• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Hanako5

#3042

  • ไฟตกหมึกใต้น้ำ แบบใช้หย่อนลงในน้ำ
  • โคมไฟใต้น้ำรุ่นนี้จะมีหลอดไฟLEDทั้งหมด 180LED มีกำลังวัตต์ประมาณ18w ให้แสงสีเขียว ใช้งานง่ายโดยนำสายไฟมาต่อขั้วบวกและลบเข้าแบตเตอรี่แล้วจุ่มไฟลงในน้ำ เพียงเท่านี้ก็เปิดล่อหมึกได้แล้ว แสงสีเขียวจะสว่างส่องในทิศทางรอบตัวโคม ซึ่งจะกระจายแสงได้ดี อีกทั้งแสงสีเขียวของโคมนั้นสามารถทะลุทะลวงชั้นผิดน้ำทะเลได้ดีอีกด้วย
  • การหย่อนโคมไฟลงใต้น้ำควรคำนึงถึงแรงกดอากาศด้วย ยิ่งหย่อนลงลึกเท่าไหร่แรงกดอากาศจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น (แนะนำควรใช้งานไม่เกินความลึกที่2เมตร)
  • คุณสมบัติไฟตกหมึกใต้น้ำ 15W 12V แสงสีเขียว
  • -หลอด LED สีเขียว ความสว่าง 900 Lumens
  • -ใช้แรงดันไฟ 12 v 18 Watts.
  • -ประกอบด้วยหลอด LED ทั้งหมด 180 หลอด
  • -ใช้สำหรับล่อปลา ล่อหมึก
  • -การใช้งานหย่อนลงใต้น้ำล่อปลา ปลาหมึกใต้น้ำ ใต้ท้องเรือ
  • สายยาว 5 เมตร
สั่งซื้อ https://bit.ly/2VBceGl

 
#3043


ทาคุมิ มินามิโนะ กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น โชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่นกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นัดอุ่นเครื่องเอาชนะ โอซาซูน่า 3-1

โดย มินามิโนะ ที่ถูกปล่อยให้ เซาแธมป์ตัน ยืมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มีส่วนกับทุกประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในนัดชนะ โอซาซูน่า

1-0 ทาคุมิ มินามิโนะ พา.เข้ากรอบเขตโทษก่อนซัดไปแฉลบ เฆซุส อเรโซ่ เข้าประตู
2-0 มินามิโนะ ทำชิ่งกับ คอสตาส ซิมิกาส ก่อนจะเปิดให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ทำประตู
3-0 มินามิโนะ ครอสจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ ฟีร์มิโน่ ทำประตู

ทั้งนี้กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินของทีม "หงส์แดง" โดยมีรายงานว่ากำลังมีหลายสโมสรให้ความสนใจคว้าตัวดาวเตะรายนี้

สำหรับ ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดแรก บุกไปเยือน นอริช ซิตี้ วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม เวลา 23.30 น.
#3044


การศึกษา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมไทย และเป็นกลไกในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัลทำให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทำได้ง่ายๆเพียงแค่ปลายนิ้ว ส่งผลให้การศึกษาต้องปรับตัว การนำเทคโนโลยี 5G เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนการศึกษา จะช่วยเปิดโอกาสให้เด็กในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงระบบการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำและเท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้น

ทรู 5G พร้อมนำอัจฉริยภาพ 5G สนับสนุนภาคการศึกษาไทย จึงร่วมกับ Huawei ASEAN Academy และ Techsauce จัดงานสัมมนา 5G พลิกโฉมประเทศไทย "True 5G Tech Talk" ในหัวข้อ "Education" ผ่าน True VROOM พร้อมถ่ายทอดสดที่ทรูไอดี โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมด้านการศึกษา ร่วมเปิดมุมมองในการนำเทคโนโลยี 5G มาช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา พร้อมอัปเดตเทรนด์การศึกษาไทยยุค 5G



การศึกษาในยุค5G ต้องปรับตัว

ดร. เดวิด กาลิเปอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท SDGx และผู้อำนวยการบริษัท Yunus Center Near Future lab องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรทำวิจัยด้านเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อสังคม กล่าวว่า ระบบการศึกษากำลังประสบปัญหาครั้งใหญ่จากการแพร่ระบาดของไวรัส นักเรียนจำเป็นต้องเรียนออนไลน์ เทคโนโลยีจึงเข้ามาช่วยเสริมภาคการศึกษาให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งปัญญาประดิษฐ์ และประมวลผลแบบคลาวด์ การศึกษาจะไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่นักเรียน นักศึกษาเท่านั้น แต่วัยทำงานและคนทั่วไปก็ต้องเพิ่มทักษะ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือ การปรับตัว เพื่อจะเรียนรู้และรับมือกับความเปลี่ยนแปลง มนุษย์ควรมีทักษะที่หลากหลาย พัฒนาตัวเองทั้งในแง่ของการศึกษา และทักษะอื่น ๆ เพราะในอนาคตหุ่นยนต์จะถูกพัฒนาให้มาทำงานแทนมนุษย์ได้ทุกอย่าง

เรียนออนไลน์ สนุกได้ด้วย 5G

การนำเทคโนโลยี 5G เข้ามาช่วยยกระดับด้านการศึกษานั้น ดร.เดวิด กล่าวว่า เทคโนโลยี 5G จะเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง ทั้งการสร้างหุ่นยนต์ การพัฒนาด้าน Smart City รวมถึงการพัฒนาการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมให้มีการเรียนตามความต้องการเฉพาะบุคคลช่วยให้เกิดการเรียนรู้ในทุกที่ ทุกเวลา ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ 5G ยังช่วยเอื้อให้การเรียนออนไลน์เป็นไปได้สะดวก สนุก และล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น เติมเต็มความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียนที่หายไป เช่น การใส่แว่น VR ที่ช่วยให้เห็นห้องเรียนแบบเสมือนจริงในวิชาวิทยาศาสตร์ เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เรียน 5G จึงเป็นการปฏิสัมพันธ์แบบ 2 ทางที่ทุกคนต้องเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใน 5 ปีต่อจากนี้



live-long-learning เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล

เมื่อพูดถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ หรือ EdTech ในประเทศไทย หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย ซึ่ง ดร. เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านความเป็นเลิศทางธุรกิจและการศึกษา บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า เทคโนโลยีได้เปลี่ยนโลกของการเรียนรู้ไปอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้จะไม่จำกัดเพศและวัย เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต แบบ live-long-learning ไม่ยึดติดแค่ในห้องเรียน โดย 5G เข้ามาเชื่อมต่อในด้านการศึกษา ทำให้ความรู้กระจายไปในพื้นที่ห่างไกลได้มากขึ้น เข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น มีการพัฒนาด้านคอนเทนต์และเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยกลุ่มทรู ได้นำเทคโนโลยีมอบให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ผ่านโครงการทรูปลูกปัญญา และได้พัฒนาเพิ่มช่องทางต่างๆ ทั้งแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หรือ School tour เป็นต้น เพื่อสร้างระบบนิเวศที่อยู่ใกล้ตัวทั้งครูผู้สอนและเด็กนักเรียน รวมถึงโครงการ CONNEXTED ที่ภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อผลิตเด็กไทย ให้เป็นเด็กดีและเด็กเก่ง เรายังมองว่า สิ่งสำคัญที่สุด ในการมอบเทคโนโลยีทางการศึกษา คือ กระบวนการการนำไปใช้ที่ดีและถูกต้อง ซึ่ง ICT Talent ผู้นำเทคโนโลยีด้านการศึกษาที่ดูแลในแต่ละโรงเรียน จะช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ และแนะนำกระบวนการการนำเทคโนโลยีไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด

5G เสริมสร้างจินตนาการในการเรียนรู้

ด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารบริษัท StartDee แอปพลิเคชันด้านการศึกษาครบทุกวิชาหลัก กล่าวถึง EdTech ในภาพรวมว่า เทคโนโลยีช่วยเสริมทั้งการเรียนรู้ภาคบังคับตามหลักสูตรในห้องเรียน และการเรียนรู้นอกหลักสูตร นอกห้องเรียนหรือนอกระบบ อย่างการ upskill และ reskill การเข้าสู่สังคมสูงวัย เป็นอีกเหตุผลที่ควรให้ความสำคัญในเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาทางการศึกษา อินเทอร์เน็ตคือกุญแจสำคัญสู่การเข้าถึงการเรียน เทคโนโลยี 5G มีความเร็วมากขึ้นก็จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น StartDee ต้องการช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงการศึกษาที่ดี ทำลายกำแพงทั้งเรื่องของคุณภาพการศึกษา ความเหลื่อมล้ำ และการหาความรู้นอกห้องเรียนจากการเรียนพิเศษ โดยทำให้การศึกษาที่ดีอยู่ในสมาร์ทโฟน ครบทุกหลักสูตรในแอปเดียว ทั้งยังนำเทคโนโลยีมาสร้างการเรียนรู้ให้สนุก ไม่น่าเบื่อ รวมถึงการใช้ AI เข้ามาประเมินผล พร้อมปรับให้เข้ากับการเรียนของนักเรียนแต่ละคนแบบ personalized มากขึ้น
#3046


รอยเตอร์ - กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 9,690 คนในวันอาทิตย์ (8) นับเป็นยอดติดเชื้อรายวันที่สูงเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่พบในวันเสาร์ (7) ที่ 7,334 คน

กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่พบในนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางการระบาด และ จ.บิ่งเซวือง กับ จ.ด่งนาย ที่อยู่ติดกัน

เวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดในช่วงปีที่ผ่านมา แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ประเทศเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วและติดง่ายขึ้น

ประเทศมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสม 210,405 คน ตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้น และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3,397 คน ตามข้อมูลของกระทรวง

เวียดนาม ประเทศที่มีประชากร 98 ล้านคน จนถึงขณะนี้ ได้แจกจ่ายวัคซีนไปแล้วเกือบ 8.9 ล้านโดส แต่มีประชาชนไม่ถึง 900,000 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม.
#3047


"อาลีบาบา กรุ๊ป" รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือน มิ.ย. 2564 ไปเมื่อเร็วๆ นี้ เริ่มต้นปีงบประมาณด้วยไตรมาสแรกที่ดี ในเดือนมิถุนายน 2564 อีโคซิสเต็มทั้งหมดของอาลีบาบา มีจำนวนลูกค้าประจำทั่วโลกแตะ 1,180 ล้านคน เพิ่มขึ้น 45 ล้านคนจากไตรมาสเดือนมีนาคม ในจำนวนนี้เป็นผู้บริโภคในจีน 912 ล้านคน

ปัจจุบันอีโคซิสเต็มของอาลีบาบา ครอบคลุมทั้งฝั่งผู้บริโภคและอุตสาหกรรม มีกลไกมากมายที่ขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และการสร้างคุณค่าในระยะยาวของอาลีบาบา จะหนุนนำให้ยักษ์เทคฯ รายนี้ เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมประสบการณ์ให้ผู้บริโภค และช่วยให้ลูกค้าองค์กรประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ดิจิทัล

อาลีบาบา กับกลยุทธ์ในอนาคต ​

แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวเปิดใจกับกลุ่มผู้ถือหุ้น หลังรายงานผลประกอบการงวดล่าสุด ว่า หลังจากนี้ การกำหนดจุดยืนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในอนาคต จะเน้นเพื่อการผสานอินเทอร์เน็ตทั้งในฝั่งของผู้บริโภค และอุตสาหกรรมเข้าด้วยกันให้ประสบความสำเร็จตามทิศทางการพัฒนาของการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล

"อาลีบาบาได้ปรับตัวเองกลายเป็นบริษัทที่มีกลไกหลากหลาย ด้วยธุรกิจในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน เรากำลังสร้างคุณค่าที่มากกว่าให้กับผู้บริโภค และผู้ใช้ โดยกระตุ้นให้ธุรกิจดั้งเดิมเข้า สู่ระบบการค้าออนไลน์แบบใหม่ อาลีบาบายังมุ่งมั่นที่จะมีส่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยเช่นกัน"


สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา จำนวนผู้บริโภคทั่วโลกที่ใช้งานเป็นประจำในอีโคซิสเต็มของอาลีบาบา แตะระดับ 1.13 พันล้านราย สร้างประวัติศาสตร์จำนวนผู้ใช้เกิน 1 พันล้านราย ยอดซื้อสินค้าจากทุกธุรกิจ( GMV) จากผู้บริโภคทั้งในจีนและต่างประเทศรวมกันมีมูลค่ามากกว่า 8.119 ล้านล้านหยวน หรือ 41 ล้านล้านบาท 

ขณะที่ ปีงบประมาณที่ผ่านมา ยอดเฉลี่ยการซื้อสินค้าต่อคนต่อปีของผู้บริโภคจากทุกแพลตฟอร์มหรือ GMV ของอาลีบาบามีมากกว่า 9,200 หยวน หรือ ราว 46,524 บาท

ยอมรับปีแห่งความยากลำบาก 

"วันนี้ของปีก่อน ผมคาดว่า ทั่วโลกน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและเปิดให้ท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม แต่มันก็ยังไม่เกิดขึ้น เราผ่านปีที่ยากลำบากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน"  

จาง ยอมรับ พร้อมบอกว่า นอกจากสถานการณ์โรคระบาดจะซับซ้อนขึ้นแล้ว ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงลึก และยาวนานในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจโลก และสิ่งแวดล้อมมหภาคโดยรวม

แม้จะมีอุปสรรคแต่ ซีอีโออาลีบาบา ยังยืนยัน มุ่งดำเนินตามวิสัยทัศน์และพันธกิจ รวมทั้งเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสอย่างต่อเนื่อง 


ทั่วโลก 240 ล้านคนอุดหนุนประจำ 

ขณะที่ กลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลกของอาลีบาบา ยังมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม มีจำนวนผู้บริโภคในต่างประเทศที่ซื้อสินค้าเป็นประจำแตะ 240 ล้านคน จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของ "ลาซาด้า" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วของ "อาลีเอ็กซ์เพรส" ในยุโรป 

จาง บอกด้วยว่า ด้วยความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาหลายปี ทั้งในแง่สินค้าและซัพพลายเชน การส่งและกระจายสินค้า การบริหารจัดการผู้บริโภค การพัฒนาและดำเนินช่องทางโซเชียลคอมเมิร์ซ ทำให้อาลีบาบามีความพร้อมในการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรและยั่งยืน เพื่อเติมเต็มมิติต่างๆ ของ New Retail 

บูม "คลาวด์" ฐานที่มั่นใหม่ 

"อาลีบาบา คลาวด์" เป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่สองของการเติบโตของ อาลีบาบา กรุ๊ป สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้ 6 หมื่นล้านหยวน ซึ่งเติบโตขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อาลีบาบา คลาวด์ ถือเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure as a Service (IaaS) ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก 

"เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าอินเทอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพทั่วโลก เมื่อมองไปยังอนาคต อาลีบาบา คลาวด์ อยู่ในตำแหน่งที่ดีด้วยหนึ่งในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีน จึงพร้อมคว้าโอกาสทองของยุคนี้ ซึ่งต่อไปทุกบริษัทจะก้าวเข้าไปสู่โลกอินเทอร์เน็ต อาลีบาบาจะต่อยอดความสามารถด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยใช้มาตรฐานเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกเป็นหลัก" 

จากนี้ อาลีบาบา จะเร่งเดินหน้าผลักดันกลยุทธ์ในการผสานคลาวด์และดิงทอล์ค เพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำนักงานเคลื่อนที่สำหรับองค์กร ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี และสร้างมิดเดิลแพลตฟอร์มที่ดีเยี่ยม รวมถึงพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ให้แข็งแกร่งขึ้น และให้บริการอย่างมีคุณภาพ และทำให้เสาหลักแห่งการเติบโตนี้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

"เมื่อเริ่มก่อตั้ง อาลีบาบาตั้งพันธกิจว่าจะช่วยให้คุณ ทำธุรกิจอย่างสะดวกในทุกที่ ตลอด 22 ปีที่ผ่านมา มุ่งทำตามแผนระยะยาว และลงทุนเพื่ออนาคต พันธกิจนี้เป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนาของเรา และเป็นหลักที่นำทางเราทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต" 

ย้ำ'ดีเอ็นเอ'เน็ตที่เปิดกว้างและโปร่งใส 

ความเป็นผู้นำและจุดแข็งของอาลีบาบา คลาวด์ ยังเป็นผลจากการลงทุนหลายสิบปี และการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก 2 ส่วน คืออินเทอร์เน็ตในฝั่งผู้บริโภคและอินเทอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรม จากข้อมูลเชิงลึกและการทดลองเป็นเวลาหลายปี กลยุทธ์ New Retail ของอาลีบาบา ได้เห็นผลและมีมิติมากขึ้น 

"อาลีบาบาก้าวเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่แล้ว เราเชื่อว่า อาลีบาบาจะสามารถผสานอินเทอร์เน็ตในฝั่งผู้บริโภคและอินเทอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรมได้สำเร็จ เราเริ่มต้นจากการเป็นบริษัทบนอินเทอร์เน็ต และนำดีเอ็นเอที่เป็นจุดเด่นของอินเทอร์เน็ตคือความเปิดกว้าง โปร่งใส และเชื่อมถึงกันทั่วโลกมาใช้ เรากำลังสร้างคุณค่าที่มากกว่าให้กับผู้บริโภคและผู้ใช้ ด้วยการผลักดันให้ธุรกิจดั้งเดิมเข้ามาสู่การค้าออนไลน์แบบใหม่ อาลีบาบายังมุ่งมั่นที่จะมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลด้วย" ซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป ทิ้งท้าย 
#3048


อิเลียด คิปโชเก้ สุดยอดนักวิ่งชาวเคนย่า กลายเป็นคนที่ 3 ที่สามารถป้องกันแชมป์ มาราธอน โอลิมปิก หลังจากทำเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาที 38 วินาที ปิดท้ายการแข่งขัน โตเกียว เกมส์ 2020 อย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม

คิปโชเก้ คือเจ้าของสถิติโลกวิ่งมาราธอนคนปัจจุบัน โดยทำเอาไว้ในรายการ เบอร์ลิน มาราธอน เมื่อเดือนกันยายนปี 2018 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 1 นาที 39 วินาที ล่าสุด โตเกียว เกมส์ นักวิ่งวัย 36 ปีเริ่มกระชากฉีกหนีกลุ่มคู่แข่งตั้งแต่กิโลเมตรที่ 31 ก่อนคว้าเหรียญทองด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาที 38 วินาที สถิตินี้ถือว่าดีกว่าเหรียญทอง โอลิมปิก ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อปี 2016 เพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้น

ภายหลัง คิปโชเก้ ให้สัมภาษณ์ถึง โตเกียว เกมส์ ที่เลื่อนมา 1 ปีเพราะไวรัสโควิด-19 แต่ในที่สุดก็สามารถจัดการแข่งขันได้ว่า "โตเกียว 2020 มันได้จัดเรียบร้อยแล้ว สิ่งนี้มีความหมายมาก ความหมายคือเราสามารถกลับมาใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ เราอยู่บนเส้นทางชีวิต สิ่งนี้คือความหมายของกีฬา โอลิมปิก ซึ่งผมดีใจที่มาป้องกันแชมป์ได้สำเร็จและแสดงให้คนรุ่นต่อไปได้เห็นว่า ถ้าคุณเคารพกีฬาและมีวินัยก็สามารถทำงานที่รับมอบหมายได้สำเร็จ"

แน่นอนสิ่งที่ คิปโชเก้ พยายามจะสื่อก็คือทุกคนต้องมีวินัย เพราะการจะป้องกันแชมป์ มาราธอน โอลิมปิก น้้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเขากลายเป็นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถกลับมาคว้าเหรียญทองได้อีกครั้ง

สำหรับ 2 คนก่อนหน้า คิปโชเก้ ที่สามารถป้องกันเหรียญทอง โอลิมปิก คนแรกต้องย้อนไปปี 1960 กับ 1964 คือ อาเบเบ บิกิเลีย ตามด้วยปี 1976 กับ 1980 คือ วัลเดอมาร์ เซียร์ปินสกี้
#3049


"ปั๋น ดริสา" ศิลปินวาดรูปสาวชื่อดัง โพสต์สรุปประเด็นดรามา ภาพวาดปรากฎใน MV ของ "พิมรี่พาย" ยันไม่ติดใจเอาความ ขอให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์

จากกรณี "ปั๋น ดริสา" ศิลปินวาดรูปสาวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเผยหลังภาพวาดของตนเองถูกนำใช้แบบงงๆ ในเอ็มวีเพลงใหม่ของ "พิมรี่พาย" ที่ชื่อเพลงว่า "ออกไป" โดยภายในเอ็มวีเพลงได้ปรากฎฉากที่มีภาพวาดของเธอเพียงเสี้ยววินาที พร้อมระบุว่า ไม่มีการขออนุณาตจาก "พิมรี่พาย" แต่เชื่อน่าจะเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของทีมงาน


อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ส.ค. "ปั๋น ดริสา" ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัปเดตอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

"สรุปเรื่องการที่ผลงานไปปรากฏใน MV คุณพิมรี่พายนะคะ เบื้องต้นคือกรณีนี้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผลงานปั๋นจริง ที่เกิดขึ้นโดยความผิดพลาดของบริษัทฟีโนมีนา โปรดักชั่นเฮาส์ที่คุณพิมรี่พายจ้างทำ MV ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้ทำเพื่อการพาณิชย์ แต่ว่าถูกปรินท์ลงบนผ้าใบเพื่อประกอบการถ่ายโฆษณาที่ปั๋นถ่ายกับทางฟีโนมีนาเมื่อปี 2563 ซึ่งปรินท์มาเพื่อ ' ประกอบการถ่ายโฆษณา '

จึงไม่ได้ปรินท์เพื่อซื้อขายและโดยกฏหมายคือห้ามนำไปใช้ต่อ ปั๋นเคยร่วมงานกับฟีโนมีน่าหลายครั้งในฐานะนักแสดง ได้เห็นความเป็นมืออาชีพของโปรดักชั่นเฮาส์นี้เสมอ และด้วยชื่อเสียงฟีโนฯในด้านคุณภาพ คุณพิมรี่พายจึงเลือกใช้เฮาส์นี้ในการถ่ายทำ MV 'ออกไป' เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงขนาดไหน ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ หลังถ่ายโฆษณาของปั๋นเสร็จ ฝ่ายอาร์ตของทีมโฆษณาได้เก็บภาพวาดเข้าคลังพรอพของบริษัทตนเอง พอถึงเวลาถ่าย MV ของคุณพิมรี่พายหลายเดือนให้หลัง ทางทีมอาร์ตของ MV (คนละทีมกัน) จึงเข้าไปเบิกพรอพจากคลังของบริษัท และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีการรีเช็คที่มาของพรอพ

เนื่องจากเจตนาของทุกฝั่งคือต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องตามวิชาชีพของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งค่ายเพลง ที่จ้างโปรดักชั่นเฮาส์ที่มีคุณภาพ หรือทีมงานของโปรดักชั่นเฮาส์ที่พยายามสร้างสรรค์ผลงานทั้งหมดด้วยทรัพยากรที่ตนเองมี โดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการนำผลงานของปั๋นไปใช้งานหรือเป็นเจ้าของ มีมูลค่า6-7หลัก ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้งานเป็นตัวหลักของสินค้า โฆษณา หรือการสะสม แต่ใน MV นี้ภาพปรากฏแค่ไม่กี่วิและเป็นไปโดยการสะเพร่าส่วนบุคคล

ถึงแม้จะมีการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นจริงแต่ปั๋นในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ จึงไม่ฟ้องเรื่องค่าเสียหายใดๆ แม้จะมีการเสนอมาจากฝั่งโปรดักชั่นเฮาส์แล้วก็ตาม เนื่องจากปั๋นเห็นว่านี่เป็นกรณีศึกษาในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์และแนวทางแก้ไขที่สมควรเผยแพร่แก่สาธรณชนมากกว่ารับเงินและลบโพสต์ จึงตัดสินใจในทางนี้ค่ะ เรื่องทั้งหมดก็จบแล้วโดยสมบูรณ์โดยไม่มีความบาดหมางจากฝั่งไหน และปั๋นได้รับจดหมายขอโทษเป็นทางการจากทางฟีโนมีน่าแล้ว ขอบคุณค่ะ"
#3051


เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา นางสาวศรินทิพย์ ศรีทองคำ ผู้จัดการแผนกองค์กรสัมพันธ์ ฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียม ปตท.สผ. ร่วมกับบริษัทผู้ร่วมทุน สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมอบหลอดน้ำยาสำหรับเลี้ยงเก็บเชื้อโรคเพื่อส่งตรวจ จำนวน 1,820 หลอด มูลค่ากว่า 106,000 บาท ให้กับ นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนำไปใช้ในการคัดกรองผู้ป่วยโรคโควิด-19

และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังได้มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์   เพื่อสนับสนุนจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอำเภอสิงหนคร  มอบเตียงกระดาษ ที่นอน หมอน ผ้าห่มและมุ้ง มูลค่าประมาณ 216,000 บาท  ถังเก็บน้ำขนาดความจุ 2,000 ลิตร  ตู้เย็น เต็นท์อเนกประสงค์  มุ้งครอบและพัดลมตั้งโต๊ะ มูลค่าประมาณ 123,000 บาท 

และยังได้มอบงบประมาณ 120,000 บาทให้โรงพยาบาลสิงหนครจัดหาเต็นท์สำหรับจุดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  เพื่อขยายพื้นที่บริการให้เพียงพอกับจำนวนประชาชนที่มารอฉีดวัคซีนด้วย



สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอำเภอควนเนียง เตียงกระดาษ ที่นอน หมอน ผ้าห่มและมุ้ง มูลค่าประมาณ 216,000 บาท และได้มอบชุดเครื่องนอนเพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลสงขลา มูลค่า 254,000 บาท


นอกจากสนับสนุนด้านการแพทย์ระดับจังหวัดดังกล่าวแล้ว ปตท.สผ. ยังได้สนับสนุนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 3 แห่งในตำบลหัวเขา ตำบลชิงโค ตำบลบ้านสถิตย์ และอีก 10 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสิงหนคร โดยส่งมอบเจลแอลกอฮอล์ให้กับผู้นำหรือประธานชุมชนในพื้นที่ ภายใต้โครงการรักเพื่อนบ้าน มูลค่ากว่า 150,000 บาท เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และชุมชน นำไปใช้ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019

สำหรับในพื้นที่ใกล้เคียง บริษัทฯ ได้ร่วมกับสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลปัตตานี เช่น เครื่อง PAPR เครื่องวัดความดันโลหิตแบบสอดแขน เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และเครื่องวัดอุณหภูมิ มูลค่าประมาณ 152,000 บาท

ก่อนหน้านี้ ปตท.สผ.ยังได้สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยส่งมอบที่นอนและชุดเครื่องนอน มูลค่า 300,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสงขลา  เพื่อช่วยเสริมศักยภาพของโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง  ตามเจตนารมย์ของฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียมสงขลา ปตท.สผ. ที่ให้ความสำคัญกับชุมชนและสังคมมาโดยตลอด

พร้อมร่วมมือและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือชุมชนในวิกฤติการณ์ต่างๆ อย่างเต็มความสามารถและยังคงเดินหน้าในการสนับสนุนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19  อย่างต่อเนื่อง 
#3052












ขายที่ดินติดลำธาร ลำน้ำมวบ น้ำมวบเมืองเหนือ ต.พงษ์ อ.สันติสุข จ.น่าน  เนื้อที่ 3 ไร่ 35 ตร.ว ราคาไม่แพง 1 ลบ.  เอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ใกล้แหล้งชุมชนน้ำไฟเข้าถึง วิวงามธรรมชาติสมบูรณ์ ทิวเขาล้อมรอบ ลำธารผ่านข้างแปลงทั้งแถบ รูปที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ชุ่มฉ่ำสดชื่นเย็นสบายตลอดปี ไอหมอกยามเช้าแสนบริสุทธิ์ ท่ามกลางธรรมชาติสดชื่นสวยงามตระการตา ยามแสงตะวันทอแสงขึ้นฟ้านกกาหากินตามธรรมชาติ จวบจนตะวันตกดินอากาศเย็นสบายจันทร์ฉายเคลื่อนสลับหมุนเวียนธรรมชาติสุดๆ สมแล้วหลายปากเลืองเล่าเมืองน่านนั่นอากาศดีสดชื่นบริสุทธิ์งดงามเพียงใด ที่ดินเข้าจากถนนคอนกรีต 100 เมตร จากนั่นข้ามผ่านสะพานไม้ที่น้ำมวบม้วนทอดยาวตลอดสาย จากสะพานไม้ลงมาเดินลัดผ่านทางภาระจำยอมสาธารณะอีก 30 เมตร ถึงที่ดินแปลงขาย ราคากันเองต่อรองได้หากชอบฟิลล์นี้จริงๆ

โทร 083-712-4115
Line id : 0837124115

18°52'45.3"N 100°58'19.1"E
https://maps.google.com/?q=18.879262,100.971965

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=110387531058790&id=100062626307647
#3053


เกาะติดกรณีการแจกเงินเยียวยา แรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในกลุ่ม 9 อาชีพ ใน 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ที่ประกาศ ล็อกดาวน์ โดยประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th 

โดยวันนี้ สำนักงานประกันสังคม ประกาศ โอนเงิน "ช่วยเหลือเยียวยาโควิด" ให้แก่ ผู้ประกันตน มาตรา 33 (ม.33) ผ่าน "พร้อมเพย์" ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน โดยจะโอนเงินให้วันละ 1 ล้านคน ซึ่งทางกระทรวงแรงงานได้เริ่มจ่าย "เงินเยียวยา" ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 64 เป็นต้นมานั้น

เช็คสิทธิรับเงินเยียวยา ผ่านออนไลน์ คลิก  


ผู้ประกันตน ม.33 

รับเงินเยียวยา 2 ส่วน คือ เงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง สูงสุด 7,500 บ. และเงินชดเชยเพิ่มเติมอีก 2,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือนคือในเดือน ก.ค. - ส.ค. รวม 5,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 4 - 6 ส.ค. 64 วันละ 1 ล้านราย โดยจะดำเนินการทยอยโอนเงินผ่าน "พร้อมเพย์" 

ยกเว้น พื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม อีก 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยา จะดำเนินการโอนเงินเยียวยาในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ต่อไป

นายจ้าง ม.33

รับเงินเยียวตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุด 200 คน ภายในวันที่ 6 ส.ค. 64 

ยกเว้น พื้นที่จังหวัดสีแดงเข้มอีก 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยา จะดำเนินการโอนเงินเยียวยาในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ต่อไป


'พยากรณ์อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา' วันนี้มีฝนฟ้าคะนอง 36 จังหวัด รับมือมรสุม
Cluster Concepts – ว่าด้วยกรอบระเบียงเศรษฐกิจที่สอง หรือสาม หรือสี่ ..... ตอนที่ 2
โควิดหนุนเงินดิจิทัลโต-กัมพูชาเล็งเลิกพึ่งดอลล์สหรัฐ
ทั้งนี้ หาก "ผู้ประกันตน ม.33" ยังไม่ได้เงินเยียวยา 2,500 บาท ในวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 ทางประกันสังคมจะทยอยโอนเงิน แนะนำรอตรวจสอบในวันถัดไป

ขณะที่ "ผู้ประกันตน ม.33" สงสัยว่าทำไมอยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 แล้วไม่ได้รับสิทธิ​ ทางประกันสังคม ชี้แจงว่า มาตรการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตน รวมทั้งอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยเพิ่มจากเดิม 10 จังหวัดเป็น 13 จังหวัด 9 ประเภทกิจการ

(1) ก่อสร้าง
(2) กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
(3) กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ
(4) กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
(5) การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
(6) การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์
(7) กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน
(กิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ
(9) สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
ตรวจสอบสาเหตุต้องติดต่อสำนักงานประกันสังคมพื้นที่ ที่รับผิดชอบโดยตรง

ที่มา :สำนักงานประกันสังคม
#3054


นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธานเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมาได้พิจารณา แก้ปัญหาซ้อนทับ โครงการรถไฟความเร็วเชื่อมสามสนามบิน และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย- จีน ในช่วงบางซื่อ ถึง ดอนเมือง ซึ่งใช้โครงสร้างโยธาร่วมกัน แต่เวลาการก่อสร้างและมาตรฐานเทคนิคไม่สอดคล้องกัน

ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สกพอ. กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเจรจาเอกชนคู่สัญญาทำข้อเสนอการแก้ไขสัญญาร่วมทุน เพื่อให้เอกชนเร่งก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 

โดยจะเจรจาให้เอกชนรับพื้นที่และเริ่มงานก่อสร้างโยธาให้ได้มาตรฐานเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้โครงการรถไฟไทย-จีน ใช้เส้นทางดอนเมือง-บางซื่อได้ภายในเดือน ก.ค.2569

รวมทั้งเอกชนคู่สัญญาจะรับผิดชอบออกแบบและก่อสร้างงานโยธา รวมงานทางวิ่งของโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองด้วย 

ทั้งนี้ยังให้ยึดข้อตกลงทั้งมาตรฐานและระยะเวลาของรถไฟไทย-จีนเป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องระยะเวลา และด้านเทคนิคให้รองรับทั้ง 2 โครงการ โดยจะหาแนวทางร่วมกับเอกชนคู่สัญญาในส่วนการปรับหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนของรัฐ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับเอกชนคู่สัญญาอย่างเหมาะสม โดยยึดหลักไม่ให้เกิดงบประมาณเพิ่มเติม และแผนก่อสร้างทั้ง 2 โครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ อีอีซี โครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน การส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญามีความคืบหน้า 86% แล้ว และพร้อมส่งมอบทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2564 คู่ขนานไปกับการยกระดับ แอร์พอร์ต เรลลิงก์ โฉมใหม่ ที่ผู้โดยสารจะได้รับบริการ ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นโครงการที่เป็นการลงทุนของภาคเอกชนโดยเอกชนผู้รับสัมปทานคือบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้มีการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจขึ้นมาบริหารโครงการในชื่อ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด

จัดตั้งเพื่อขึ้นเซ็นสัญญาร่วมทุนสัมปทาน 50 ปี โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. และแอร์พอร์ตลิงก์ ทุนจดทะเบียน 4,000 ล้านบาท
#3055


แม้ไลน์ (LINE) แอปพลิเคชันส่งข้อความแชตยอดฮิตจะไม่ได้ประกาศตรงไปตรงมาว่า วางเป้าหมายของธุรกิจ LINE for Business ปี 2564-2565 ไว้ที่การผลักดันตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศไทย แต่ LINE ก็มั่นใจว่าทิศทางธุรกิจที่จะเกิดในปีนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจ และเห็นเทรนด์ที่ 'มากพอ' จนให้ธุรกิจไทยเข้ามาประสานพลังเป็นองค์รวม ติดปีกให้ไทยสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในยุคนิวนอร์มัล

ถามว่าทำได้อย่างไร? เรื่องนี้ประเมินเบื้องต้นได้จากกองทัพแบรนด์และหน่วยงานที่มาเปิดบัญชีทางการบน LINE หรือที่เรียกว่า LINE OA (LINE Official Account) LINE เชื่อว่าด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม LINE ที่เข้าถึงคนไทยกว่า 49 ล้านคน บริการ LINE OA จึงมีโอกาสกลายเป็นตัวกลางสำคัญให้บริษัทและองค์กรภาครัฐสามารถให้ข้อมูลหรือให้บริการบางส่วนได้โดยที่คนไทยไม่ต้องเดินทางมายังสถานที่ให้บริการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโลกธุรกิจวันนี้

LINE ยืนยันว่า LINE OA มียอดใช้งานสูงผิดปกติ ย้อนไปช่วง พ.ค. ปีที่แล้ว LINE ประกาศว่าจำนวนหน่วยงานที่มาเปิดบัญชีทางการเป็น LINE OA เพิ่มขึ้นมาเป็น 4 ล้านราย ขยายขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มี 3 ล้านราย มาปี 64 ดาวรุ่งอย่าง LINE ยังคงยึดตัวเลขเดิมคือ 4 ล้านรายไว้ พร้อมกับย้ำว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีโควิด-19 ยอด LINE OA ไม่ได้เติบโตปีละ 1 ล้านราย แต่มักต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำได้

ภาวะนี้สะท้อนโอกาสของ LINE OA โดยเฉพาะปี 64-65 ที่ LINE วางโฟกัสไปที่ธุรกิจร้านอาหารและค้าปลีก ผ่านบริการชื่อมายช็อป (MyShop) และมายเรสเตอรอง (MyRestaurant) ที่เปิดพื้นที่ให้ร้านค้ารับออเดอร์และบริการลูกค้าได้ฟรีในขณะนี้ ก่อนที่จะมีการออกแบบให้บริการมีความคุ้มค่าต่อธุรกิจมากขึ้น เพื่อปูทางสู่การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่จะเริ่มเก็บค่าบริการในช่วงปี 65

***ไม่ใช่เก็บเงินจากของที่เคยฟรี

นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวถึงแนวทางพัฒนาบริการ MyShop และ MyRestaurant ในปีหน้าว่าจะไม่มีการเปลี่ยนฟีเจอร์ให้บริการฟรีมาเป็นเก็บค่าบริการ แต่ LINE จะมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วจึงค่อยเก็บค่าบริการ 

'เราอาจจะต้องขอเงินเป็นรายได้เราด้วย' นรสิทธิ์ระบุ 'เป้าหมายของ LINE คือการพัฒนาโซลูชันให้ใช้ง่าย เน้นให้ธุรกิจใช้ LINE OA ในการบริหารธุรกิจได้มากขึ้น ปัจจุบัน LINE ทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายราย มีการเอา API มาปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจใช้ LINE เป็นหน้าร้านได้ง่ายขึ้น เจาะกลุ่มคนไทยได้ทุกอายุ เรียกว่าถ้าใครหรือแบรนด์ใด ต้องการเข้าถึงคนไทยมากขึ้น ก็จะมาที่ LINE OA เชื่อว่าจะเป็นก้าวที่พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ'

ผลดีของเศรษฐกิจ จะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย
ผลดีของเศรษฐกิจ จะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย

LINE OA เป็นโซลูชันหลักที่ LINE ให้บริการลูกค้าธุรกิจและ SME ภายใต้แบรนด์ LINE for Business ธุรกิจนี้ต่อยอดไปมากจากที่ LINE เคยเป็นเพียงแอปพลิเคชันแชตที่ใช้เพื่อรับส่งความช่วยเหลือในช่วงวิกฤตแผ่นดินไหวใหญ่ที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 แล้วจึงเข้าสู่เมืองไทยช่วง 9 ปีที่แล้วที่โซเชียลมีเดียกำลังบูม สำหรับไทย เชื่อกันว่าคนไทยเริ่มทดลองใช้ LINE เพราะว่ามีสติกเกอร์น่ารัก ปูทางให้ LINE เริ่มพาธุรกิจมาสู่บริการ LINE OA ซึ่งกลืน 'LINE@' ที่ให้บริการ SME ก่อนหน้านี้เอาไว้ด้วย

LINE เปิดให้บริการ LINE Pay ในช่วง 2 ปีหลังจากนั้น พร้อมกับเริ่มทำธุรกิจคอนเทนต์ เช่น LINE Today จนมีการเปิดบริการ LINE MAN ราว 2-3 ปีต่อมามีการผลักดันธุรกิจ LINE ไปสู่วงการดิจิทัลไฟแนนซ์ มีการร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยเปิดเป็น LINE BK แล้วขยายไปเปิดธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่าน LINE Shopping ที่เข้าถึงผู้บริโภคตรงๆ ร่วมกับการขยายธุรกิจสติกเกอร์ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น และการทำโอเพ่นแชต ซึ่งสร้างเป็นชุมชนที่สมาชิกสามารถพูดคุยได้แบบไม่เปิดเผยตัวตน

สิ่งที่ไลน์มองต่อจากนี้คือการปิดช่องว่าง LINE มองตัวเองเป็นแพลตฟอร์มที่ปิดช่องว่างระหว่างวัยหรือ generation จากตอนนี้ที่คิดว่ามีแต่ผู้ใช้วัยรุ่น แต่ขณะนี้ย่ายายก็หันมาใช้งาน LINE ทุกคนสามารถมาพบเจอกันบน LINE

'วันนี้ทุกคนมีกลุ่ม LINE ครอบครัว, LINE หมู่บ้านและ LINE เครือญาติ ภารกิจที่มองก็คือการทำให้ LINE ใช้งานง่ายมากขึ้นและดีมากขึ้น เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น เพราะว่าประเทศไทยใช้ social ไม่เหมือนตะวันตก คนประเทศอื่นไม่ให้แชตส่วนตัวในการทำงาน แต่คนไทยไม่ถือสา และใช้ LINE ส่วนตัวในการทำงาน'

ในเมื่อทุกคนใช้ชีวิตบน LINE บริษัทจึงวางแผนใหม่ต่อยอดจากปีที่ผ่านมา LINE มองตัวเองเป็น Mass adapter enabler เพราะทั้งกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้สูงวัยทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดล้วนสามารถใช้งานได้เร็วเมื่อมี LINE เป็นสื่อกลาง เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้บริโภคได้เร็วขึ้น และเข้าใจการใช้งานได้มากขึ้น

ปีนี้ เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน
ปีนี้ เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน

LINE อธิบายว่าที่ผ่านมา บริษัทเน้นให้หน่วยงานที่ต้องการเข้าถึงคอนซูเมอร์มากขึ้น ได้ใช้งาน open API ซึ่งเป็นเหมือนปลั๊กที่เชื่อมทุกเทคโนโลยีให้ต่อติดกับ LINE และสามารถใช้ LINE เป็นหน้าบ้านให้คนทั้งประเทศใช้งานได้

ปรากฏว่าปีที่ผ่านมา หลายธนาคารไทยหันมาใช้งาน LINE มากขึ้น และในขณะที่แบรนด์ทั่วไปมักใช้ LINE แค่สื่อสารกับลูกค้า แต่กลุ่มธนาคารเป็นเซกเมนต์แรกที่ให้บริการ 'ง่ายๆ' บน LINE เลย ผลคือ LINE พบยอดเติบโตของการใช้งาน Digital Banking ผ่าน LINE API ตั้งแต่ปี 2562 มาจนถึงต้นปี 2564 ในรายเดือน (Monthly API Message) เพิ่มขึ้นถึง 80% การให้บริการ Digital Banking service ก้าวกระโดดมากขึ้นถึง 2.8 เท่า แปลว่ามีผู้เข้ามาใช้งานบริการการเงินจริงจังบน LINE ไม่ใช่แค่รับข่าวสารเท่านั้น

ตัวอย่างน่าสนใจคือ ธนาคารกสิกรไทยเปิดให้ผู้ใช้ LINE เปลี่ยนวงเงินบัตรโดยไม่ต้องไปที่สาขา สามารถยืนยันตัวตนได้โดยไม่ต้องโทรศัพท์ติดต่อเจ้าหน้าที่ ขณะที่ธนาคารกรุงไทยเปิดให้เช็คยอดเงินในบัญชีได้เลย ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยาก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดให้เลือกวางแผนการลงทุนและซื้อกองทุนได้บน LINE เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ที่เป็นเจ้าแรกซึ่งใช้ API ของ LINE ยังมี ธกส. ที่ตรวจผลสลากผ่าน LINE ได้เลย

'ในขณะที่ทั่วโลกพบว่าประชากรไทยใช้ mobile banking มากที่สุดในโลก ปีนี้เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน'

***ปี 65 ขอเป็นส่วนเสริม

จาก Mass adapter enabler บทบาทของ LINE จะถูกเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมเพื่อให้ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น โดย LINE มองว่าจะรองรับทั้งส่วนเวิร์กฟอร์มโฮม การประชุมออนไลน์ และการรับวัคซีน

นรสิทธิ์อธิบายว่าการแพร่ระบาดทำให้เกิดวิกฤตจริง แต่ก็มีโอกาสแฝงอยู่ เบื้องต้นพบว่าแบรนด์หรูที่เป็น luxury segment ซึ่งมีมานานแต่ไม่ได้เร่งการขายบนออนไลน์มาก เพราะสินค้ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่ลูกค้ามักไปซื้อที่ต่างประเทศหรือร้าน duty free แต่เมื่อการท่องเที่ยวหยุดชะงัก แบรนด์กลุ่มนี้จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะขายบนออนไลน์ โดยตั้งแต่ปี 62 พบว่าใน luxury segment มี LINE OA เพิ่มขึ้น 60% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องสำอาง รองลงมาเป็นแฟชั่น และกลุ่มยานยนต์

'จุดที่น่าแปลกใจ คือก่อนนี้กลุ่ม luxury ยังไม่กล้าลองขายออนไลน์ แต่ตอนนี้ทุกแบรนด์มี LINE OA กันหมด ตรงนี้ไทยถือเป็นประเทศแรกที่มีการขายสินค้ากลุ่มนี้ผ่านแชต ที่น่าสนใจคือคนไทยแชตเพื่อซื้อสินค้า luxury จริงจัง พบว่าคนไทยมากกว่า 8 แสนคนเป็นเพื่อนผู้ติดตามแบรนด์เครื่องสำอาง ขณะที่ 2 แสนคนเป็นเพื่อนกับค่ายรถ และ 9 หมื่นคนเป็นเพื่อนกับแบรนด์แฟชั่นหรูอย่างชาแนลและดิออร์ จำนวนการแชตแบบ 1 ต่อ 1 มีมากกว่า 5,000 แชตต่อวัน เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์'

ธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ถึงปีหน้า LINE ตั้งเป้าผลักดัน 2 กลุ่มนี้เพื่อสนับสนุน GDP ไทยให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤต
ธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ถึงปีหน้า LINE ตั้งเป้าผลักดัน 2 กลุ่มนี้เพื่อสนับสนุน GDP ไทยให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤต

ในภาพรวม LINE ย้ำว่าต้องการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยผ่านการระบาดไปได้ และสามารถปรับตัวเรียนรู้เพื่อแข่งขันได้บนเวทีโลกในช่วงหลังโควิด-19 ปัญหาคือขณะนี้ไทยกำลังอยู่ในวิกฤตสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดโลกในหลายด้าน

'ขณะนี้ไทยต้องรู้ตัวและปรับตัวเอง ศักยภาพคนไทยมีมาก SME ไทยก็ไม่ธรรมดา มีการใช้เทคโนโลยีปรับตัวดีกว่าหลายประเทศ แต่ไทยก็ยังต้องทำหลายเรื่องในปีนี้'

ผู้บริหารย้ำว่า SME ไทยเป็นส่วนสำคัญเพราะเป็นเซกเมนต์ที่มีผลกับ GDP ไทยสูงมากคิดเป็นสัดส่วน 45% ในกลุ่มนี้ LINE พบว่ากลุ่มธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงวิกฤตโควิด-19 คือ ธุรกิจอาหาร ซึ่งส่งผลต่อ GDP ลดลงถึง 37% รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่ง และค้าปลีก ในอัตราส่วนที่ลดลง 21% และ 3.7% ตามลำดับ

ท่ามกลางวิกฤตนี้ LINE พบว่าอัตราการเติบโตของ LINE OA โดยธุรกิจกลุ่มร้านอาหารมีอัตราการเปิดใช้งาน LINE OA เพิ่มขึ้น (YoY) สูงสุดถึง 212% รองลงมาคือธุรกิจกลุ่มค้าปลีกที่ 191% ดังนั้น LINE จึงเน้นเรื่องการเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้
'LINE มีวิศวกรไทย 100% ไม่มีคนต่างชาติ ทุกคนพัฒนาโซลูชันจากสิ่งที่คนไทยต้องการ วันนี้ LINE มองเห็นว่าอุตสาหกรรมที่เดือดร้อนมากที่สุดคืออาหาร จึงพัฒนาเป็นบริการที่ตอบโจทย์เมืองไทยโดยเฉพาะ'

ตัวอย่างบริการสำหรับประเทศไทยคือ LINE MyShop ซึ่งผู้บริหารการันตีว่าเป็นบริการที่เปิดให้คนไทยสามารถเปิดหน้าร้านออนไลน์ได้ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับค่ายโซเชียลมีเดียอื่น เช่นเดียวกับ MyRestaurant ที่ง่ายและมีการปรับเปลี่ยนตลอดเพื่อให้ธุรกิจก้าวทัน จุดนี้เป็นผลจากความร่วมมือกับ 'LINE วงใน' ที่เปิดการสื่อสารให้ลูกค้าและร้านติดต่อกันได้ง่ายขึ้น และลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปหารายการอาหารในแอป LINE MAN แก้ปัญหาค้นร้านไม่พบ ซึ่งไทยมีร้านอาหารจำนวนมากติดอันดับโลก
'การที่ร้านอาหารสามารถเปิดขายผ่าน LINE OA จะทำให้สามารถบอกต่อลูกค้าย่านใกล้เคียง สามารถนำ LINE OA ไปเผยแพร่เพื่อให้คนในชุมชนได้รู้ ซึ่งง่ายกว่าในการเข้าไปหาใน LINE MAN'

นอกเหนือจากนี้ ผู้บริหารมองว่าการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยมีหลากหลาย แต่การใช้ดิจิทัลที่มีมูลค่ากลับไปที่ GDP ของประเทศไทยนั้นยังมีไม่มาก จุดนี้ LINE จึงวางบทบาทว่าต้องให้ความรู้ ให้ร้านทราบว่าไม่ใช่แค่การให้ความสำคัญกับความสะอาดหรืออร่อย แต่แท้จริงแล้ว จะต้องใช้ข้อมูล

'การจัดการร้านที่ดีควรให้ความสำคัญเรื่องการจัดการเวลา ต้นทุน และสินค้าคงคลัง จุดนี้หลายร้านในเมืองไทยยังไม่รู้ LINE จึงหวังว่าจะเพิ่มช่องทางเพื่อให้ร้านค้าสามารถคลิกอ่านเพิ่มความรู้ว่าการจัดการร้านแบบครบวงจรด้วยข้อมูลในระดับสากลนั้นเป็นอย่างไร หากทำได้สิ่งนี้จะกระทบไปที่ GDP' นรสิทธิ์ระบุ 'ไม่ใช่แค่ว่า คนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่เรายังพัฒนาได้อีกมากในเรื่องของเศรษฐกิจ เราอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า จะใช้บริการนี้ได้อย่างไร'

LINE มีแผนจะเน้นที่ผู้ค้าที่เป็นแบรนด์ เหตุผลคือร้านค้ากลุ่มที่อยู่ในประเภท 'ซื้อมาขายไป' เป็นธุรกิจที่ไม่มีผลต่อ GDP มากนัก เนื่องจากจะต้องซื้อสินค้าราคาต่ำกว่า เพื่อนำมาขายในราคาสูง ทำให้เกิดภาวะที่สินค้าเหมือนกันต้องตัดราคากัน สุดท้ายลูกค้าก็ต้องหาสินค้าที่ถูกกว่าแม้จะคุณภาพไม่เท่ากัน

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว กลุ่มองค์กรที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศไทย คือ กลุ่มบริการสาธารณะต่างๆ Public sector เหล่านี้ใช้ LINE OA ในอัตราเติบโต 30% สถิติชี้ว่ามีผู้ติดตามหน่วยงานอย่างการไฟฟ้านครหลวงจำนวนมากเกิน 1.7 ล้านคน

เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์
เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์

ที่สุดแล้ว นรสิทธิ์ไม่มองว่าการเน้นที่อาหารและค้าปลีกจะเป็นนโยบายเดิมที่ทำให้ LINE ย่ำอยู่กับที่ เพราะธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ LINE จึงคิดว่า 2 กลุ่มธุรกิจนี้แม้จะไม่ใช่กลุ่มเซกเมนต์ใหม่ แต่ยังคงมีน้ำหนักความสำคัญต่อภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่มาก การผลักดัน 2 กลุ่มนี้จึงเป็นการผลักดันและสนับสนุน GDP ให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤตนี้

'สิ่งที่จะมาเปลี่ยนการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายด้านของคนไทยให้มีผลต่อ GDP คือการแก้ปัญหาผู้ประกอบการที่วันนี้ไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอ หลายคนเข้าใจว่าแค่โพสต์-เปิดร้าน หรือซื้อโฆษณาก็สามารถทำ e-commerce ได้แล้ว หลายคนบ่นว่าทำไมขายไม่ได้ แต่วันนี้ LINE มีการพูดคุยมากขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นไกด์ไลน์ให้คนไทย ผู้ประกอบการไทยมีข้อมูล และมีมุมมองการใช้ออนไลน์ให้ประสิทธิภาพกับธุรกิจ และธุรกิจมีกำไรมากขึ้น จุดนี้จะสำคัญมากกว่า GDP และจะสู้กับสินค้าระดับโลกได้'

ปัญหานี้ถือว่าสำคัญ นรสิทธิ์อธิบายว่าเพราะขณะนี้ทุกคนสามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้เลยโดยตรง ไม่ต้องผ่านคนไทย มีเพียงกำแพงภาษีที่กั้นไว้ จุดนี้คนไทยจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือและได้รับการผลักดัน แม้จะยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนักในปี 65 เนื่องจากวิกฤติกำลังซื้อไทยหดตัว อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบทั้งหมด

'สิ่งที่หวังว่าจะเกิดในปีนี้คือ การเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจ และเห็นเทรนด์ที่มากพอ ให้ธุรกิจเข้ามาร่วมกัน ประสานกันเป็นองค์รวม จะได้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น'

แน่นอนว่าผลดีจะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย ในขณะที่หลายธุรกิจติดลบ สถิติรายได้ของ LINE Corp. ย้อนหลัง 5 ไตรมาสถือว่าน่าประทับใจ ด้วยอายุ 10 ขวบ ปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งานมากกว่า 186 ล้านคนต่อเดือนทั่วโลก (สถิติธันวาคม 2020)

ในภาพรวม LINE Corp. ทำรายได้รวม 62,900 ล้านเยน (18,861 ล้านบาท) ในไตรมาส 3 ปี 63 เพิ่มขึ้นเกิน 12.4% รายได้จากธุรกิจหลักมาจากการแสดงโฆษณาผ่านบริการบนแอปโดยเฉพาะ LINE OA และ Sponsored Stickers รวมถึงการโฆษณาบน LINE Part Time Job ขณะที่รายได้จากธุรกิจสื่อสารมาจากธุรกิจสติกเกอร์ และธุรกิจคอนเทนต์มีแหล่งรายได้สำคัญคือบริการ LINE Game

ไฮไลท์ของ LINE ยังอยู่ที่รายได้ในธุรกิจเสริม หรือที่ LINE เรียกเป็นธุรกิจกลยุทธ์ (strategy) ธุรกิจนี้ประกอบด้วยบริการฟินเทคเช่น LINE Pay รวมถึงบริการ AI, LINE Friends และ e-commerce ธุรกิจส่วนนี้เองที่มีอัตราเติบโตเป็นเลข 2 หลักทุกปี สวนทางกับธุรกิจหลักที่เติบโต 1 หลักเท่านั้น

LINE มองไกลแล้ว ขอให้คนไทย (และ GDP ไทย) ไปได้ไกลด้วยเช่นกัน.
#3056


มาเก๊าสั่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในประชากรทั้งหมด 600,000 คน หลังพบผู้ติดเชื้อยืนยันรวม 4 รายเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.)

หนังสือพิมพ์ The Standard ของฮ่องกงรายงานว่า ทางการมาเก๊าพบสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน 4 คนติดโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเชื้ออาจจะแพร่ออกสู่ชุมชน

ก่อนหน้านั้น หน่วยงานด้านสาธารณสุขเมืองจูไห่ (Zhuhai) ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานสาธารณสุขของมาเก๊า ว่า มีชาวมาเก๊า 2 คนเข้ารับการตรวจเชื้อที่เมืองแห่งนี้ และผลออกมาเป็นบวก

สามีภรรยาคู่นี้ได้เดินทางกลับไปยังมาเก๊าแล้วตอนที่มีการแจ้งเตือน และได้ถูกส่งตัวไปตรวจและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาบุตร 2 คนของทั้งคู่ก็ได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19 ด้วย

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในมาเก๊ารายงานว่า มีการล็อกดาวน์อาคารที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับโรงพยาบาล Kiang Wu Hospital เมื่อวันอังคาร (3 ส.ค.)

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ทางการมาเก๊าได้ตั้งสถานีตรวจกรดนิวคลิอิกขึ้น 41 แห่งทั่วเมือง ซึ่งจะทำการตรวจเชื้ออย่างต่อเนื่องไม่หยุดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน โดยประชาชนสามารถเข้ารับการตรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า

ตามข้อมูลจากฝ่ายบริหารฮ่องกง มาเก๊ามียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมเพียง 59 ราย และยังไม่มีผู้เสียชีวิตเลย

ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารฮ่องกงได้ประกาศถอดมาเก๊าออกจากรายชื่อสถานที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางกลับเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องกักตัว ทำให้ตอนนี้บัญชี 'Return2HK' เหลือเพียงสถานที่ต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น

ที่มา : รอยเตอร์, The Standard (HK)
#3057












ขายที่ดิน ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เอกสารสิทธิ์ตามหน้าโฉนดครุฑแดง 
เนื้อที่ 5 ไร่ ขายไร่ละ 800,000 บาท  ขายรวม 4 ลบ.
สามารถแบ่งขายได้  ที่ดินอยู่ใกล้สถานที่สำคัยมากมาย 
แปลงนี้ข้อดี จุดน่าสนใจ บรรยากาศดี วิวดี 
ได้วิวธรรมชาติ พื้นที่สวยอากาศดีโล่งโปร่งสบาย เหมาะแก่การทำการเกษตร
เกษตรสวนผสม หรือสร้างบ้านหรือที่พักอาศัยได้ 
อยู่ใกล้โรงเรียนวืทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ใกล้สำนักงานโภชนาจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย
ใกล้ถนนสำคัญหลายสาย ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจที่ดินทำเล ไม่ไกลกรุงเทพ 
การคมนาคมสะดวกสบาย บรรยากาศธรรมชาติ เหมาะแก่การลงทุน
หรือซื้อไว้ทำที่อยู่อาศัย ทำการเกษตรก็ได้ บรรยากาศสดชื่น ดูร่มรื่น น่าอยู่ น่าอาศัย 
ทำเลดีมาก วิวสวย บรรยากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์ ใกล้ถนนทางหลวงชนบท
ไปเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญ อื่น ๆ ได้อีกหลายสาย ทำให้สะดวกสบายในก ารเดินทาง เข้า-ออก 
ใกล้โรงเรียน ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้มีบุตรยังอยู่ในวัยกำลังเรียน ทั้งยังอยู่ใกล้กับเมืองปทุมธานี 
ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งๆ ขึ้นในการเดินทางสัญจร 
เหมาะกับผู้ที่หาที่ดิน ทำเลสไตล์ ค่าใช้จ่ายวันโอนคนละครึ่ง

โทร 083-712-4115
Line id : 0837124115

ปักหมุด
ใกล้ ตำบล สิงหนาท อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://maps.app.goo.gl/TYZRf2azZMHC1Dds5

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122524909845052&id=100062626307647
 
#3058


นางสาวพรวิสาข์ มังกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต (INETREIT) เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหน่วยทรัสต์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 9สิงหาคมนี้ หลังจากที่ปิดการเสนอขายหน่วยทรัสต์แก่นักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน แม้อยู่ในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ความสำเร็จในการเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของ INETREIT กองทรัสต์กองแรกที่เข้าลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมกับยุคดิจิทัล โดยเชื่อว่าการที่กองทรัสต์ INETREIT เข้าลงทุนในโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลที่มีความทันสมัยระดับโลก อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ที่จะเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติต่างๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร 24 ชั่วโมง สามารถเชื่อมต่อกับโครงการ INET-IDC 1 และ INET-IDC 2 อย่างสมบูรณ์แบบ จะได้รับประโยชน์จากความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลและเพิ่มขึ้นทุกวันไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง

​"บริษัทฯ ต้องขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นและตอบรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของ INETREIT ที่ดีมาก แม้สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยต่างๆ เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน กองทรัสต์ INETREIT จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและจัดเก็บข้อมูลสู่ดิจิทัล (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น) ของภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 ที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในระบบคลาวด์"  

ทั้งนี้ โครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี มีลูกค้าภาครัฐและเอกชนใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และเป็นส่วนหนึ่งของการดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กร แสดงถึงความต้องการใช้งานระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   โดยINETREIT ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับในปีแรก ตามประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ตามงบกำไรขาดทุนตามสมมติฐานอยู่ที่ 8.96% สำหรับช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565


นางสาวพรวิภา ตั้งตรงจิตร ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนสำหรับกระแสการตอบรับที่ดีที่ผ่านมา การลงทุนในกองทรัสต์เป็นการถือสินทรัพย์ทางเลือกที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มั่นคงในระยะยาว

นายอภิชาติ เนตรจรัสแสง ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า กองทรัสต์ INETREIT เป็นทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวจากเงินปันผล โดยการเข้าลงทุนครั้งแรกของกองทรัสต์ INETREIT มีมูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท โดยมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์ 330 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่า 3,300 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาว 1,000 ล้านบาท INETREIT มีจุดเด่นเป็นกองทรัสต์ ที่ลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ในประเทศไทยกองแรก ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่จะได้รับประโยชน์การความต้องการจัดเก็บข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และทรัพย์สินที่เข้าลงทุนยังอยู่ในสภาพที่ดี

ทั้งนี้ กองทรัสต์ INETREIT มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อรอบปีบัญชี ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว และยังมีโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยได้รับสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) ในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 เฟส 3 และ เฟส 4 และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลอื่นๆของ INET ในอนาคต
#3059
บริษัท วีไซนแลบ จำกัด ผู้ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง ป้ายอักษร กล่องไฟ LED 

บริการงานป้ายโฆษณา ป้ายไฟโลหะ ทุกประเภท พร้อมตกแต่งอาคาร 

 ป้ายไฟ, อักษรโลหะ, ป้ายโลหะ, ป้ายกล่องไฟ, นีออนเฟล็ก, นีออนดัด, ป้ายอาคาร, ป้ายร้านอาหาร, ป้ายบริษัท, ป้ายโรงงาน, ป้ายโครงการ, ป้ายทาวเวอร์, รับทำกล่องไฟ, รับทำป้ายไฟ, ป้ายไฟตามแบบ, ป้าย, LED, ตกแต่งอาคาร, ป้ายหน้าตึก, ป้ายยอดตึก

ติดต่อ 
Tel :: 095-401-4848 
Line: @wesignlab 
web :: wesignlab.co.th
FB:wesignlab


Tags :: ป้ายไฟ , อักษรโลหะ , ตกแต่งอาคาร  ,  ป้ายกล่องไฟ














#3060


เมื่อเร็วๆนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ องค์กรที่มุ่งมั่นและสนับสนุนการสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงโลกสู่ความยั่งยืนได้ส่ง 20 ตัวแทนเยาวชนและคนรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจในเครือฯ เข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติ One Young World Summit 2021 ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างวันที่ 22-25 กรกฎาคม 2564 ณ Olympic Hall  เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

โดยปีนี้จากสถานการณ์โควิด-19 ได้ปรับรูปแบบเป็นการจัดประชุมเสมือนจริงผ่านทางออนไลน์ (Virtual Summit) และถ่ายทอดสดจากกรุงมิวนิคเพื่อออนไลน์ไปยังผู้เข้าร่วมทั่วโลก ซึ่งบรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีตัวแทนเยาวชนและผู้นำคนรุ่นใหม่กว่า 1,700 คน จาก 170 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมเพื่อแสวงหาความร่วมมือและแนวทางแก้ปัญหาสำคัญต่าง ๆ ของโลกเพื่อนำไปสู่โลกที่ยั่งยืนในทุกมิติ

เครือซีพีตระหนักถึงการส่งเสริมและสร้างบทบาทผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทยที่จะขึ้นมาเป็น "The Change Maker" หรือผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้แก่สังคมและประเทศชาติ เพื่อเป็นพลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยในงานมี นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีประเทศเยอรมนี ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน นายดีเทอร์ เรเทอร์ นายกเทศมนตรีเมืองมิวนิค พร้อมด้วย นางเคท โรเบิร์ตสัน และ นายเดวิด โจนส์ สองผู้ก่อตั้ง One Young World Summit ร่วมกล่าวเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ 


นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า การจัดประชุม One Young World Summit ได้รวมเหล่าผู้นำคนรุ่นใหม่และเยาวชนที่มีศักยภาพจากประเทศต่างๆทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่ออภิปรายแลกเปลี่ยนมุมมองสำคัญในแต่ละหัวข้อสำคัญของโลกที่ครอบคลุมในทุกมิติตั้งแต่การปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม การศึกษา เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การขจัดความยากจน เป็นต้น

สำหรับปีนี้ถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าของเมืองมิวนิคที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่จะทำให้มองประเด็นปัญหาของโลกที่เกิดขึ้นผ่านสายตาของคนรุ่นใหม่ และเป็นรากฐานสำคัญในการหารือแนวทางแก้ปัญหาโลกได้อย่างตรงจุด และนำไปสู่การเตรียมความพร้อมที่จะรับมือต่อปัญหาที่เป็นวิกฤตเร่งด่วน

ทั้งยังเป็นเวทีที่ได้รวมคนรุ่นใหม่อย่างพร้อมเพรียงเพื่อให้เราตระหนักว่า เราจะสามารถเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกไปด้วยกันได้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ทั่วโลกตกอยู่ในภาวะวิกฤตเสียขวัญมาเป็นเวลากว่า 1 ปีครึ่ง งานประชุมนี้จึงถือเป็นทั้งโอกาสและความคืบหน้าที่ดีขึ้นของโลกใบนี้ที่แม้การจัดประชุมอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากจากวิกฤตโควิด-19 แต่เชื่อมั่นว่าจะจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราทุกคน

สำหรับการประชุม One Young World 2021 ได้วางประเด็นหารือแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตสำคัญของโลกไว้ด้วยกัน 6 ประเด็น คือ 

1.การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Crisis)

2.การศึกษา (Education) 

3.สิทธิและเสรีภาพ (Rights & Freedom)

4.การแก้ปัญหาความขัดแย้ง (Conflict Resolution)

5.การพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต (Future Economies) 

6.บทเรียนจากโรคระบาด (Lessons from The Pandemic)

พร้อมกันนี้ยังได้เชิญตัวแทนผู้นำ ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกมาร่วมปาฐกถาพิเศษเพื่อจุดประกายการเป็นผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่ด้วย อาทิ ศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ยูนุส นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้ริเริ่มแนวคิดธุรกิจเพื่อสังคม นายโรแลนด์ บุช ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซีเมนส์ เอจี เยอรมนี นายโธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี (IOC) เซอร์บ๊อบ เกลดอฟ  ศิลปินและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดังในประเด็นการต่อต้านความยากจนในแอฟริกา ศาสตราจารย์ โชชาน่า ซูบอฟ (Professor Shoshana Zuboff) นักวิชาการชื่อดังด้านสิทธิและเสรีภาพ และนางแองเจล่า หวัง (Angela Hwang) สมาชิกของทีมผู้บริหารของไฟเซอร์และประธานกลุ่มของกลุ่มบริษัท ชีวเภสัชภัณฑ์ของไฟเซอร์ เป็นต้น


นายดีเทอร์ เรเทอร์ นายกเทศมนตรีมิวนิค กล่าวเปิดงานว่า หัวใจสำคัญของการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ระดับโลกครั้งนี้  คือ 'Pacmaso' หรือ การลงมือทำ การร่วมแรงร่วมใจเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน โดยการรวมตัวกันของตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่จากทั่วโลกครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ผนึกกำลัง ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองต่อประเด็นสำคัญทางสังคมถึง 6 ประเด็นที่ต้องใช้พลังคนรุ่นใหม่มาร่วมแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้

นางเคท โรเบิร์ตสัน และ นายเดวิด โจนส์ สองผู้ก่อตั้งเวทีการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ ได้กล่าวต้อนรับเหล่าตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่และพูดถึงบทบาทของเวทีนี้ว่าจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนและสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่จะก้าวออกไปเป็นผู้ร่วมเปลี่ยนแปลงโลก และมุ่งหวังว่าจะได้จุดประกายให้เกิดหนทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ  ผ่านกิจกรรมและโครงการที่ผู้นำเยาวชนของแต่ละประเทศจะร่วมกันขับเคลื่อนต่อไปเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ร่วมผนึกมุมมองที่แตกต่างทางความคิดเพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในโลกใบนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าความหลากหลาย คือ จุดแข็งของโลกยุคใหม่


ด้านตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่จากเครือซีพี ได้แสดงทัศนะต่อประเด็นท้าทายสำคัญของโลก

น.ส.จารุพร สุขเกษตร ตัวแทนจากกลุ่มเจียไต๋  ธุรกิจในเครือซีพี ซึ่งสนใจประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  กล่าวว่า สังคมหันมาสนใจปัญหานี้มากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการแก้ไขอย่างทั่วถึง ในฐานะที่ทำงานอยู่ในแวดวงเกษตรโดยตรง ทำให้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างชัดเจนทั้งจากปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรและผลผลิต ต่อเนื่องไปจนถึงความมั่นคงทางอาหาร

ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสร้างความตระหนักรู้และเร่งแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วให้มีประสิทธิภาพ เช่น การนำแนวคิดเกษตรแม่นยำเข้ามาช่วยพัฒนาขั้นตอนการผลิต รวมไปถึงการพัฒนาสายพันธุ์พืชที่ทนต่อความเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ สภาพอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก จึงอยากเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่จะสร้างความตระหนักรู้โดยเชื่อว่าจะต้องเริ่มต้นจากตัวเราในการลงมือทำแก้ไขปัญหาและจุดประกายให้คนอื่นร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้

นายชยพัทธ์ ปทุมนากุล จากกลุ่มทรู ในเครือซีพี กล่าวถึงประเด็นด้านการศึกษาว่า การศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสังคม เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกคนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ สิ่งที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาระบบการศึกษาให้เข้าถึงทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล โดยจะต้องมีการเสริมทักษะ upskills และ reskills ทางด้านดิจิทัลให้กับเยาวชนเพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงการศึกษาในยุค 4.0

สำหรับการประชุม One Young World Summit 2021 ในปีนี้ได้สรุปปิดการประชุมด้วยการตอกย้ำความสำคัญในเรื่อง "ความหลากหลายทางความคิด" ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันสังคมให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต โดยต้องสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้ได้แสดงบทบาทความเป็นผู้นำ ตลอดจนพัฒนาทักษะองค์ความรู้ใหม่ๆขึ้นมารวมถึงการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดสิ่งเหล่านี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในอนาคตได้ สำหรับการประชุม One Young World Summit ในปี 2022 จะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น