• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Hanako5

#4576

เครื่องกดผิวประตู หรือ เครื่องทับผิวประตู การทำงานของเครื่องและคุณสมบุติต่างๆ

[url=www.cctgroup.co.th/product-category/%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1/%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b8%9c%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b8%b9/]เครื่องกดผิวประตู[/url] ถูกออกแบบมาโดยช่างผู้มีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญ ถูกออกแบบมาเพื่อการกดผิวประตูหรือทับผิวประตู
โดยเฉพาะเพื่อให้ผิวประตูมีความแน่น การปิดผิวหรือทับผิวประตูนั้นต้องใช้ความแรงจากไฮโดรริคเพื่อที่จะได้คุณภาพที่สูงสุดและมีอายุ
การใช้งานของประตูที่นานไม่หลุดหรือร่อนออกมาเมื่อผ่านการเวลา ใช้วัสดุอย่างดีในการทำเครื่องจักรทำให้เครื่องมีความแข็งแรงและมีอายุ
การใช้นานที่ยาวนาน การทำงานของของ เครื่องทับผิวประตู ถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้ง่าย ระบบไม่ซับซ้อน ระบบทำงานด้วยไฮโดรริค
เพื่อที่จะทำให้สินค้าได้รับคุณภาพที่สูงสุด การซ่อมบำรุงก็ง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก มีระบบป้องกันเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปขัดขวาง
ระหว่างเครื่องกำลังทำงาน เช่น มือ, สิ่งของ หรือวัสดุต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเครื่องจักรและอื่นๆ

ติดต่อ :
Email : info@cctgroup.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557, 0812079977 (คุณสมนึก)
Website : https://www.cctgroup.co.th 
#4577
TWZ ปรับทัพตั้ง 'ธีรยศ สุทธิสำแดง' นั่งประธานกรรมการบริหาร ปักธงลุยธุรกิจสื่อสาร พร้อมมองหาโอกาสลงทุนใหม่หวังสร้าง New S-Curve
 
TWZ ปรับทัพ บอร์ดแต่งตั้ง "ธีรยศ สุทธิสำแดง" นั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ลั่นพร้อมใช้ประสบการณ์วิศวกร และความสนใจเรื่องเทคโนโลยีนำทัพ TWZ ลุยขยายธุรกิจเทเลคอมที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วให้เติบโตเพิ่มขึ้น เผย 3 ภารกิจหลัก เพิ่มความหลากหลายให้ธุรกิจเทเลคอม ต่อยอดสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ Non-Telecom พร้อมมองหาโอกาสลงทุนใหม่หวังสร้าง New S-Curve ทั้งคริปโต, NFT และ Metaverse มั่นใจธุรกิจยังเติบโตตามกระแสหลัก ทั้งสายเทเลคอม ยานยนต์ไฟฟ้าและกัญชง ขณะที่ผลประกอบการปี 2564 พลิกจากขาดทุนสุทธิ 7.50 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 38.82 ล้านบาท

นายธีรยศ สุทธิสำแดง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่ง "ประธานกรรมการบริหาร" TWZ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้กำหนดภารกิจหลักไว้ 3 เรื่อง ได้แก่ ในส่วนของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมหรือเทเลคอม ซึ่งในอนาคต TWZ จะพัฒนารูปแบบการให้บริการของ ช็อปให้มีความทันสมัย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เพื่อตอกย้ำธุรกิจด้านเทเลคอม ซึ่งเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งของ TWZ นอกจากนี้ จะพัฒนาอุปกรณ์ IOT (Internet of Things) และสร้างแพลตฟอร์ม TWZ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น TWZ รวมทั้งเว็บ Dashboard ที่สามารถมอนิเตอร์ข้อมูลจาก IOT โดยมีเป้าหมายขยายธุรกิจไปยังหน่วยงานภาครัฐ

สำหรับภารกิจที่สอง เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับเทเลคอม (Non-Telecom) โดยเฉพาะในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการของภาครัฐในเรื่องของภาษีอย่างชัดเจน ขณะที่ TWZ มีพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ ทำให้มั่นใจว่า ยังมีโอกาสเติบโตตามอุตสาหกรรมที่เป็นกระแสหลักได้เป็นอย่างดี ส่วนภารกิจที่สาม เป็นการมองหาธุรกิจใหม่ที่สร้าง New S-Curve ตามการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคริปโต เคอร์เรนซี, NFT หรือ Metaverse และ web 3.0 ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก

"ผมอยากใช้ประสบการณ์ที่มีในฐานะวิศวกร ซึ่งมีความสนใจเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว เข้ามาสนับสนุนให้ TWZ เติบโตได้อย่างมีศักยภาพ จากฐานธุรกิจด้านเทเลคอมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และจากการที่ฝ่ายบริหารมีวิสัยทัศน์ที่จะทรานส์ฟอร์มธุรกิจ โดยเริ่มลงทุนด้าน Non-Telecom ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างมาก ขณะเดียวกัน TWZ ยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง 'เอไอเอส' ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำที่ดีที่สุด ที่พร้อมจะเคียงข้างและก้าวเดินไปกับเราในทุกโอกาส ผมเชื่อว่า TWZ ยังขยายโอกาสไปได้ไกลจากธุรกิจใหม่ที่มีความท้าทายอย่าง IOT ที่เรามองถึงการสร้าง Smart City ซึ่งจะเกิดขึ้นได้แน่ๆ ในอนาคตอันใกล้ และเรายังมีธุรกิจ Non-Telecom ที่เป็นกระแสหลักทั้งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ธุรกิจกัญชง ที่จะเติบโตควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน ทำให้ผมมั่นใจว่าจะสามารถใช้ประสบการณ์ของตัวเองต่อยอดความแข็งแกร่งให้กับ TWZ ได้อย่างแน่นอน" นายธีรยศกล่าว

ประธานกรรมการบริหาร TWZ กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ TWZ มีเป้าหมายเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในสายธุรกิจเทเลคอมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านออนไลน์หรือออฟไลน์ รวมถึงการขยายสินค้าให้มีความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นอุปกรณ์โทรศัพท์เพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งจะเพิ่มช่องทางขยายธุรกิจ IOT เพื่อให้เป็นโซลูชั่นมากขึ้นในกลุ่มเมือง Smart City ซึ่งคาดว่าจะมีสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตั้งเป้าเพิ่มการจำหน่ายในหลายองค์กรและคาดว่าจะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ส่วนธุรกิจกัญชง คาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ทั้งนี้ TWZ ได้ประกาศผลประกอบการประจำปี 2564 ซึ่งบริษัทฯ สามารถพลิกจากขาดทุนสุทธิ 7.50 ล้านบาทในปี 2563 กลับมามีกำไรสุทธิ 38.82 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายและบริการ เพิ่มขึ้นจาก 3,247.54 ล้านบาทในปีก่อน มาอยู่ที่ 3,412.83 ล้านบาทในปี 2564

"เป้าหมายและทิศทางของ TWZหลังจากนี้ คือ เรายังคงมุ่งเน้นในส่วนของงานเทเลคอมเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ เพียงแต่วันนี้เราเพิ่มออปชั่นต่างๆ ลงไปในมือถือให้เป็นอุปกรณ์ IOT มากขึ้นพร้อมทั้งสร้างแพลตฟอร์ม TWZ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต และเราจะต่อยอดเพื่อสร้างเป็นโซลูชั่นให้กับผู้ใช้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางธุรกิจและผลกำไรในอนาคต" ประธานกรรมการบริหาร TWZ กล่าว
#4578
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299

สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#4579
 รับถมที่ ถมดิน ขุดสระ วางท่อ จัดสวน
#4580
WHA ลุ้นเซ็นสัญญาขายที่ดิน 200 ไร่-ปิดดีลเช่าคลังสินค้า 3.5 หมื่นตรม.ใน Q1/65

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดินกับลูกค้ารายใหญ่กว่า 200 ไร่ คาดหวังว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในไตรมาส 1/65 และยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดินกว่า 300 ไร่กับลูกค้าต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยที่ขยายธุรกิจเกี่ยวกับรถ EV ด้วย

ทั้งนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบ (Backlog) รวม 550 ไร่ โดยเป็นที่ดินในไทย 544 ไร่ และเวียดนาม 6 ไร่ ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าในมือ (Land Bank) จำนวน 12,100 ไร่ ในส่วนนี้เป็นที่ดินที่พัฒนาไปแล้วและพร้อมขาย 4,160 ไร่ โดยยังคงมองหาโอกาสซื้อที่ดินใหม่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเพื่อรองรับโครงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้า ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมามีแนวโน้มที่ดี และคาดว่าภายในไตรมาส 1/65 จะสามารถปิดดีลลูกค้ารายใหญ่ได้ ในการเช่าคลังสินค้า Built-to-suit ประมาณ 35,000 ตารางเมตร หลังจากต้นปีปิดดีลไปแล้วประมาณ 10,000 ตารางเมตร ส่งผลให้คาดว่าทั้งไตรมาส 1 นี้จะมีสัญญาเช่าคลังสินค้าทั้งสิ้นราว 40,000-50,000 ตารางเมตร

สำหรับทั้งปี 65 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินไว้ที่ 1,250 ไร่ เติบโต 40% จากปีก่อนอยู่ที่ 891 ไร่ เป็นไปตามการกลับมาเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม จากไม่มีการล็อกดาวน์ประเทศแล้ว โดยแบ่งเป็นยอดขายที่ดินในไทย 950 ไร่ และเวียดนาม 300 ไร่ ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน วางเป้าหมายยอดขายน้ำในปีนี้ไว้ที่ 153 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปีก่อน 135 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมถึงตั้งเป้ามีกำลังการผลิตใหม่จากพลังงานแสงอาทิตย์อีก 58 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในมือ (PPA) ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 700 เมกะวัตต์ จากปีก่อน 642 เมกะวัตต์

ขณะที่ธุรกิจศูนย์บริการระบบข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) บริษัทฯ เตรียมจำหน่ายดาต้าเซ็นเตอร์ 2 แห่ง โดย 1 แห่ง คาดจะสามารถบันทึกกำไรเข้าในไตรมาส 1/65 ส่วนอีก 1 แห่งก็จะดำเนินการจำหน่ายให้แล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 1/65

นางสาวจรีพร กล่าวว่า บริษัทยังคงงบการลงทุน 5 ปี (65-69) ไว้ที่ 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจโลจิสติกส์ 18,000 ล้านบาท, ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 18,000 ล้านบาท, ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน 10,000 ล้านบาท, และอีก 4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี เป็นต้น โดยมีเป้าหมายผลักดันรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะระดับ 21,000 ล้านบาทในปี 69 หรือเพิ่มขึ้น 1.75 เท่าจากปี 64 พร้อมรักษาอัตราผลกำไร (EBITDA) แข็งแกร่งกว่า 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (IBD) ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมต่ำกว่า 1.2 เท่า
#4582
มูดี้ส์หั่นเครดิตรัสเซีย เหตุเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้หลังใช้มาตรการควบคุมเงินทุน

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียลงสู่ระดับ Ca ซึ่งเป็นอันดับต่ำสุดอันดับที่สอง โดยระบุว่า การที่ธนาคารกลางรัสเซียใช้มาตรการควบคุมเงินทุนนั้น อาจจะส่งผลให้รัสเซียเผชิญกับข้อจำกัดในการชำระหนี้ต่างประเทศ และอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางรัสเซียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 10.5% สู่ระดับ 20% จากระดับ 9.5% เพื่อสกัดการทรุดตัวของค่าเงินรูเบิล อันเนื่องมาจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรที่นานาชาติบังคับใช้กับรัสเซีย นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังสั่งให้บริษัทเอกชนของรัสเซียขายสกุลเงินต่างประเทศที่ถือครองอยู่ในอัตราส่วน 80% ของรายได้ที่ได้จากการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ

ทั้งนี้ มูดีส์ระบุว่า การตัดสินใจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียในครั้งนี้ พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ตามพันธกรณีของรัสเซีย หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (2 มี.ค.) ธนาคารกลางรัสเซียได้ระงับการชำระอัตราดอกเบี้ยให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ถือครองพันธบัตรสกุลเงินรูเบิล และไม่ได้แถลงอย่างชัดเจนว่ามาตรการควบคุมเงินทุนของรัสเซียจะบังคับใช้เป็นเวลานานเพียงใด

ก่อนหน้านี้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียจากเดิมที่ "BB+" ลงสู่ "CCC-" ซึ่งเป็นระดับขยะ (junk) หลังประชาคมโลกร่วมกันคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่มาตรการควบคุมเงินทุนเพื่อพยุงเศรษฐกิจของรัสเซียเองนั้นมีแนวโน้มเพิ่มความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้

นอกจากนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียลง 6 ขั้น จากระดับ BBB สู่ระดับ B ซึ่งเป็นระดับขยะ โดยระบุว่า การที่ชาติตะวันตกได้พากันคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้กรณีใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนนั้น ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของรัสเซียตกอยู่ในความไม่แน่นอน และอาจทำให้พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลรัสเซียขาดความน่าเชื่อถือ
#4583
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วงต่ำสุดในรอบ 1 ปี วิกฤตยูเครนกดดันตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันศุกร์ (4 มี.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังมีรายงานข่าวว่าโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งเกิดเพลิงไหม้ท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างทหารของยูเครนและรัสเซีย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 421.78 จุด ร่วงลง 15.58 จุด หรือ -3.56% และร่วงลง 7% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในเดือนมี.ค. 2563

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,061.66 จุด ร่วงลง 316.71 จุด หรือ -4.97%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,094.54 จุด ร่วงลง 603.86 จุด หรือ -4.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,987.14 จุด ร่วงลง 251.71 จุด หรือ -3.48%

ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงมากกว่า 6% แล้วนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากยุโรปต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกหลังมีรายงานว่า ทหารรัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนซึ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปได้แล้ว

ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นยูโรโซนแตะระดับ 45 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563

หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซน ร่วงลง 7.9% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นหลังจากชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียนั้นทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอลง

หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 5.6%

หุ้นธนาคารไอเอ็นจีของเนเธอร์แลนด์ ร่วง 9.7% หลังเปิดเผยว่า เงินกู้ราว 700 ล้านยูโร (771 ล้านดอลลาร์) ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อบุคคลและองค์กรของรัสเซีย

หุ้นมิชลินของฝรั่งเศส ร่วง 7.2% หลังเปิดเผยว่าจะหยุดการผลิตชั่วคราวที่โรงงานในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านการขนส่ง
#4584
 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 179.86 จุด วิตกสงครามยูเครนกดดันตลาด
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (4 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามในยูเครน แม้มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,614.80 จุด ลดลง 179.86 จุด หรือ -0.53%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,328.87 จุด ลดลง 34.62 จุด หรือ -0.79% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,313.44 จุด ลดลง 224.50 จุด หรือ -1.66%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ลดลง 1.3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.8%

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มการเงินร่วงลง 2% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการคว่ำบาตรรัสเซียอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินระหว่างประเทศ

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 3.35% ในวันศุกร์ และร่วงลงเกือบ 9% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังกองกำลังรัสเซียยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยุโรปในประเทศยูเครน ซึ่งสหรัฐระบุว่าเป็นการโจมตีที่ประมาทซึ่งอาจก่อให้เกิดภัยพิบัติตามมา

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 678,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 440,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือยก.พ. 2563 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.9%

ซาชารี ฮิลล์ หัวหน้าฝ่ายจัดการพอร์ตลงทุนของฮอริสัน อินเวสเมนต์ระบุว่า "แนวโน้มการขยายตัวของสงคราม, ผลกระทบทางเศรษฐกิจในยุโรปและในวงที่กว้างมากขึ้น รวมทั้งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์และเงินเฟ้อนั้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

หุ้นแอมะซอน.คอม, หุ้นแอปเปิล, หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วงลงมากกว่า 1%

อย่างไรก็ตาม วิกฤตในยูเครนหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ทะยานขึ้น หลังการคว่ำบาตรรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงาน พุ่งขึ้น 2.85% และบวกขึ้นราว 9% ในรอบสัปดาห์นี้

แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า เขาจะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายของเฟดวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ และพร้อมที่จะดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้นในระยะต่อไป หากอัตราเงินเฟ้อไม่ลดลงเร็วตามคาด

สำหรับหุ้นรายตัวที่ร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ได้แก่ หุ้นดับเบิลยูดับเบิลยู อินเตอร์เนชันแนล (WW International) ซึ่งร่วงลงกว่า 8% หลังคณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐระบุว่า บริษัทกระทำการที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของเด็ก ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง
#4585
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25


#4586
บริดจสโตนคว้ารางวัล 'Best Selling Tyre' จากเวที 'CAR & BIKE OF THE YEAR 2022' ต่อเนื่องเป็นปีที่ 24

มร. เคนสุเกะ โยชิดะ กรรมการบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นรับรางวัล แบรนด์ที่มียอดจำหน่ายยางรถยนต์สูงสุดในประเทศ หรือ 'Best Selling Tyre Award' ต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 จากนายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานในพิธี โดยมี นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานจัดงานรถยอดเยี่ยมแห่งปี ร่วมเป็นเกียรติ ในพิธีมอบรางวัล 'CAR & BIKE OF THE YEAR 2022' ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ .รูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

รางวัล 'CAR & BIKE OF THE YEAR' จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้ง และผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เพื่อคัดสรรสุดยอดรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ในด้านต่าง ๆ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ สำหรับรางวัล แบรนด์ที่มียอดจำหน่ายยางรถยนต์สูงสุดในประเทศ หรือ 'Best Selling Tyre Award' เป็นรางวัลที่สะท้อนความเป็นผู้นำตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี บริดจสโตนยังคงมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด 'โซลูชั่นของทุกจุดหมายที่แตกต่าง' นับตั้งแต่วันนี้สู่อนาคตต่อไปข้างหน้า
 
#4587
'UAC' ลงนามรับสัมปทานแหล่งปิโตรเลียม L10-L11 สภาพคล่องสูง ไม่ต้องเพิ่มทุน

บมจ.ยูเอซี โกล. (UAC) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงรับโอนสิทธิสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมกับกรมเชื้อเพลังธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เพื่อเข้าลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 และ L11/43 ในไตรมาส2/2565 นี้ ตั้งเป้าผลิต 500 บาร์เรลต่อวัน สร้างรายได้เพิ่ม 300 ล้านบาท/ปี ด้าน CEO 'ชัชพล ประสพโชค' ตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน เตรียมลงทุน 500 ล้านบาทต่อปี พร้อมประกาศปันผลปี 64 เพิ่มเติม 0.20 บาทต่อหุ้น เตรียม XD วันที่ 10 มี.ค.นี้ และจ่ายเงินปันผล วันที่ 6 พ.ค.65

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกล. จำกัด (มหาชน) หรือ 'UAC' เปิดเผยว่า ภายหลังจากมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ บริษัท ยูเอซี ยูทิลิตีส์ จำกัด (UU) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UAC ตามสัดส่วนการถือหุ้น 70% และอีก 30% เป็นบริษัท พีทีอี พลัส จำกัด ได้รับโอนสิทธิสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 และ L11/43 พื้นที่ผลิตปิโตรเลียมอรุโณทัยและบูรพา จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีอายุสัมปทานจนถึงปี 2576

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงในสัญญารับโอนสิทธิสัญญาสัมปทานปิโตรเลียม กับกรมเชื้อเพลังธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เพื่อเข้าลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 และ L11/43 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นบริษัทฯจะมีการเข้าสำรวจปริมาณปิโตรเลียมสำรองในพื้นที่สัมปทานดังกล่าว เพื่อต้องการทราบปริมาณปิโตรเลียมที่ชัดเจนได้ในไตรมาส 2/2565 นี้

'ปัจจุบันแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวสามารถผลิตน้ำมันดิบ ได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 300 บาร์เรล/วัน และคาดว่าภายหลังการเข้าลงทุนแล้วจะสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 500 บาร์เรลต่อวัน ดังนั้นหลังจากบริษัทฯ เข้ามาดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี อ้างอิงจากราคาน้ำมันดิบและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ณ ปัจจุบัน'

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูเอซี โกล. 'UAC' กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเงินลงทุนในปีนี้บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งมีการวางกลยุทธ์เพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนในปีนี้ไว้หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะยังมีสภาพคล่องสูงและมี แผนการออกหุ้นกู้ 500 ล้านบาทในไตรมาสสองนี้ โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ณ สิ้นปี 2564 อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.49 เท่า

ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจและสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทฯ คณะกรรมการมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นจากผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตรา 0.28 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 186.93 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น คงเหลือต้องจ่ายเงินปันผลอีกในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 10 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ UACมีการจ่ายปันผลตลอดระยะเวลา 12 ปีต่อเนื่อง จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นปันผล (Dividend Stock)
#4588
OCEAN LIFE ไทยสมุทร แจกแล้ว!! รางวัลใหญ่รถยนต์ BMW X1 มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ให้ลูกค้าผู้โชคดีในแคมเปญ "OCEAN LIFE ไทยสมุทร ลุ้นโชค 2 ชั้น ปี 3"

OCEAN LIFE ไทยสมุทร แจกแล้ว!! รางวัลใหญ่รถยนต์ BMW X1 มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ให้ลูกค้าผู้โชคดีในแคมเปญ 
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) พร้อมด้วยคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลใหญ่ รถยนต์หรู BMW X1 มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จากแคมเปญ "OCEAN LIFE ไทยสมุทร ลุ้นโชค 2 ชั้น ปี 3" ให้แก่คุณบัณฑิต เต็งวงษ์วัฒนะ ลูกค้าผู้โชคดีจากสาขาอ่างทอง ซึ่งเป็นลูกค้าที่ไว้วางใจให้ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้พลังความรักดูแลชีวิตและครอบครัวมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปี โดยแคมเปญนี้นอกจากจัดขึ้นเพื่อตอบแทน และขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีตลอด 72 ปีที่ผ่านมา ยังช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงพร้อมสู้กับทุกวิกฤตที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตได้

สำหรับในปี 2565 OCEAN LIFE ไทยสมุทร เดินหน้าดูแลคนไทยผ่านวิกฤตอย่างยั่งยืน โดยได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด "OCEAN LIFE ไทยสมุทร ลุ้นโชค 2 ชั้น ปี 4"  ที่จะชวนคนไทยรักสุขภาพ และรักษ์โลกไปพร้อม ๆ กับการลุ้นรางวัลใหญ่ ORA GOOD CAT รถยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมลุ้นจี้ทองคำหนัก 1 สลึง 56 รางวัลตลอดปี มูลค่ารวมกว่า 1.4 ล้านบาท เพียงลูกค้าซื้อประกันสุขภาพ OCEAN LIFE ENJOY HEALTH ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด พร้อมลงทะเบียนเข้าใช้งาน OCEAN CONNECT ผ่าน Line : @oceanlife หรือ OCEAN CLUB APP ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2565 ก็มีสิทธิ์ลุ้นโชคได้หลายครั้งตลอดทั้งปี 2565 สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.0 2207 8888
#4589
พาณิชย์ เดินหน้ายกระดับมาตรฐานแฟรนไชส์ สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดธุรกิจแฟรนไซส์ในประเทศไทยมีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะแฟรนไชส์เป็นระบบธุรกิจที่มีการบริหารจัดการได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ที่กำลังมองหาและอยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่สนใจเลือกแฟรนไชส์เป็นธุรกิจเริ่มต้น โดยระบบแฟรนไชส์เป็นเครื่องมือที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น แม้ว่าผู้ลงทุนจะไม่มีความรู้ด้านการทำธุรกิจมาก่อน แต่ผู้ขายแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) จะเป็นพี่เลี้ยงและถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ในการทำธุรกิจให้แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซี) และเป็นที่ปรึกษาให้ตลอดการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงทำให้แนวโน้มของตลาดแฟรนไชส์ไทยยังคงมีอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์จะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่นั้นต้องดูว่าธุรกิจนั้นๆ มีมาตรฐานมามากน้อยเพียงใด เพราะธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานจะเป็นรากฐานเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเจริญเติบโตให้กับธุรกิจต่อไป ดังนั้นมาตรฐานแฟรนไชส์ที่ผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ต้องให้ความสำคัญ คือ ระบบการปฏิบัติงาน คุณภาพของสินค้าและมาตรฐานการให้บริการ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแฟรนไชส์ซอร์ และ แฟรนไชส์ซี องค์ประกอบเหล่านี้คือ เกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์ที่เป็นตัวชี้วัดว่าธุรกิจจะมีโอกาสเติบโตได้หรือไม่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรม "ปั้นแฟรนไชส์มาตรฐาน สร้างรายได้ ขยายโอกาสธุรกิจปี 2565" ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์ การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานประกอบการเป็นรายธุรกิจ การเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ การตรวจประเมินมาตรฐาน พร้อมทั้งเสริมในเรื่องของการศึกษาดูงานธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบที่ดี

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการต้องจดทะเบียนจัดตั้งในรูปแบบนิติบุคคล และประกอบธุรกิจแฟรนไชส์มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี มีแฟรนไชส์ไม่น้อยกว่า 3 สาขา และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตลอดทั้งโครงการ โดยเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 14 มี.ค.65

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการผลักดันธุรกิจแฟรนไชส์เข้าสู่มาตรฐานสากลมาอย่างต่อเนื่อง (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ.65) มีธุรกิจแฟรนไชส์เข้ารับการประเมินและผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินจากกรมฯ แล้วทั้งสิ้น 477 ราย แบ่งตามประเภทธุรกิจได้ ดังนี้ 1) ธุรกิจอาหาร จำนวน 205 ราย 2) ธุรกิจเครื่องดื่ม จำนวน 93 ราย 3) ธุรกิจการศึกษา จำนวน 65 ราย 4) ธุรกิจบริการ จำนวน 58 ราย 5) ธุรกิจความงามและสปา จำนวน 24 ราย และ 6) ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 32 ราย