ ก็เร่งพลิกฟื้นธุรกิจภายหลังจากที่ประเทศต้องฝ่าวิกฤตโควิด–19 มามากกว่า 1 ปี ภาคธุรกิจโรงแรมเดินหน้าต่อ พนักงานเอกชนเริ่มมีรายได้กลับมา 100% และความต้องการที่อยู่อาศัยเริ่มฟื้นตัว ยังรวมถึงสัญญาณที่ดีจากเมืองท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ อาทิ พัทยา ที่เริ่มเดินหน้าโครงการ "พัทยา มูฟ ออน" เปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศพื้นที่สีเขียว 61 ประเทศ วันที่ 1 กันยายนนี้ และ "หัวหิน แซนด์บ็อกซ์" ที่ดีเดย์เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 1 ตุลาคมนี้

แสนสิริมองถึงทิศทางข้างหน้า ที่ต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาดก่อนการเปิดประเทศและเศรษฐกิจเริ่มฟื้น เพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร ภายใต้ "ความพร้อมในการปรับแผนรองรับในทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา" โดยบริษัทมีแผนรองรับดีมานต์ที่อยู่อาศัยในตลาดต่างจังหวัด อาทิ  

ช่วงเวลาที่ดีในการซื้อที่อยู่อาศัย  #โปรSAVEทั้งเกาะ

ขณะที่กลยุทธ์ในการรุกตลาดภูเก็ต รองรับ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หมดห่วงเรื่องผ่อน สบายใจเรื่องกู้ เข้าอยู่แบบมีเงินติดกระเป๋า กับ แพ็คเกจโปรโมชันพิเศษ ที่พร้อมเซฟคนภูเก็ตทุกทาง   #โปรSAVEทั้งเกาะ  2 โครงการบ้านและทาวน์โฮมภูเก็ต อณาสิริ ป่าคลอก โครงการใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ในทำเลศักยภาพใหม่และแบบบ้านใหม่ สไตล์ European Cottage ฟังก์ชันครบ 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 5 - 8 ล้านบาท และ สิริ เพลส แอร์พอร์ต ทาวน์โฮม สไตล์ LOFT ใกล้สนามบินและหาดไม้ขาว ราคาเริ่มต้น 1.99 - 3 ล้านบาท ไม่ต้องผ่อนสูงสุดถึง 12 เดือน พร้อมเงินติดกระเป๋าสำหรับการแต่งบ้านให้อีกสูงสุด 300,000 บาท* แถมโปรพิเศษ อีก 3 ต่อ* รับแพ็คเกจช่วยโอน* ค่าส่วนกลาง* ค่าจดจำนอง*

ขณะที่เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอน ที่มียอดโอนไปแล้วกว่า 80% สวยงามด้วยกลิ่นอายการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมเพอรานากันแห่งภูเก็ต จองเพียง 999 บาท* ไม่ต้องผ่อน อยู่ฟรี 1 ปี ได้คืนสูงสุดถึง 350,000 บาท* มีเงินนำไปแต่งห้อง ทำธุรกิจ หรือเก็บเป็นเงินสำรอง ได้ตามใจคุณ เป็นเจ้าของห้องวิวดี ยูนิตสวยได้ง่ายๆ ในราคาเริ่มเพียง 2.09 ล้าน* ฟรีเฟอร์นิเจอร์ครบเซ็ตและเครื่องใช้ไฟฟ้า*

สำหรับโครงการ "ลา ฮาบานา" (La Habana) หัวหิน คอนโดมิเนียมตากอากาศสุดชิค พร้อมเข้าอยู่ สีสันใหม่ใจกลางหัวหิน ที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายโครงการไปแล้วถึง 80% จากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริในทำเลหัวหิน มีโปรโมชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของโครงการได้ง่ายขึ้น ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท ฟรีโอนและค่าส่วนกลาง 10 ปี ฟรีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้แสนสิริยังเตรียมโอน EDGE Central Pattaya (เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา) คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา ดีไซน์โดดเด่นในธีม ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่งให้ครบ ฟรีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่ม 3.99 ล้านบาท* ในวันที่ 4 - 5 กันยายนนี้ ตอกย้ำความมั่นใจถึงดีมานต์การเปิดตัวโครงการใหม่ในอนาคตอีกด้วย


"แสนสิริมองว่าตลาดอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวยังมีดีมานต์ในที่อยู่อาศัยคุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการได้จริง ทั้งนี้จากแบรนด์ที่แข็งแกร่งของแสนสิริในตลาดต่างจังหวัดและความเชื่อมั่นของลูกค้า ทั้งในด้านทำเลที่ตั้งโครงการ ดีไซน์ที่โดดเด่น ราคาที่เข้าถึงง่าย สะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็น "แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน" ด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ ตลอดจนบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัยและความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัย จึงเชื่อมั่นว่ากลุ่มลูกค้าเมืองท่องเที่ยวยังคงให้ความเชื่อมั่นแสนสิริในการเปิดโครงการในอนาคต

นอกจากนี้ แสนสิริยังให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าสูงสุด ทั้งความมั่นใจ ปลอดภัย และอุ่นใจในการเข้าเยี่ยมชมโครงการภายใต้มาตรการดูแลความสะอาดและนวัตกรรมความปลอดภัยสูงสุดในทุกสำนักงานขายคอนโดฯ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือเลือกซื้อและจองโครงการแบบออนไลน์ได้ทุกช่องทางกับ Sansiri Multi-Channel ครบทุกช่องทาง


ตั้งแต่การเลือกซื้อและเยี่ยมชมโครงการง่ายแค่ปลายนิ้ว ด้วย "Sansiri Virtual Sales Gallery" เยี่ยมชมโครงการเสมือนจริงแบบ Online บน www.sansiri.com ได้ทุกที่ ทุกเวลาที่สะดวก ในรูปแบบ PRIVATE TOUR ชมบรรยากาศแบบ 360 องศา พร้อมพนักงานที่คอยแนะนำโครงการและตอบทุกคำถามเหมือนมาเยี่ยมชมโครงการจริงด้วยตัวคุณเอง ชมโครงการได้ทั้งบนมือถือ, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต ทุกที่ทุกเวลาที่สะดวก พร้อมแชร์ VIRTUAL TOUR ชมโครงการไปพร้อมกับครอบครัวหรือเพื่อนได้แบบ REAL TIME แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน นอกจากนี้ยังสามารถจองคอนโดออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน 24 Hrs. Online Booking  

เกาะติดทุกข่าวสารที่ www.sansiri.com สนใจโครงการไหน แชทคุยได้ตลอดที่ แสนสิริ ไลน์ ออฟฟิเชียล @Sansiriplc, หรือ Inbox ผ่านเฟซบุค Sansiri PLC. รวมถึง อยากรู้เรื่องไหน แสนสิริพร้อมดูแล ที่โทร. 1685 หรือเลือกนัดหมายเยี่ยมชมโครงการแบบ "Private Tour" เฉพาะครอบครัวคุณได้ที่โครงการที่ให้ความเชื่อมั่นด้วย "WE ARE VACCINATED" ทีมงานแสนสิริทุกคน รวมทั้งพนักงานขาย แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ฯลฯ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว พร้อมการเดินหน้าช่วยประเทศไทยฝ่าวิกฤติ COVID-19 ก้าวไปพร้อมกันด้วย "แสนสิริและสังคม..คนละครึ่ง" ภายใต้ "Sansiri Care...เพราะเราห่วงใย" ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญ ภายใต้ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือสังคมของแสนสิริในปีนี้" นายอุทัย กล่าว
#3053



ทีมเงือกสาว จีน ทำลายสถิติโลก การแข่งขันผลัดฟรีสไตล์ 4x200 เมตร คว้าเหรียญทอง โอลิมปิก 2020 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม

สมาชิกทีมว่ายผลัด 4x200 เมตรของ จีน ได้แก่ หยาง จุน ซวน, จาง ยู่ เฟย, หลี่ ปิงเจี๋ย และ ตัง มู่หาน แตะขอบสระทีมแรก เวลา 7 นาที 40.33 วินาที ตามด้วยอันดับ 2 สหรัฐอเมริกา 7 นาที 40.73 วินาที และอันดับ 3 ออสเตรเลีย 7 นาที 41.29 วินาที

ทั้ง 3 ทีม ต่างทำเวลาต่ำกว่าสถิติโลกเดิม 7 นาที 41.50 วินาที ของ ออสเตรเลีย ซึ่งสร้างไว้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2019
#3054


หลักสูตรออนไลน์ Quick MBA For SMEs โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชวนหาทางแก้วิกฤติพิชิต COVID-19 ถอดบทเรียนการฝ่าความยากลำบากของผู้ประกอบการ โดย จรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน) ที่เข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพองค์กรเพียง 1 เดือน ต้องเจอกับการรับน้องเผชิญโรคระบาดรุนแรงรอบร้อยปีทันที การแพร่กระจายของเชื้อโรคเป็นวงกว้าง ทำให้รัฐต้อง "ล็อกดาวน์" ระยะหนึ่ง กระทบการขายสินค้าของบริษัทอย่างมาก เพราะธุรกิจหลักทั้งอาหาร ร้านอาหาร 10 สาขา ล้วนพึ่งพาหน้าร้านผ่านห้างค้าปลีก

บททดสอบผู้นำ ยังถาโถมเข้ามา เมื่อเกิดโรครบาดในหมู 2 โรคเข้ามาพร้อมกันทำให้บริษัทต้องงัดมาตการดูแลพนักงานอย่างเข้มข้น ให้กินอยู่ที่โรงงาน ฟาร์มทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อโรค

 นอกจากนี้ มาตรการรัฐทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ ที่ผันเงินเข้าระบบเศรษฐกิจผ่านร้านธงฟ้า ร้านค้าทั่วไป แม้ภาพรวมเห็นด้วยและเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กระทบยอดขายร้านอาหาร และยอดขายในห้าง ทำให้ธุรกิจหลักของบริษัทต้องประสบปัญหา "ขาดทุน" เป็นบางเดือน กระเทือน "วิกฤติศรัทธา" ของคนในองค์กรต่อตนเอง

ล่าสุด โรงงานสารเคมีระเบิด ที่ห่างโรงงานของบริษัทเพียง 1.8 กิโลเมตร(กม.) ล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานทั้งสิ้น กลายเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์การนำทัพองค์กร จะฝ่าภารกิจสุดหินให้ผ่านไปได้โดยเร็ว

"นอกจากโรคระบาดที่เกิดรุนแรงสุดรอบร้อยปี ซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน โรงงานสารเคมีระเบิด เป็นสิ่งที่กดดันมาก รวมถึงสิ่งที่คนของ ส.ขอนแก่นไม่คุ้นหูคือคำว่า ขาดทุน เพราะเราอยู่ในธุรกิจที่ทำกำไรมาตลอด ธุรกิจหลักๆไม่เคยขาดทุน แต่พอเจอวิกฤติเราประสบปัญหาขาดทุน 1-2 เดือน จึงไม่ใช่แค่เจอวิกฤติธุรกิจแต่ส่วนตัวเจอวิกฤติศรัทธา ทุกคนห่วงจะรอดไหม เพราะสถานการณ์หนักมาก"

ทั้งนี้ ส.ขอนแก่น มีฟาร์ม 1 แห่ง โรงงาน 4 แห่ง ร้านอาหาร 10 สาขา และอสังหาริมทรัพย์ รวมมีพนักงานร่วม 2,000 ชีวิต ในการฝ่าวิกฤติ "ทีมงาน" เป็นหัวใจสำคัญมาก โดยทุกฝ่ายทำแผนการดำเนินงานต่อเนื่อง (BCP) 6 แผน รองรับการทำงานภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ทีมการตลาดระดมสมองจัดแคมเปญที่จะพลิกกำไรให้บริษัท ฝ่ายผลิตหากไม่สามารถบรรจุสินค้าได้ ทีมงานต่างๆพร้อมไปเป็นกำลังเสริมช่วยเต็มที่ ทีมงานร้านอาหารหาซัพพลายเออร์จากทั่วโลก รองรับความเสี่ยงกรณีซัพพลายเออร์ในประเทศส่งวัตถุดิบให้ไม่ได้ เป็นต้น

การมีทีมงานแกร่ง พร้อมร่วมหัวจมท้าย และลุยแก้ไขปัญหา ทำให้สถานการณ์ยอดขายฟื้นตัวกลับมาในทิศทางที่ดีในระยะสั้น ส่วนระยะยาว จรัญพจน์ ตีโจทย์ธุรกิจอาหารกำลังอยู่ในสถานการณ์โกลาหล เพราะคู่แข่งทางตรงมีมาก ส่วนคู่แข่งหน้าใหม่ตบเท้าเข้ามาแบ่งเค้กมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เดาทางอนาคตลำยาก แต่ธุรกิจต้องอยู่รอด การปรับตัวเพื่อให้ยืนหยัดในวงการได้ บริษัทให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของสินทรัพย์น้อยลง(Asset Light)มุ่งจับมือพันธมิตรเพื่อให้เกิดซีนเนอร์ยี โมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อบุกตลาด และตัดตัวกลางในธุรกิจมากขึ้น

"อนาคตธุรกิจอาหารเดาทางยากจะแข่งกับใคร เพราะมีสตาร์ทอัพหน้าใหม่ พร้อมตัดตัวกลาง มีแอ๊พพลิเคชั่นต่างๆ คลาวด์คิทเช่น เกิดขึ้น สถานีบริการน้ำมันอยากทำอาหาร กลายเป็นสมรภูมิที่ผู้ประกอบการทุกคนมาบรรจบกันทำตลาดจริง"

อีกตัวแปรที่กระทบผู้ประกอบการ คือ "กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง" แต่ความต้องการสินค้าดีมีคุณภาพมาเป็นอันดับแรก ทำให้บริษัทต้องหันกลับมามองสมรรถนะของตัวเอง ปรับกระบวนการภายใน หาทางผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแต่ "ราคาต่ำลง" ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายให้ได้

นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสขาย บริษัทจะบุกช่องทางจำหน่ายร้านธงฟ้า ที่มีราว 1-4 แสนราย เพื่อกระจายสินค้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การจับมือพันธมิตรปั๊มน้ำมัน เพื่อขายสินค้า ส่วนการช่องทางออนไลน์จะเน้นขยายพาร์ทเนอร์ ด้านร้านอาหารจะทำคลาวด์คิทเช่น ลดต้นทุน

 "เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ ทุกคนกำลังหนีตาย ยอมลดกำไรตัวเอง เพื่อให้แข่งขันได้ แต่หากต้องการอยู่รอด ต้องกลับมาดูสมรรถนะตัวเอง ทำของดีราคาถูกลง หาจุดแข็งสร้างความโดดเด่น ทำสินค้าให้ผู้บริโภคว้าว!ให้ได้"
#3055



ความไม่แน่นอนของดิน ฟ้า อากาศ ส่งผลให้เกษตรกรของไทยเสียโอกาสที่จะได้ผลผลิตแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย  รวมถึงผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าจากแรงงานที่ลงทุน และยังส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยติดกับดักอยู่กับการทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม ซึ่งการแก้ปัญหาความไม่แน่นอนหลาย ๆ ด้านที่เกษตรกรต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านฤดูกาล ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน หรือการใช้สารเคมีในภาคการเกษตรจะทำให้เกษตรกรมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


วันนี้ "เอ็นไอเอ" ได้จุดประกายความว้าวจาก 3 สตาร์ทอัพ ผู้พัฒนา "ดีพเทค" ด้านเกษตรกรรมที่สามารถช่วยพี่น้องเกษตรกรให้รอดพ้นจากสภาพปัญหาความไม่แน่นอน พร้อมเปิดมิติใหม่ทางนวัตกรรมที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมหลักของประเทศก้าวไปสู่ทิศทางที่ดียิ่งขึ้น โดยเริ่มกันที่ ดร.มหิศร ว่องผาติ ประธานกรรมการ บริษัท เอชจี โรโบติกส์ จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการระบบวิเคราะห์การเจริญเติบโตของอ้อยด้วยโดรนแบบ TAILSITTER เล่าว่า จากปัญหาผลผลิตตกต่ำของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่พบว่า ในแต่ละปีเกษตรกรได้ผลผลิตจากการปลูกอ้อยต่ำมาก ทำให้ผลตอบแทนที่ได้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยพบว่าปัญหาที่ส่งผลให้ผลผลิตในแต่ละปีต่ำกว่าที่ควรจะเป็น คือเกษตรกรวางแผนการตัดอ้อยในระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมทำให้ค่าน้ำตาลในต้นอ้อยต่ำกว่าค่ามาตรฐาน

จนเกษตรกรขายอ้อยได้ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน รวมไปถึงการที่เกษตรกรไม่สามารถตรวจสอบจุดที่อ้อยล้มและไม่เจริญเติบโตได้ เนื่องจากการปลูกอ้อยแต่ละครั้งจะปลูกเป็นจำนวนหลายไร่ การใช้แรงงานคนในการตรวจสอบไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้แต่ละปีเกษตรกรไร่อ้อยได้รับผลผลิตไม่มากพอ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาที่เกษตรกรกำลังเผชิญ ทางบริษัทจึงได้ทำระบบการวิเคราะห์การเจริญเติบโตของอ้อยด้วยอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน เพื่อตรวจสอบปัญหาที่เกษตรไม่สามารถทำได้ด้วยตาเปล่า

 โดยการทำงานของระบบจะใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายโดยโดรน ซึ่งมีความละเอียดสูงทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ส่งผลให้อ้อยเจริญเติบโตได้ไม่ดีพอ รวมไปถึงตรวจหาบริเวณที่อ้อยล้มหรือไม่เจริญเติบโตเพื่อทำการปลูกทดแทน โดยปกติเกษตรกรจะไม่สามารถมองได้จากระดับสายตา เนื่องจากอ้อยที่โตแล้วจะสูงถึง 2-3 เมตร ดังนั้นการใช้ภาพถ่ายมุมสูงจากโดรนจึงสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างดี ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้มีการทดลองใช้ระบบนี้ในพื้นที่จ.อุทัยธานี และจ.ขอนแก่น โดยมีพื้นที่ที่ใช้บริการเฉลี่ยแล้วกว่า 50,000 ไร่ และพบว่าเกษตรกรสามารถส่งอ้อยไปขายได้ราคาดีมากยิ่งขึ้น  โดยบริษัทคาดหวังว่าระบบนี้จะช่วยให้เกษตรกรรมเพาะปลูกอ้อยมีความแม่นยำ สามารถช่วยเพิ่มปริมาณของผลผลิตต่อพื้นที่ รวมไปถึงสามารถกะระยะเวลาในการตัดอ้อยได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยในประเทศไทยได้ดีมากยิ่งขึ้น


ต่อกันที่ นางสาวรัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์ ประธานกรรมการบริษัท  บริษัท ลิสเซินฟิลด์ จำกัด ผู้ริเริ่มระบบบริหารจัดการการเพาะปลูกข้าวแบบรวมกลุ่มด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีและภาพถ่ายจากดาวเทียม กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของโครงการมาจากปัญหาของเกษตรกรที่ปลูกข้าวและมักจะได้ผลผลิตต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งจากการเก็บข้อมูลทำให้เราพบว่า สภาพดินเป็นตัวแปรหลักในการสร้างผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นทางบริษัทจึงได้มีการวางแผนตรวจสอบสภาพดินผ่านระบบฟาร์ม AI ให้แก่เกษตรกรที่ทำนาข้าว โดยการเก็บตัวอย่างดินและนำมาวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีเชิงลึก เพื่อหาว่าดินในที่นาแต่ละแปลงของเกษตรกรจะต้องปรุงดินอย่างไรให้เหมาะสม นอกจากการตรวจสภาพดินแล้ว ทางบริษัทได้มีการเก็บบันทึกข้อมูลพร้อมทั้งจัดทำโมเดล เพื่อทำการวิเคราะห์และพยากรณ์สภาพอากาศ ประเมินประสิทธิภาพการเจริญเติบโตแบบอัตโนมัติ วิเคราะห์ข้อมูลกรณีฝนทิ้งช่วงและปริมาณน้ำในดินจากน้ำฝน รวมไปถึงมีระบบการเตือนอัตโนมัติในพื้นที่ที่การเจริญเติบโตต่ำด้วยระบบ AI ซึ่งเทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้นช่วยให้เกษตรมีข้อมูลมากพอสำหรับนำไปวางแผนเพราะปลูกข้าวได้อย่างเหมาะสมมากกว่าการคาดคะเนจากประสบการณ์ของตัวเกษตรกรเอง   


โดยปัจจุบันได้มีการทดลองใช้ระบบนี้กับเกษตรกรที่ปลูกข้าวในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีที่นาเข้าร่วมการทดสอบประมาณ 200 ไร่ มีทั้งเกษตรกรที่ทำนาข้าวแบบดั้งเดิม และเกษตรกรที่ทำนาข้าวแบบอินทรีย์  เป้าหมายหลักในการทำโครงการครั้งนี้ทางบริษัทคาดหวังว่าจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกระบวนการทำนาข้าวให้แก่เกษตรกร ตั้งแต่การเริ่มต้นปลูกข้าวไปจนถึงการหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมไปถึงการลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการเกษตรกรรมไม่ว่าจะเป็นการซื้อปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ข้าว สารเคมี ให้ได้ประมาณ 20 % จากรายจ่ายเดิมที่เกษตรกรต้องจ่าย สำหรับช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลนั้น ผู้เพาะปลูกสามารถเข้าถึงได้ทางแอปพลิเคชันฟาร์มเอไอ-เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ นอกจากนี้ระบบยังมีการเก็บและรายงานข้อมูลผ่านบน Web Dashboard สำหรับให้วิสาหกิจชุมชน กลุ่มสหกรณ์ เกษตรจังหวัดได้เข้าไปไปใช้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการปลูกข้าวเพื่อนำไปวางแผนในการเพิ่มผลผลิตและมูลค่าให้แก่เกษตรกรผู้ทำนาข้าวต่อไป


ปิดท้ายกันที่บริษัทสตาร์ทอัพ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ใบไม้-รีคัลท์ แอปพลิเคชันที่จะช่วยเกษตรกรจัดการกระบวนการเพาะปลูกอย่างครบวงจร โดยนายอุกฤษ อุณหเลขกะ กรรมการผู้จัดการบริษัท รีคัลท์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตนเองและทีมต้องการเห็นเกษตรกรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะจากการหาข้อมูลก่อนที่จะเริ่มทำสตาร์ทอัพ พบว่ามูลค่าการเกษตรในประเทศไทยสูงมาก และประเทศไทยมีคนประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากกว่า 40% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ทำไมเกษตรกรยังคงมีรายได้ต่ำกว่าอาชีพอื่น ๆ ดังนั้นตนจึงอยากยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรด้วยเทคโนโลยีเหมือนในต่างประเทศ

โดยทางบริษัทจึงเริ่มต้นเก็บข้อมูล และศึกษาปัญหาที่เกษตรกรไทยจะต้องเผชิญทุกปี ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาสภาพอากาศเป็นตัวแปรสำคัญในการทำเกษตรกรรม รวมไปถึงช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลด้านการเกษตรที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ใบไม้-รีคัลท์ ขึ้นมา เพื่อช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูกตั้งแต่ต้นทาง โดยเริ่มจากการเช็คปริมาณฝนซึ่งแอปฯสามารถคำนวณได้ล่วงหน้านานกว่า 9 เดือน  การวิเคราะห์ปัญหาที่เกษตรกรจะต้องเผชิญในแต่ละช่วงฤดู ไปจนถึงกระบวนการเก็บเกี่ยวและขายสินค้าทางการเกษตร โดยเกษตรกรสามารถบริหารจัดการกระบวนการทำการเกษตรผ่านแอปพลิคชันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย  


นายอุกฤษ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้ามาใช้บริการแอปพลิคชันมากกว่า 4 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ทำพืชไร่ เช่น นาข้าว ไร่อ้อย มันสำปะหลัง และจากการติดตามผลพบว่าระบบสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้มากขึ้นกว่า 30 % นอกจากนี้ระบบยังมีการเก็บข้อมูลของเกษตรกร และเชื่อมโยงข้อมูลกับโรงงานอุตสาหกรรม หรือธนาคาร เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างถูกกฎหมาย เกษตรกรไม่ต้องอาศัยการกู้เงินนอกระบบเพื่อมาลงทุน นอกจากนี้ ในอนาคตยังจะมีการขยายบริการด้านการเกษตรให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อปุ๋ยผ่านแอปพลิเคชัน การเรียกใช้งานโดรนฉีดพ่น และช่องทางการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบอีคอมเมิร์ซได้ด้วย
#3056



บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ  ถือเป็นไอพีโออีกหุ้นหนึ่งในปีนี้ที่ราคาเปิดเทรดวันแรก (11 พ.ค.) พุ่งแรง 135.48% อยู่ที่ 7.30 บาท จากราคาจอง 3.10 บาท ก่อนที่จะย่อตัวมาปิด 5.90 บาทเพิ่มขึ้นจากราคาจอง 90.32%

 ทั้งนี้ WINMED ได้มีการรายงานผลการจัดสรรหุ้นไอพีโอ  โดยพบ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอหลายคน โดยผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นมากสุด คือ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP), นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร  บมจ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และ นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) ได้รับจัดสรรคนละ 1 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 3.1 ล้านบาท

รองมาคือ นาย สุรเดช อุทัยรัตน์กรรมการ บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) ได้รับจัดสรรหุ้น 8 แสนหุ้น มูลค่า 2.48 ล้านบาท, นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ได้รับจัดสรรหุ้น 5.5 แสนหุ้น มูลค่า 1.7 ล้านบาท, นายวรพจน์ จรรย์โกมล กรรมการ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) ได้รับจัดสรรหุ้น 5.2 แสนหุ้น มูลค่า 1.61 ล้านหุ้น

นายสมโภชน์ วัลยะเสวีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ได้รับจัดสรรหุ้น 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท

นอกจากนี้นายสาระ ล่ำซำ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิตจำกัด (มหาชน) ได้รับจัดสรรหุ้นจำนวน 4 แสนหุ้น หรือคิดเป็น 1.24 ล้านบาท

รวมถึงพบตระกูลดังกล่าวได้รับจัดสรรหุ้น เช่น อภิชาติ จุฬางกูร ได้รับจัดสรร 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท นางสาวชดชนก ชิดชอบ ได้รับจัดสรร 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท นายมานิต มัสยวาณิช ได้รับจัดสรร 7 แสนหุ้น มูลค่า 2.17 ล้านบาท  นางนันทวัน มัสยวาณิช  ได้รับจัดสรร 6 แสนหุ้น มูลค่า 1.86 ล้านหุ้น


ทั้งนี้WINMEDดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่อง และชุดอุปกรณ์เพื่อการตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยและหรือบำบัดรักษาทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการเก็บรักษาโลหิตและผลิตภัณฑ์ของโลหิต ซึ่งบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิต 23 บริษัท ใน 12 ประเทศ  และมีบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับสุขภาพและสุขอนามัย
#3057



และร่วมกันนำองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงสาธารณะ และเชิงพาณิชย์ ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยีและส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการดำเนินงานในการวิจัยพัฒนาและส่งเสริมในเรื่องของกัญชงมาอย่างต่อเนื่อง


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วิจัยและพัฒนากัญชง (Hemp) เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน ผลการวิจัยและพัฒนา ทำให้จากอดีตที่แม้แต่การใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาและวิถีของชนเผ่าม้ง เพื่อทำเครื่องนุ่งห่มและใช้สอยในครัวเรือนนั้น ยังผิดกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มีข้อมูลและองค์ความรู้ที่นำมาสู่แก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ  

โดยอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน และผลการวิจัยและพัฒนาจำนวนไม่น้อย นับจากปีพ.ศ. 2549-จนถึงปัจจุบัน กว่า 15 ปี เริ่มจากการพัฒนาพันธุ์เพื่อให้มีสารเสพติดต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด การพัฒนาวิธีการเพาะปลูก การแก้กฎหมาย และสร้างการตลาด เพื่อให้สามารถปลูกเป็นอาชีพได้จริง ในช่วงแรกๆ มุ่งการใช้ประโยชน์จากเส้นใยสำหรับในครัวเรือน ต่อมาขยายการศึกษาวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จากแกน ลำต้น เมล็ด และเส้นใยในเชิงอุตสาหกรรม และนำไปสู่การศึกษาวิจัยที่มุ่งการใช้ประโยชน์ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งเส้นใย เมล็ด และช่อดอก สำหรับอาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ ในขณะนี้ โดยมีผลงานที่สำคัญคือ

ระยะที่ 1 ปี พ.ศ.2549-2554 ปรับปรุงและขึ้นทะเบียนพันธุ์ 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีปริมาณ THC ต่ำกว่า 0.3% คือ RPF1, RPF2, RPF3 และ RPF4 ควบคู่กับวิจัยและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสม ได้แก่ ระยะปลูก ช่วงเวลาปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระบบการปลูกเฮมพ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด และนำข้อมูลไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง (2552-2556) แผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2553-2557) และแผนปฏิบัติการพื้นที่นำร่องส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่น่าน เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์


ระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2555-2559 สวพส. ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ วิจัยและพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ได้แก่ กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายให้สามารถปลูกเฮมพ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พัฒนาระบบควบคุมการปลูกที่เหมาะสม และสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Institute of Small and Medium Enterprises Development, ISMED) กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนิน "โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเฮมพ์อย่างสร้างสรรค์แบบครบวงจร" เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากส่วนต่างๆ ของกัญชงที่เชื่อมโยงสู่ภาคปฏิบัติในโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และ สวพส. ได้ศึกษาวิจัยต่อเนื่อง ในด้านการศึกษาระบบส่งเสริมการปลูกภายใต้ระบบควบคุม ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด

การพัฒนาระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ภายใต้ระบบควบคุม การพัฒนาชุดตรวจปริมาณ THC ภาคสนาม (THC test kit) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยเฮมพ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง การวิจัยและพัฒนาต้นแบบอาหารสุขภาพจากเมล็ดเฮมพ์ เช่น น้ำมันในแคปซูล และโปรตีนอัดเม็ด ซึ่งพบว่าเมล็ดกัญชงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4 พันธุ์ มีน้ำมัน 28.06-29.62 % และเมื่อสกัดด้วยวิธีการบีบเย็นจะได้ผลผลิตน้ำมัน 22.29% ซึ่งมีกรดไขมันได้แก่โอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 เท่ากับ 20.91, 58.23, 9.74 กรัมต่อน้ำมันเฮมพ์ 100 กรัม และมีโปรตีนที่ในกากเมล็ดเฮมพ์ 33.25 % 


ระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2560-ปัจจุบัน มุ่งศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะปลูก ในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ประโยชน์ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ และเอกชน เพื่อขยายผลและผลักดันเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยตามนโยบายรัฐบาล ทั้งด้านเส้นใย อาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ เช่น ร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก และกรมพลาธิการทหารบก วิจัยและพัฒนาเครื่องแต่งกายทหารจากเส้นใยเฮมพ์ 3 ชนิด คือ ชุดพราง เสื้อยืด และถุงเท้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ พัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณ THC อย่างง่าย (THC strip test) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการส่งตัวอย่างตรวจในห้องปฏิบัติการ ประมาณ 15-25 เท่า รวมทั้งการถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้ให้กับเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน ผ่านการจัดฝึกอบรม สัมมนา ศึกษา ดูงาน ผลงานทางวิชาการ เอกสาร และคู่มือต่างๆ

ข้อจำกัดที่สำคัญของการสนับสนุนให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยคือ ข้อมูล พันธุ์ และ การเตรียมการด้านการตลาด ซึ่งกฎหมายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลการวิจัยที่เน้นใช้ประโยชน์จากเส้นใยเป็นหลัก จึงยังไม่สมบูรณ์มากพอสำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ซึ่งความสนใจปลูกขณะนี้ส่วนใหญ่มุ่งใช้ประโยชน์จาก CBD และเมล็ด และข้อจำกัดที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง คือเมล็ดพันธุ์ที่ยังผลิตได้ปริมาณน้อยมากสำหรับปี พ.ศ.2564 นี้ 

เพราะมีการผลิตจำนวนน้อยเพื่อใช้ในงานวิจัย ไม่สอดคล้องกับความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน ทั้งนี้จะสามารถการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พอเพียงได้เร็วที่สุด คือในปี พ.ศ.2565 การใช้ข้อมูลและเมล็ดพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศอาจจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องทำอย่างรอบครอบ โดยมีการศึกษาทดลองก่อนนำมาใช้อย่างจริงจัง
#3058



เชลซี ยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิล เฮดโค้ชชาวเยอรมัน ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นนัดแรกด้วยการยกพลไปเยือน บอร์นมัธ ทีมในลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ

"สิงห์บลูส์" ยังไม่มีบรรดานักเตะที่ไปช่วยทีมชาติผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ ในยูโร 2020 เช่น เมสัน เมาท์, รีซ เจมส์, เบน ชิลเวลล์, เอ็นโกโล ก็องเต้, อันเดรส คริสเตนเซน และจอร์จินโญ่ เช่นเดียวกับ ติอาโก ซิลวา ที่ไปเล่นให้กับ บราซิล ในโคปา อเมริกา

เกมนี้พวกเขาส่งนักเตะชุดผสมลงเป็น 11 คนแรก โดยมีตัวหลัก อย่าง แทมมี อับราฮัม, เกปา อาร์ริซาบาลากา, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, ฮาคิม ซิเยค, คริสเตียน พูลิซิช รวมไปถึง แดนนี ดริงก์วอเตอร์ มิดฟิลด์อังกฤษที่กลับคืนสู่ทีมอีกหลัง หลังย้ายไปเล่นให้กับ คาซิมปาซ่า ในลีกตุรกีด้วยสัญญายืมตัว

ปรากฎว่าเกมในครึ่งเวลาแรกถึงแม้ เชลซี จะเป็นฝ่ายที่โหมบุกใส่ บอร์นมัธ อย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะจบสกอร์ยังทำได้ไม่ดีพอ และหมด 45 นาที ไปด้วยสกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง "สิงห์บลูส์" เปลี่ยนเอาผู้เล่นอย่าง รอสส์ บาร์คลีย์, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, เอดูอาร์ เมนดี รวมถึงดาวรุ่งอีกหลายคนลงสนาม และในนาทีที่ 66 ก็กลายเป็น บอร์นมัธ ที่ออกนำก่อน 1-0 จากลูกโหม่งของ เอมิเลียโน มาร์คอนเดส

แต่ เชลซี ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มาทำ 2 ประตูรวด แซงนำ 2-1 จากการยิงของดาวรุ่ง อย่าง อาร์มานโด โบรยา ในนาทีที่ 72 และอีกหนึ่งดาวรุ่ง อย่าง อิเค อั๊กโบ ในนาทีที่ 76 และจบ 90 นาทีไปด้วยสกอร์นี้
#3059
ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

อาคารพาณิชย์ ชั้นเดียว ทำเลดี ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 เขตประเวศ กทม


เหมาะสำหรับทำการค้า สำนักงานเชิงพาณิชย์ 

เนื้อที่ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร 

ด้านหน้าอาคารติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 ด้านข้างอาคารติดกับ ร.พ.วิภารามอ่อนนุช ขนาด 400 เตียง 19 ชั้น 

และซอย อ่อนนุช 78 ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
- สัญญา 2 ปี 
(สัญญาเช่า 2 ปี = จ่ายเงินประกัน 2 เดือนและค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน เข้าอยู่ได้เลย)

พื้นที่
ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร
ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ทำเลที่ตั้ง
บ้านเลขที่ 39/15 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม 10250

สถานที่ใกล้เคียง
-ร.พ.วิภาราม อ่อนนุช
-เทสโก้โลตัส อ่อนนุช
-ไปรษณีย์อ่อนนุช
-สวนหลวง ร.9
-Seacon square
-Paradise park

ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 0994611840
@line: chiramathe.nami

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7827111


























#3060



เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และมีผลต่อการดำเนินชีวิตมากๆ ตัวช่วยที่ใกล้มือที่สุด ณ ปัจจุบันนี้คงหนีไม่พ้นแอพพยากรณ์อากาศ เพราะ แอพ ประเภทนี้ซึ่งมีมากมาย ช่วยให้เรารู้ว่าอากาศจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า เพียงแค่ปลายนิ้วก็รู้ได้อย่างง่ายดาย

แต่สภาพแวดล้อมมหาสมุทรซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กันล่ะ มีแอพ "พยากรณ์อากาศ" หรือเปล่า? ล่าสุดผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นได้สร้าง "แอพ" มือถืออย่าง Global Ocean on Desk (GOOD) หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า "GOOD APP" เพื่อให้คนทั่วโลกเข้าถึงการพยากรณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรได้ง่ายๆ

"GOOD APP" เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกดูข้อมูลพยากรณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรได้โดยตรงตามใจต้องการบนมือถือของตัวเอง โดย "แอพ" นี้พยากรณ์ภัยพิบัติทางทะเล อย่างคลื่นพายุซัดฝั่งและคลื่นสึนามิได้ ทั้งยังช่วยทีมชายฝั่งทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ป้องกันและลดภัยอันตรายทางทะเล บริหารจัดการการประมง และแม้แต่การท่องเที่ยว

"แอพ" นี้ใช้งานได้ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย มาเล และอังกฤษ โดยเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างไทย มาเลเซีย และจีน ด้วยการสนับสนุนจากกองทุน China-ASEAN Cooperation Fund แอพดังกล่าวแสดงผลการพยากรณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรเชิงตัวเลขให้เป็นภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นความสูงของคลื่นพื้นผิว ระยะเวลาของคลื่น ระดับน้ำทะเล กระแสน้ำมหาสมุทรแบบสามมิติ อุณหภูมิและความเค็มของทะเล เป็นต้น ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลกในช่วง 120 ชั่วโมงข้างหน้า (5 วัน) ผ่านสมาร์ทโฟน


แน่นอนว่า "GOOD APP" ไม่ได้ถูกคิดค้นและสร้างขึ้นในคืนเดียว เพราะก่อนที่จะเปิดตัวแอพนี้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ระบบ Ocean Forecast System (OFS) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแอพนี้ ถูกพัฒนาขึ้นเป็นเวลากว่าหลายทศวรรษ และมีการนำไปทดลองใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2561


โดยที่ OFS ใช้โมเดลเชิงตัวเลขที่คอยประสานการไหลเวียน คลื่น และกระแสน้ำพื้นผิว โมเดลใหม่นี้แตกต่างจากโมเดลมหาสมุทรอื่นๆ ที่พยากรณ์คลื่น กระแสน้ำ และการเคลื่อนไหวแยกกันโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบระหว่างกันของปัจจัยเหล่านี้ เพราะโมเดลใหม่ดังกล่าวนำปัจจัยทั้ง 3 นี้มาพิจารณาพร้อมกัน และยกระดับความแม่นยำและประสิทธิภาพของการพยากรณ์มหาสมุทรได้อย่างมาก

ตัวอย่างเช่น ข้อผิดพลาดจากการพยากรณ์ความลึกของชั้นผสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการปกป้องระบบนิเวศทางทะเล การก่อตัวของไต้ฝุ่น และการพยากรณ์สภาพอากาศ นับว่าเป็นจุดติดขัดมาถึงครึ่งศตวรรษ แต่บัดนี้ปัญหาดังกล่าวหายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์


ศาสตราจารย์ Qiao Fangli หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบัน First Institute of Oceanography (FIO) ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีน กล่าวว่า "โมเดลดังกล่าวได้รับการตรวจสอบแล้วจากการสังเกตและการทดลองในห้องปฏิบัติการ โดยช่วยยกระดับความแม่นยำของการพยากรณ์มหาสมุทรได้ถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์"

ย้อนกลับไปยังปี 2551 เมื่อ Qiao Fangli ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับความสำเร็จของแบบจำลองมหาสมุทรของเขาในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติของ IOC/WESTPAC ครั้งที่ 8 เขาได้พบกับ ศาสตราจารย์ สมเกียรติ ขอเกียรติวงศ์ จากศูนย์ชีววิทยาทางทะเล จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานของระบบสังเกตการณ์ในทะเลและมหาสมุทรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAGOOS) และ ศาสตราจารย์ Fredolin Tangang จากมหาวิทยาลัย Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) ของมาเลเซีย หลังจากการอภิปรายกันอย่างดุเดือด แนวคิดความร่วมมือระหว่างทีมนักวิจัยจากจีน ไทย และมาเลเซีย ในการพัฒนาระบบพยากรณ์มหาสมุทรแบบใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น โครงการนี้ได้รับการอนุมัติโดย IOC/WESTPAC ในปี 2553 และในอีก 2 ปีถัดมา OFS แบบปฏิบัติการ ก็เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2555


ศาสตราจารย์ Qiao กล่าวว่า "ประเทศไทย มาเลเซีย จีน และประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สามารถได้รับประโยชน์จากโครงการ OFS และความร่วมมือของเราก็เข้ามาเสริมสร้างมิตรภาพและความร่วมมือในระหว่างประเทศต่างๆ ได้อย่างมาก"

OFS มีบทบาทสำคัญในการค้นหากู้ภัยในเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งเรือท่องเที่ยว 2 ลำ พร้อมนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 130 ราย โดยส่วนมากเป็นชาวจีน จมลงนอกเกาะภูเก็ตทางภาคใต้ของประเทศไทย เนื่องมาจากพายุที่รุนแรงในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

นอกจากภารกิจค้นหาและกู้ภัยของเจ้าหน้าที่ไทยแล้ว ทีมวิจัยระหว่างประเทศของจีนและไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางวิทยาศาสตร์อย่างแข็งขัน พวกเขาใช้ OFS คาดการณ์กระแสน้ำในมหาสมุทรและคลื่น ตลอดจนลดพื้นที่การค้นหาลงเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการคาดการณ์กระแสน้ำบริเวณรอบเรือที่จมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้ทีมกู้ภัยของไทยปฏิบัติภารกิจกู้ภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

OFS จึงนับเป็นระบบ "พยากรณ์" สภาพแวดล้อมในมหาสมุทรระดับชาติของทั้งประเทศไทยและมาเลเซียในขณะนี้ นอกจากความช่วยเหลือทางทะเลแล้ว ยังมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายๆ ด้าน เช่น การปกป้องแนวปะการัง ความปลอดภัยของการขนส่งทางทะเล การติดตามแหล่งที่มาและการพยากรณ์ขยะที่ลอยอยู่ในทะเล รวมถึงการรั่วไหลของน้ำมัน เป็นต้น สำหรับชาวประมง OFS และ "GOOD APP" ที่พัฒนาขึ้นมาจาก OFS คาดการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงเพื่อที่จะรับรองความปลอดภัยและการผลิต