• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

เวย์น รูนี่ย์ ย้อนความหลังกับวันที่เกือบจบเส้นทางใน แมนยู

Started by Ailie662, February 10, 2022, 04:37:29 AM

Previous topic - Next topic

Ailie662



หากให้ยกชื่อตำนานกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่า เวย์น รูนี่ย์ คงจะเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในข่ายนั้น หลังจากที่เขาเคยอยู่กับทีมตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปี 2017, คว้าแชมป์มาครองได้หลายต่อหลายรายการ รวมถึงครองสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของทีมอยู่ในตอนนี้ ด้วยการทำไป 253 ประตูจากการลงเล่น 559 นัดในทุกรายการ
    อย่างไรก็ตาม รูนี่ย์ ก็เกือบจะย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ก่อนจะถึงปี 2017 แล้ว เพราะหากยังจำกันได้ตอนนั้นเขาแสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการบอกลาทีม เพราะกังขาถึงความทะเยอทะยานของสโมสร ภายหลังตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อยแข้งตัวหลักบางคนออกจากทีมไป และไม่ได้เสริมทัพด้วยคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน

    ที่ผ่านมา รูนี่ย์ ไม่ค่อยเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในตอนนั้นมากนัก แต่ตอนนี้เขากำลังจะมีสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองชื่อ "Rooney" ซึ่งมันมีการปล่อยคลิปบางส่วนจากสารคดีนั้นเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย และหนึ่งในประเด็นที่ รูนี่ย์ พูดก็คือเรื่องการกังขาถึงความทะเยอทะยานของทีมที่เคยเกือบทำให้เขาโดนปล่อยออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั่นเอง

    ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2009 ตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ขาย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปให้ เรอัล มาดริด ส่วน คาร์ลอส เตเวซ "ปีศาจแดง" ไม่สามารถหาข้อตกลงเรื่องสัญญาได้จนสุดท้ายก็ยอมปล่อยดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ออกไป โดยที่พวกเขาชดเชยความเสียหายเหล่านั้นด้วยการเอา อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิ่ล โอเว่น, กาเบรียล โอแบร์กต็อง และ มาเม่ บิรัม ดิยุฟ มาร่วมทัพ

    รูนี่ย์ มองว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเลย ทั้งที่ในฤดูกาล 2008-09 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ ลีก คัพ มาครอง ส่วนใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาก็ไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนจะแพ้ บาร์เซโลน่า 0-2

 

    ด้วยความที่เป็นคนไม่กลัวในการพูดความคิดของตัวเองออกมาตรงๆ รูนี่ย์ เลยไปเคลียร์ใจเรื่องนี้กับคนที่เรียกได้ว่ามีตำแหน่งใหญ่ที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนั้น ใช่แล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่นเอง

    "ตอนนั้นสโมสรยื่นสัญญา 5 ปีให้กับผม แต่เราเพิ่งปล่อย คาร์ลอส เตเวซ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกไป ดังนั้นผมเลยอยากได้รับการรับประกันว่าถ้าเกิดสโมสรอยากให้ผมอยู่กับทีมต่อไปอีก 5 ปีแล้วนั้น เราจะเอาใครมาร่วมทีมกันบ้าง เราจะดึงใครเข้ามาเพื่อที่จะทำให้ทีมดีขึ้น หรืจะพยายามสร้างทีมเป็นเวลา 3 ปี, 4 ปี หรือ 5 ปี แล้วค่อยไปประสบควมาสำเร็จหลังจากนั้น ?"

    คำตอบจาก เฟอร์กูสัน ถือว่าสั้นๆ แต่ได้ใจความอย่างมาก "ผมพูดแบบนั้นไปจริงๆ นะ และเขาก็ตะโกนไล่ผมออกจากออฟฟิศเลย!"

  

    แม้ว่าจะโดนตะคอกใส่แบบนั้น แต่ รูนี่ย์ ก็ไม่ได้โกรธ เฟอร์กูสัน แต่อย่างใด "เขาน่าจะเป็นกุนซือที่เก่งที่สุดในโลก ดังนั้นผมก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะโมโหเมื่อมีไอ้เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องแล้วถามว่าสโมสรจะเดินหน้ากันในแบบไหน ถ้ามองจากมุมมองของเขาแล้วน่ะมันคงเป็นเหมือนการไม่ให้ความเคารพกันนิดหน่อย"

    ถึงกระนั้น รูนี่ย์ ก็มองว่าการกระทำของตนในตอนนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วเช่นกัน "ถ้าคุอยากให้ผมอยู่กับทีมไปอีก 5 ปัน่ะ ผมก็จำเป็นต้องได้รู้ว่าแผนงานมันเป็นยังไง, ต้องได้รู้ว่านักเตะแบบไหนที่เราจะดึงมาร่วมทีม จากมุมมองของผม การที่จะได้คำตอบมาน่ะมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะต้องทำแบบนั้น (เข้าไปพูดกับ ฟอร์กูสัน) ดังนั้นมันเลยทำให้เกิดเรื่องหลังจากนั้นขึ้นไปด้วย"

 

    "หลังจากนั้นสถานการณ์มันก็ยุ่งยากขึ้น แต่ผมคิดว่าถ้าตอนนั้นคุณลองย้อนเวลากลับไปสักไม่กี่ปีแล้วล่ะก็ แฟน. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่ก็จะเห็นด้วยกับผมนี่แหละ เพราะพวกเขาก็เคยถามคำถามแบบเดียวกันนี้ก่อนหน้าที่ผมจะพูดออกมาไม่กี่ปี ตอนนั้นผมพอมองออกว่าสโมสรกำลังเดินหน้าไปในทิศทางไหน"

    แน่นอนว่าสุดท้ายทุกอย่างก็จบลงด้วยดีเมื่อ รูนี่ย์ เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมไปจนถึงปี 2015 และได้แชมป์กับทีมเพิ่มอีกหลายรายการ จนทำให้ตอนนี้เขาเป็นขวัญใจลำดับต้นๆ ในใจของ "เร้ด อาร์มี่" หลายคน