8 ขั้นตอนในการกู้คืนระบบเครือข่ายขององค์กร จากเหตุร้ายที่คุณไม่คาดฝัน!

[luktan1479]

การวางเป้าหมายรองรับเหตุไม่ได้นึกฝัน แล้วก็ภาวะหยุดชะงักสำหรับในการให้บริการที่เลี่ยงมิได้ อันเพราะว่าสายเคเบิลใต้น้ำ, โครงข่ายภาคพื้นดิน, หรือระบบดาวเทียมนั้น จำเป็นมากสำหรับผู้จัดการด้านไอทีในองค์กร การปรับปรุงแก้ไขแผนจัดการอยู่เสมอก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเลือกสำหรับเพื่อการแบ๊กอัพเพิ่มจากครั้งก่อนมาก

อย่างเหตุภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำที่ตัดขาดลิงก์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียวไปยังประเทศตองก้า ที่เป็นเกาะกึ่งกลางทะเลเมื่อเดือนที่แล้วนั้น ถือเป็นสัญญาณเตือนให้เหล่าประธานเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งโลกจำเป็นต้องหันมาทวนแผนแบ๊กอัพและกู้คืนระบบกันใหม่ อีกทั้งด้านส่วนประกอบเบื้องต้นเน็ตเวิร์กรวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือที่เชื่อมต่อ

ไม่ว่าสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องไม่ปรารถนาจะมาจากรถแบ๊กโฮไปตัดโดยสาย, จากอาชญากรรม, หรือเรื่องบังเอิญอื่นที่คาดการณ์มิได้ องค์กรทั้งหลายก็จึงควรมีแผนการสำรองสำหรับทุกพื้นที่ที่ต้องไม่ว่าขนาดใหญ่หรือเล็ก อยู่ใกล้หรือกระจัดกระจายทั่วโลก เพื่อลดการสิ้นไปให้มากที่สุดดังนี้

ขั้นที่ 1 กางแผนที่ลิงก์ของผู้ให้บริการมอง
ถ้าผู้ให้บริการเครือข่ายของคุณยังไม่เคยให้แผนที่การเชื่อมต่อ รวมทั้งแผนสำรองสำหรับบริการที่คุณใช้อยู่ ก็จะต้องกดดันเอามาให้ได้ เพื่อจะได้ใช้มองหาข้อบกพร่องในแผนของคุณ ระวังว่าถึงจะใช้ผู้ให้บริการหลายรายก็มิได้ช่วยสำรองลิงก์ได้ ด้วยเหตุว่าหลายเจ้าใช้ลิงก์ผ่านประเทศเดียวกันก็มี

ขั้นที่ 2 ลดความเสี่ยงสายไฟเบอร์โดนตัดขาด
Jimmy Yu รองประธานของกรุ๊ปตลาดติดต่อสื่อสารผ่านสายไฟเบอร์ของกลุ่ม Dell'Oro.` ที่เป็นบริษัทพินิจพิจารณาและก็วิจัยได้กล่าวว่า "แนวทางที่เยี่ยมที่สุดในการลดผลกระทบจากสายไฟเบอร์ตัดขาดคือ การเลือกผู้ให้บริการที่มีเส้นทางโยงลิงก์แยกกันสองทางในทุกๆที่"

"หรือหันมาใช้บริการจากผู้ให้บริการสองรายที่มีเส้นทางโยงสายไฟเบอร์แตกต่างกันแทน" ซึ่งทั้งสองกรณีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ถ้าหากลิงก์ไฟเบอร์หนึ่งขาด เน็ตเวิร์กก็จะหาเส้นทางใหม่ให้ทราฟิกของลูกค้าไปทางสำรองแทนด้านในไม่กี่นาที อีกทั้งเครือข่ายพื้นแผ่นดินแล้วก็ใต้น้ำ

ขั้นที่ 3 หาทางเลือกสื่อส่งสัญญาณหลายแบบ
ในเมื่อสายไฟเบอร์ขาดนั้นดูเลี่ยงไม่ได้ ผู้จัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศก็ควรพิจารณาช่องทางการส่งสัญญาณข้อมูลต้นแบบอื่นอย่างโครงข่ายไร้สายหรือผ่านดาวเทียมเอาไว้ในแผนสำรองไว้ด้วย ถ้าไซต์งานอยู่ห่างจากเขตแดนไม่เกิน 100 กิโลเมตร การใช้สัญญาณไมโครเวฟส่งแบบ Point-to-Point ก็เหมาะอย่างยิ่ง

ขั้นที่ 4 มองหาสายเคเบิลใหม่ จากผู้ให้บริการรายใหม่ ที่โยงทางใหม่ๆ
จากความอยากที่จะขยายและก็ปกป้องรักษาการเชื่อมต่อบริการบนคลาวด์ รวมทั้งทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเสถียรเยอะที่สุด ทำให้ทั้งกูเกิ้ล ไมโครซอฟท์ และเฟซบุ๊ก ต่างลากสายเคเบิลใต้น้ำเองมากยิ่งกว่า 20 เส้น ลากข้ามเมืองใหญ่หรือแม้กระทั้งผ่านประเทศไปมา โดยเฉพาะทางใหม่ๆทั้งโลก

ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบันพบว่า แค่กูเกิ้ลเจ้าเดียวก็มีสายเคเบิลใต้น้ำมากถึง 16 เส้นแล้ว ขณะที่ทางไมโครซอฟท์แล้วก็เฟซบุ๊กก็แข่งไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นข่าวดีของเราที่บริการพวกนี้เชื่อมต่อไปถึงพื้นที่ใหม่ๆแล้วก็มีการสำรองลิงก์ในตัวเองด้วย แม้จะยากที่เจ้าใหญ่เหล่านี้จะยอมแบ่งเช่าแบนด์วิธให้องค์กรอื่น

ขั้นที่ 5 กระจัดกระจายต้นแบบลิงก์สายเคเบิลเพื่อหลบลี้เภทภัย
ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา สายเคเบิลใต้น้ำถือเป็นของสหพันธรัฐผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่มาจากความร่วมมือของกลุ่มธุรกิจนานาประเทศ ซึ่งเป็นผู้คอยบริหารจัดการทั้งหมดทุกอย่าง แม้กระนั้นเมื่อกำเนิดเฮอร์ริเคนแซนดี้เข้ามากระหน่ำนิวเจอร์ซีย์เมื่อต.ค. 2021 จนกระทั่งเกิดดาวน์ไทม์กระจัดกระจายวงกว้างมาก

โดย Frank Rey ผู้อำนวยการด้านที่มีความสำคัญในการรบเครือข่ายทั้งโลกในส่วนของระบบคลาวด์ไมโครซอฟท์บอกว่า "ถือว่าเป็นการหยุดชะงักครั้งยิ่งใหญ่ กระทบทั่วอเมริกาเหนือแล้วก็ยุโรปไปหลายชั่วโมง ทำให้เราจำต้องพิจารณาเพิ่มหนทางสำหรับการใช้อีกทั้งสายพื้นแผ่นดิน รวมทั้งสายเคเบิลใต้น้ำผ่านมหาสมุทรร่วมกัน"

ขั้นที่ 6 มองการขยายลิงก์ขึ้นเขาคลาวด์
ภัยต่างๆได้ผลักดันความเจริญรุ่งเรืองสำหรับเพื่อการสร้างความเสถียรให้ระบบเน็ตเวิร์ก อย่างลมพายุเฮอร์ริเคนที่กระตุ้นให้อีกทั้งไมโครซอฟท์ เฟซบุ๊ก รวมทั้งคู่สัญญาอย่าง Telexius สำหรับในการลากสายเคเบิลใต้น้ำข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ที่แบนด์วิธมากที่สุดที่เคยมีมาจนกระทั่งเสร็จพร้อมใช้งานเมื่อปี 2019

ขั้นที่ 7 ตรวจดู SLA ต่างๆ
ผู้จัดการด้านไอทีในหน่วยงานจึงควรทวนข้อตกลงระดับการให้บริการหรือ SLA ที่ทำกับผู้ให้บริการเครือข่ายของตน ทั้งด้านความพร้อมเพรียงการให้บริการ และก็เวลาในการกู้คืนระบบ เนื่องจากว่าผู้ให้บริการบางรายไม่สามารถที่จะสัญญาเวลาการเข้าจัดแจงรวมทั้งขจัดปัญหาได้

ขั้นที่ 8 ไตร่ตรองลงทุนกับวัสดุอุปกรณ์แบ็คอัพ
ถ้างบประมาณมีจำกัด และก็ราคาของที่เกี่ยวโยงพุ่งสูง การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์มาตั้งทิ้งไว้เฉยๆนานๆก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่จำต้องรีบจัดการเยอะแค่ไหน บางแห่งบางทีอาจเลือกใช้แผนสำรองตามจำนวนการใช้งานหรือความจำเป็นแทน พวกเราอาจมองการหาพวกเราเตอร์รวมทั้งเกตเวย์ IoT เพิ่มเติมเพื่อสำรองระบบได้

MyMainer.com