• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Shopd2

#3061


ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 (เมษายน-มิถุนายน 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 66.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.84% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 329.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 177.45 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบจากสถานการณ์ดังกล่าว

สำหรับผลกระทบทางบวก คือ เกิดความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์จากบุคคลทั่วไปและบริษัทเอกชนจำนวนมาก รวมถึงโรงพยาบาลเอกชนเกิดการลงทุนเพิ่มจำนวนเตียง ICU และ Semi-ICU เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID-19 ที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเป็น 34.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 27.71% โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นที่นิยมยังคงอยู่ในกลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการรักษาโรคโควิด-19 ขณะที่ผลกระทบทางลบทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการพิจารณาใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง การทำสัญญา และการส่งมอบสินค้า รวมถึงการประสานงาน เนื่องจากลูกค้าและหน่วยงานต่างๆ มีมาตรการ Work From Home เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2564) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 485.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 289.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 28.8 ล้านบาท ปัจจัยหลักของผลการดำเนินงานที่ดีและมีอัตรากำไรสูงขึ้นเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขาย หลังจากที่บริษัทฯ ส่งมอบสินค้าได้ตามเป้าหมาย ประกอบกับสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น แม้ได้รับแรงกดดันจากค่าปรับจากการส่งมอบสินค้าล่าช้า และรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้หลักจากกลุ่มสินค้าด้านเวชบำบัดวิกฤต คิดเป็นสัดส่วน 41.82% กลุ่มสินค้าด้านการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ 37.955% กลุ่มสินค้าด้านหทัยวิทยา 10.89% กลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไป 3.55% กลุ่มสินค้าสมาร์ทฮอสพิทอล 4.88% และกลุ่มอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน 0.91% ซึ่งมีฐานลูกค้าหลัก คือ กลุ่มโรงพยาบาลรัฐคิดเป็น 66.75% เนื่องจากภาครัฐได้จัดสรรงบประมาณเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่มีความจำเป็นต่อการรักษาโรค COVID-19

ล่าสุด SMD ได้นำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินจำนวน 60.00 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง รวมถึงอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.60 เท่า

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 661.19 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้กว่า 95% ของมูลค่างานทั้งหมด ประกอบกับแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ SMD เป็นตัวแทนจำหน่ายยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องมืออุปกรณ์ช่วยการหายใจและการช่วยชีวิตมีความจำเป็นอย่างมาก โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ เตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลงานเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมาย
#3062


สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ แม้จะล็อกดาวน์มาแล้วเกือบ 1 เดือน แต่จำนวนผู้ติดเชื้อกลับไม่ได้ลดลง แถมเดินหน้าทำนิวไฮทุกวัน

โดย ศบค. จะมีการพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ว่ามาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการมานั้นได้ผลแค่ไหน? เพียงพอหรือยัง? หรือ ควรต้องขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีกหรือไม่? ซึ่งดูจากสถานการณ์ล่าสุดแล้วคงต้องเป็นเช่นนั้น

ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขได้คาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อถึงวันที่ 7 ก.ย. 2564 ว่าหากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์จำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงปลายเดือน ส.ค. ถึงต้นเดือน ก.ย. จะพุ่งสูงถึง 6-7 หมื่นรายเลยทีเดียว น่าจะเป็นอีกสัญญาณสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าคงต้องมีการต่อเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก

แน่นอนว่าหากโรคระบาดยิ่งลากยาว ผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยิ่งมากขึ้น จากปัจจุบันก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว หลายธุรกิจแทบไม่เหลือสภาพคล่อง เนื่องจากไม่มีรายได้เข้ามาเลย ส่วนหนี้ยังต้องชำระ

แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 2 เดือน แต่ก็เป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น โดยช่วงที่พักชำระดอกเบี้ยยังวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยลูกหนี้ในระยะยาว ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการชุดใหม่ โดยจะขอความร่วมมือสถาบันการเงินในการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ภายใต้แนวทาง "การปรับโครงสร้างหนี้"

ด้วยการ "แฮร์คัท" หรือ การลดยอดหนี้ลง, การลดอัตราดอกเบี้ย, ยืดเวลาชำระหนี้ โดยลดยอดเงินชำระในแต่ละงวด จนกว่ารายได้จะดีขึ้น ค่อยกลับมาชำระตามปกติ

นอกจากนี้ จะออกมาตรการเพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการไม่ต้องจัดชั้นลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อลดภาระการตั้งสำรอง

ทั้งนี้ คงต้องรอดูความชัดเจนจาก ธปท. อีกครั้ง เพราะมาตรการต่างๆ ที่ระบุออกมานั้นยังเป็นเพียงแค่แนวคิดเบื้องต้น และถ้าหากมีมาตรการออกมาจริง คงไม่ได้เป็นการบังคัง แต่ให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละแบงก์

ถือเป็นความปรารถนาดีของ ธปท. ที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตโควิด-19 แต่ในมุมของสถาบันการเงิน ทั้งแบงก์และนอนแบงก์ดูจะเป็นข่าวลบ เพราะจะส่งผลกระทบต่องบการเงินโดยตรง

โดยปัจจุบันแต่ละแห่งมีแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมจากที่ ธปท. กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะพิจารณาการช่วยเหลือเป็นรายกรณี และถ้าหาก ธปท. ขอความร่วมมือให้ออกมาตรการเพิ่มเติม เชื่อว่าในทางปฏิบัติหลายมาตรการคงไม่สามารถนำมาใช้ได้เป็นการทั่วไป เช่น การแฮร์คัทหนี้ เพราะผลกระทบของลูกหนี้แต่ละรายไม่เหมือนกัน และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานะการเงินของแบงก์

ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า การแฮร์คัทจะส่งผลเสียต่อทุกบรรทัดในงบการเงินของธนาคาร เนื่องจากเป็นการตัดบัญชีลูกหนี้ออกไปทั้งก้อน แม้ปกติธนาคารจะทำอยู่แล้วแต่ไม่มาก ขณะที่รอบนี้ ธปท. เพียงขอความร่วมมือ ยังไม่ได้บังคับ เชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะเลี่ยงไปทำเรื่องการปรับโครงสร้างมากกว่า แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าหากสรรพากรมีการลดภาษีเท่ากับมูลหนี้ที่จะแฮร์คัท น่าจะทำให้ทุกธนาคารเร่งแฮร์คัทมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเมินว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นนี้มากที่สุด เพราะเมื่อพิจารณาจากโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ (Debt relief program) ของแต่ละธนาคารในงวดไตรมาส 2 ปี 2564 จะเห็นว่า SCB ได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นนี้มากที่สุด เพราะมีสัดส่วน Debt relief สูงที่สุดในกลุ่มที่ 16% ของสินเชื่อรวม รองลงมาเป็น KBANK ที่ 14% ของสินเชื่อรวม

ส่วนบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ฝ่ายวิจัยมองว่าได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพราะมีสัดส่วน Debt relief น้อยที่สุดในกลุ่มที่ 3% ของสินเชื่อรวม
#3063


ข่าวลือเป็นจริง "นิวเคลียร์ หรรษา กุศลมโนมัย" โพสต์ไอจีเลิกสามี "ดีเจเพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย" หลังเคยออกมายอมรับ ว่ามีปัญหากันจริง กำลังแก้ไขอยู่ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าอะไรๆ มันก็ไม่ดีขึ้น ทั้งทัศนคติ การใช้ชีวิต และเรื่องซับซ้อนมากมาย เลยตกลงเปลี่ยนสถานะ จากสามีภรรยา เป็นเพื่อนรักแทน ยืนยันไม่มีมือที่สาม

"นิวขอพูดตรงนี้ทีเดียวนะคะ...ตอนนี้นิวกับพี่เพชรจ้า เราเปลี่ยนสถานะจากสามีภรรยามาเป็นเพื่อนรักกันสักพักใหญ่ๆแล้วค่ะ หลังจากนี้เราอยากทำหน้าที่พ่อและแม่ของไทก้าให้ดีที่สุด เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดกัน ไม่ได้มีเรื่องมือที่สาม พี่เพชรดีกับนิวมาก เป็นพ่อที่ดีที่สุดของไทก้า เรารักกันมาตลอด แต่บางครั้งความรักมันก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าคน 2 คนจะสามารถอยู่ด้วยกันได้เสมอไป มันมีเรื่องทัศนคติ การใช้ชีวิต และเรื่องซับซ้อนมากมายที่ทำให้เราทั้งคู่มาถึงสุดทางของเราแล้ว และเราได้พยายามกันที่สุดแล้วจริงๆ

นิวอยากให้ทุกคนยอมรับในการตัดสินใจของเราทั้งคู่นะคะ เราแฮปปี้ที่จะอยู่ในจุดนี้ เรายังห่วงใยกัน ปรึกษากัน เลี้ยงลูกด้วยกัน  และนิวขอโทษพี่ๆ สื่อตรงนี้เลยนะคะ นิวจะไม่ขอตอบพี่สื่อหรือออกรายการเพื่อพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะทุกอย่างที่นิวพูดไป เมื่อไทก้าโต เค้าจะต้องเห็นมัน... เมื่อเค้าเห็น นิวอยากให้ก้ารู้ว่าถึงป๊ากับมี้จะเปลี่ยนไปยังไง แต่สิ่งนึงที่มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเลยนั้นคือ "พ่อ" กับ "แม่" มันจะคงอยู่ตลอดไป เราจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ก้าจะเติบโตมาโดยมีพ่อกับแม่เคียงข้างเสมอนะลูก รักลูกที่สุด

ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้เรานะคะ ขอบคุณครอบครัวพี่เพชรที่เอ็นดูนิวมาตลอด โดยเฉพาะครอบครัวของนิวที่เข้าใจและเป็นพลังให้นิวมาเสมอ รักมาก "
#3064


ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เผยว่า จากที่ธนาคารได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการยกระดับป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของทางการ ผ่านมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 2 เดือน โดยเปิดให้แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และกำหนดปิดรับแจ้งความประสงค์ในวันที่ 15 สิงหาคม 2564 นี้

ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าธนาคารเข้าถึงมาตรการได้ครอบคลุมทั่วถึงยิ่งขึ้น ธนาคารได้ขยายระยะเวลาแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 2 เดือน ออกไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 นี้ โดยลูกค้าธนาคารสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของธนาคาร เช่น เว็บไซต์ https://www.smebank.co.th , LINE OA : SME Development Bank และแอปพลิเคชัน SME D Bank ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357
#3065


กรณีรัฐบาลจีนได้แต่งตั้ง นายหาน จื้อเฉียง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย หลังจากที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนี้มานานนับปีนั้น ได้ทำให้ภาคนักธุรกิจ โดยเฉพาะหอการค้าทางภาคเหนือของไทยเฝ้าจับตาดูบทบาทว่าจะนำพาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ/เศรษฐกิจไทย-จีนไปในทิศทางใด โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับแม่น้ำโขง เส้นทางคมนาคมทางเรือเชื่อมการค้า การท่องเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ ชายแดนเชียงราย-พม่า-สปป.ลาว มณฑลยูนนาน สป.จีน ที่หยุดชะงักลง เนื่องจากจีนปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านสำคัญริมฝั่งโขงมานาน

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ยุคที่เศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซบเซาอันเกิดจากวิกฤตโควิด-19 ภาคการค้าชายแดนไม่ได้เงียบเหงาตามไปด้วย การส่งออกสินค้าตามช่องทางชายแดนของไทยไปประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างของ จ.เชียงรายมีจุดการค้า 4 จุดใหญ่ๆ คือ จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา, จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน และจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของ เชื่อมกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งมีการค้าทั้งกับประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า-ลาว) และ สป.จีน คิดเป็นมูลค่ามหาศาลต่อปี ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมผลักดันก็จะสามารถนำมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้

อย่างไรก็ตาม แม้ช่องทางการค้าชายแดนส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่การค้าทางเรือแม่น้ำโขงกลับได้รับผลกระทบ เนื่องจากทางการจีนได้สั่งปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองหล้า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนมาตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดที่เมืองอู่ฮั่นจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว จนทำให้การค้าทางเรือซบเซาลงอย่างหนัก เรือสินค้ากว่า 400 ลำต้องจอดสนิท และผู้คนลุ่มน้ำโขงตกงานกันเป็นจำนวนมาก



รองประธานหอการค้า จ.เชียงรายกล่าวอีกว่า ในโอกาสที่ทางการจีนได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยคนใหม่ให้เข้ามาทำงาน จึงขอเสนอให้พิจารณารีบดำเนินการใน 3 เรื่องหลักๆ เพื่อให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย-จีน คือ 1. ขอให้ทางการจีนเปิดท่าเรือกวนเหล่ย ภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด อนุญาตข้ามแดนเฉพาะสินค้า โดยไม่อนุญาตคนเข้าออก

2. ให้มีการขุดลอกแม่น้ำโขงช่วงที่เรียกว่า "มองป่าแหลว" ชายแดนประเทศเมียนมา-สปป.ลาว ห่างจาก อ.เชียงแสนไปทางทิศเหนือประมาณ 53 กิโลเมตร เพราะช่วงฤดูแล้งเมื่อเขื่อนจิ่งหงในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาปล่อยน้ำจากเขื่อนในอัตราที่ต่ำกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้เกิดหาดทรายกว้างและตื้นเขินจนเรือสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านได้ บางครั้งต้องใช้การชักลากและเรือเกิดติดค้างอยู่หลายวัน

เรื่องที่ 3 คือ ขอให้พิจารณาเปิดด่านรุ่ยลี่ที่ติดกับด่านมูเซของเมียนมาที่ทางการจีนปิดด่านเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 เช่นกัน แต่ควรเปิดโดยวางมาตรการไม่ให้มีคนเข้าออกเหมือนด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อให้การค้าชายแดนไทย-เมียนมา-จีนขับเคลื่อนได้

"ดิฉันคาดหวังว่าเมื่อทางการจีนมีเอกอัครราชทูตคนใหม่มาประจำจะทำให้มีอำนาจอย่างเต็มที่ในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้"



น.ส.ผกายมาศกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จ.เชียงรายยังมีจุดการค้าด้าน อ.แม่สาย ที่เป็นจุดผ่านแดนถาวรแห่งเดียวของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และติดกับประเทศไทย ซึ่งรัฐฉานมีพื้นที่มากกว่าประเทศกัมพูชาและมีประชากรมากกว่า สปป.ลาว จึงเป็นตลาดใหญ่ ปัจจุบันนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง เครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ และมีด่านมูเซ-รุ่ยลี่ที่มีมูลค่าการค้ามหาศาล มีสินค้าไทยส่งออกไปกว่า 50% นอกจากนี้ยังมีด้านถนนอาร์สามเอผ่าน อ.เชียงของ เข้าไปยัง สปป.ลาว และจีนตอนใต้

ดังนั้น เพื่อให้การค้าชายแดนช่วยฉุดดึงเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตในยุควิกฤตโควิด-19 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศจึงควรผลักดันการเจรจากับประเทศจีนเรื่องท่าเรือกวนเหล่ยโดยเร็ว ส่วนกระทรวงคมนาคมควรเร่งพัฒนาท่าเรือเชียงแสน โดยเฉพาะการจัดหาอุปกรณ์ยกสินค้าที่ได้มาตรฐาน

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องผลักดันให้มีพิธีสารเพื่อส่งออกผักและผลไม้ไปยังท่าเรือกวนเหล่ยได้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีข้อตกลงดังกล่าวทำให้ส่งออกสินค้าประเภทนี้ไปทางเรือไม่ได้ ทั้งๆ ที่ท่าเรือกวนเหล่ยอยู่ในเมืองหล้ามีองค์กรตรวจสอบมาตรฐานผักและผลไม้แบบเดียวกันกับด่านโมฮานที่ติดกับเมืองบ่อเต็น สปป.ลาว บนถนนอาร์สามเอ ซึ่งรับสินค้าผักและผลไม้ไทยไปจาก อ.เชียงของ
 
#3066


เออร์ลิง ฮาแลนด์ สุดฮอต เหมาคนเดียว 2 ประตู บวกแอสซิสต์อีก 3 ลูก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ประเดิมซีซันใหม่สุดหรู เปิดบ้านไล่ต้อน ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ไปแบบขาดลอย 5-2

ศึกฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2021/22 วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลงสนามเกมแรก เปิดบ้านรับการมาเยือนของ "อินทรีแดงดำ" ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต

"เสือเหลือง" ของกุนซือมาร์โก โรเซ ส่ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ หัวหอกฟอร์มแรงลงเล่นเป็น 11 คนแรก ประสานงานเกมรุกร่วมกับ มาร์โก รอยส์ และตอร์กาน อาซาร์ ขณะที่ แฟรงค์เฟิร์ต นำทัพมาโดย ดาอิชิ คามาดะ, ราฟาเอล ซานโตส บอร์เร และ อายเมน บาร์ก๊อก

ปรากฏว่า เกมนี้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ออกสตาร์ทได้อย่างดุดัน นาทีที่ 23 ก็มาได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ จ่ายให้ มาร์โก รอยส์ ยิงผ่านมือนายทวารทีมเยือนเข้าไป

น.27 ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต มาตามตีเสมอ 1-1จากจังหวะที่แนวรับของทีมสกัด.กันไม่ดี ก่อนถูกทีมเยือนตัดไปได้ และจังหวะสุดท้ายเป็น เฟลิกซ์ พาสส์แลค สกัดเข้าประตูตัวเอง

อย่างไรก็ตาม "เสือเหลือง" มาได้ 2 ประตูรวด นำห่างเป็น 3-1 จากการยิงของ ตอร์กาน อาซาร์ น. 32 และเออร์ลิง ฮาแลนด์ น.34 ก่อนจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังแม้ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต จะโหมเกมบุกเพื่อทวงประตูคืนให้ได้ แต่กลายเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่อาศัยจังหวะโต้กลับ และมาหนีห่างเป็น 4-1 ในนาทีที่ 58 จากจังหวะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ จ่ายให้ จิโอวานนี เรย์นา ซัดจ่อๆ เข้าไป ถือเป็นแอสซิสต์ครั้งที่ 3 ของ ฮาแลนด์ ในเกมนี้

น.71 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาได้ประตูขยับเป็น 5-1 จากจังหวะสวนกลับ มาร์โก รอยส์ จ่ายให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หลุดกับดักล้ำหน้าตั้งแต่บริเวณกลางสนาม ก่อนหลุดเดี่ยวไปยิงผ่านมือ เควิน แทรปป์ ไม่เหลือ เป็นประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้

น.85 ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต มาได้ประตูตีตื่นไล่มาเป็น 2-5 จากจังหวะลูกเตะมุม รักนาร์ อาเช โหม่งเช็ดให้ เยนส์ เฮาเก ยิงเข้าไปง่ายๆ

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดบ้านเอาชนะ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต 5-2 ประเดิมสามคะแนนในฤดูกาลนี้

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ : เกรกอร์ โคเบล (GK), เฟลิกซ์ พาสส์แลค, มานูเอล อาคานยี, อาเซล วิตเซล, นิโก ชูลซ์, มาห์มูด ดาฮูด์, จูด เบลลิงแฮม, จิโอวานนี เรย์นา, มาร์โก รอยส์, ตอร์กาน อาซาร์, เออร์ลิง ฮาแลนด์

ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต : เควิน แทรปป์ (GK), สเตฟาน อิลซานเคอร์, มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์, อีวาน เอ็นดิคคา, แดนนี ดา คอสตา, ฌิบริล โซว์, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ฟิลิป คอสติก, ไดอิชิ คามาดะ, อายเมน บาร์ก๊อก, ราฟาเอล ซานโตส บอร์เร


ผลฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี คู่อื่นๆ
อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ 0-0 ไฟร์บวร์ก
เอาก์สบวร์ก 0-4 ฮอฟเฟนไฮม์
สตุ๊ตการ์ต 5-1 กรอยเธอร์ เฟือธ
ยูนิโอน เบอร์ลิน 1-1 ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
โวล์ฟบวร์ก 1-0 โบคุม
#3067


ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 ส.ค.2564) ดัชนี SET ปรับลง 11.87 จุด หรือปรับลง 0.77% มาอยู่ที่ 1,528.32 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.33 แสนล้านบาท ระหว่างสัปดาห์ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,551.61 จุด และต่ำสุดที่ 1,525.29 จุด โดยตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่อง รวมถึงแรงขายตามข่าว (Sell on Fact) จากการรายงานงบไตรมาส 2 ปี 2564

ขณะที่การซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุน พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,307.71 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีหลักทรัพย์ที่ซื้อสุทธิ 809.49 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ซื้อสุทธิ 96.94 บ้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ 3,214.15 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบัน (1-13 ส.ค.) นักลงทุนต่างประเทศยังเป็นกลุ่มเดียวที่มียอดขายสุทธิสะสมอยู่ที่ 11,362.58 ล้านบาท สวนทางกับอีก 3 กลุ่มนักลงทุนที่เหลือ เช่นเดียวกับในช่วงตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่มียอดขายสุทธิสะสมสูงสุดอยู่ที่ 104,644.84 ล้านบาท และหากย้อนไปไกลกว่านั้นพบว่านักลงทุนกลุ่มนี้มียอดขายสุทธิสะสมราว 6.5 แสนล้านบาท ในช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมา (2559-ปัจจุบัน)


เมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายด้วยบัญชี NVDR ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศ พบว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันกลุ่มหุ้นที่มียอดขายสุทธิสะสม ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร 6,905.86 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก 2,684.44 ล้านบาท กลุ่มเกษตร 1,771.96 ล้านบาท กลุ่มอาหาร 821.45 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง 812.81 ล้านบาท และกลุ่มประกัน 433.69 ล้านบาท

หากพิจารณาข้อมูลรายหุ้น พบว่า CPF มียอดขายสุทธิสะสมสูงสุด 4,279.03 ล้านบาท INTUCH 4,002.64 ล้านบาท CPN 2,872.48 ล้านบาท CPALL 2,519.85 ล้านบาท และ BEM 2,487.86 ล้านบาท


อย่างไรก็ดี "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า สัดส่วนการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 30% ตอนปลาย แต่กลุ่มนักลงทุนที่มีสัดส่วนการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากที่สุดคือนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ประมาณ 40% ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันได้แรงหนุนจากเม็ดเงินในประเทศเป็นหลัก

ขณะที่การไหลออกต่อเนื่องในระดับแสนล้านบาทนั้น คาดว่าเป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเป็นหลัก อีกทั้งประเทศไทยยังมีความเสี่ยงจะเป็นประเทศเดียวที่จีดีพีปี 2564 ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่สองจากปี 2563 ดังนั้น คาดว่ากระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศยังเป็นการไหลออกต่อเนื่อง จนกว่าภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยจะกลับมา
#3068


นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม. 33 ม. 39 และ ม. 40 ว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้โอนเงินเยียวยานายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน ม. 33 ในพื้นที่ 13 จังหวัดไปแล้ว แบ่งเป็นลูกจ้าง 2,399,459 ราย เป็นเงิน 5,998.65 ล้านบาท และทำการโอนให้นายจ้างไปแล้ว 12,711 กิจการ เป็นเงิน 594.12 ล้านบาท รวมยอดเงินที่ทำการโอนไปแล้วจำนวน 6,592.77 ล้านบาท โดยจะดำเนินการทยอยโอนให้ลูกจ้างและนายจ้าง ม. 33 พื้นที่ 16 จังหวัดที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ต่อไป พร้อมกับโอนเงินให้ผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ใน 29 จังหวัด กลุ่มแรกวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เช่นกัน ซึ่งจะทยอยโอนวันละ 1 ล้านราย โดยผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม

นายธนกร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้ามาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองและนักเรียนนักศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประจำปีการศึกษา 1/2564 ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ อยู่ระหว่างการยืนยันตรวจสอบสิทธิ์การได้รับความช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นกระทรวงศึกษาธิการ จะโอนเงินช่วยเหลือให้นักเรียนและผู้ปกครองในอัตรา 2,000 บาทต่อคน ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ สำหรับผู้ได้รับเงินเยียวยาในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการมีประมาณ 11 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท

โฆษก ศบศ. กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 38 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสมรวม 62,967.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 23.49 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 56,339.7 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 28,588.2 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 27,751.5 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 66,101 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,161 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 31 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.48 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,110.8 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 979,821 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 325.2 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งพิจารณาเชื่อมต่อแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เพื่อให้สามารถเชื่อมกับโครงการ "คนละครึ่ง" ด้วย คาดว่าจะดำเนินการเชื่อมระบบเสร็จสิ้นและพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อให้ทันกับการรองรับการโอนเงิน "คนละครึ่ง" รอบ 2 อีก 1,500 บาท ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเร่งเยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม
#3069


นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น และฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมาที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศและห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

โดยผลการดำเนินงานล่าสุดในไตรมาส 2 ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 3,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น

ปัจจัยที่บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี มาจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลดีต่อการบริหารจัดการด้านการผลิตภายในโรงงาน โดยประสิทธิภาพในการผลิต (Efficiency Rate) ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 86.5% และในขณะเดียวกันบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ

และบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ตามกลยุทธ์ยกระดับธุรกิจสู่ Total Packaging Solutions ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ที่มีรายได้จากการขาย 6,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

"การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มี Product Mixed ที่หลากหลายยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีเฉพาะบรรจุภัณฑ์แก้ว และยังทำให้บริษัทฯ มีอำนาจต่อรองที่ดีและสามารถเพิ่มยอดขายจากลูกค้าแต่ละราย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนด้านต่าง ๆ โดยคาดว่าในปีนี้ทั้ง 2 บริษัทฯ (BVP และ BGP) จะมียอดขายรวมกันประมาณ 2,000 ล้านบาท"

จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 83.33 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ และจะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 ก.ย.2564

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติงบลงทุน 176 ล้านบาท สำหรับ BGP เพื่อเดินหน้าขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) กำลังการผลิตสูงสุด 50 ล้านเมตรต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มพอร์ตสินค้าและความหลากหลายด้านบรรจุภัณฑ์ ตอบสนองความต้องการกลุ่มถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนภายในประเทศที่มีอัตราเติบโตสูง ขยายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำ และรองรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ในอนาคต

คาดว่าจะเริ่มการลงทุนขยายกำลังการผลิตในไตรมาส 1 ปี 2565 และแล้วเสร็จเริ่มผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2566 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแผนการลงทุนที่จะขับเคลื่อนการเติบโตเพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2568

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังยังมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามแผนงานที่วางไว้ และผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งปีเติบโตใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562  เนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์อื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศและห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงวางเป้าหมายสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

แม้มีปัจจัยลบและความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยเชื่อว่าหากกระจายวัคซีนแก่ประชาชนได้มากขึ้นและสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย จะส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ทยอยเปิดกิจการ ทำให้ดีมานด์บรรจุภัณฑ์มีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปีถือเป็นไฮซีซั่นหรือฤดูการขายสินค้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการของบริษัทฯ

ขณะที่กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น และเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 10% ของรายได้รวม พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ดีมานด์ในตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนปรับระดับสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุน ทั้งการเพิ่มประเภทพลังงานที่ใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มสัดส่วนการใช้เศษแก้วในเตาหลอมเพื่อลดการใช้พลังงาน รวมถึงนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิในเตาหลอมแก้ว ช่วยลดความสูญเสียของพลังงาน อย่างไรก็ตามสำหรับราคาโซดาแอช (Soda ash) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแก้วมีราคาลดลงอย่างต่อเนื่องและเศษแก้วยังคงมีราคาทรงตัว
#3070


ทันทีที่ผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ตัวเลขพุ่งกระฉูด รัฐประกาศ "ล็อกดาวน์" เต็มรูปแบบในพื้นที่สีแดงเข้ม ส่งผลให้ประชาชนแห่ซื้อสินค้าจำเป็น บะหมี่ฯ น้ำดื่ม น้ำอัดลม สินค้าดูแลสุขอนามัย ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ฯ ถูกตุนไว้มากขึ้น ผู้บริโภคหวังลดความถี่ออกนอกบ้าน ช่วยหยุดเชื้อเพื่อชาติ "มาม่า" ย้ำ 3 ส่วน ทำสินค้า "ขาดตลาด" เซเว่นอีเลฟเว่น ข้าวของจำเป็นเกลี้ยงเชลฟ์ "ไลอ้อนฯ" ยันกำลังผลิตเพียงพอ "อ้วยอันโอสถ" ป้อนฟ้าทะลายโจรไม่ทัน "ล็อกซเล่ย์" ชี้น้ำมันพืชแบบขวดขายดีมาก  "น้ำดื่มสิงห์" เร่งกระจายสินค้าให้ทันความต้องการ 

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์สินคาอุปโภคบริโภคที่จำเป็นกำลังขาดตลาดเป็นบางช่วงบางเวลาเกิดจาก 3 ปัจจัย 1.ด้านปริมาณการผลิตหรือซัพพลายจากโรงงาน ซึ่งขณะนี้การแพร่ระบาดของโรโควิด-19 ส่งผลให้ในส่วนของผู้ผลิตต้องระมัดระวังการดูแลด้านสุขอนามัยของพนักงานมากขึ้น หากมีพนักงานออกจะไม่รับใหม่เพราะกังวลจะมีผู้ติดเชื้อเข้ามา 

นอกจากนี้ หากรับคนเข้าทำงานจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดและใช้เวลา 7 วัน เพื่อรอผลที่ชัดเจน หรือหากโรงงานใดพบญาติมีการติดเชื้อไวรัสจะแจ้งให้พนักงานหยุดงานทันที ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการผลิตสินค้า ทำให้ไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้ 100% 

2.ด้านความต้องการของผู้บริโภคหรือดีมานด์ ต้องยอมรับว่าหลังจากรัฐประกาศมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ ทำให้การซื้อสินค้ามีปริมาณมากขึ้น แต่ไม่ใช่การตื่นตระหนกซื้อเหมือนการล็อกดาวน์ในครั้งแรกเมื่อปี 2563 ขณะเดียวกันตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูง ทำให้ประชาชนซื้อสินค้าไว้ตุนไว้ เพื่อลดความเสี่ยง ความถี่ในการออกจากบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสินค้าบางรายการ บางแบรนด์หายไปจากชั้นวางหรือเชลฟ์ เป็นปกติที่พฤติกรรมผู้บริโภคจะหันไปซื้ออีกแบรนด์ 


นอกจากนี้ ความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น ยังเกิดจากทุกภาคส่วนมีการซื้อสินค้าจำเป็นพื่อบริจาคให้กับผู้ป่วย หรือศูนย์ผู้ป่วย พักคอย หน่วยงานต่างๆมากขึ้น ซึ่งแต่ละครั้งเป็นการซื้อสินค้าในปริมาณค่อนข้างมาก เป็นต้น  

"ภาวะสินค้าขาดตลาดครั้งนี้ โรงงานผู้ผลิตมีการระมัดระวังด้านสุขอนามัยของพนักงานมากขึ้น จึงอาจส่งผลต่อการผลิต มีการผลิตน้อยลงบ้าง เช่น บริษัทที่ผ่านมาโรงงานบะหมี่ฯเส้นขาว ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หยุดการผลิตไปราว 2 สัปดาห์ กระทบกำลังการผลิตบะหมี่หึ่งสำเร็จรูปโดยรวมหายไป 2.5% เท่านั้น เพราะเส้นขาวคิดเป็นสัดส่วน 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมด แต่บะหมี่ฯเส้นเหลืองมาม่าไม่หยุดผลิต"  

ส่วนที่ 3 ด้านการขนส่งและกระจายสินค้า มีการสะดุดไปบ้าง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส แต่ไม่ถึงกับเกิดภาวะ "ช็อต" ทั้งนี้ หากสินค้าผลิตและส่งจากโรงงานจะมีการเติมไปยังร้านค้าต่างๆตลอดเวลา หากวันรุ่งขึ้นไม่มีการเติมสินค้า นั่นเกิดจากโรงงานผลิตได้รับกระทบ อย่างไรก็ตาม บริษัทไทยเพรซิเดนท์ฯ มีการส่งบะหมี่ฯ ไปยังศูนย์กระจายสินค้าของพันธมิตรห้างค้าปลีกต่างๆ จากนั้นทางห้างจะเป็นผู้กระจายไปยังสาขาต่างๆเอง 


อย่างไรก็ตาม การเติมสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค และเข้าสู่ภาวะปกติ อาจใช้เวลาอีกระยะ หรือราวเดือนกันยายนนี้ ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องระวังคือกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง จะส่งผลปรมาณการสต๊อก และกำลังผลิตสินค้าอีกระลอก

"ยืนยันว่าการขาดแคลนสินค้าบนเชลฟ์ไม่ได้เกิดจากความตระหนกซื้อ และไม่เหมือนกับเหตุการณ์น้ำท่วม และคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติเดือนหน้า" 

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มการตลาดแบรนด์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ในส่วนการผลิตน้ำดื่มสิงห์ ขณะนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด บริษัทยังคงใช้กำลังการผลิตได้ตามปกติ สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค แต่ในด้านการกระจายสินค้า อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันเวล่า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส  

  

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังมีกำลังการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่น กำลังการผลิตเหลือ 20% หรือ30% บ้าง ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า  แต่ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ร้านค้าต่างๆ โดยฉพาะในต่างจังหวัด งดให้ตัวแทนจำหน่ายหรือเซลล์เข้าพบ เพื่อป้องกันและดูแลด้านสุขอนามัย 

ทั้งนี้ หากร้านค้าประสบภาวะขาดแคลนสินค้า สามารถติดต่อมายังบริษัทไลอ้อน หรือลบริษัท สหพัฒนพิบูลโดยตรง เพื่อประสานการแก้ปัญหาได้ตรงความต้องการมากขึ้น เช่น บริษัทจะติดต่อซัพพลายเออร์ หรือร้านค้าใกล้เคียงเพื่อป้อนสินค้าให้ ส่วนผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้

"เรายืนยันสินค้าดูแลสุขอนามัย และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆไม่ขาดตลาด ผู้บริโภคไม่ต้องตกใจ และบริษัทยังมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการ"  

นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคอยู่บ้านมากขึ้น  มีการทำกับข้าวเพื่อรับประทานเอง ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันพืชแบบขวดขายดีมาก อย่างบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายและกระจายน้ำมันพืชกุ๊ก พบว่ายอดขาย 6 เดือน มีอัตราการเติบโตเกือบ 100% รวมถึงสินค้ากะปิ น้ำปลา ผงปรุงรส ยอดขายเติบโตเช่นกัน  

นายชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยเฉพาะที่ผลิตจากกระชาย ฟ้าทะลายโจรฯ มีการขาดตลาดอย่างมาก เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมีสูง ซึ่งบริษัทส่งสินค้าป้อนร้านขายยา 7,000-8,000 แห่งทั่วประเทศ ได้รับคำสั่งซื้อหรือออเดอร์เข้ามาจำนวนมาก แต่การส่งผลิตภัณฑ์ยังค้างอยู่หลักแสนรายการ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้างค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น จะพบสินค้าขาดตลาดค่อนข้างมาก ส่วนห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น เทสโก้ โลตัส ยังพบการขาดตลาดน้อย มีเพียงบางหมวดเท่านั้นที่หายจากเชลฟ์ ส่วนร้านขายยา นอกจากฟ้าทะลายโจรขาดตลาด น้ำยาอุทัยทิพย์ แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ขาดตลาดเช่นกัน
#3071


นพ.ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ (HEC) ผู้ร่วมริเริ่มก่อตั้งโครง Covid-19 Home Care เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโครงการฯ ได้มีการหารือกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อนำระบบ Line OA ชื่อ Covid-19 Home Care ไปปรับใช้ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งกักตัวอยู่ที่บ้านหรือ Home Isolation (HI) เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วย ทั้งการติดตามอาการและการส่งความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ทั้งยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ที่จำเป็น

"ท่านรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะตรงกับนโยบายของทางกระทรวงที่ต้องการสนับสนุนให้มีการนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาโควิด-19 จึงได้ประชาสัมพันธ์ไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งมีหลายแห่งสนใจเข้ามาขอติดตั้งเพื่อนำไปใช้งานในการดูแลคนไข้" นพ.ฆนัทกล่าว


สำหรับ ระบบ Line OA ดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เมื่อได้ใช้งานจริงแล้วจึงมีการหารือกันว่าระบบนี้น่าจะเกิดประโยชน์กับหน่วยงานอื่นหรือโรงพยาบาลอื่น ๆ ด้วย เพราะปัจจุบันยังไม่มีระบบรองรับการดูแลผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน รวมทั้งระบบการเบิกจ่ายตามสิทธิการรักษาพยาบาลอาจจะยังไม่ลงตัว เพราะเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นระบบที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาในการทำงานของโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้

"กระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ออกเงื่อนไขในการเบิกจ่ายมาแล้ว แต่ขั้นตอนวิธีการปฏิบัติทุกอย่างมันแล้วแต่โรงพยาบาล โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ก็อาจมีระบบของเขาอยู่บ้างแล้วก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ แต่บางโรงพยาบาลหรือหากเป็นโรงพยาบาลเล็กก็ไม่มีอะไรเลย หากจะไปพัฒนาระบบเองค่าใช้จ่ายก็สูง เราก็เลยประสานตรงส่วนนี้ให้ เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลคนไข้ได้มากขึ้น" นพ.ฆนัทกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลของโครงการ Covid-19 Home Care กว่า 2,000 คน โดยระบบ Line OA ดังกล่าวสามารถช่วยให้การทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ป่วยโควิดสามารถติดต่อโครงการได้ทางไลน์ @covidhomecare หรือทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ 'We care network – เครือข่ายเราดูแลกัน'
#3072


โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีม เชลซี เผยการส่ง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายประตูชาวสแปนิช ลงไปเฝ้าเสาในช่วงการดวลจุดโทษตัดสินของเกมเจอ บียาร์รีล ศึก ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ คือสิ่งที่วางแผนไว้เป็นอย่างดี

เกปา ลงสนามช่วงนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ที่เสมอกัน 1-1 โดยถูกมอบหมายให้มาเซฟจุดโทษโดยเฉพาะ และเจ้าตัวก็เซฟลูกยิงของ ราอูล อัลบิโอน สำเร็จ ก่อนชนะ 6-5 คว้าถ้วย ซูเปอร์ คัพ ไปครอง

ก่อนหน้านี้ เอดูอาร์ด เมนดี ยืนเฝ้าเสาในฐานะนายทวารเบอร์ 1 มาตลอด ขณะที่ เกปา การมีปัญหากับอดีตกุนซือ เมาริซิโอ ซาร์รี ที่ไม่ยอมเดินออกจากสนามเพราะสั่งให้เปลี่ยนตัวเมื่อปี 2019 ทำให้เจ้าตัวไม่มีความน่าไว้วางใจจนถูกดร็อปเป็นมือสอง

อย่างไรก็ตาม ทูเคิล ก็ชี้แจงถึงเรื่องที่ส่ง เกปา ลงไปเซฟจุดโทษว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเอง เราคุยกันเรื่องนี้มานานแล้ว เรามีสถิติที่เตรียมไว้ ซึ่งจะเห็นว่า วิลลี กาบาเยโร เซฟจุดโทษเก่งที่สุด รองลงมาคือ เกปา และสามคือ เอดู"

"ทีมวิเคราะห์และโค้ชประตูเปิดเผยข้อมูลบให้ผมดู เราคุยกับนายประตูทั้งสามอย่างเปิดเผยและบอกว่าแผนอาจเปลี่ยนได้ในรอบน็อคเอาต์ เราทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว แต่เพื่อโอกาสคว้าชัยชนะจากสถิติที่เราบันทึกไว้"

"มันวิเศษมากที่ เอดู ยอมรับการตัดสินใจแบบไม่มีอีโก้ เขารู้ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ มันคือกุญแจสำคัญ ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจแบบปุบปับ เกปา เก่งกว่าในเรื่องนี้ และเราก็เล่นฟุต.กันเป็นทีม"
 
#3073


นายสลิล จารุจินดา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกำกับดูแล บริษัท ไทยคม จํากัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 บริษัทได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้งว่า กสทช . ได้มีมติอนุญาตให้บริษัทฯ ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม จำนวน 10 ข่ายงานดาวเทียม ซึ่งรวมถึงวงโคจรที่ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ใช้อยู่จนถึงวันที่ 10 ก.ย.64 (วันสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน)

โดยบริษัทใคร่ขอเรียนว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ไม่ใช่ดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ (สัญญาสัมปทาน) เพราะ เป็นการดำเนินการภายใต้ระบบใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ดังนั้น สิทธิการใช้วงโคจรดังกล่าวจึงมิได้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาสัมปทาน

บริษัทจึงได้มีหนังสือขอให้ กสทช. พิจารณาทบทวนมติดังกล่าวเพื่อให้สิทธิในการใช้วงโคจรเป็นไปตามอายุใบอนุญาตการให้บริการโทรคมนาคมที่อนุญาตโดย กสทช. หรือตามอายุของดาวเทียม แต่ กสทช. ก็มีหนังสือถึงบริษัทฯ แจ้งว่า กสทช. พิจารณาแล้วยืนยันตามมติเดิม หากบริษัทฯ ไม่เห็นด้วยสามารถใช้สิทธิโต้แย้งโดยฟ้องที่ศาลปกครองได้


ดังนั้น บริษัทจึงได้ดำเนินการยื่นคำฟ้องขอเพิกถอนมติดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง และยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของ กสทช.และกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว และเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 ศาลปกครองกลางไต่สวนคำร้องแล้ว โดยเรียก บริษัทฯ และ กสทช. เข้ามาไต่สวนและ ได้มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับของมติของ กสทช. ดังกล่าว โดยให้ บริษัทฯ มีสิทธิในการใช้วงโคจรและข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้องต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น


ดังนั้น บริษัทจึงยังคงมีสิทธิใช้วงโคจรดาวเทียมและให้บริการดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 และข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้อง ได้ตามปกติต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
#3074


จากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง กรณีโครงการ "แอชตัน อโศก" ของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กลายเป็นประเด็นร้อนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะส่งผลกระทบกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ "ลูกบ้าน" จำนวน 578 ครอบครัว

ทันทีที่มีคำพิพากษาศาลออกมา วันศุกร์ที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา "ชานนท์ เรืองกฤตยา "ซีอีโอ อนันดา อัดคลิปวีดีโอ ชี้แจงลูกบ้าน หวังลดกระแสและความกังวลใจที่เกิดขึ้น จากนั้นวันจันทร์ที่ 2 ส.ค. บริษัทได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการถึง "แนวทางการแก้ปัญหา" พร้อมยืนยันจะอยู่เคียงข้างลูกบ้าน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้โครงการขายเกือบหมด มียอดโอนแล้ว 87% คิดเป็นมูลค่า 5,639 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 6,481 ล้านบาท โดยมี 578 ครอบครัว 666 ยูนิตที่ย้ายเข้าอยู่แล้ว ในจำนวนนี้ 438 ครอบครัว เป็นลูกค้าคนไทย และ 140 ครอบครัวเป็นชาวต่างชาติ

โดยผู้บริหาร อนันดาฯ ระบุว่า จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน และคาดว่ากระบวนการทางศาลจะใช้เวลา 3-5 ปี

จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ส.ค. ตัวแทนท่านเจ้าของร่วมและผู้พักอาศัย แอชตัน อโศก ได้ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชนเพื่อเข้ารับฟังผลกระทบที่ลูกบ้านได้รับจากคำสั่งศาลปกครองกลาง ในวันอังคารที่ 10 ส.ค.นี้ ผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ "ลูกบ้านแอชตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลาง" ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป โดยระบุด้วยว่า "ถึงแม้กระบวนการทางกฎหมายจะยังไม่สิ้นสุด แต่บัดนี้ทางลูกบ้านได้รับผลกระทบต่างๆ แล้ว"

นับเป็นการเปิดใจครั้งแรกของกลุ่มตัวแทนลูกบ้าน แอชตัน อโศก ที่กำลังเผชิญชะตากรรมและผลกระทบครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (9 ส.ค.) อนันดาฯ ได้ส่งจดหมายผ่านสื่อมวลชน แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงาน ว่า อนันดาฯ ในนามผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศกได้มีการประชุมหารือกับเจ้าของร่วมในการสร้างความเข้าใจและร่วมกันหาแนวทางในการแก้ปัญหาจากเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยในขั้นแรก เจ้าของร่วมได้ "จัดตั้งทีมกฎหมายและคณะทำงาน" ขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำงานกับบริษัทฯ ในการร่วมกันหาแนวทางในการเรียกคืนความยุติธรรม ให้กับโครงการแอชตัน อโศก

พร้อมระบุว่าบริษัทรับทราบถึงความเดือดร้อนของเจ้าของร่วมในด้านสินเชื่อ ซึ่งมีจำนวน 348 ครอบครัวที่ใช้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 9 สถาบันการเงิน มีมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท บริษัทฯ จึงได้มีการหารือกับธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อดังกล่าว เพื่อเร่งออกมาตรการช่วยเหลือเจ้าของร่วมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยมี 9 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน โดยมาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่จะทำการ Retention จะมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

พร้อมย้ำว่า บริษัทในฐานะผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศก จะดำเนินการตามกฎหมายร่วมกันกับเจ้าของร่วมอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและเจ้าของร่วมและจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ให้ทราบอย่างใกล้ชิดต่อไป และเจ้าของร่วมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่โครงการ

อย่างไรก็ดี หนึ่งในลูกบ้านโครงการ "แอชตัน อโศก" กล่าวว่า ระหว่างที่รอกระบวนการทางศาล ลูกบ้านยังไม่ได้ข้อสรุปกันว่าต้องทำอย่างไร ให้รอไปอย่างนี้หรือ? เพราะยังต้องมีเรื่องของไฟแนนซ์ด้วย เพราะหากซื้อตอนนี้ธนาคารคงไม่ปล่อยสินเชื่อ (ปล่อยกู้) ให้ หรือแม้กระทั่งจะรีไฟแนนซ์ก็น่าจะไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ ห้องที่ซื้อมาจะขายในราคาที่ซื้อมายังไม่ได้เลย ไม่มีคนกล้าซื้อ สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบที่ลูกบ้านแอชตัน อโศกได้รับจากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง

"จุดประสงค์ที่ลูกบ้านต้องออกมาชี้แจงผ่านสื่อเพื่อต้องการบอกเล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกบ้านในโครงการแอชตัน อโศก มันคืออะไร และเราเป็นผู้ที่เดือนร้อนตัวจริง เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบว่า มีปัญหาจริงๆ ไม่ใช่เป็นข่าวแค่ช่วงเวลาหนึ่งเงียบหายไป สุดท้ายลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดจะไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือเยียวยา"

โดยวันนี้ (10 ส.ค.) จะมีตัวแทนลูกบ้าน 3-4 คนออกมาพูดคุยกับสื่อ ในช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/saveourhomeashtonasoke/ เพื่อฉายภาพผลกระทบที่ได้รับในทิศทางเดียวกัน แทนที่จะต่างคนต่างพูด ส่วนของการอัพเดทข้อมูลของอนันดาฯ กับทางลูกบ้าน ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับทางลูกบ้านในหลายๆ เรื่อง

"ตอนนี้ลูกบ้านจ่ายเงินไปแล้ว คิดดูแล้วกันว่าอยู่ดีๆ คอนโดที่ซื้อจะถูกทุบหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะว่าผิดกฎหมาย แบบนี้จะรู้สึกเชื่อมั่นได้อย่างไร บางคนที่ผ่อนอยู่ไม่อยากอยู่ แล้วก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครกล้าคนซื้อโครงการที่มีปัญหา ทางเข้าออก หากกรณีที่วันหนึ่งไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ได้จากคำสั่งศาล ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร"
#3075


อว. เผย 10 สถิติในเวลาที่ไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 20 ล้านโดส เร็วขึ้น 3.4 เท่า สูงสุดเกินวันละ 670,000 โดส

วันนี้ (10 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว เป็นจำนวนถึง 20 ล้านโดส โดยใช้เวลาเพียง 36 วันในการฉีด 10 ล้านโดสหลังนี้

พร้อมเปิด 10 สถิติสำคัญ ดังนี้

1. ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วมากกว่า 20 ล้านโดส โดย 10 ล้านโดสแรกใช้เวลา 124 วัน แต่สิบล้านโดสหลังใช้เวลาเพียง 36 วัน (เร็วขึ้นกว่า 3.4 เท่า) ขณะนี้มีประชากร 23.9% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม และมี 6.7% ที่ฉีดครบสองเข็ม นอกจากนี้ 0.3% ได้รับวัคซีนเข็มสามแล้วโดยเป็นบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข

2. ใช้วัคซีนโควิด-19 จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ซิโนแวค (48.77% ของจำนวนโดส), แอสตร้าเซนเนก้า (43.95%) ซิโนฟาร์ม (7.00%) และไฟเซอร์ (0.28%) แต่ในแง่จำนวนคนนั้น มีผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกามากกว่าซิโนแวก 1.5 ล้านคน

3. ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ในไทยแล้ว 6 ชนิด และอยู่ระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนอีก 2 ชนิด

4. จำนวนการฉีดวัคซีนมากที่สุดเกิน 670,000 โดสต่อวัน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564

5. จังหวัดภูเก็ต ได้ฉีดวัคซีนโควืด-19 ครอบคลุมประชากรมากที่สุด โดย 75.9% ของคนภูเก็ตได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม และ 59.2% ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว ส่วนกรุงเทพมหานครได้รับวัคซีนแล้ว 70.2% ของประชากร โดย 14.9% ฉีดครบสองเข็มแล้ว ทั้งนี้ทั้งสองจังหวัดมีการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุเกิน 60 ปี มากกว่า 80% แล้ว สำหรับจังหวัดที่ฉีดวัคซีนให้กับผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเกิน 80% แล้วคือ จังหวัดสมุทรปราการ

6. ประเทศไทยมีจำนวนการฉีดวัคซีนจำนวนเป็นอันดับ 4 ในอาเซียน และร้อยละการครอบคลุมประชากรเป็นอันดับที่ 5

7. ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นอันดับที่ 27 ของโลกในแง่จำนวนโดส

8. ประเทศไทยมีวัคซีนโควิด-19 แล้วมากกว่า 30 ล้านโดส ได้แก่ แอสตราเซนเนกา 12.8 ล้านโดส ซิโนแวก 12.5 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 5 ล้านโดส และ ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส โดยได้รับบริจาควัคซีนจาก จีน 1 ล้านโดส (ซิโนแวก) ญี่ปุ่น 1.05 ล้านโดส (แอสตราเซนเนกา) สหราชอาณาจักร 0.42 ล้านโดส (แอสตราเซนเนกา) และสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส (ไฟเซอร์)

9. วัคซีนสามารถลดการเสียชีวิต โดยผลการวิเคราะห์ผู้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 819 ราย มี 74.5% ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และมีเพียง 2 รายที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว

10. วัคซีนที่วิจัยและพัฒนาโดยคนไทยอย่างน้อย 4 ชนิดกำลังทดสอบในมนุษย์ ได้แก่ วัคซีน ChulaCov19 พัฒนาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, วัคซีน HXP-GPOVac พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยมหิดลและองค์การเภสัชกรรม, วัคซีน COVIGEN พัฒนาโดยบริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด และวัคซีน Baiya SARS-CoV-2 Vax 1 พัฒนาโดยบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัดและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
#3076


รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมประกวดราคาจ้างบริหารจัดการอาคารจอดแล้วจร 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต มูลค่าราว 37 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม มูลค่า 120 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิรัชมงคล มูลค่าราว 61 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี รฟม.ได้กำหนดให้เอกชนผู้สนใจร่วมประกวดราคาในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต เตรียมยื่นข้อเสนอผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ส่วนโครงการรถไฟฟ้ามหานครทั้ง 2 สายนั้น จะกำหนดภายหลัง เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนร่างเอกสารประกวดราคา แต่เบื้องต้นทุกโครงการจะต้องแล้วเสร็จ เพื่อจัดหาเอกชนเข้ามาบริหารตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้

"สัญญาจ้างบริหารอาคารจอดแล้วจรทั้ง 3 โครงการ มีอายุสัญญา 3 ปี โดยจะเริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 – 1 ต.ค. 2567 ซึ่งเอกชนจะต้องรับหน้าที่บริหารจัดเก็บค่าบริการจอดรถ การรักษาความสะอาด ตลอดจนจัดการจราจรและดูแลพื้นที่ของ รฟม.ให้เป็นระเบียบ เพื่อรองรับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ"

สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนประกวดราคานั้น รฟม.กำหนดราคาที่ยื่นข้อเสนอ ให้น้ำหนักคำนวณคะแนนข้อเสนอด้านราคาเท่ากับ 30 คะแนน และข้อเสนอด้านเทคนิค คุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟม. น้ำหนักเท่ากับ 70 คะแนน โดยผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 70 คะแนน รฟม.จึงจะพิจารณาข้อเสนอด้านราคา


ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค คุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟม. 100 คะแนน แบ่งออกเป็น คะแนนผลงานของผู้ยื่นข้อเสนอ 60 คะแนน แผนการบริหารจัดการอาคารจอดแล้วจร 20 คะแนน ประสบการณ์การทำงานของผู้จัดการอาคารจอดแล้วจร 10 คะแนน และข้อเสนออื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการอีก 10 คะแนน

ทั้งนี้ รฟม.จะพิจารณาให้คะแนนผลงานและประสบการณ์ของผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 1 ผลงานในการบริหารจัดการอาคารหรือลานจอดรถที่ประกอบด้วยงานจัดเก็บค่าบริการจอดรถ โดยใช้เครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ งานรักษาความสะอาด และงานจัดการจราจรดูแลพื้นที่จอดรถ ซึ่งเป็นผลงานที่สิ้นสุดระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยหากมีผลงานบริการจอดรถ 1,501 ช่องจอดขึ้นไป จะได้คะแนนสูงสุดอยู่ที่ 60 คะแนน

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า อาคารจอดแล้วจรที่ รฟม.นำมาเปิดประกวดราคานี้ ถือเป็นอาคารที่อยู่ในส่วนของรถไฟฟ้าที่มีสถิติการเดินทางสูงต่อเนื่อง และถือเป็นอาคารจอดแล้วจรในย่านชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัย มีผู้เดินทางค่อนข้างมาก เช่น โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม มีอาคารจอดแล้วจรจุดใหญ่อย่าง สถานีรถไฟฟ้าคลองบางไผ่ ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ส่วนสายเฉลิมรัชมงคล มีลานจอดรถใจกลางเมือง อย่างสถานีลาดพร้าว รัชดาภิเษก พระราม 9 และสถานีสุขุมวิท เป็นต้น
#3077


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณากองทุนรวมและการส่งเสริมการขายหน่วยลงทุน เนื่องจากหลักเกณฑ์ปัจจุบันบางส่วนมีความซ้ำซ้อนกัน และไม่มีความยืดหยุ่น รวมทั้งยังไม่ได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพภาพแวดล้อมของการประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนพฤติกรรมการรับข่าวสาร และการลงทุนของผู้ลงทุน

ขณะที่หลักเกณฑ์ด้านการโฆษณา ยังมีข้อกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่โฆษณากองทุนรวมต้องสื่อสารคำเตือนด้วยข้อความที่กำหนด ซึ่งบางช่องทางที่มีข้อจำกัดด้านเวลา อาจทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคำเตือนที่มีคุณภาพ 

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ด้านการโฆษณากองทุนรวมและการส่งเสริมการขายหน่วยลงทุน เพื่อให้การโฆษณากองทุนรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแต่ละช่องทางการสื่อสาร


รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจมีความยืดหยุ่นในการส่งเสริมการขายหน่วยลงทุน โดยยังคงหลักการการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุน ซึ่งเป็นไปตามที่ ก.ล.ต. ได้หารือในหลักการกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะนำข้อมูลที่ได้รับจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นนี้ มาประกอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในลำดับถัดไป ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=736  ผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mailslil@ sec .or .th หรือ sireetho@sec.or.th จนถึงวันที่ 9 ก.ย.พ.ศ. 2564
#3078


วันนี้ (9 ส.ค.2564) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล กำหนดให้การ ฉีดวัคซีน เป็นวาระแห่งชาตินั้น ในส่วนของกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการตามมาตรการปิดแคมป์คนงานเป็นเวลา 1 เดือน

โดยมีเป้าหมายดำเนินการฉีด 3,500 คนต่อวัน จาก แคมป์คนงาน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด 611 แคมป์ คนงาน 83,082 คน เป็นคนไทย 32,471 คน ต่างด้าว 50,611 คน

'ศูนย์ฉีดวัคซีนแคมป์คนงาน' เปิดให้ฉีดรองรับ 3,500 คนต่อวัน
นายสุชาติ กล่าวต่อว่าวันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงแรงงาน โดยโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม
กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ได้เปิด ศูนย์ฉีดวัคซีนแคมป์คนงาน

โดยแห่งแรกที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร มีศักยภาพการฉีดวันละ 2,000 คน มีทีมแพทย์พยาบาลจากโรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนล สมุทรสาครให้การดูแลการฉีด


แห่งที่ 2 ที่ ศูนย์ ณ อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ถนนวิภาวดี แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีศักยภาพการฉีด 1,500 คนต่อวัน มีทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์ สนับสนุนในการฉีดวัคซีนโควิด-19


พร้อมเปิดให้บริการ 9-31 ส.ค.นี้เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
สำหรับ ศูนย์ฉีดวัคซีนแคมป์คนงาน ทั้ง 2 แห่งจะให้บริการตั้งแต่วันที่ 9 - 31 สิงหาคมนี้ เว้นวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์

"การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในแคมป์คนงาน เป็นหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงแรงงาน ให้การป้องกันรักษาโดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่คนงานในแคมป์ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มคนงาน เป็นการสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนทั่วไปที่อยู่อาศัยบริเวณชุมชนรายรอบแคมป์คนงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ภาคแรงงาน ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้"นายสุชาติ กล่าว
#3079

โรงพยาบาลสังกัด กทม.เร่งฉีดวัคซีน "ไฟเซอร์" บูสเตอร์เข็ม 3 บุคลากรการแพทย์-ด่านหน้าสู้ "โควิด-19"
วันที่ 9 ส.ค. ที่โรงพยาบาลกลาง สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร(กทม.) ซึ่งได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(กทม.) ในชุดแรกจากข้อมูลที่รายงานวันแถลงข่าวออนไลน์สรุปการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 6 ส.ค. "กทม.ได้ 'ไฟเซอร์' แล้ว 7.6 พันโดส ย้ำฉีดบูสต์เข็ม 3 เฉพาะบุคลากรด่านหน้าเท่านั้น"

โดยในวันนี้ ได้มีการฉีดวัคซีนไฟเตอร์เข็ม 3 ซึ่งเป็นเข็มบูสต์เตอร์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้วโดยบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าได้เข้ารับวัคซีน จำนวน 700 คน โดยจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน

สำหรับ "ขั้นตอน" การใช้วัคซีนไฟเซอร์นั้น ได้ถูกขนส่งในตู้ความเย็นติดลบ 70 องศาเซลเซียส เมื่อมาถึงโรงพยาบาลกลาง จะถูกเก็บที่ตู้ทำความเย็นติดลบ 20 องศาเซลเซียส จากนั้นเจ้าหน้าที่เภสัชกรรม จะนำขวดวัคซีนใส่กล่องควบคุมอุณภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส และนำมายังจุดฉีด หลังจากนั้นจะนำวัคซีนออกมาตั้งในอุณหภูมิห้อง 15-30 นาที เพื่อให้ตัวยาในขวดวัคซีนมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้อง


โดยก่อนการฉีดต้องทำการเจือจางกับน้ำกลือในปริมาณ 1.8 มิลลิลิตร และทำการคว่ำหงาย 10 รอบ จากนั้นทำการแบ่งบรรจุ เข็มละ 0.3 มิลลิลิตร จำนวน 6 เข็ม ต่อ 1 ขวด เนื่องจากวัคซีนเป็นชนิดเข้มข้น และต้องฉีดภายใน 6 ชั่วโมง โดยใช้เข็มชนิด Lowdead space syringe โลเดสเปสไซลิงค์ เพื่อให้ได้ส่วนผสมยาที่ใช้ครบถ้วน
#3080
โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย- สมุทรสาคร ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป ท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร ทุกท่อน 

โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป  ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย สมุทรสาคร ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป  ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย ขายเหล็กรูปพรรณเกรดบี ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย ท่อดำกลมเกรดบีราคาโรงงาน ราคาถูกพิเศษ

1. 60ตันขึ้นไป – กิโลละ 21บาท
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย ขายเหล็กรูปพรรณเกรดบี ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย ท่อดำกลมเกรดบีราคาโรงงาน ราคาถูกพิเศษ
1. 60ตันขึ้นไป – กิโลละ 21บาท
2. 30ตัน-59ตัน – กิโลละ 23บาท
3. ตํ่ากว่า30ตัน – กิโลละ 25บาท
เหล็กขนาด ยาว6เมตรทุกท่อน

ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย, ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร, โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย

สนใจติดต่อ
บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

นัดดูของได้ที่นี่
คุณแป๊ป เบอร์ 0819196666 line ID varoonchai_papp
Email varoonchai@gmail.com


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://prakasfree.website/โรงงานขายเหล็กเกรดบีมห/


ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย
คำค้น
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย,ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร,โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร