• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#3121


นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผย ว่า  เดือนก.ค. 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 5,661 ราย ลดลง 0.11%  เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ก่อน  และลดลง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิ.ย. 2564  ที่มีจำนวน 6,093 รายหรือ ลดลง 7% โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 13,543.18 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร  

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,140 ราย เทียบกับมิ.ย.2564 เพิ่ม 9% และเทียบกับก.ค.2563 ลดลง 10% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 4,152.42 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
 

นายทศพล กล่าวว่า สำหรับยอดรวมธุรกิจตั้งใหม่ในช่วง 7 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 46,683 ราย เพิ่มขึ้น 20% ทุนจดทะเบียน 146,751.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ 6,070 ราย ลดลง 19% ทุนจดทะเบียน 34,611.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% 

สาเหตุที่ทำให้การจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ และจดทะเบียนเลิกธุรกิจเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น การหยุดการก่อสร้าง การงดรับประทานอาหารในร้านอาหาร และมาตรการล็อคดาวน์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2564  

โดยในส่วนของการการลดลงของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเดือนก.ค.นั้น พบว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในแต่ละภาคธุรกิจนั้น ส่วนใหญ่มีแนวโน้ม ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป ลดลง 56 ราย คิดเป็น 9% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 61 ราย คิดเป็น 20% และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร ลดลง 9 ราย คิดเป็น 4%  ซึ่งแนวโน้มที่ลดลงดังกล่าว เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย ในเดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งอยู่ที่ 41.4 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าถึง 10% ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อ ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบธุรกิจที่มีการชะลอตัวเพื่อติดตามสถานการณ์อยู่ในขณะนี้  

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่เริ่มลดลง และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศที่เพียงพอจะเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งการฟื้นตัวของการส่งออก และมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างการพิจารณา จะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง 
#3122


บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน ขัดขวางการซื้อหุ้นสโมสร ของเกราร์ด ปิเก้ ปราการหลังจอมเก๋าซึ่งเป็นลูกหม้อของสโมสร หลังก่อนหน้านี้นักเตะพยายามยื่นข้อเสนอเข้ามา ตามการรายงานจาก โครนิค่า โกล. สื่อในสเปน

กองหลังตัวเก่งชาวสแปนิช ถือเป็นผลผลิตจากแคมป์ลา มาเซีย ที๋ไปเติบโตกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายกลับมาคัมป์นู และช่วยทีมคว้าแชมป์มาครอบได้อย่างมากมาย

ก่อนหน้านี้สื่อในสเปนเคยออกมารายงานเผยว่า เกราร์ด ปิเก้ ในวัย 34 ปี เคยพยายามซื้อหุ้นจำนวน 49 เปอร์เซนต์ ของบาร์เซโลน่า เพื่อเข้ามาช่วยเหลือ และการจัดการด้านต่างๆ

นอกจากนี้เจ้าตัวจะได้รับสิทธิ์ในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์นวัตกรรม และอคาเดมีของสโมสร อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอโดนดังกล่าว โจเซป บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสร ปฏิเสธไป

ทั้งนี้ เกราร์ด ปิเก้ เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขามีเป้าหมายที่จะก้าวไปเป็นประธานสโมสรของทีมหลังจากที่แขวนสตั๊ดอีกด้วย
#3123


วันนี้ (24 ส.ค.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ผ่านระบบทางไกล หรือ Video Conference ณ ห้องปฎิบัติการนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมครม. จะมีวาระรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปริมาณเตียงคงเหลือ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มอัตราการติดเขื้อที่ลดลง การจัดการวัคซีน รวมไปถึงต้องจับตานายกรัฐมนตรีจะแก้ไขปัญหา ในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ โดยเฉพาะชุดตรวจเชื้อโควิด 19 Antigen Rapid Test Kit หรือ ATK ที่มีการสั่งการให้องค์การเภสัช หรือ อภ.จัดซื้อผ่านงบของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช.จำนวน 8.5 ล้านชิ้น หลังเกิดปัญหาร้องเรียนการจัดซื้อเครื่อง ATK ไม่ได้มาตรฐาน หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก

ขณะที่กระทรวงการคลัง จะเสนอพิจารณาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7 หลัง มติ ครม.วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 ซึ่งใกล้จะครบกำหนดวันสิ้นสุดแล้ว โดยจะขยายออกไปอีก 1 ปี

ขณะที่ครม.เตรียมพิจารณาอนุมัติงบการอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษา รวมไปถึงเสนอการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงเตรียมพิจารณาขอแก้ไขสัญญากู้จากองค์การการค้าความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น สำหรับโครงการ พัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถ ภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอชื่อ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แทน พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้
#3124


บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญชวนเยาวชนหัวใจสีเขียวที่กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ไม่จำกัดแผนการเรียน) ทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Power Green Camp) ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ "ECO Living & Learning – เปลี่ยนปรับสู่กรีนไลฟ์สไตล์ ตอบรับ New Normal" เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้แนวทางการใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในหัวข้อการเรียนรู้ที่หลากหลาย และสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนใช้เวลากับการทำกิจกรรมภายในบ้านมากขึ้น ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผสมผสานทั้งภาคทฤษฎี และการลงมือปฏิบัติจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งอุปกรณ์ชุดทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ค่ายฯ จัดส่งให้ถึงบ้าน เสริมสร้างพลังแห่งการเรียนรู้แบบไร้ขีดจำกัด

ภายใต้แนวคิดของค่ายฯ "วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม – เรียนรู้สู่การปฏิบัติ" เยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 40 คน จะได้เข้าร่วมโปรแกรมการเรียนรู้แบบออนไลน์ที่จัดขึ้นในช่วงวันหยุดและช่วงสุดสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 21 พฤศจิกายนนี้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การปูพื้นฐานนักวิทย์กับกิจกรรม Transformative Learning ฝึกฝนด้าน Soft Skill เช่น ความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ไขปัญหา พร้อมกับทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในค่ายฯ ก่อนร่วมกันเข้าสู่เส้นทางการเรียนรู้ สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ คือ การได้ลงมือทดลองปฏิบัติภายใต้ 3 หัวข้อ 1) การสำรวจคุณสมบัติของดินในบ้าน 2) การประดิษฐ์ถังดักไขมัน 3) การเปลี่ยนเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งแต่ละคนจะได้รับชุดการทดลองที่ได้มาตรฐานสามารถนำไปใช้งานได้จริงในครัวเรือนมูลค่ารวมคนละ 10,000 บาท ซึ่งค่ายฯ จัดเตรียมให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้เยาวชนยังได้ร่วมฝึกฝนทักษะการนำเสนอให้ชนะใจผู้ฟังที่สามารถนำไปปรับใช้กับการประกวดโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกิจกรรมปิดท้ายของค่ายฯ ที่เยาวชนจะได้จับกลุ่มกันนำความรู้ที่ได้รับทั้งหมดมาต่อยอดสร้างแนวคิดหรือไอเดียในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล พร้อมชิงทุนการศึกษารวมกว่า 100,000 บาท

เยาวชนที่สนใจเข้าร่วมค่ายฯ สามารถเข้าไปที่ www.powergreencamp.com เพื่อกรอกใบสมัครในรูปแบบออนไลน์ที่ต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมแนบลิงก์คลิปวิดีโอที่อัปโหลดบน YouTube (เผยแพร่แบบสาธารณะ) ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการแนะนำตัวเอง ความสนใจหรือประสบการณ์การทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และการนำเสนอแนวคิดและความเข้าใจเรื่อง "ECO Living" ภายในความยาวไม่เกิน 5 นาที โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2564 และประกาศผลการคัดเลือกในวันที่ 4 ตุลาคม 2564 โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่มีบ่อยๆ รีบสมัครกันเข้ามาเลย !

อ่านรายละเอียดการสมัครและหลักเกณฑ์การพิจารณาเพิ่มเติม พร้อมติดตามข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ของค่าย "เพาเวอร์กรีน" รุ่นที่ 16 ได้ที่ เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/powergreencamp เว็บไซต์: www.powergreencamp.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณสุภาวดี จำปาลา โทรศัพท์ : 061-629-5919 อีเมล : powergreencamp@hotmail.com

เกี่ยวกับค่าย "เพาเวอร์กรีน"
โครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม "เพาเวอร์กรีน" (Power Green Camp) ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2549 โดยความร่วมมือระหว่างบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้แนวคิดที่ว่า "วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม - เรียนรู้สู่การปฏิบัติ" ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้แก่เยาวชน รวมทั้งส่งเสริมให้นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ สร้างแกนนำและเครือข่ายเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต

เกี่ยวกับบ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ดำเนิน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
#3125


มวยปล้ำ WWE เตรียมเปิดให้ชาวอเมริกันเชียร์ติดขอบสนามอีกครั้ง! กับศึก SmackDown และ RAW พร้อมชมการคืนสนามของ จอห์น ซีน่า ในรอบ 17 เดือน ชาวไทยดูสด ๆ ได้ทาง 3BB GIGATV

ภายหลังจากสถานการณ์โควิดในอเมริกาเริ่มคลี่คลาย สมาคมมวยปล้ำ WWE ได้ปรับให้มีการเปิดเข้าชมของแฟนมวยปล้ำอีกครั้ง ประเดิมเปิดเวทีกับสองรายการสุดฮิตที่คอมวยปล้ำชื่นชอบ รายการ Smackdown และ RAW กับบรรยากาศแฟนมวยปล้ำลุ้นเต็มขอบสนามจริง ภายหลังที่ต้องชมผ่าน WWE Network มาเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง หลังสถานการณ์โควิดในอเมริกาดีขึ้น และเมื่อเปิดให้มีการจองบัตรที่นั่ง ปรากฏว่าบัตรเต็มในเวลาอันสั้น!!!

วินซ์ แม็กแมน (Vince McMahon) ประธานบริหารและ CEO สมาคม WWE เผยว่า "กว่าหนึ่งปีครึ่ง ที่ WWE ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดของโชว์ไป นั่นคือแฟนๆ ของเรา แม้ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ทั้งไม่เคยหยุดออกอากาศ ยืดหยัดสร้างสรรค์ผลิตรายการออกมาเสมอ ลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ซึ่งนำพาแฟนๆ เกือบล้านคนเข้ามาอยู่ในโชว์ของเราผ่านจอวิดีโอบอร์ด แต่มันก็ไม่เหมือนที่เคยเป็น ท่วงทำนองของเราขาดหายไปประสบการณ์ที่เราสัมผัสร่วมกัน อารมณ์ความรู้สึก ปฏิกิริยาของผู้ชมที่ทำให้ทุกการกระแทกและรอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นนั้นคุ้มค่า มันขาดหายไป พรุ่งนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป"

ทาง WWE ยังเอาใจแฟนมวยปล้ำ ด้วยการปรากฏตัวของ จอห์น ซีน่า (John Cena) ตำนานนักมวยปล้ำชื่อดัง อดีตแชมป์โลก 16 สมัย ซึ่งปัจจุบันผันตัวเป็นนักแสดงชื่อดังในฮอลลีวูด (เรื่อง Fast9) นี่คือการกลับมาคืนจอ WWE ครั้งแรกของซีน่า นับตั้งแต่ Firefly Fun House ใน WrestleMania 36 ซึ่งเป็นการอัดเทปในสถานที่ปิดไร้ผู้ชม แต่ครั้งนี้คือการกลับมาท่ามกลางผู้ชมในสนามครั้งแรกของเขา ในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่รายการ SmackDown กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ก่อน COVID-19 pandemic และนี่คือ เวที WWE ที่เปิดรับผู้ชมกลับมาคืนสนามเต็มความจุอีกครั้ง

ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ แฟนมวยปล้ำชาวไทย สามารถรับชมความสนุกเร้าใจกับความสนุกทุกคู่ เลือดสาดทุกแมตช์ เกรี้ยวกราดทุกช็อต ชั้นเชิงขั้นเทพแบบโหด-เลว-ดี ไม่มีสิ้นสุด ชมกันแบบเต็มอิ่มได้ลุ้นเหมือนได้นั่งเชียร์ที่ขอบสนามด้วยตัวเอง ทุกเช้าวันอังคาร จะได้ชมรายการ RAW เวลา 07.00 - 10.00 น. และ ทุกเช้าวันเสาร์ ชมรายการ SMACKDOWN เวลา 07.00 - 09.00 น. ที่ช่อง 3BB SPROTS ONE หมายเลข 401 ผ่านบริการ 3BB GIGATV สอบถามเพิ่มเติม โทร 1530
#3126


โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ขอเชิญคุณร่วมเฉลิมฉลอง "เทศกาลไหว้พระจันทร์" ปีนี้ ด้วยขนมไหว้พระจันทร์ หลากรส รังสรรค์โดยเชฟผู้สะสมประสบการณ์การในการทำขนมไหว้พระจันทร์แบบโฮมเมดมานาน โดยมีจุดเด่นของความอร่อย คือ เลือกใช้แต่วัตถุดิบที่สด สะอาด อีกทั้งยังทำใหม่ทุกวัน พร้อมให้คุณได้ลิ้มลอง สุดยอดความอร่อยไปกับไส้ต่างๆ อาทิ ไส้ที่ขายดีที่สุดอย่างทุเรียน เม็ดบัว โหงวยิ้ง พุทราผสมวอลนัท และคัสตาร์ด โดยบรรจุในแพคเกจที่หรูหราสวยงาม สามารถมอบเป็นของขวัญในเทศกาลพิเศษนี้



ในราคาชิ้นละ 208 บาท
แบบกล่อง 2 ชิ้น ราคากล่องละ 588 บาท
แบบกล่อง 4 ชิ้น ราคากล่องละ 988 บาท
แบบกล่องบรรจุขนมไหว้พระจันทร์ขนาดเล็กไส้คัสตาร์ด จำนวน 8 ชิ้น ราคา 888 บาท
แบบกล่องหนังดีไซน์พิเศษ บรรจุขนมไหว้พระจันทร์ จำนวน 8 ชิ้น ราคา 1,888 บาท



วางจำหน่ายที่ ห้องอาหารร่มไทร ระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม – 21 กันยายน 2564
วันที่ 2 – 21 กันยายน 2564 ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
วันที่ 7 – 21 กันยายน 2564 ณ ห้างสรรพสินค้า ดิเอ็มควอเทียร์ และ เดอะมอลล์บางแค
วันที่ 14 – 21 กันยายน 2564 ณ โครงการ สามย่าน มิตรทาวน์
หรือสั่งผ่านแอพ Robinhood https://bit.ly/BTTHBK_RobinhoodApp
URL
 12
 
#3127
ข้าวเพื่อสุขภาพสุรินทร์  ข้าวสุขภาพส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวกล้องมะลินิลอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




 ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)  ข้าวกล้องหอมมะลิเพื่อสุขภาพ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวปะกาอำปึลเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
2.  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3. ข้าวปะกาอำปึลเกษตรอินทรีย์
4. ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษสุรินทร์
5. กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์6.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 
 
#3128
 
 
 
 
ทำไมข้าวออร์แกนิคถึงแพง
ทำไม  ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด    (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ? ปลูกข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ  ข้าวปลอดสารพิษสุรินทร์ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา  ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของ ข้าวสุขภาพ สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูป ข้าวปลอดสารพิษ

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวออร์แกนิคส่งทั่วไทย
1.  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
3.  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวสุขภาพผสมหลายสายพันธุ์สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิก
6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค
7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคคือ


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 

 

 

 
 
#3129


กรุงเทพมหานคร, 17 สิงหาคม 2564 – จากภารกิจระดมทุนของโครงการ "ทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน" ที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลในสาขาวิชาชีพต่างๆ ซึ่งมีความตั้งใจในการบรรเทาทุกข์ให้พี่น้องคนไทย บนพื้นฐานความเชื่อว่า "ทุกๆครั้งที่ประเทศชาติเกิดทุกข์ภัย คนไทยจะต้องลุกขึ้นมาช่วยกัน" เกิดเป็นภาพของการช่วยเหลือสังคมที่ประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนภาคประชาชนที่ได้ประสานพลังน้ำใจผ่านการบริจาคให้กับโครงการเพื่อนำไปจัดหาเครื่องช่วยหายใจ ตลอดจนอุปกรณ์การแพทย์ที่ยังขาดแคลนเพื่อใช้ในการฝ่าวิกฤตโควิด-19 ซึ่งยังคงมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง



หนึ่งเดือนผ่านไปกับภารกิจ"เติมน้ำใจ ต่อลมหายใจ" ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมกันบริจาคเงินให้กับมูลนิธิหลักประกันสุขภาพไทย เพื่อสมทบทุนซื้อเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลน ด้วยพลังน้ำใจของผู้บริจาคทุกคน โครงการ "ทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน" สามารถดำเนินการจัดหาและส่งมอบเครื่องออกซิเจน ไฮ โฟลว์ 22 เครื่อง อีกทั้งยังได้จัดหาอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์(Powered Air Purifying Respirator หรือ PAPR) 27 เครื่อง ตลอดจนชุด PPE และหน้ากากอนามัย N95 ให้กับโรงพยาบาลต่างๆกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5.7 ล้านบาท โดยได้รับการอนุเคราะห์จากกองทัพอากาศ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ทางอากาศ เพื่อให้ทันต่อการใช้งานของโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้ในเวลาอันรวดเร็ว และสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย ที่ได้สนับสนุนการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ทางภาคพื้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกพลังน้ำใจของทุกท่านจะได้นำไปใช้จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อต่อลมหายใจให้กับทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างแท้จริง

นายเกรียงไกร ตั้งจิตรมณีศักดา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ได้กล่าวแสดงความรู้สึกเมื่อได้รับการจัดหาอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์ หรือ PAPR ว่า "โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ขอขอบคุณและอนุโมทนาในการบริจาคสนับสนุนโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ (ที่)โครงการทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน ที่ได้ส่งมอบอุปกรณ์หน้ากากความดันบวก (PAPR) จำนวน 3 เซต เพื่อนำไปใช้ในห้องผ่าตัด สำหรับแพทย์และพยาบาลช่วยผ่าตัด ที่ต้องผ่าตัดผู้ป่วยCovid-19 ซึ่งต้องใส่ชุด PPE ซ้อนด้วยชุดผ่าตัดหลายชั้นในห้องผ่าตัดที่ไม่มีการปรับอากาศเป็นเวลานาน อุปกรณ์ PAPR ช่วยให้ทีมผ่าตัดได้รับอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองด้วย HEPA และลมเย็นที่ส่งผ่านเข้ามาในชุด PPE ช่วยลดความร้อนและความอบอ้าวในชุดผ่าตัด ช่วยให้แพทย์และทีมสามารถผ่าตัดได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นครับ ขอบคุณและอนุโมทนาอีกครั้งสำหรับทุกท่านที่มีส่วนสนับสนุนโครงการทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกันครับ"



จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ภารกิจ"เติมน้ำใจ ต่อลมหายใจ" ของโครงการ "ทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน" จึงยังไม่จบสิ้น ยังมีผู้ป่วยอีกนับพัน บุคลากรทางการแพทย์อีกนับร้อยชีวิตที่ยังรอคอยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นเพื่อช่วยต่อลมหายใจให้พวกเขาสามารถฝ่าวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย



ผู้ที่สนใจร่วมบริจาคเงินสมทบทุนการจัดหาเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 สำหรับโรงพยาบาลทั่วประเทศ สามารถร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2564 โดยสามารถบริจาคได้สองช่องทางคือ

1. บริจาคผ่าน ทรูมันนี่ วอลเล็ท โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ เพียงสแกน QR Code ในภาพด้านบน หรือเข้าไปแอปพลิเคชันทรูมันนี่ แล้วเลือกเมนู บริจาค -> กดเลือกรายชื่อ "มูลนิธิหลักประกันสุขภาพไทย"

2. บริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ มูลนิธิหลักประกันสุขภาพไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เลขที่ 020198528890

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ "ทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน" เพิ่มเติม กรุณาติดต่อผ่านทาง Line OA: ทุกข์ภัยไทยช่วยกัน https://lin.ee/WLd3xpj หรือโทร 084-439-0105 และ 090-236-6515
#3130


นายนพพล โพธิ์ขี ผู้จัดการส่วนพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์ ผู้บริหารโครงการยานยนต์ไฟฟ้า บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาการให้บริการช่วยเหลือ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) เพื่อรองรับปริมาณรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้จากประสบการณ์ที่เป็นผู้ให้บริการทางยกระดับดอนเมือง ซึ่งเป็นทางหลวงสัมปทาน ที่ต้องคอยช่วยเหลือและให้บริการผู้ใช้ทางยกระดับมามากกว่า 30 ปี มีผู้ใช้บริการมากกว่า 1 แสนคันเป็นประจำทุกวัน โดยมีรถยนต์มาใช้บริการทางยกระดับหลายลักษณะ อาทิ รถยนต์ส่วนบุคคล รถบัสโดยสารสาธารณะ รถตู้ รถบรรทุกขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เป็นต้น

ดังนั้นหน่วยงานปฏิบัติการที่ให้บริการใกล้ชิดกับผู้ใช้ทางตลอดเวลา จึงมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีของรถยนต์จากการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากการที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมและกระตุ้นการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต


ตามนโยบายการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ เรามีนโยบาย 5 พ. ซึ่ง พ.ที่สำคัญนั้นก็มี พ. พัฒนาคน และ พ. พัฒนาเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองการให้บริการผู้ใช้ทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลง คนก็จะต้องมีการพัฒนาไปด้วย ซึ่งการเก็บข้อมูลมาระยะหนึ่ง

บริษัทพบว่ามีรายงานการเพิ่มขึ้นของปริมาณรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มาใช้บริการทางยกระดับดอนเมืองโทล์ลเวย์ และมีเหตุการณ์รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขัดข้องบนทางยกระดับของเรา ทำให้บริษัทฯ เริ่มวางแผนการให้บริการแก้ไขปัญหากับยานยนต์เหล่านั้นอย่างทันท่วงที เช่น แบตเตอรี่หมด เราจะช่วยเหลือผู้ใช้ทางอย่างไร การเคลื่อนย้ายยานพาหนะ ก็มีความแตกต่างกับรถยนต์สันดาปทั่วไป เนื่องจากตำแหน่งจัดวางเครื่องยนต์ก็แตกต่างกัน การตรวจสอบสภาพก่อนการช่วยเหลือ รวมถึงการให้บริการชาร์จไฟฟ้า รถแต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกัน

ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง ศึกษาและวางแผนเพื่อรองรับ โดยภาครัฐเองมีนโยบายสนับสนุนและกระตุ้นการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ตามห้างสรรพสินค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม หรือแม้แต่สถานีให้บริการน้ำมันก็มีสถานีชาร์จไฟฟ้า ดังนั้นในอนาคตอันใกล้ก็เป็นที่แน่นอนว่า บนทางด่วนนั้นจะมีรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งในปี 2562 ที่ผ่านมา

บริษัทฯ ก็ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายดังกล่าว โดยการมอบรางวัลสำหรับผู้ใช้ทางที่โชคดีในโครงการ Tollway Lucky Way "ใบเสร็จให้โชค" รางวัลที่ 1 เป็นการมอบรถยนต์ไฟฟ้า (รถยนต์ EV) ซึ่งก็เป็นการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศอีกด้วย" 

 นายนพพล กล่าวว่า  ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการศึกษาเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ได้ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการออกไอเดียสำหรับการพัฒนาการทำงานของตนเอง ผ่านโครงการ "พนักงานนักพัฒนา" ภายใต้โครงการ "I Love DMT" ที่ให้พนักงานเสนอโครงการพัฒนางานที่เกิดจากการปฏิบัติงานของตนเองซึ่งเรื่องการให้บริการช่วยเหลือรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์การทำงานจริง ควบคู่กับการศึกษาดูงานและเรียนรู้จากบริษัทฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้า นำมาผนวกเข้ากับประสบการณ์การทำงาน มาออกแบบโครงการ

จากผลการนำเสนอผลงานของพนักงาน ก็ได้ คู่มือการช่วยเหลือยานยนต์ไฟฟ้า การตรวจสภาพ การเคลื่อนย้ายยานยนต์ไฟฟ้า และอีกส่วนหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อร่วมกันให้บริการแก่รถยนต์ไฟฟ้า นั่นก็คือ การหาอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้า ทั้งในรูปแบบเคลื่อนที่ (Mobile Charging)

สำหรับชาร์จไฟฟ้าชั่วคราวแบบ Quick Charge และการเคลื่อนย้ายรถยนต์ไฟฟ้าไปยังสถานีชาร์จไฟฟ้า ที่ให้บริการโดยพันธมิตร อีกทั้งการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าของบริษัท สำหรับช่วยเหลือยานยนต์ไฟฟ้าต่อไป และองค์ความรู้เหล่านี้บริษัทฯ ก็จะใช้ในการวางแผนปฏิบัติการ และพัฒนาการให้บริการให้ดีขึ้นไป อีกทั้งสามารถต่อยอดไปเป็นผู้ให้บริการสำหรับทางด่วนสายอื่นๆ ในอนาคตที่ต้อง ดำเนินการในลักษณะนี้ต่อไปอย่างแน่นอน 
#3131


หนึ่งในโครงการสำคัญในเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) คือโครงการพัฒนา "สนามบินอู่ตะเภา" และ"เมืองการบินภาคตะวันออก" ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองการบินรวมทั้งเริ่มต้นลงทุนระบบเติมน้ำมันอากาศยาน

การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มีการวางแผนแม่บทฉบับสมบูรณ์แล้ว และหลังจากนี้จะเป็นการพัฒนาในแต่ละส่วน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานรองรับ โดยความคืบหน้า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่มีการรายงานต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 พบว่า

บริษัทอู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ซึ่งรับหน้าที่พัฒนาสนามบิน ได้จัดทำแผนแม่บทสนามบินฉบับสมบูรณ์เสร็จแล้ว และมีการจ้างผู้ออกแบบระดับโลก

กองทัพเรือ (ทร.) ที่รับหน้าที่พัฒนาสนามบินได้ออกแบบทางวิ่ง 2 เสร็จแล้ว และมีการปรับถมดินทางขับระยะที่ 1 คืบหน้า 80.53%

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ "อีสท์วอเตอร์" รับผิดชอบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้เตรียมก่อสร้างระบบประปาและบำบัดน้ำเสีย

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) รับผิดชอบวางแผนแม่บทการพัฒนาภายในสนามบินได้จัดทำแผนแม่บทศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) แผนแม่บทศูนย์บริการอุปกรณ์ภาคพื้น และแผนแม่บทศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรทักษะชั้นสูงด้านอุตสาหกรรมการบิน

บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่เคยมีแผนพัฒนา MRO ได้กันพื้นที่ให้การบินไทย 103 ไร่ หากต้องการลงทุนในอนาคต

ในขณะที่การวางระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ซึ่งผู้ได้รับคัดเลือก คือ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) ซึ่งร่วมทุนระหว่าง บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ "BAFS" ถือหุ้น 55% และ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ "OR" ถือหุ้น 45% ภายใต้ทุนจะทะเบียน 600 ล้านบาท

สกพอ.ได้ลงนามการเช่าพื้นที่ราชพัสดุเพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศยานกับบริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2564 โดยเป็นการเช่าพื้นที่บริเวณสนามบินอู่ตะเภา 17 ไร่ สัญญาเช่า 14 ปี

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานพิธีลงนามครั้งนี้ โดยระบุว่า โครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คืบหน้าเป็นลำดับแต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้โครงการที่เกี่ยวข้องกับการบิน 3 โครงการ สะดุดบ้าง แต่มั่นใจว่าเมื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้ และมีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นจะทำให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการบินในสนามบินอู่ตะเภาคืบหน้า โดยการลงทุนระบบการเติมเชื้อเพลิงอากาศยานที่เป็นการเตรียมความพร้อมสำคัญที่จะเดินหน้าโครงการต่างๆ ในอีอีซี โดยเฉพาะการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานภายในสนามบินเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญของสนามบิน

คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ.กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดย สกพอ.ร่วมกับกองทัพเรือคัดเลือกเอกชนพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่ง GAA มีประสบการณ์มานานและเชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่จากภาคเอกชน อีกทั้งลดภาระงบประมาณและบุคลากรภาครัฐ และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ทำธุรกิจมากขึ้น


หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานกรรมการ GAA กล่าวว่า การเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุน โดยโครงการมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรก 2,237 ล้านบาท ซึ่ง GAA จะเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ส่งเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรองรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของสนามบินอู่ตะเภา ในปี 2568 และการเติบโตของอีอีซีตามนโยบายการพัฒนาประเทศ

รวมทั้ง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม ด้วยความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการและการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและธุรกิจด้านพลังงาน มามากกว่า 30 ปี โดย BAFS และ OR จะสนับสนุนให้ GAA มีศักยภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การบริหารจัดการและการให้บริการณสนามบินอู่ตะเภามีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการค้าน้ำมันเสรีแบบ Open Access ดูแลระบบท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอด

ประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS กล่าวว่า "BAFS" เป็นผู้นำในด้านการให้บริการระบบเติมน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจรของประเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทน้ำมันและสายการบินจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมการบินของประเทศ โดยการจัดตั้ง GAA จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และเป็นก้าวสำคัญในการรองรับการเติบโตของโครงการในอีอีซีและประเทศไทยต่อไปในอนาคต

จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า OR ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเป็นผู้นำด้านพลังงาน OR ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา สอดคล้องเป้าหมายยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานานชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3
#3132
 ข้าวหอมสุรินทร์  ข้าวออร์แกนิคส่งทั่วไทย   ข้าวกล้องออร์แกนิค[/url] หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวปลอดสาร   นโยบายส่งเสริมการผลิตข้าวปลอดสาร   ทำไมต้องเป็นข้าวปลอดสาร  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
 
การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค ( นโยบายส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( การปลูกข้าวออร์แกนิค
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  การทำนาข้าวออร์แกนิค
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  ตลาดข้าวออร์แกนิค

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน
 

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ส่งออกข้าวอินทรีย์

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique วิธีปลูกข้าวอินทรีย์  

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 

 
 
#3133


โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ของ ไร่รวมใจ เกิดจากความต้องการที่จะทำประโยชน์คืนกลับสู่สังคมผ่านจุดแข็งของแบรนด์ 'ใส่ใจ' นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ไม่ใส่สารเคมี ปราศจากสารปรุงแต่ง 100% เพื่อสุขภาพที่ดี

เดิมที ไร่รวมใจ มีโครงการช่วยเหลือสังคมทุกปี อย่างเช่นในปีพ.ศ. 2563  มีการทำกิจกรรมโยคะสุริยนมัสการ 108 รอบ หรือ 'โยคะมาราธอน' ผ่านการไลฟ์ทางเฟซบุ๊ก ในกิจกรรมนี้ผู้บริจาคเงิน เพื่อซื้อข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจ หากซื้อได้ 10 กิโลกรัม ทาง 'ไร่รวมใจ' จะสมทบข้าวกล้องออร์แกนิคอีก 10 กิโลกรัม มอบให้กับ 'สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี' เพื่อใช้ในกิจการบ้านพักของสตรีที่ถูกข่มเหงซึ่งอยู่ในความดูแลของสมาคมฯ มาปีนี้โควิดเกิดการระบาดระลอกสาม พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านอุปกรณ์การแพทย์ ก็ยังมีเรื่อง 'อาหาร' ที่ไม่ควรมองข้าม พัชร์ เคียงศิริ ผู้บุกเบิก 'ไร่รวมใจ' และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่รวมใจ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ถึงที่มาของการริเริ่มโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' สนับสนุนอาหารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเริ่มต้นที่โรงพยาบาลรามาธิบดี


พัชร์ เคียงศิริ กับโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด'

"เราในฐานะบุคคลทั่วไปไม่เคยสนใจว่าหมอและพยาบาลกินข้าวยังไง แต่หมอและพยาบาลก็เหมือนคนทำงานออฟฟิศ เข้าออกงานเป็นเวลา ต้องรับผิดชอบอาหารของเขาเอง ประเด็นคือ หมอ-พยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิด เขาต้องระวังตัว ไม่สามารถออกมานอกวอร์ดโควิด (ward) หรือออกมานอกบริเวณนั้นได้ โดยไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะถ้าออกมาทั้งชุดปฏิบัติงานอย่างนั้น ก็เท่ากับเอาเชื้อโควิดออกมาข้างนอกด้วย การที่เขาจะออกมามันเลยยาก ต้องออกจากชุดพีพีอี ต้องทำตัวให้ปลอดเชื้อก่อน ทำให้เขาไม่สามารถจะมีข้าวได้ รุ่นน้องผมที่เป็นพยาบาลโรงพยาบาลรามาฯ เคยคุยกัน เขาก็เล่าให้ฟังว่ามันก็เป็นอย่างนี้ ผมก็เลยมาคุยกันที่ออฟฟิศ ชักชวนเพื่อนฝูงที่รู้จักมาช่วยกันทำเป็นโครงการนี้" พัชร์ เคียงศิริ กล่าว


ข้าวกล่องโดยใช้ "ข้าวกล้องหอมมะลิ 105 ออร์แกนิค" ของ "ไร่รวมใจ"

คุณพัชร์และกลุ่มเพื่อน รวมถึงผู้ใหญ่ที่นับถือ ระดมทุนจัดหา ข้าวกล่อง ที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม-17 สิงหาคม 2564 รวม 42 วัน จาก 150 กล่อง/วัน เพิ่มเป็น 200 กล่อง/วัน รวม 7,850 กล่อง ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี และกำลังต่อยอดโครงการนี้สู่ โรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นว่ามีผู้ป่วยโควิดเดินทางกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดเป็นจำนวนมากขึ้น ตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม


โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ที่ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว

โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' สำหรับต่างจังหวัด เริ่มแล้วเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ที่ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ซึ่งมีคลัสเตอร์ตลาดโรงเกลือ ก่อนการประกาศล็อคดาวน์ โรงพยาบาลมีป่วยโควิด 40 คน ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 144 คน ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยมีเท่าเดิมคือ 20 คน ต้องแบ่งการทำงานเป็น 3 กะ

ข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจและหนึ่งในรายการอาหารของ SAIJAI SLIM ที่ให้ความอิ่มเชิงคุณภาพ

สำหรับ โมเดล หรือ 'รูปแบบการบริหารจัดการ' เพื่อทำข้าวกล่องส่งบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว คุณพัชร์ใช้วิธีส่งข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจและรายการอาหารของ SAIJAI SLIM ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่ให้ความอิ่มเชิงคุณภาพ พร้อมวิธีทำอย่างครบถ้วน ให้กับชุมชนละแวกที่โรงพยาบาลตั้งอยู่ และมอบเงินส่วนหนึ่ง ที่ได้รับจากการสมทบทุนในโครงการ "ใส่ใจ FEED TO FIGHT" ให้กับ อาสาสมัครในชุมชน เป็นค่ากับข้าวและปรุงอาหารมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยขอให้รวมตัวกันไม่เกิน 5 คน (ป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่) รวมทั้งผู้ทำหน้าที่จัดส่งข้าวกล่องไปโรงพยาบาล เท่ากับเป็นการ กระจายรายได้ สู่คนในชุมชนได้อีกทางหนึ่งในภาวะที่การประกอบอาชีพเป็นไปด้วยข้อจำกัดและความยากลำบาก

โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร

ล่าสุดคุณพัชร์กล่าวว่า ขณะนี้กำลังวางแผนเริ่มโครงการ "ใส่ใจ FEED TO FIGHT" ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร ซึ่งกำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกันที่จำนวนผู้ป่วยโควิดจากราว 50 คน เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และในชุมชน ยังคงมีจำนวนเท่าเดิม ด้วยการจัดทำข้าวกล่องคุณภาพ โดยคุณพัชร์และทีมงานกำลังรวบรวมทุนทรัพย์เพื่อเดินหน้าโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ที่ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร ด้วยโมเดลเดียวกับที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว คือการจัดทำข้าวกล่องที่ใช้ข้าวหอมมะลิ 105 ตราใส่ใจพร้อมเมนูอิ่มเชิงคุณภาพจาก SAIJAI SLIM และกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านทีมอาสาสมัครในท้องถิ่น โครงการนี้จะเริ่มวันที่ 25 สิงหาคม และสิ้นสุดในวันที่ 5 ตุลาคม 2564

เชิญร่วมให้กำลังใจและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร

ผู้สนใจร่วมสนับสนุนและให้กำลังใจทีมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ซึ่งกำลังทำงานอย่างหนักด้วยความเสียสละ ผ่านโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ณ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร สามารถแจ้งความประสงค์และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @saijai_wellbeing และ โทร.087 365 3556
#3134


นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการการเดินทาง รวมทั้งปรับตารางบินให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทฯ ให้บริการเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารในประเทศ และระหว่างประเทศ ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2564 โดยมีรายละเอียดดังนี้

เส้นทางในประเทศ

1.เส้นทาง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ได้แก่

-เที่ยวบินที่ ทีจี 922 ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี
-เที่ยวบินที่ ทีจี 916 ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์

หมายเหตุ : เริ่มทำการบินตั้งแต่เดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 ทั้งนี้ เป็นไปตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

เส้นทางสนับสนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์

1.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี
2.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ลอนดอน ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์
3.เส้นทาง กรุงเทพฯ-ปารีส-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออก จากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี
4.เส้นทาง กรุงเทพฯ-ซูริก-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์


เส้นทางยุโรปและออสเตรเลีย

1.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ลอนดอน ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และอาทิตย์
2.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์
3.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โคเปนเฮเกน ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร และเสาร์ (หมายเหตุ : เดือนกันยายนทำการบินเฉพาะวันเสาร์)
4.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และอาทิตย์

เส้นทางเอเชีย

1.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ (หมายเหตุ : ให้บริการในเดือนตุลาคม 2564)
2.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โอซากา ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกพฤหัสบดี และเสาร์
3.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โตเกียว (นาริตะ) ทำการบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์
4.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โตเกียว (ฮาเนดะ) ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร และเสาร์
5.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-นาโกยา ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และอาทิตย์
6.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โซล ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และอาทิตย์
7.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ไทเป ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และศุกร์
8.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-จาการ์ตา ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ

ตลาดแร่โลหะ ณ ตลาดลอนดอน (19 ส.ค. 64)
'วันสารทจีน 2564' วันประตูนรกเปิด แนะวิธีทำบุญและบอกสิ่งห้ามทำ โดย อาจารย์ 'คฑา ชินบัญชร'
'หญิงตั้งครรภ์'ติดโควิด19โอกาสเข้าไอซียูสูงกว่า 2-3เท่า
ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม รายละเอียดตารางบิน พร้อมสำรองที่นั่ง และออกบัตรโดยสารได้ที่เว็บไซต์ thaiairways.com และสำนักงานขายการบินไทย หรือ THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111 ทุกวัน (ตลอด 24 ชั่วโมง) สำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานสาขาที่ออกบัตรโดยสารในแต่ละท้องถิ่น
#3135


เคลวิน เหลียง ซีอีโอ ดีเอชแอล โกล. ฟอร์เวิร์ดดิ้ง เอเชียแปซิฟิก ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ในเครือดอยช์โพสต์ดีเอชแอลกรุ๊ป (DPDHL Group) กล่าวว่า ปี 2564 มีการคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโต 5.5% จากแรงหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่านการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการกระจายตัวของซัพพลายเชนของบริษัทภายในภูมิภาค

ดังนั้น ในทิศทางเดียวกันเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนของ "การขนส่งทางถนนข้ามพรมแดนระหว่างทวีป" โดยหลังจากนี้ความร่วมมือทางการค้าภายในเอเชียจะเติบโตอย่างแน่นแฟ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การซื้อสินค้าผ่านออนไลน์เติบแบบก้าวกระโดด กลายเป็นนิวนอร์มอลซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคจะคงอยู่ต่อไปแม้โควิดจะคลี่หลายไปแล้วก็ตาม

ขณะเดียวกัน ส่งผลทำให้โซลูชั่นด้านโลจิสติกส์มีความสำคัญมากขึ้นตามลำดับ ทุกวันนี้การขนส่งสัดส่วนกว่า 85% ของตลาดอีคอมเมิร์ซทำผ่านทางทะเล ราง และรถบรรทุก มีเพียง 15% เท่านั้นที่ขนส่งผ่านเครื่องบิน


'อีคอมเมิร์ซ' หนุนตลาดโต


เขากล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาการค้าระหว่างภูมิภาค ได้แก่ ระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน หรือ the ASEAN Customs Transit System (ACTS) ที่เริ่มขึ้นในปี 2563 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งและเคลื่อนย้ายสินค้าข้ามพรมแดนอาเซียนได้อย่างราบรื่น ผ่านมาตรฐานและการรับประกันที่ครอบคลุมทั้งอากรขาเข้าขาออกและภาษีตลอดการดำเนินงาน

โดยเฉพาะ หลังจากมีการผ่อนคลายลงของข้อจำกัดทางการค้าและมีการดำเนินตามมาตรการใหม่สำหรับการค้าระหว่างภูมิภาค เช่น ระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ACTS) และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นผลดีต่อประเทศกลุ่มอาเซียน ที่พร้อมจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากผ่านการแพร่ระบาดของโควิด-19

ข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกที่คาดการณ์ว่าจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางการค้าในปี 2564 ส่งผลให้ตลาดการขนส่งสินค้าทางถนนของอาเซียน มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นกว่า 8% ภายในปี 2563-2568

โทมัส ทีเบอร์ ซีอีโอ ดีเอชแอล โกล. ฟอร์เวิร์ดดิ้ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การใช้จ่ายผ่านรูปแบบอีคอมเมิร์ซของผู้บริโภค และธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบบีทูบีซึ่งคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นราว 70% ภายในปี 2570 ยังมีส่วนเข้ามาเสริมความต้องการของโซลูชั่นการขนส่งสินค้าแบบถึงที่หมาย (door-to-door logistics solutions) ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

"การขนส่งทางถนนกำลังมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในการแก้ปัญหาการขนส่งระยะไกลระหว่างประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยั่งยืน"

ปีที่ผ่านมา อัตราค่าขนส่งทางอากาศและทางทะเลมีการผันผวนอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยโซลูชั่นการขนส่งทางถนน หรือการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้นำเสนอราคาที่ยั่งยืนยิ่งกว่า ควบคู่กับความสามารถในการขนส่ง และการเข้าถึงชายแดนที่ง่ายยิ่งขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

'ขนส่งทางถนน' อนาคตใหม่

ทีเบอร์เผยว่า การขนส่งทางถนนมีราคาถูกและปล่อยมลพิษน้อยกว่าการขนส่งทางอากาศมาก ขณะเดียวกันเพิ่มความปลอดภัย และลดระยะเวลาการขนส่งที่เมื่อเทียบกับการขนส่งทางทะเล

นอกจากนี้ โซลูชั่นการขนส่งทางถนนยังเป็นทางเลือกที่มีความคล่องตัวสูง เพราะรถบรรทุกสามารถทำการขนส่งสินค้าแบบถึงที่หมาย ข้ามพรมแดน ครอบคลุมทั้งในระยะทางทั้งใกล้และไกล

ปัจจุบัน ลูกค้าเลือกใช้การขนส่งทางถนนเพิ่มมากขึ้นสำหรับการขนส่งสินค้าบางส่วนหรือทั้งหมดทั้งระยะใกล้และไกล เพราะการขนส่งทางถนนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าการขนส่งทางอากาศ

"การขนส่งทางถนนกำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี เพื่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนที่มากขึ้น ผ่านการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดพลังงานคาร์บอน"
#3136


นายเกียรติศักดิ์ สิริรัตนกิจ รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอชี้แจงผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 432.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 329.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 321.17 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีกำไรสุทธิ 102.71 ล้านบาท


และเนื่องจากผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุนดังกล่าวแสดงผลกำไรสุทธิซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20 บริษัทฯ จึงใคร่ขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มีสาระสำคัญดังนี้

1. รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 260.43 ล้านบาท จาก 627.66 ล้านบาท เป็น 888.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.49 เนื่องจาก

- รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 272.69 ล้านบาท จาก 511.69 ล้านบาท เป็น 784.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.29 ซึ่งเป็นไปตามมูลค่าการซื้อขายของลูกค้าของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือน ปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.39 จากงวดเดียวกันของปี 2563

- รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 12.27 ล้านบาท จาก 115.98 ล้านบาท เป็น 103.71 ล้านบาท หรือลดลงร้อยล: 10.58 ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือน ปี 2564 ที่ลดลงร้อยละ 25. 76 จากงวดเดียวกันของปี 2563

2. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 59.82 ล้านบาท จาก 88.64 ล้านบาท เป็น 148.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.49 เนื่องมาจากการรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 14.63 ล้านบาท รายได้จากการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 20.67 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 27.52 อย่างไรก็ตามรายได้จากการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ลดลง 2.99 ล้านบาท

3. รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 64.15 ล้านบาท จาก 198.97 ล้านบาท เป็น 263.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.24

4. กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 319.65 ล้านบาท จาก 147.58 ล้านบาท เป็น 467.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 216.59 เนื่องมาจากกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 872.13 ล้านบาท ในขณะที่กำไรจากอนุพันธ์ลดลง 544.28 ล้านบาท และรายได้เงินปันผลลดลง 8.19 ล้านบาท

5. ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 278.88 ล้านบาท จาก 951.95 ล้านบาท เป็น 1,230.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.30 ซึ่งค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 195.97 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น 62.36 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 30.76 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 9.86 ล้านบาท

6. ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 96.60 ล้านบาท จาก 13.69 ล้านบาท เป็น 110.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 705.75 เนื่องมาจากกำไรก่อนภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 426.48 ล้านบาท จาก 116.40 ล้านบาท เป็น 542.88 ล้านบาท

ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 321.17
#3137


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ฉบับย่อ) ครั้งที่ 5/2564 ซึ่งเป็นการประชุมเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 โดยมีกรรมการที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ประธาน) นายเมธี สุภาพงษ์ (รองประธาน) นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน นายรพี สุจริตกุล นายสมชัย จิตสุชน และ นายสุภัค ศิวะรักษ์ ส่วนนายคณิศ แสงสุพรรณ ลาประชุม

ภาวะเศรษฐกิจโลกและภาวะตลาดการเงิน

เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่การฟื้นตัวของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลักและกลุ่มประเทศเอเชียแตกต่างกันมากขึ้น กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลักมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตามการกระจายวัคชีนที่คืบหน้าไปมาก ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเชียถูกกระทบจากการระบาดและการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในหลายประเทศ

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไปยังมีความไม่แน่นอนสูงจากการระบาดที่อาจรุนแรงขึ้นจากการกลายพันธุ์ของไวรัส โดยเฉพาะประเทศที่กระจายวัคซีนล่าช้าและมีข้อจำกัดในการเข้าถึงวัคชีนที่มีประสิทธิภาพ

ตลาดการเงินโลกมีความกังวลเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงในหลายประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets: EMs) ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดความเสี่ยงจากการลงทุน (Risk-off sentiment) โดยลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตราสารทุน และเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล

ADVERTISEMENT


ทั้งนี้ ตลาดการเงินไทยเคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค โดยดัชนีหลักทรัพย์ไทยและอัตราผลตอบพันธ์บัตรรัฐบาลปรับลดลง สำหรับเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. และดัชนีค่าเงินบาท (Nominal Effective Exchange Rate: NEER) อ่อนค่าลงจากการประชุมครั้งก่อน โดยเงินบาทอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาคจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่รุนแรง และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ล่าช้า

มองไปข้างหน้า ตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนสูง และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดการเงินไทยได้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีความไม่แน่นอนสูงและอาจรุนแรงขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการคลังและการเงินของสหรัฐฯ โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวดีและอัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดไว้

ภาวะเศรษฐกิจและเสถียรภาพระบบการเงินไทย

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงมากจากมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 0.7 และ 3.7 ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากประมาณการในเดือน มิ.ย.2564 ตามการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบมากในปีนี้และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงมากในปีหน้า

ขณะที่ตลาดแรงงานมีแนวโน้มเปราะบางขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกจ้างในภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ลดลง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจาก (1) แนวโน้มการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้นจาก พ.ร.ก. กู้เงินฉบับใหม่วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยพยุงกำลังซื้อของครัวเรือนและลดทอนผลกระทบของการระบาดระลอกล่สุดได้ส่วนหนึ่ง และ (2) การส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ประเทศคู่ค้า

แม้ภาคการผลิตและภาคส่งออกบางส่วนจะเผชิญกับข้อจำกัดด้านอุปทาน เช่น ภาคการผลิตถูกกระทบจากจำนวนชั่วโมงทำงานที่ปรับลดลงหลังภาครัฐออกมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และการขาดแคลนวัตถุดิบทั่วโลก โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มใกล้เคียงเดิม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับต่ำตามอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ ขณะที่การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

เศษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าเผชิญกับความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสำคัญ จาก (1) สถานการณ์การระบาดทั้งในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของไวรัสที่ลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีน รวมถึงความล่าช้าในการกระจายวัคซีน ซึ่งอาจทำให้ปัญหาสาธารณสุขยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น (2) ฐานะทางการเงินของธุรกิจ โดยเฉพาะภาคบริการที่เปราะบางมากขึ้นอีก ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดกิจการและเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก

และ (3) ปัญหาข้อจำกัดด้านอุปทาน โดยเฉพาะผลกระทบจากการระบาดในโรงงานและการขาดแคลนวัตถุดิบชั่วคราวที่คาดว่าจะคลี่คลายภายในครึ่งแรกของปี 2565 อาจรุนแรงยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของไทยมากกว่าที่คาด

เสถียรภาพระบบการเงินมีแนวโน้มเปราะบางขึ้น โดยการระบาดระลอกล่าสุดช้ำเติมให้รายได้และฐานะทางการเงินของลูกหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่เปราะบางอยู่เดิมให้แย่ลง ส่งผลให้จำนวนลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงในการชำระหนี้ (Debt at Risk) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ธนาคารพาณิชย์ยังมีฐานะการเงินที่มั่นคงสามารถรองรับคุณภาพสินเชื่อที่อาจด้อยลงในอนาคต จึงทำให้ความเสี่ยงดังกล่าวต่อเสถียรภาพระบบการเงินในภาพรวมยังมีจำกัด

สำหรับประเด็นสำคัญที่คณะกรรมฯ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย คณะกรรมการฯ อภิปรายอย่างกว้างขวางถึงประสิทธิภาพการส่งผ่านนโยบายการเงินในสถานการณ์ปัจจุบัน ผลประโยชน์สุทธิต่อเศรษฐกิจจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงทางเลือกต่างๆ ของการดำเนินนโยบายในครั้งนี้ โดยเห็นพ้องกันว่าการใช้มาตรการทางการเงินจะสามารถช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ได้ตรงจุดมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

โดยคณะกรรมการฯ เห็นว่า (1) โจทย์สำคัญของการดำเนินนโยบายในปัจจุบันคือการกระจายสภาพคล่องในระบบธนาคารที่อยู่ในระดับสูงไปสู่ธุรกิจและครัวเรือนที่ มีความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) (2) กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงเป็นผลจากมาตรการควบคุมการระบาด ทั้งนี้ ภาวะการเงินโดยรวมยังคงผ่อนคลาย เอื้อให้สถาบันการเงินสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการทางการเงินต่างๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการต่อเนื่อง และ (3) มาตรการทางการเงิน โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูที่ช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องของผู้ได้รับผลกระทบ

รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ที่อยู่ในระดับสูง เป็นการดำเนินการที่มีประสิทธิผลและตรงจุดมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ไม่มีเป้าเฉพาะเจาะจง ที่แม้จะส่งผลในวงกว้างแต่ช่วยลดภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบางได้น้อย อย่างไรก็ตาม กรรมการฯ ส่วนหนึ่งเห็นว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้จะเป็นการดำเนินนโยบายเพื่อรองรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า (Pre-emptive)

โดยประเมินว่ามาตรการทางการเงินและการคลังที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาอาจยังมีข้อจำกัดและไม่เพียงพอ ขณะที่นโยบายการเงินต้องใช้เวลาส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจ จึงควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้เพื่อช่วยรองรับความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่อาจสูงขึ้นในระยะข้างหน้า แม้อัตราดอกเบี้ยจะเป็นเครื่องมือที่ตรงจุดและมีประสิทธิผลน้อยกว่ามาตรการการเงินและการคลังอื่นๆ
#3138


นางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ประธานกรรมการ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด เปิดเผยว่า นครชัยแอร์เดินหน้ารุกธุรกิจส่งพัสดุด่วนนครชัยแอร์ (NCA Express Drama-Addict) เตรียมขยายบริการไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมทุกเส้นทาง เปิดรับสมัคร "ตัวแทนรับพัสดุ" สาขาทั่วประเทศ เพื่อเป็นจุดรับพัสดุลูกค้าส่งถึงบ้านในกรุงเทพฯ และส่งพัสดุด่วนไปต่างจังหวัดตามสาขาที่เปิดให้บริการส่งพัสดุของนครชัยแอร์ มุ่งสร้างโอกาสการทำธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มร้านค้า ที่สนใจในธุรกิจขนส่ง และอยากเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ต้องการมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจเดิม เปลี่ยนพื้นที่ในบ้านหรือร้านค้าที่มีอยู่เดิมให้เป็นจุดบริการรับ-ส่งพัสดุของนครชัยแอร์ สำหรับผลตอบแทน จะมาจากรายได้จากการรับฝากพัสดุ โดยธุรกิจดังกล่าวจะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มร้านค้า เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เข้ามารองรับการเติบโตในการใช้บริการรับ – ส่งพัสดุของคนในชุมชนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง



สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็นตัวแทน มีสถานที่หรือกิจการอยู่ในแหล่งชุมชนในจังหวัดที่นครชัยแอร์ เปิดให้บริการ เป็นพื้นที่ให้บริการรับพัสดุและพื้นที่จัดเก็บพัสดุอย่างปลอดภัย มีพื้นที่จอดรถได้สะดวก สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานได้ มีใจรักงานบริการและพร้อมเรียนรู้ระบบและการจัดการขนส่งที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งนอกจากการเปิดรับสมัคร "ตัวแทนรับพัสดุ" ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแล้วนั้น นครชัยแอร์ได้เปิดรับสมัครเซลล์ เพื่อจัดหาพัสดุจากร้านค้าย่อยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยคุณสมบัติผู้สมัครจำกัดอายุ, มีทักษะด้านเจรจา, มีคอนเนคชั่นและต้องการมีรายได้เพิ่ม มีรถยนต์ส่วนตัว และสามารถใช้มือถือ ชายหรือหญิง ไม่หรือ Application ได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่สนใจสมัคร สามารถสมัครได้ที่ นครชัยแอร์ สาขาประจำแต่ละจังหวัดหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ Line พิมพ์ @ncaexpress และสาขากรุงเทพฯ ติดต่อได้ที่ คุณวรรณี หรือคุณศราวุธ โทร. 094 215-2278

นางเครือวัลย์ ยังกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน นครชัยแอร์มีบริการส่งพัสดุด่วน (NCA Express) 80 สาขาทั่วประเทศ และมีบริการส่งพัสดุถึงบ้าน (NCA Delivery) ไปยังผู้รับในกรุงเทพฯ 50 เขต นนทบุรี 4 เขต ได้เปิดรับสมัครรถร่วมวิ่งส่งพัสดุ พื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นผู้ที่มีรถยนต์ ส่วนตัว หรือ รถกะบะ (มีตู้หลังคาด้านหลัง) ผู้สมัครต้องมีอายุ 25-35 ปี เป็นคนละเอียดรอบคอบ ใจเย็น), มีใบอนุญาตขับขี่ (ไม่หมดอายุ), รู้จักเส้นทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นอย่างดี สามารถใช้ Google Map เป็น และมีมือถือสมาร์ทโฟน (แอนดรอยด์) ใช้สมาร์ทโฟนได้คล่องแคล่ว สนใจสมัครออนไลน์ได้ที่ www.nca-express.com
#3139


นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมระบบแพลตฟอร์มดิลิเวอร์รี่การส่งสินค้า อาหารและบริการต่างๆเข้ากับระบบโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล คาดว่า จะเริ่มนำมาใช้ได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลได้ดำเนินการอยู่ในเฟสที่ 3


สำหรับผู้ประกอบการดิลิเวอร์รี่ที่คาดว่า จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 มีจำนวนประมาณ 6 ราย ประกอบด้วย ไลน์แมน ฟู้ดแพนด้า โรบินฮู้ด แกร็บฟู้ด โกเจ๊ก และช้อปปี้ฟู้ด ทั้งนี้ เมื่อสามารถเชื่อมโยงระบบด้วยกันได้แล้ว ทางกระทรวงการคลังจะเปิดให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้สมัครเข้าร่วมโครงการอีกครั้ง

"เมื่อเราสามารถจัดการเชื่อมระบบของผู้ประกอบการดิลิเวอร์รี่กับคนละครึ่งได้แล้ว คาดว่า เราจะเปิดให้ใช้บริการได้ราวต้นเดือนต.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะทำการเติมเงินคนละครึ่งในรอบที่สอง"

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ผู้อำนวยการสศค.กล่าวว่า การดำเนินการเชื่อมระบบดังกล่าว จะเป็นช่องทางการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ร่วมโคงการคนละครึ่ง ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวก เนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19 ทำให้การจับจ่ายใช้สอยแบบเฟสทูเฟสมีความยากลำบาก เมื่อนำแพลตฟอร์มดิลิเวอร์รี่มาใช้ ก็จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยมีความคล่องตัวมากขึ้น ก็จะทำให้ยอดการใช้จ่ายในโครงการเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ ยอดการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งอยู่ที่จำนวน 5.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การใช้จ่ายผู้ร่วมโครงการ 2.92 หมื่นล้านบาท และ การเติมเงินของรัฐบาล 2.84 หมื่นล้านบาท


ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้นั้น มียอดการใช้จ่ายอยู่ที่ 1.25 พันล้านบาท ซึ่งถือว่า ยังมีจำนวนที่ไม่มากนัก ซึ่งเราก็เตรียมที่จะเชื่อมแพลตฟอร์มผู้ให้บริการดิลิเวอร์รี่สินค้าประเภทอาหารที่จดทะเบียนนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้จ่ายของผู้ร่วมโครงการด้วย

สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ ล่าสุด โครงการคนละครึ่งอยู่ที่ 26.7 ล้านราย ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้อยู่ที่ 4.67 แสนราย
#3140


นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงินบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังที่เหลือของปี 2564 จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 2,312.1 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทยังมีปัจจัยหนุนจากการออกสินค้าใหม่

สำหรับปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการวางจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชงและกัญชา รวมถึงได้ปัจจัยหนุนจากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อพัฒนาสินค้าร่วมกัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาและคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปี 2564

ทั้งนี้บริษัทประเมินรายได้จากธุรกิจในประเทศจะเติบโต 5% จากปีก่อน และมีโอกาสที่รายได้จากธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้จากการวางขายสินค้าใหม่และการจับมือกับพันธมิตร ส่วนรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อนเช่นกัน แม้ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมาจะหดตัว 2-3% จากผลกระทบโควิด-19 และการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า แต่บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงทีมขายยังเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตและกระจายสินค้าในประเทศเวียดนาม 1 แห่ง งบลงทุนระยะแรกมูลค่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 470 ล้านบาท) คาดว่าจะเปิดดำเนินการโรงงานดังกล่าวได้ภายในกลางปี 2565


นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนต่างประเทศต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการเป็นผู้ประกอบการระดับภูมิภาค โดยมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในตลาดประเทศจีน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐ ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก 35 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่าย