• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#2981

ล้วงกลยุทธ์ 'เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์' เจ้าของอาณาจักรแสนล้าน 'บีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้งส์' ! หมากเกมนี้...ลึกแต่ไม่ลับ ดันโมเดลหาหลากเพื่อนใหม่ ต่อ 'จิ๊กซอว์ 4 ธุรกิจ' ผลัดดันองค์กรโตหลายเด้ง ปิดดีลใหญ่ส่ง VGI-U ผนึกกำลัง JMART-SINGER มูลค่า 1.75 หมื่นล้าน

เหมือนกำลังจะกลายเป็นวัฒนธรรมประจำของ 'ตระกูลกาญจนพาสน์' เจ้าพ่ออาณาจักร 'ให้บริการรถไฟฟ้า' ที่เคยเป็นหนึ่งในบริษัทมีหนี้สินจำนวน 'มหาศาล' จากวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 เพราะเกือบตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องเห็น 'เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์' เจ้าของ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS โดดเข้าถือหุ้นในธุรกิจใหม่ๆ ในหลากหลายวงการ เพื่อต่อยอด 'ความมั่งคั่ง' (Wealth) ให้ 4 ธุรกิจหลัก 1. ธุรกิจให้บริการเดินรถไฟฟ้า 2. ธุรกิจสื่อโฆษณา 3.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจบริการ

สะท้อนผ่านธุรกิจในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อาทิ บมจ. วีจีไอ หรือ VGI ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสื่อโฆษณา บีทีเอส ถือหุ้น 51.60% กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ถือเป็นการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของประเทศไทย บีทีเอสถือหุ้น 33.33% บมจ. ยู ซิตี้ หรือ U ธุรกิจพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บีทีเอสถือหุ้น 36.22% และ บมจ. มาสเตอร์ แอด หรือ MACO ธุรกิจสื่อนอกบ้าน บีทีเอสถือหุ้น 41.16% (ตัวเลข ณ 4 ส.ค.2564)

จากวันวานที่เคยมีหนี้สินมหาศาล ทว่าในวันนี้กลับกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มี 'มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด' (Market Cap) เพิ่มพูนจาก 3,000-4,000 ล้านบาท มาอยู่ในระดับสูงถึงแสนล้านบาท ! ฉะนั้น เรื่องแหล่งเงินทุนในการซื้อสินทรัพย์ใหม่ๆ แทบไม่มีปัญหา สะท้อนผ่านช่องทางการระดมทุนต่างๆ ทั้งในตลาดเงิน-ตลาดทุน 

สอดคล้องกับประโยคที่ลูกชายคนโตของ 'เจ้าสัวคีรี' อย่าง 'กวิน กาญจนพาสน์' กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 'บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์' ที่เคยเล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ' ฟังว่า ในมุมมองของคีรี (พ่อ) และเขา เห็นตรงกันว่า.. 'ผมและคุณคีรี (พ่อ) มีมุมมองว่าที่ผ่านมาใช้เวลาในการขยายธุรกิจเยอะมากทั้งที่สร้างขึ้นมาเองและการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ฉะนั้นเปรียบเหมือนกินอาหารสะสมมาร่วม 10 ปี ทำให้ตอนนี้เราอ้วนมากแล้ว !'

ดังนั้น หลังสะสมขุมกำลังทางธุรกิจมามาก ผ่านการขยายเครือข่ายธุรกิจอื่นๆ แบบลงทุนเอง และร่วมกับพันธมิตร เกมธุรกิจจากนี้ในสเต็ปต่อไป จะเป็นเกมของการ Synergy (ผนึกกำลัง) ของแต่ละธุรกิจในกลุ่มและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างแท้จริง !!

เขายังระบุด้วยกว่า หากไม่ปรับตัวองค์กรแห่งนี้จะขยับตัวลำบาก โดยจะเห็นผลชัดในระยะไม่เกิน 3-5 ปีจากนี้ ตามเป้าหมายองค์กรแห่งนี้ต้องแข็งแรงทั้งในและนอก ด้วย 'กลยุทธ์' ต่อจากนี้คือ บีทีเอสจะไม่เดินคนเดียวแต่จะหาเพื่อนใหม่ๆ เข้ามาร่วม เสมือนให้มาเป็นเพื่อนกับบีทีเอส และเป็นการขยายฐานลูกค้าเพิ่มและทำความรู้จักกับลูกค้ารายใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยรู้จักบีทีเอสมาก่อน

หากย้อนดู เมื่อฟื้นธุรกิจกลับมาได้ ในปี 2550 บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนผ่าน 'กลุ่มบีทีเอส' เข้าไปลงทุนถือหุ้นในหลากหลายธุรกิจ อย่าง บมจ. แพลนบี มีเดีย หรือ PLANB ธุรกิจสื่อนอกบ้าน ถือหุ้น 18.59% บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถือหุ้น 9.13% 

บมจ. บางกอก เดค-คอน หรือ BKD ธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายใน ถือหุ้น 9.25% บมจ. ฮิวแมนิก้า หรือ HUMAN ธุรกิจเทคโนโลยี ถือหุ้น 10.01% บมจ. อาฟเตอร์ ยู หรือ AU ธุรกิจขนมหวาน ถือหุ้น 9.77% บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ธุรกิจขนส่ง ถือหุ้น 18.06% บมจ. อิ๊กดราซิล กรุ๊ป หรือ YGG ธุรกิจเทคโนโลยี ถือหุ้น 9.08% 

ขณะที่ อ้างอิงตามที่ 'กลุ่มบีทีเอส' แจ้งการลงทุนเข้าซื้อหุ้นเนื่องจากไม่ปรากฏสัดส่วนการถือหุ้น 10 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ บมจ. คอมเซเว่น หรือ COM7 ธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไอที ถือหุ้น 4.92% , บมจ. อาร์เอส หรือ RS ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม , สื่อ ถือหุ้น 6.06% และ บมจ. สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง หรือ SPI ธุรกิจลงทุนในธุรกิจสินค้าอุปโภคอาหารและเครื่องดื่ม ถือหุ้น 0.87% 

และล่าสุดกับ 'บิ๊กดีลระดับหมื่นล้านบาท !!' ของ 'กลุ่มบีทีเอส' หลังทุ่มเงินมูลค่า '1.75 หมื่นล้านบาท' ผ่าน บมจ. วีจีไอ หรือ VGI และ บมจ. ยู ซิตี้ หรือ U เข้าซื้อหุ้นของ บมจ. เจ มาร์ท หรือ JMART และ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย หรือ SINGER 

 'อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ มาร์ท บริษัทโฮลดิ้งคอมพานีที่ลงทุนในบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ (Investment Holding Company) กล่าวว่า บมจ. วีจีไอ หรือ VGI และ บมจ. ยู ซิตี้ หรือ U ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม BTS Group Holdings เข้ามาร่วมลงทุนในกลุ่มเจมาร์ทครั้งนี้ นับเป็นโอกาสใหญ่ที่ได้ผสานพลังร่วมกับกลุ่มผู้นำในธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจสื่อโฆษณา และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอีโคซิสเต็มครบวงจร 

สะท้อนความเชื่อมั่นใน JMART SINGER และ JMT ที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก สิ่งที่เข้ามาปลดล็อกในครั้งนี้ คือ การปลดล็อกฐานเงินทุนที่จะเพิ่มขึ้น และแผนการ Transform และ Synergy ร่วมกันในทุกรูปแบบ โดยเป็นการมองระยะยาวไปอีก 3 - 5 ปีจากนี้ ด้วยเม็ดเงินระดมทุนก้อนใหญ่ ที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจ แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด ก็เชื่อมั่นได้ว่า เจมาร์ทมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ 

สำหรับแผนการ Synergy ร่วมกันในช่วงต่อจากนี้ คาดจะได้เห็นการขยายฐานลูกค้า การขยายผลิตภัณฑ์และบริการในเครือของเจมาร์ท ในธุรกิจค้าปลีก การเงิน ประกัน และเทคโนโลยี ไปสู่ขอบเขตการให้บริการที่เป็นมากกว่า Online-to-Offline (O2O) โซลูชั่นส์ บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณาของ VGI ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ 

ในแง่ของช่องทางการจำหน่าย SINGER ยังถือเป็นเบอร์หนึ่งที่สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านตัวแทนขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีร้านสาขาและแฟรนไชส์รวมกว่า 2,800 แห่ง รวมทั้ง ช่องทางร้านค้ากลุ่มสินค้าเทคโนโลยี JAYMART MOBILE และบริษัทในเครือ เป็นเครือข่ายการกระจายสินค้าและเข้าถึงผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ผสานกับ KERRY เพิ่มโอกาสการต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ในเครือเจมาร์ทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

รวมทั้ง ทางด้านเทคโนโลยีทางการเงิน Blockchain รวมทั้งศึกษาเรื่อง Digital Token และการนำเอา JFIN Token มาใช้บนอีโคซิสเต็มของกลุ่ม BTS เป็นโอกาสในการสร้างระบบนิเวศน์ในเครือเจมาร์ทให้ครบวงจร

นอกจากธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตยิ่งขึ้นแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของกลุ่มเจมาร์ท ทำให้มีงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น มีโอกาสที่เครดิตเรทติ้งจะดีขึ้น และการขยายธุรกิจด้วยต้นทุนการเงินที่ลดลงของ SINGER และ JMT จะสะท้อนกลับมาที่ JMART ในแง่ของกำไรที่โดดเด่นชัดเจน 


โดยตั้งเป้าภาพรวมกำไรปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 50% ต่อปี ซึ่งยังไม่นับรวมการผนึกพันธมิตรต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมร่วมกับบริษัท VGI และ U ภายในกลุ่ม BTS ทั้งนี้ VGI และ U เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ของ JMART รวมสัดส่วน 24.9% ของทุนที่ชำระแล้ว โดย VGI เข้ามาถือสัดส่วน 15% ส่วน U ถือสัดส่วน 9.9% 

พร้อมกันนี้ JMART ในฐานะเป็นบริษัทแม่ของ JMT และผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SINGER พร้อมนำเงินจากพันธมิตรที่ได้จากการออก PP ครั้งนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท สนับสนุนแผนเพิ่มทุน (RO) ของ SINGER คิดเป็นมูลค่าราว 1,300 ล้านบาท รองรับการขยายโอกาสในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน 

และอีกส่วนหนึ่งใช้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (RO) ของ JMT มูลค่าประมาณ 5,300 ล้านบาท รองรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ท่ามกลางสถานการณ์ของอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการเติบโตของกิจการในอนาคต ซึ่ง JMT เป็นผู้บริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศ โดยผู้ถือหุ้นท่านใดที่เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตนี้ ก็สามารถมีส่วนร่วมเติบโตไปด้วยกันในครั้งนี้ พร้อมให้วอแรนท์ชุดใหม่ รองรับการเติบโตในอนาคต

ด้าน บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย หรือ SINGER เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO และ PP รวมได้เงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการออก PP ให้ บมจ. ยู ซิตี้ หรือ U ถือหุ้นสัดส่วน 24.9% มีแผนจะนำเงินที่ได้ 7,700 ล้านบาท ใช้สนับสนุนการขยายพอร์ตสินเชื่อของ SINGER ให้เติบโตโดดเด่น ด้วยต้นทุนทางการเงินในระดับต่ำมาก และเงินส่วนที่เหลือนำไปคืนหนี้หุ้นกู้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
#2982
 



เพราะ "วิตามินซี" มีความจำเป็นต่อผิวพรรณของเราไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งช่วยเร่งการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวช่วยทำให้ใบหน้าดูเปล่งปลั่ง ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้ากระจ่างใสและยับยั้งการเกิดจุดด่างดำจากเมลานิน 

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่การทาน "ส้ม" หรือการทานผลไม้ที่มีวิตามินสูงเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่ใช่หนทางการเติมวิตามินซีต่อผิวที่เพียงพอ เนื่องจากเซลล์ผิวคนเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีเองได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Vit C เพื่อฟื้นบำรุงผิวให้กลับมามีสุขภาพดีและลดเลือนสัญญาณแห่งวัยจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่อาจละเลย 

ขอแนะนำ Vit C Serum เซรั่มวิตามินซี จาก Kiehl's เพื่อบำรุงผิวจากความร่วงโรย ต่อต้านริ้วรอยผิวอ่อนล้า ตัวช่วยฟื้นฟู ความกระจ่างใสให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วด้วยประสิทธิภาพวิตามินซีเข้มข้น 12.5%

ลดเลือนริ้วรอยลึกด้วย (L-ASCORBIC ACID)
L-ASCORBIC ACID หรือที่หลายคนเรียกว่าวิตามินซีบริสุทธิ์ คือหนึ่งในส่วนผสมหลักที่ Kiehl's ได้เลือกใช้ในเซรั่ม Vit C ขวดนี้ เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย เช่น รอยตีนกา ร่องแก้ม รอบริมฝีปาก รอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผากให้ตื้นและจางลง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูกระจ่างใส ปรับสีผิวให้สว่างและดูมีออร่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม 

ผิวสว่างและเรียบเนียนจากวิตามินซีจี (Vitamin Cg) 
วิตามินซีจี (Vitamin Cg หรือ Ascorbyl Glucoside) เน้นการทำงานควบคู่กับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อลดเลือนริ้วรอยทั้งชนิดตื้นไปจนถึงรอยร่องลึก ช่วยอัพความกระจ่างใส หากใช้ต่อเนื่องเป็นประจำจะสามารถสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์คือผิวหน้าที่ดูเรียบเนียนและผิวที่แลดูละเอียดมากขึ้น 

เพิ่มความชุ่มชื้นให้ชั้นผิวด้วยไฮยาลูโรนิก แอซิด (HYALURONIC ACID)
นอกเหนือจากวิตามินซีทรงพลังแล้วนั้น Kiehl's Vit C ยังให้ความสำคัญกับความชุ่มชื้นของผิวพรรณด้วยการเติมไฮยาลูโรนิก แอซิดชนิดที่มีขนาดเล็กและซึมซาบไวไว้ในผลิตภัณฑ์ขวดนี้ ไฮยาลูโรนิก แอซิดจะทำหน้าที่เสมือนฟองน้ำที่คอยซึมซับและดูดน้ำเข้าสู่ชั้นผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง เรียบเนียนโดยไม่เพิ่มความมัน มีกลิ่นหอมสดชื่นแบบซิทรัส (citrus) อ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย

แนะนำให้ใช้เซรั่มต่อเนื่องเป็นกิจวัตร ทาเบาๆ บริเวณใบหน้าหลังทำความสะอาดผิวทุกช่วงเช้าและก่อนนอนสามารถใช้พร้อมกับมอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณใช้อยู่แล้วได้ สำหรับช่วงเช้าควรทาคู่กับผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของวิตามินอีร่วมด้วยเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวีที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซี 

ผลิตภัณฑ์ Vit C เซรั่มจากคีลส์ มาในรูปขวดหัวปั๊มสีชามีคุณสมบัติป้องกันแสงแดดที่อาจส่องทำลายคุณค่าจากวิตามิน เนื้อเซรั่มมีกลิ่นหอมเบาๆ พร้อมคุณสมบัติเกลี่ยง่าย และซึมซับไว ไม่ทำให้ผิวมันหรืออุดตัน

 
 
#2983


เพจ "ที่นี่เขาใหญ่" รายงานความคืบหน้ากรณีนักท่องเที่ยวป้อนอาหาร-นม กวางในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เผย รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และขอน้อมรับความผิดที่ไม่มีศึกษากฎก่อนเข้าไปเที่ยว

จากกรณี โซเชียลแห่แชร์ภาพครอบครัวหนึ่ง ได้มาพักผ่อนในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างนั้นได้มีกวาง เดินมาหาอาหาร และครอบครัวนักท่องเที่ยวได้มีการป้อนอาหาร-นม ที่นำมาให้แก่กวาง แต่โชคร้ายกวางตัวดังกล่าวได้กินกล่องนมนมเข้าไปทั้งกล่อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวชาวเน็ตต่างเป็นห่วงสุขภาพของกวางหวั่นเกิดอันตรายตามมา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ส.ค. เพจ "ที่นี่เขาใหญ่" ได้โพสต์ข้อความรายงานความคืบหน้าจากกรณีที่เกิดขึ้น เผยว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว ได้แสดงความรับผิดชอบโดยการเสียค่าปรับจำนวน 5,000 บาท เนื่องจากกระทำการผิด พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 20 ประกอบระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2563 ข้อ 6 (2)

ทางเพจระบุข้อความว่า "คนทำผิด แล้วขอโทษด้วยความจริงใจ เราต้องให้อภัย ทางเพจได้รับการติดต่อจากครอบครัว กรณีนำอาหารให้กวางบนเขาใหญ่ ทางกรรมการเพจข่าวที่นี่เขาใหญ่ และผู้หลักผู้ใหญ่ เห็นชอบตามร้องขอ และขอให้ช่วยแสดงหลักฐานการเสียค่าปรับด้วยเพื่อความถูกต้องทุกๆฝ่าย

ดิฉันเป็นครอบครัวที่ไปให้อาหารสัตว์ที่เขาใหญ่โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆค่ะ เราได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมน้อมรับความผิด และติดต่ออุทยานเพื่อขอชำระค่าปรับแล้วค่ะ ในโพสต์มีภาพเด็กๆ ซึ่งน้องๆ รักสัตว์ แต่ผิดที่พวกเราไม่ศึกษากฎก่อนเข้าไป จนเกิดเหตุขึ้นทางเราอยากจะขออนุญาตให้ทางเพจช่วยลบโพสต์จะได้มั้ยคะ เพราะส่วนหนึ่งเด็กๆอ่านหนังสือได้แล้ว และเห็นคนต่อว่ามากมาย เขากังวล เครียด พ่อแม่เองก็รู้สึกผิดไม่แพ้กัน เมื่อความผิดพลาดเกิดเราก็น้อมรับความผิด และไม่ได้หนี หรือเงียบหายไปค่ะ

เราจึงอยากจะขอความกรุณาลบโพสต์ให้หน่อยค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งค่ะ "
#2984


รอยเตอร์ - เวียดนามจะส่งทหารไปประจำการที่จ.บิ่งเซวือง (Binh Duong) ที่เป็นศูนย์กลางการผลิตหลักของประเทศ เพื่อช่วยควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในพื้นที่อีก 50,000 คน ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า รัฐบาลระบุวันนี้ (26)

จ.บิ่งเซวือง อยู่ติดกับนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัส และจนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 81,000 คน โดย 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อตรวจพบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามการระบุของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม

จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายสิบบริษัท ที่รวมทั้งบริษัท Kumho Tire ของเกาหลีใต้ และ Tetra Pak บริษัทบรรจุภัณฑ์อาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก

จ.บิ่งเซวือง ยังเป็นที่ตั้งของซัพพลายเออร์หลายรายของบริษัท Samsung Electronics และบริษัท Pegatron ที่เป็นซัพพลายเออร์หลักของบริษัท Apple และเป็นหนึ่งในผู้รับการลงทุนจากต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ถัดจากนครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย

เจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดกำลังเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ที่อาจมีผู้ป่วยติดเชื้อเกินกว่า 150,000 คน รัฐบาลระบุในคำแถลงบนเว็บไซต์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่อ้างถึงในแผนรับมือฉุกเฉิน ไม่ใช่การคาดการณ์

คำแถลงของรัฐบาลยังระบุว่าจะส่งทหาร 2,000 นาย ไปยังจ.บิ่งเซวือง เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับโควิด-19 พร้อมด้วยหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 50 จุด และรถพยาบาล 15 คัน

เวียดนามได้ส่งทหารไปประจำตามถนนสายต่างๆ ของนครโฮจิมินห์ เพื่อช่วยบังคับใช้มาตรการควบคุมการเคลื่อนไหวที่เข้มงวดที่สุด ที่ไม่ให้ประชาชนออกจากบ้าน แม้กระทั่งการหาซื้ออาหาร โดยทหารจะเป็นผู้ออกแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง สำหรับผู้อยู่อาศัยทั่วไปที่ต้องการเดินทางในกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ยังคงสามารถทำได้

หลังประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดได้เป็นส่วนใหญ่ในช่วงปีที่ผ่านมา เวลานี้เวียดนามกำลังต่อสู้กับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ปัจจุบันประเทศมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสม 381,000 คน โดยผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่ตรวจพบในนครโฮจิมินห์ และจังหวัดโดยรอบ ตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำที่สุดในเอเชีย โดยมีเพียง 2% จากประชากรทั้งหมด 98 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน.
#2985


ตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 25-30 ส.ค. 64 จะมีร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ นั้น

นายจุมภฎ หิมะเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA กล่าวว่า MEA มีความห่วงใยประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดพายุฝนลมแรง โดยขอแนะนำให้ตรวจสอบโครงสร้างป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงมั่นคงปลอดภัย และตรวจสอบระยะห่างของป้ายโฆษณากับสายไฟฟ้าให้มากขึ้น เพราะอาจส่งผลกระทบกับระบบไฟฟ้าอาจทำให้ไฟฟ้าดับ และขอให้ประชาชนอยู่ห่างจากป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงใกล้แนวสายไฟฟ้า เพราะกิ่งไม้อาจหักโค่นจากลมกระโชกแรงและพาดลงมาทำให้เสาไฟฟ้าล้ม หรือสายไฟฟ้าขาด เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าหากชำรุดเร่งซ่อมแซมแก้ไข และสำรวจต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านของตนเอง ให้กิ่งไม้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยไม่ระสายไฟฟ้า เพราะอาจทำให้ไฟฟ้าดับ รวมไปถึงอาจจะทำให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วมาตามกิ่งไม้ที่เปียกน้ำจากฝนฟ้าคะนองได้ พร้อมทั้งควรติดตามข่าวสารสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านระบบไฟฟ้านั้น MEA ดำเนินการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์โดย จัดเจ้าหน้าที่ดูแลระบบไฟฟ้า และลงพื้นที่บำรุงรักษาระบบจำหน่าย ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า ตลอดจนมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำรองในสถานที่สำคัญ เพื่อให้ระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของ MEA มีประสิทธิภาพ มั่นคงและปลอดภัยอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเหตุได้ที่ MEA Smart Life Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนระบบ iOS และ Android ของ MEA ดาวน์โหลดฟรี คลิก https://onelink.to/measmartlife หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect, Twitter: @mea_news,Instagram : meafanclub และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
Energy for city life, Energize smart living
#2986


เป็นที่รู้จักกันดีว่า "กิมจิ" นั้นเป็นเครื่องเคียงที่สำคัญของอาหารเกาหลี หรือจะนับว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกาหลีเลยก็ว่าได้

ล่าสุดนี้ "กิมจิ" ได้กลายมาเป็นประเด็นขัดแย้งทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและเกาหลีใต้อีกครั้ง โดยสำนักข่าว CNN ได้รายงานข้อมูลว่า การต่อสู้กันด้านอาหารครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ ออกประกาศแก้ไขอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศที่เหมาะสมสำหรับอาหารเกาหลีบางประเภท

ซึ่งในประกาศนี้มีข้อกำหนดว่าจะใช้คำว่า "Xinqi" เป็นชื่อภาษาจีนอย่างเป็นทางการสำหรับกิมจิ โดยยกเลิก "Pao Cai" (ผักดองเค็ม) ซึ่งเป็นชื่อเรียกเก่าในภาษาจีนของกิมจิ

ปัญหานี้มาจากการที่ไม่มีตัวอักษรจีนที่ใช้ในการออกเสียงคำว่ากิมจิ จึงได้มีการพิจารณาตัวอักษรจีนประมาณ 4,000 ตัว ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกคำว่า Xinqi ที่อ้างว่าออกเสียงคล้ายกับคำว่ากิมจิ ซึ่ง Xinqi ประกอบด้วยอักษรจีน 2 ตัว คือ Xin หมายถึงเผ็ด และ Qi หมายถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรืออยากรู้อยากเห็น



สำหรับชื่อเรียกใหม่นี้ รัฐบาลเกาหลีใต้หวังให้เป็นการแบ่งกันอย่างชัดเจนระหว่างกิมจิของเกาหลี และผักดองของจีน (ที่ในภาษาจีนเรียกว่า pao cai) โดยประกาศฉบับนี้จะใช้สำหรับคำเรียกกิมจิในภาษาจีนของหน่วยงานของรัฐ ส่วนองค์กรเอกชนจะเป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น (ไม่ได้บังคับใช้) ซึ่งประกาศฉบับนี้ได้จุดกระแสการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดทั้งในกลุ่มสื่อและชาวเน็ตทั้งสองประเทศ

แล้ว "กิมจิ" กับ "pao cai" มีความแตกต่างกันอย่างไร

"กิมจิ" เป็นคำเรียกรวมของผักหมักดองกว่า 100 ชนิดของเกาหลี โดยทั่วไปจะหมายถึงผักกาดขาวหมักกับเครื่องปรุง เช่น พริก กระเทียม ขิง และอาหารทะเลรสเค็ม ส่วนผักที่หมักจากส่วนผสมอื่นๆ เช่น กิมจิหัวไชเท้า หรือ กิมจิผักกาดขาวแบบไม่เผ็ด ก็ล้วนแต่เรียกว่าเป็นกิมจิเช่นกัน

ส่วน "pao cai" ในภาษาจีนหมายถึงผักแช่ เนื่องจากผักดองนั้นมักจะทำโดยการแช่ผักต่างๆ ตั้งแต่กะหล่ำปลีไปจนถึงแครอท ลงในน้ำเกลือ อาจจะมีหรือไม่มีเครื่องปรุงรสอื่นก็ได้ จากนั้นนำผักมาหมักในอุณหภูมิห้อง

ซึ่งกรรมวิธีที่มีความคล้ายคลึงกันนั้น ในประเทศจีนจึงมักเรียกกิมจิว่า "Hanguo Pao Cai" ซึ่งแปลว่าผักหมักของเกาหลี



เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกในการพยายามตั้งชื่อกิมจิในภาษาจีน เมื่อปี 2013 เคยมีการตั้งชื่อกิมจิขึ้นมาใหม่เพื่อตอบสนองการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์กิมจิที่ผลิตในจีนและตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงตลาดภายในประเทศเกาหลีใต้เองด้วย

ตั้งแต่ปี 2006 เกาหลีใต้ประสบปัญหาขาดดุลการค้ากิมจิกับจีน โดยตั้งแต่ปี 2007-2011 มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์กิมจิจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า แต่หลังจากมีการประกาศชื่อใหม่ของกิมจิในภาษาจีนเมื่อปี 2013 ก็เกิดปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว ชื่อของ Xinqi ไม่เป็นที่นิยมในประเทศจีน จนมีการเรียกชื่อในแบบเดิมว่า pao cai หลังจากนั้นไม่นาน

แต่ในปีเดียวกันนั้น เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการได้รับการประกาศให้ "กิมจัง" ซึ่งเป็นประเพณีการทำและแบ่งปันกิมจิ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก จนทำให้กิมจิกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าภาคภูมิใจของเกาหลี

ดราม่าชื่อเรียกกิมจินี้เกิดขึ้นอีกครั้ง จากความขัดแย้งทางวัฒนธรรมหลายครั้งในปีที่แล้ว เดือนพฤศจิกายน 2020 มีบทความในสื่อของจีนว่า Sichuan pao cai เป็นมาตรฐานสำหรับสากล และ pao cai นั้นมีมานานแล้วในจีน บทความดังกล่าวชาวเน็ตและสื่อของเกาหลีใต้แสดงความเห็นว่าเป็นความพยายามขโมยวัฒนธรรมเกาหลี ซึ่งจุดกระแสต่อต้านจีนอย่างรุนแรง และยังมีการแชร์ภาพคนที่ดูเหมือนเปลือยกายแช่อยู่ในสระกะหล่ำปลีที่มีของเหลวสีน้ำตาล โดยใช้ชื่อภาพว่าเป็นโรงงานกิมจิที่น่ารังเกียจของจีน นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่หนังสือเกี่ยวกับกิมจิ และเน้นว่ากิมจิกับ pao cai มีความแตกต่างกันอย่างไร



สถานการณ์ความขัดแย้งด้านวัฒนธรรมนี้ก้าวออกมาจากวงการอาหารสู่การท่องเที่ยว แผนการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวไชน่าทาวน์ ในจังหวัดคังวอนของเกาหลีใต้ ถูกยกเลิกไปจากคำเรียกร้องของชาวเน็ตจำนวนมาก และยังมีการยกเลิกการออกอากาศซีรีส์เกาหลี Joseon Exorcist หลังจากผ่านไปเพียงสองตอน โดยมีการประท้วงต่อต้านฉากที่พระเอกสวมชุดสไตล์จีน ดื่มสุรา และกินอาหารจีน

แม้แต่สมาชิกของ BTS วงเคป็อบชื่อดังระดับโลก ที่ปรากฎตัวในรายการ มีการแปลซับไตเติ้ลคำว่ากิมจิเป็น "pao cai" ซึ่งชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ โดยอ้างว่าเป็นการแปลที่ช่วยส่งเสริมภาษาจีนคำนี้ และภายหลังต้องมีการเปลี่ยนแปลงคำแปลมาเป็น Xinqi

สำหรับการประกาศเปลี่ยนคำภาษาจีนของกิมจิในครั้งนี้ มีความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ อยู่บ้าง เช่น บางบริษัทได้เปลี่ยนคำแปลเป็น Xinqi แล้ว เช่น เครื่องมือแปลภาษาของ Naver (เสิร์ชเอนจิ้นของเกาหลีใต้) ส่วนอาหารเกาหลีใต้แบรนด์ Bibigo ก็เปลี่ยนคำแปลแล้วเช่นกัน



ส่วนใน Weibo โซเชียลมีเดียของจีน มีการแสดงความคิดเห็นหลายทาง บางคนปฏิเสธที่จะใช้คำนี้ เนื่องจากคิดว่ากิมจิก็ได้อิทธิพลจากผักดองของจีน บางคนเข้าใจความแตกต่างระหว่างกิมจิของเกาหลี กับผักดองของจีนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ การใช้คำว่า Xinqi แทนกิมจิในประเทศจีน อาจจะไม่ได้รับการยอมรับอย่างถูกต้อง เนื่องจากกฎหมายของจีนระบุให้บริษัทต่างๆ ต้องใช้ชื่อที่ผู้บริโภคชาวจีนคุ้นเคย นั่นหมายถึงธุรกิจต่างๆ อาจจะต้องใช้คำว่า Xinqi ควบคู่ไปกับ pao cai

และจากบทความในสื่อเกาหลีใต้ ยังมีการให้ความเห็นว่า เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลเกาหลีที่คิดคำศัพท์คำว่า Xinqi ที่จะบดบังความหมายของคำว่า กิมจิ ซึ่งเป็นชื่อที่น่าภาคภูมิใจและเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
#2987


เอพี - สหรัฐฯ จะจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุใหม่ให้กับเวียดนามเพิ่ม 1 ล้านโดส รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ประกาศวันนี้ (25) โดยเสนอความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับประเทศที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ที่พุ่งสูงและอัตราการฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับต่ำ

แฮร์ริสกล่าวในที่ประชุมทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนาม ว่า วัคซีนจะมาถึงเวียดนามใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ที่ทำให้ยอดวัคซีนที่สหรัฐฯ บริจาคให้กับเวียดนามรวมเป็น 6 ล้านโดส

นอกจากวัคซีนล็อตใหม่แล้ว สหรัฐฯ จะมอบทุน 23 ล้านดอลลาร์ในแผนช่วยเหลือชาวอเมริกันและเงินทุนฉุกเฉินผ่านทางศูนย์ควบคุมโรคและองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) เพื่อช่วยเวียดนามขยายการแจกจ่ายและการเข้าถึงวัคซีน ต่อสู้กับการะบาดของโควิด-19 และเตรียมพร้อมรับภัยคุกคามจากโรคในอนาคต นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมยังส่งมอบตู้แช่แข็ง 77 ตู้สำหรับจัดเก็บวัคซีนทั่วประเทศ

หลังการหารือทวิภาคี แฮร์ริสได้ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยท่ามกลางสายฝนและวางดอกไม้ยังอนุสรณ์ซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินของจอห์น แมคเคน ถูกกองกำลังเวียดนามเหนือยิงตกในปี 2510 เนื่องในวันครบรอบ 3 ปี การเสียชีวิตของวุฒิสมาชิกแมคเคน



ความช่วยเหลือเกี่ยวกับโควิด-19 นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการประกาศการเป็นหุ้นส่วนและการสนับสนุนเวียดนามในหลากหลายด้าน ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเยือนของแฮร์ริส ระหว่างการเดินทางทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นาน 1 สัปดาห์ ซึ่งรวมทั้งการเยือนสิงคโปร์ในช่วงต้นสัปดาห์ ที่มีเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อต่อต้านอิทธิพลจีน

การประกาศยังรวมถึงการลงทุนครั้งใหม่เพื่อช่วยเวียดนามเปลี่ยนไปสู่ระบบพลังงานสะอาดและขยายการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า การลดอัตราภาษีการส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ และความช่วยเหลือในการกำจัดอาวุธที่ยังไม่ระเบิดที่ตกค้างจากสงครามเวียดนาม

ระหว่างการพบหารือกับประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุ้ก แฮร์ริสได้แสดงการสนับสนุนที่จะส่งเรือตรวจการณ์ของหน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯ มายังเวียดนาม เพื่อช่วยป้องกันผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศในทะเลจีนใต้ และได้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการรุกล้ำของปักกิ่งในน่านน้ำพิพาท

แฮร์ริส ที่เป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เยือนเวียดนาม ได้กล่าวกับประธานาธิบดีเวียดนามว่า "ความสัมพันธ์ของเราเดินทางมาไกลมากในช่วง 25 ปี" และเธอยังประกาศเปิดสำนักงานศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสำนักงานใหม่ของ CDC นี้ เป็น 1 ใน 4 สำนักงานระดับภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งมุ่งเน้นการร่วมมือกับรัฐบาลในภูมิภาคในด้านการวิจัยและฝึกอบรมเพื่อรับมือและป้องกันวิกฤตด้านสุขภาพ

การประกาศเปิดสำนักงาน CDC มีขึ้นในขณะที่เวียดนามกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ในประเทศที่เป็นผลจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา และอัตราการฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับต่ำ จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ประเทศต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์นครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางธุรกิจของประเทศและเป็นศูนย์กลางของการระบาดระลอกล่าสุด.
#2988
ฉนวนกันความร้อน หลายคนไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันไม่ได้ร้อนมากมายไม่จำเป็นที่ต้องใส่อุปกรณ์เหล่านี้ก็ได้เป็นความสิ้นเปลืองที่เกินความจำเป็น สำหรับคนที่พูดในเรื่องเหล่านี้อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าโลกเรานะร้อนขึ้นทุก ๆ ปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนของบ้านเรานั้น น้ำหยดลงพื้นยังไม่ทันที่จะได้สัมผัสพื้นก็แห้งระเหิดหายกลายเป็นไอ เป็นที่เรียบร้อยด้วยความร้อนที่เกินกว่าจะคาดเดาได้ อีกหนึ่งส่วนที่คนมักจะกลัวก็คือเรื่องของราคาในการติดตั้ง แต่ก่อนตอนที่กำเนิดในเรื่องของ แผ่นกั้นความร้อน ขึ้นมาใหม่ ราคาของอุปกรณ์ชนิดนี้ถือว่าสูงเป็นอย่างมากแต่ในปัจจุบันนี้ราคาของมันลดลงมากกว่า 50% และถือได้ว่าคุ้มค่าต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก

อายุการใช้งานของ ฉนวนกันเสียง หรือ ฉนวนกันความร้อน เหล่านี้มีอายุการใช้งานนานนับสิบปี สำหรับผู้ที่ได้ใช้งานกับอุปกรณ์เหล่านี้ต่างก็มีความพอใจให้ความรู้สึกสบายสำหรับการอยู่บ้านของตนเองเป็นอย่างมาก เปรียบเทียบได้ง่าย ๆ สำหรับการก่อสร้างที่เหมือนกันทุกอย่าง โครงสร้างบ้านจัดสรรโดยทั่วไปจะมีโครงสร้างที่เหมือนกันเกือบทั้งหมดแต่ลองเปรียบเทียบในเรื่องของอุณหภูมิของบ้านที่ไม่ได้ติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน กับบ้านที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรงนี้ มีอุณหภูมิที่ต่างกันอย่างมาก ถึงแม้เราจะไม่ได้ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิเทียบกัน แต่ก็สามารถที่จะรู้สึกได้ด้วยตัวของเราเองแบบชัดเจน

การติด แผ่นกันความร้อน ไม่ได้ช่วยในเรื่องของการป้องกันความร้อนแต่เพียงอย่างเดียว ยังได้ประโยชน์ในส่วนของลดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ในเรื่องของการเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้ากันด้วย โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องปรับอากาศค่าความร้อนภายในบ้านนั้นมีมากการใช้เครื่องปรับอากาศก็จะเยอะตามไปด้วย ค่าไฟก็จะสูงขึ้นโดยที่มีเรานั้นไปโทษเกี่ยวกับเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเรื่องของการไฟฟ้า แต่ลืมนึกไปว่าอุณหภูมิของบ้านเรานั้นสูงกว่าบ้านด้านข้างที่ใช้ แผ่นกันความร้อน นั่นเอง ฉนวนกันความร้อน มีประโยชน์มากมายกว่าที่คุณรู้นอกจากกันความร้อนแล้วยังช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้เป็นจำนวนมาก
#2989


มหกรรมกีฬา 'พาราลิมปิก โตเกียว 2020' จะเปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ค่ำวันที่ 24 สิงหาคม นี้ โดย สมเด็จพระจักรพรรดิ นารุฮิโตะ เสด็จเป็นประธานพิธีเปิด ณ โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค 'โควิด-19' มีผู้ชมเข้าสนามได้ 75 คน

ขณะที่พิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 ส.ค.64 พิธีเปิดการแข่งขันนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิ นารุฮิโตะ ได้เสด็จเป็นประธานพิธี พร้อมด้วย โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี)  และ แอนดรูว พาร์สัน ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกสากล (ไอพีซี)  ซึ่งกำหนดการเริ่มจากสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ได้ประกาศถ้อยคำแถลงการแข่งขัน 'พาราลิมปิก โตเกียว 2020' โดยทางญี่ปุ่น และไอพีซี นำเสนอรูปแบบพิธีเปิดแสดงถึง 'การก้าวไปข้างหน้าด้วยกันด้วยปีกของเรา' เป็นการสร้างจิตสำนึกในความกล้าหาญของนักกีฬาพาราลิมปิกที่พยายามจะกางปีกไม่ว่าลมจะพัดไปทางไหน

ต่อด้วยการแสดงของทางเจ้าภาพที่เน้นสื่อความหมายถึงการจับมือกันของมวลหมู่ชาติสมาชิกพาราลิมปิกเกมส์ การให้เกียรติ และความกล้าหาญของนักกีฬา ความสามัคคีกันโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อถึงเสียงของความปรองดอง สมานฉันท์ ภายใต้คอนเซปต์ 'หลากทำนองสอดประสาน'

จากนั้นเข้าสู่ขบวนพาเหรดของทัพนักกีฬาจาก 183 ประเทศเข้าสู่สนาม โดยทัพนักกีฬาไทย เดินเข้าสู่สนามเป็นลำดับที่ 91 มี พล.ต.โอสถ ภาวิไล หัวหน้าคณะนักกีฬาพาราลิมปิกไทย นำขบวน และมี 'กร' พงศกร แปยอ นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งเจ้าของ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน พาราลิมปิกเกมส์ 2016 วัย 25 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น และ 'นก' สุบิน ทิพย์มะณี นักกีฬาบอคเซียเจ้าของเหรียญทองประเภททีมบีซี 1-2 พาราลิมปิกเกมส์ 2016 ร่วมกันถือธงไตรรงค์นำคณะนักกีฬาไทยเข้าสู่สนามเพื่อแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันทางเพศ

ช่วงสุดท้ายนักกีฬาทุกชาติร่วมกันประกาศสัตยาบันร่วมกันให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ความสามัคคีกัน รักใคร่ปรองดอง ก่อนที่จะมีพิธีจุดไฟในกระถางคบเพลิงซึ่งเจ้าภาพเน้นเรียบง่าย และปิดท้ายที่การจุดพลุไฟเฉลิมฉลองเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
#2990


อว. เผยไทยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว 27,612,445 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,987 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 233.94 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 84.9%

วันนี้ (24 ส.ค.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,987 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 363 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 171 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 233.94 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (76.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 91.10 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 27,612,445 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 55.65%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,987 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 27,612,445 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 20,830,673 โดส (31.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 6,230,511 โดส (9.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 551,261 โดส (0.8% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 24 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 27,612,445 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 573,446 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 501,688 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 9,315,125 โดส
- เข็มที่ 2 3,459,697 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 9,442,786 โดส
- เข็มที่ 2 1,905,095 โดส
- เข็มที่ 3 204,128 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 1,888,983 โดส
- เข็มที่ 2 834,867 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 183,779 โดส
- เข็มที่ 2 30,852 โดส
- เข็มที่ 3 347,133 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.2% เข็มที่2 106.2% เข็มที่3 77.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 32.9% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 28.6% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 36.9% เข็มที่1 7.1% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 40.5% เข็มที่2 12.6% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 40% เข็มที่2 4.6% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 5.1% เข็มที่2 0.4% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 41.7% เข็มที่2 12.5% เข็มที่3 1.1%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 15.5% เข็มที่3 1.1% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 84.9% เข็มที่2 19.8% เข็มที่3 1.6%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 39.3% เข็มที่2 16.3% เข็มที่3 0.5%
- นนทบุรี เข็มที่1 39% เข็มที่2 13.8% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 43.4% เข็มที่2 9.3% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 42.2% เข็มที่2 9.7% เข็มที่3 0.5%
- นครปฐม เข็มที่1 25.8% เข็มที่2 6.6% เข็มที่3 0.7%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 20.1% เข็มที่2 6.9% เข็มที่3 0.7%
- ชลบุรี เข็มที่1 34.8% เข็มที่2 11.4% เข็มที่3 1.0%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 24.7% เข็มที่2 6.4% เข็มที่3 0.4%
- สงขลา เข็มที่1 28% เข็มที่2 8.9% เข็มที่3 1.2%
- ยะลา เข็มที่1 29.8% เข็มที่2 9.3% เข็มที่3 0.7%
- ปัตตานี เข็มที่1 23.1% เข็มที่2 7.1% เข็มที่3 0.5%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 46.3% เข็มที่2 8% เข็มที่3 0.6%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 233,945,758 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 91,109,808 โดส (21.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 31,792,363 โดส (56.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 30,693,019 โดส (15.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 27,612,445 โดส (31.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 18,326,954 โดส (58.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
6. เวียดนาม จำนวน 17,065,896 โดส (15.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,746,612 โดส (76.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 4,456,857 โดส (4.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 3,874,672 โดส (29.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 246,716 โดส (41%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 67.14%
2. อเมริกาเหนือ 10.88%
3. ยุโรป 13.03%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.70%
5. แอฟริกา 1.83%
6. โอเชียเนีย 0.42%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,946.95 ล้านโดส (69.5% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 582.51 ล้านโดส (21.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 363.27 ล้านโดส (56.8%)
4. บราซิล จำนวน 178.55 ล้านโดส (43.5%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 118.31 ล้านโดส (46.9%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (89.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. บาห์เรน (82.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (82.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. สิงคโปร์ (76.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
5. กาตาร์ (76.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อุรุกวัย (75.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. ชิลี (73.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. เดนมาร์ก (72.4%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
9. อิสราเอล (71.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. แคนาดา (70%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech) 
#2991


ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ เดอะ นอร์เธิร์น ทรัสต์ ชิงเงินรางวัลรวม 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 316 ล้านบาท ที่สนาม ลิเบอร์ตี เนชันแนล กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,353 หลา พาร์ 71 รัฐนิว เจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นการชิงชัยในวันสุดท้าย

กำหนดการเดิมการแข่งขันต้องจบลงตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ ทำให้ต้องเลื่อนการดวลวงสวิงในวันที่สี่ ออกมาเป็นวันจันทร์

ปรากฎว่า โทนี ฟีนัว โปรกอล์ฟอเมริกัน กับ คาเมรอน สมิธ จากออสเตรเลีย จบสกอร์สี่วันเท่ากันที่ 20 อันเดอร์พาร์ ต้องมาเล่นเพลย์ออฟเพื่อหาผู้ชนะในหลุม 18 และสุดท้ายเป็น โทนี ฟีนัว ที่เอาชนะเพลย์ออฟไปได้ คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

ทั้งนี้เป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 5 ปี และถือแชมป์อาชีพรายการที่ 3 ของ ก้านเหล็กวัย 31 ปี จากยูท่าห์ โดยเป็นแชมป์ระดับพีจีเอ ทัวร์ รายการที่ 2 ในชีวิต หลังจากเคยได้แชมป์ที่เปอร์โตริโก โอเพ่น เมื่อปี 2016

ส่วนผลงานของโปรกอล์ฟคนอื่นๆ ที่น่าสนใจ จอน ราห์ม จากสเปน เกือบจะมีโอกาสได้ลุ้นแชมป์ แต่ดันมาออกโบกี้ในหลุมที่ 15 และ 18 ทำให้เขาจบที่ 18 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 3, จัสติน โธมัส จากสหรัฐฯ จบที่ 15 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 4 ร่วม, แซนเดอร์ ชัฟเฟล จากสหรัฐฯ จบที่ 11 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 16 ร่วม, ลี เวสต์วูด จากอังกฤษ จบที่ 9 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 27 ร่วม, ไบรสัน เดอแชมบัว จากสหรัฐฯ จบที่ 8 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 31 ร่วม
#2992


กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย และ ครอปไลฟ์ เอเชีย จัดการฝึกอบรมหลักสูตร "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ทางการเกษตร (UAV) และ การประมวลผลภาพ (Image processing)" เพื่อสร้างความเข้าใจในกฎระเบียบของเทคโนโลยี UAV ทางการเกษตรในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องและปลอดภัยในระดับสากล สามารถนำทักษะมาประยุกต์ใช้ในการทำเกษตรอัจฉริยะ เสริมอาชีพ สร้างความปลอดภัย พร้อมก้าวสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานในระดับเอเชีย มากกว่า 1,200 คน ประกอบด้วย นักวิจัยภาครัฐ/เอกชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ Start up ด้านการเกษตร นิสิต/นักศึกษา



นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช เปิดเผยว่า จากแนวทางนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการนำนวัตกรรม/เทคโนโลยีในภาคเกษตรกรรมของประเทศและของโลก มาถ่ายทอดให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจเพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการผลิตและการต่อยอดงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร จึงได้ร่วมกับสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย และ ครอปไลฟ์ เอเชีย จัดการฝึกอบรมหลักสูตร "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ทางการเกษตร (UAV) และ การประมวลผลภาพ (Image processing)" ขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจในกฎระเบียบของเทคโนโลยี UAV ทางการเกษตรในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องและปลอดภัยในระดับสากล โดยหลักสูตรการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมใน 4 หัวข้อหลัก ได้แก่

- การศึกษาข้อบังคับและกฎหมายของการใช้โดรน ผู้ใช้โดรนจะได้ทราบขั้นตอนและวิธีการขึ้นทะเบียนโดรนเกษตร การขออนุญาตใช้คลื่นความถี่สำหรับอากาศยานไร้คนขับ และพ.ร.บ.วัตถุอันตรายทางการเกษตร
- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Image Processing กับงานด้านอารักขาพืช เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชด้วยการใช้โดรนทางการเกษตร กรณีการศึกษาการเข้าทำลายของไรแดงแอฟริกันในทุเรียน ที่ถูกยกเป็นกรณีศึกษาให้ผู้เข้าอบรม
- การใช้งานและการประยุกต์ใช้ UAV ทางการเกษตร โดยการวางกฎระเบียบการใช้ โดรนด้านการเกษตร แลกเปลี่ยนมุมมองภาคอุตสาหกรรมต่อการพัฒนาโดรน และการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยจากประสบการณ์จริง
- การศึกษาเทคนิคการพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยโดรนการเกษตร เพื่อเป็นอาวุธลับให้เกษตรกรและผู้ใช้โดรน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย



อากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV เข้ามามีบทบาททางการเกษตรในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นเครื่องมือที่เกษตรกร หรือนักวิจัย ใช้ในกระบวนการการผลิตและวิจัย เพื่อรองรับการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศไทย ในยุคที่เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเข้ามาสร้างตลาดและมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร กรมวิชาการเกษตรพยายามขับเคลื่อนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาภาคการเกษตร อาทิการใช้เซนเซอร์ชนิดต่างๆ เช่น กล้อง RGB กล้อง MULTISPECTRAL เซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อม ตรวจวัดดิน/น้ำ พร้อมทั้งปรับรูปแบบของการบันทึกและการจัดเก็บข้อมูล ให้อยู่ในรูปแบบของ Digital Data บน Platform เดียวกัน เพื่อการเชื่อมโยงงานด้านการเกษตรเข้ากับงานด้านไอที และเครื่องจักรกลการเกษตร นำไปสู่การประมวลผลและสั่งการการทำงานของอุปกรณ์/เครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งการอบรมครั้งนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Transformation จากภาคการเกษตร สำหรับการเตรียมความพร้อมของนักวิจัย เกษตรกร ผู้ประกอบการ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้มีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก นายศรุต กล่าวสรุป



ด้าน นาย เจอริโก เบอนาบี แกสกอน นายกสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ทำกินของคนในประเทศ และเป็นหัวใจหรือหลอดเลือดของเกษตรกร จากอดีตจนถึงปัจจุบันเกษตรกรมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากมาย มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เป็นตัวช่วยให้การทำงานรวดเร็ว และสะดวกสบายมากยิ่ง จวบจนปัจจุบัน "โดรน" หรือ อากาศยานไร้คนขับ เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมในภาคอุตสาหกรรมเกษตร มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผสมกับโลกการผลิตให้เป็นจริงในระดับประเทศ ในยุคของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดรนกลายเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถนำประโยชน์มาสู่เกษตรกรอย่างมากมาย เช่น การประหยัดแรงงาน ลดการสัมผัสของผู้ปฏิบัติงาน ลดต้นทุนของเกษตรกร มีความคุ้มทุน คล่องตัว รวดเร็ว ประหยัดเวลา รวมทั้งมีความแม่นยำและลดความสูญเสียได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนทำให้ผลผลิตของเกษตรกรมีคุณภาพ สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ใช้โดรนอีกด้วย และในอนาคต "โดรน" อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญของเกษตรกรไทย ที่ทำให้ทุกคนให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้งานได้อย่างมีความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน



ทั้งนี้ เป้าหมายในการฝึกอบรมดังกล่าว คือ ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบและการขึ้นทะเบียน ความปลอดภัย ตลอดจนการนำเทคโนโลยี และภาควิชาการของโดรนทางการเกษตรไปใช้ในทุกแง่มุม จำเป็นต้องเกิดจากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ครอปไลฟ์ เอเชีย กำลังผนึกกำลังกับรัฐบาลทั่วเอเชีย ในการเพิ่มความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยีทางการเกษตร ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นในการสานต่อความร่วมมือกับรัฐบาลไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีโดรนให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เกษตรกร รวมทั้งนักศึกษาหรือผู้ว่างงานได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถเสริมสร้างอาชีพ เกิดรายได้ พร้อมก้าวเข้าสู่การเป็น "เกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture)" อย่างมีประสิทธิภาพได้ในวงกว้าง นาย เจอริโก กล่าวทิ้งท้าย



สำหรับผู้สนใจหลักสูตร "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนทางการเกษตร (UAV)" รวมถึงการขอข้อมูลเกี่ยวกับโดรนทางการเกษตรในงานด้านอารักขาพืช สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานวิจัยการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช กลุ่มกีฏและสัตววิทยา สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร โทร 02-579-4115, 02-579-1061 ต่อ 162 หรือ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://web.facebook.com/PATRS.DOA/ และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://www.facebook.com/taitacroplifethailand
#2993


โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังหลายปัจจัยใน-นอกประเทศเอื้อ โดยคาดว่าวันนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์และ Domestic play น่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องด้วย ส่วนหนึ่งมาจากการทำ Cover short ของนักลงทุนต่างชาติ

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดยุโรป และตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกถ้วนหน้า หลังคลายกังวลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมืองแจ็กสันโฮล ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ตลาดรับรู้และปรับฐานไปแล้วระดับหนึ่ง

อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) จากเดิม ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดของการซื้อและการใช้งาน เชื่อว่าจะช่วยให้การติดเชื้อลดลงได้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในระยะสั้นช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวดีขึ้น

ส่วนบ้านเราได้แรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติวานนี้พร้อมใจกันซื้อ อีกทั้งวันนี้คาดว่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีจะขึ้นนำตลาด หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรงกว่า 5% มากสุดในรอบ 5 เดือน และหลังจากที่ได้ปรับตัวลง 7 วันติดต่อกันจากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมถึงค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นด้วย

อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันในประเทศได้ลดลง ทำให้คาดการณ์ว่าในเดือน ก.ย.น่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บ้าง รวมถึงวันนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์และ Domestic play น่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องด้วย ส่วนหนึ่งมาจากการทำ Cover short ของนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้จะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ และการชุมนุมทางการเมือง รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ และงานไทยแลนด์โฟกัส ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25-27 ส.ค.นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,575-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,600 จุด
#2994


นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทได้บรรลุความสำเร็จในการร่วมทุนกับ บริษัท พีทีที โกล. แอลเอ็นจี จำกัด (PTTGL) บริษัทย่อยของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งร่วมทุนระหว่าง ปตท. และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ในสัดส่วนร้อยละ 50:50

โดย PTTGL ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์แอลเอ็นจี เจวี จำกัด จำนวน 250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50 โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันเพื่อจัดหาและจำหน่าย LNG รวมทั้งแสวงหาโอกาสในธุรกิจอื่น ๆ ใน LNG value chain ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพ ความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงต่อยอดการประกอบธุรกิจของ BGRIM



นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าPTTGLได้ดำเนินการธุรกรรมการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ แอลเอ็นจี เจวี ( BGP LNG JV )แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23สิงหาคม 2564 ส่งผลให้ PTTGLและ BGRIMจะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันจํานวนร้อยละ 50ในBGP LNG JV

ทั้งนี้บริษัท BGP LNG JVมีวัตถุประสงค์ในการดําเนินธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่าย LNGรวมทั้งแสวงหาโอกาสในธุรกิจอื่นๆใน LNG value chainทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งเป็นการดําเนินการตามแผนกลยุทธ์ของปตท.ในการมุ่งสู่พลังงานอนาคต (Future Energy)และเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจกับคู่ค้าที่มีศักยภาพ
#2995


นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่หน่วยธุรกิจการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คลังสินค้า ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายบริการคลังสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยบริษัท SGS (Thailand) เป็นผู้ทำการตรวจสอบและรับรองให้เป็นคลังสินค้าที่สามารถดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ เนื่องจากบริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าปรับอากาศขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตปลอดอากร หรือ Customs Free Zone ที่มีความสะดวกในการส่งต่อผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะช่วยปกป้องสินค้าดังกล่าวไม่ให้สัมผัสกับสภาวะอุณหภูมิสูงในระหว่างการขนส่ง รวมทั้งมีการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ดีและถูกสุขลักษณะ

นอกจากนี้ บุคลากรของฝ่ายบริการคลังสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ยังมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขนส่งและดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์เป็นอย่างดี และผ่านการอบรมมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) เช่นเดียวกัน

อนึ่ง การได้รับการรับรองมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) นี้นับเป็นการประกันคุณภาพการให้บริการคลังสินค้าของการบินไทย ว่าสามารถตอบสนองความต้องการขนส่งสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#2996


กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ เดือน ก.ค.2564 พบว่า การส่งออกเดือน ก.ค.2564 มีมูลค่า 22,650 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 20.27% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำและยุทธปัจจัย ขยายตัว 25.38% การนำเข้ามีมูลค่า22,467 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 45.94% และได้ดุลการค้า 183 ล้านดอลลาร์

ส่วนการค้าระหว่างประเทศช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค.2564 มีการส่งออก 154,985 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.20% มีการนำเข้า 152,362 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 28.73% และได้ดุลการค้า 2,622 ล้านดอลลาร์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกขยายตัวสูงมาจากการเร่งแก้ไขอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และการดำเนินงานตามแผนส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้การจ้างงานปรับตัวดีในระดับน่าพอใจ ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในสหภาพยุโรป (อียู) ทำให้ภาคบริการฟื้นตัว ผลักดันให้เศรษฐกิจยุโรปเติบโตเร็วขึ้น 

รวมทั้งภาคการผลิตทั่วโลกยังคงขยายตัวดีสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Man.cturing PMI) ที่อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 โดยการผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค สินค้าวัตถุดิบ และสินค้าเพื่อการลงทุนปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทที่อ่อนค่ายังเป็นปัจจัยหนุนต่อภาคการส่งออก

ส่งออกสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรม โต 24.3 %

สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรในเดือน ก.ค.2564 เพิ่ม 24.3% เป็นบวกต่อเนื่อง 8 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ดีประกอบด้วย ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 80.2% ขยายตัว 4 เดือนต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้น 62% ขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 18% ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน สินค้าที่ขยายตัวดี เช่น รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่มขึ้น 39.2% ขยายตัว 9 เดือนติดต่อกัน ผลิตภัณฑ์ยางพารา เพิ่มขึ้น 16% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน

ขณะที่ตลาดสำคัญขยายตัวดีเกือบทุกตลาดสำคัญ โดยตลาดสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.2% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน ตลาดจีน เพิ่มขึ้น 41% ต่อเนื่อง 8 เดือน ตลาดญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 23.3% ต่อเนื่อง 9 เดือน ตลาดอาเซียน เพิ่มขึ้น 26.9% ต่อเนื่อง 3 เดือน ตลาดอียู เพิ่มขึ้น 20.9% ต่อเนื่อง 6 เดือน

โควิดฉุดส่งออก ส.ค.-ก.ย.

สำหรับการระบาดของโรคโควิด-19 อาจกระทบได้ โดยเฉพาะเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นต้นไป เพราะล็อกดาวน์เริ่มอาจมีผลต่อภาคการผลิต โดยโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกบางแห่งต้องปิดทำให้ผลิตไม่ต่อเนื่องและอาจกระทบการส่งออก 

รวมทั้งสถานการณ์โควิดในประเทศเพื่อนบ้านและบางประเทศที่เราต้องส่งออกเริ่มติดขัดช่วงข้ามแดน เช่น ด่านไทยผ่านประเทศลาวและเวียดนามเพื่อไป ซึ่งจีนมีปัญหาบางช่วงบางเวลาต้องไปแก้ปัญหาหน้างานหลายครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้และสินค้าบางประเภท ในขณะที่มาเลเซียยังอยู่สถานการณ์ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาระบาด ซึ่งกระทบการส่งออกน้ำยางดิบไปมาเลเซียทำให้ราคายางในไทยกระทบ เพราะมาเลเซียเป็นตลาดส่งออกน้ำยางใหญ่ที่สุดขณะนี้ โดยต้องเร่งแก้ปัญหาไม่ให้ภาคการผลิตติดขัด

"เป้าส่งออกปีนี้วางไว้ 4% วันนี้ทำได้ 16.2% ถือว่าเกินเป้าแล้ว 4 เท่า และจะร่วมมือกับภาคเอกชนเดินหน้าทำให้ดีที่สุด ซึ่งแผนส่งออกในครึ่งปีหลังตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีกิจกรรมไม่น้อยกว่า 130 กิจกรรม แต่ต้องปรับแผนให้สอดคล้องสถานการณ์"นายจุรินทร์ กล่าว

เอกชนห่วงซัพพลายเชน

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทยและนายกกิติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า การส่งออกปี 2564 จะให้เติบโตอ 10% ต้องทำให้เดือนที่เหลือมีมูลค่าเดือนละ 19,926 ล้านดอลลาร์ และหากเติบโต 12% ต้องทำได้เดือนละ 20,852 ล้านดอลลาร์ และหากต้องการเติบโต 15% ต้องทำได้เดือนละ 22,240 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการส่งออก ได้แก่ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของคู่ค้าหลัก ความก้าวหน้าการผลิตวัคซีนและยารักษาและการอ่อนค่าของเงินบาท ส่วนปัจจัยลบครึ่งปีหลัง ได้แก่ การระบาดของโควิด-19 ที่กลายพันธุ์หลายประเทศ รวมถึงอัตราค่าขนส่งยังสูงจากการขาดแคลนตู้สินค้า ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ทุกประเภทปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์โลหะการขาดแคลนแรงงาน เพราะพบการติดเชื้อและมาตรการปิดโรงงานและกำลังซื้อในประเทศเริ่มถดถอย


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ทำมาตรการควบคุมโควิดภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต อาการรุนแรงและรักษากำลังการผลิตให้มากที่สุดโดยไม่ปิดโรงงาน 4 ข้อ ดังนี้

1.มาตรการ Bubble and Seal ภาคอุตสาหกรรมต้องมีแนวทางเดียวกันทุกพื้นที่ โดยสุ่มตรวจด้วย ATK สม่ำเสมอ 10% ของจำนวนพนักงานทุก 14 วัน ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายและให้พนักงานผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำเข้ามาทำงานใน Bubble

2.สถานประกอบการที่มีพนักงาน 300 คนขึ้นไป เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนงบตั้ง Factory Quarantine และ Factory Accommodation Isolation โดยมีจำนวนเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงาน และให้กระทรวงแรงงานตั้งโรงพยาบาลแม่ข่ายให้บริการโรงงานในพื้นที่ ณ จุดเดียว

3.สถานประกอบการที่มีพนักงานต่ำกว่า 300 คน ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้ง Community Quarantine ,Community Isolation ให้เพียงพอและมีเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงาน

4.จัดสรรวัคซีนตามลำดับความสำคัญทางสาธารณสุข การป้องกันโรคและเศรษฐกิจ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่อายุ 40-59 ปี กลุ่มพนักงานในสถานประกอบการที่มีติดเชื้อมากกว่า 50% จนต้องปิดกิจการ และกลุ่มพนักงานอุตสาหกรรมสำคัญ
#2997


หลังจากหน่วยงานรัฐและเอกชนท่องเที่ยวร่วมกันผลักดันการเปิดพื้นที่นำร่องภายใต้โมเดล "7+7 Phuket Extension" หวังต่อลมหายใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

กระทั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบโมเดลดังกล่าว ให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถท่องเที่ยวเชื่อมต่อจากโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" สู่พื้นที่นำร่องใน 3 จังหวัดดังกล่าว ด้วยรูปแบบ 7+7 เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

ชยพล หิรัณย์กนกกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและหน่วยงานรัฐของ "จังหวัดพังงา" มีความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยโมเดล 7+7 ภูเก็ต เอ็กซ์เทนชั่น เชื่อมต่อจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่พื้นที่นำร่องเขาหลักและเกาะยาว ภายใต้โครงการ "พังงา พร้อมต์" (Phang Nga Prompt) โดยนักท่องเที่ยวต้องพำนักภายใน จ.ภูเก็ต อย่างน้อย 7 คืนแรก ก่อนจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่อง จ.พังงา อีก 7 คืนหลัง จนครบ 14 คืนจึงจะสามารถไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นๆ ในไทยได้

โดยในวันที่ 26-27 ส.ค.นี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และความพร้อมของภูเก็ตและพังงาด้วยตัวเอง

และจากการติดตามยอดจองล่วงหน้า สมาคมฯพบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าพื้นที่นำร่องของ จ.พังงา กลุ่มแรกวันที่ 27-28 ส.ค.นี้ แต่ยังมีเพียง 7-8 คนเท่านั้น เนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นโครงการฯ คาดว่าจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาชัดเจนขึ้นในเดือน ก.ย.นี้ที่จำนวน 5,000 คน สร้างรายได้ 400 ล้านบาท โดยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้ อีกเดือนละ 10,000 คน รวมตลอดไตรมาส 4 เป็น 30,000 คน สร้างรายได้การท่องเที่ยวให้กับพังงา 2,500 ล้านบาท

หนุนรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดไทยและต่างประเทศของ จ.พังงา ตลอดปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท คิดเป็นฟื้นตัว 10% เมื่อเทียบกับรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ซึ่งปิดที่ 50,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2563 รายได้รวมฯลดลงอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท

"เราตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวยุโรปมาเที่ยวพื้นที่นำร่องในพังงา ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอแลนด์ รัสเซีย และโปแลนด์ แต่ก็ขึ้นกับสถานการณ์การระบาดภายในประเทศและจังหวัดภูเก็ตด้วย"


สำหรับคู่มือมาตรฐานแนวทางปฏิบัติ (SOP) เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่นำร่องของ จ.พังงา มี 2 แบบใน 2 พื้นที่ ได้แก่ 1.ในพื้นที่เขาหลัก เริ่มตั้งแต่สามแยกทับละมุ อ.ท้ายเหมือง จนถึงสามแยกบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า โดยจะมีการตั้งด่านเพื่อแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบถึงอาณาเขตพื้นที่ที่สามารถเดินทางได้ และจะมีการใช้แอพพลิเคชั่นหมอชนะในการติดตามตัวนักท่องเที่ยว โดยทางโรงแรมจะต้องตรวจสอบและคอยสแกนการเช็คอินนักท่องเที่ยวทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และถ้าหากนักท่องเที่ยวมีการปิดโทรศัพท์ ปิดการติดตามตัว หรือออกนอกพื้นที่ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนไปยังศูนย์คอมมานด์เซ็นเตอร์ของ จ.พังงา ทันที

และ 2.ในพื้นที่เกาะยาว และพื้นที่เขาหลักบริเวณหาดนาใต้ จะสามารถเดินทางเชื่อมโยงระหว่างกิจการที่ได้มาตรฐาน SHA Plus แล้วเท่านั้น มีการดูแลควบคุมโดย SHA Plus Manager ของโรงแรมที่นักท่องเที่ยวพำนักอยู่และมีระบบติดตามตัวเช่นเดียวกัน โดยในพื้นที่ทั้งหมดจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ควบคุม และเฝ้าระวังเหตุต่างๆ อยู่เสมอ

'เงินเยียวยาประกันสังคมมาตรา 40' เช็คด่วน www.sso.go.th โอนวันนี้รับ 5,000 บาท
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังทรงตัว! ติดเชื้อเพิ่ม 17,165 ราย พบเสียชีวิต 226 ราย ไม่รวม ATK อีก 314 ราย
'โผทหาร' ระเบิดเวลากองทัพ  วัฏจักร "พรรคพวก-ผลประโยชน์"
ด้านการเตรียมความพร้อมเรื่อง "กระจายวัคซีน" ปัจจุบันมีจำนวนประชากรใน จ.พังงา ได้รับการฉีดวัคซีนมากกว่า 50% แล้ว โดยในพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง เกาะยาว ฉีดแล้ว 70.33% ตะกั่วป่า 59.26% และท้ายเหมือง 44.43%

ขณะที่สถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน "SHA Plus" ปัจจุบันมีทั้งหมด 180 ราย แบ่งเป็นโรงแรม 75 ราย ยานพาหนะ 70 ราย บริษัทนำเที่ยว 18 ราย ร้านอาหาร 7 ราย และสปา 5 ราย โดยเมื่อเจาะเฉพาะ "โรงแรม" ที่ได้มาตรฐานดังกล่าว คาดว่าในเดือน ก.ย.นี้จะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง 25% หรือราว 20 กว่าแห่ง และเปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 4 นี้เป็น 50-60 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักราว 4,000-5,000 ห้อง

ส่วนตลาด "นักท่องเที่ยวไทย" หากต้องการมาเที่ยว จ.พังงา ในตอนนี้ ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส มีผลการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR, Antigen Test หรือด้วยเครื่องตรวจ ATK และเอกสารการจองห้องพักโรงแรม แสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ด่าน

ทั้งนี้คาดคนไทยกลับมาเที่ยวพังงามากขึ้นในไตรมาส 4 หลังมีการประเมินสถานการณ์ล่าสุดว่าแนวโน้มยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงเทพฯจะลดลงภายในปลายเดือน ก.ย.นี้ น่าจะทำให้คนไทยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น พร้อมออกท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยมีโครงการรัฐ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3" ที่ยังค้างอยู่มาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเสริมอีกแรง!
#2998


อิเกีย เพิ่มความสะดวกและความคุ้มค่าให้กับลูกค้าชาวไทยในช่วงล็อกดาวน์ ช้อปเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านผ่านอิเกีย ออนไลน์ ที่ IKEA.co.th ให้การใช้ชีวิตในบ้านเป็นไปอย่างปลอดภัยและตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ในราคาประหยัด และง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่ ค่าส่งพัสดุ 99 บาท จุได้ถึง 24 กิโลกรัม ราคาเดียวทุกพื้นที่จัดส่ง, บริการจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท (เฉพาะพื้นที่ที่ร่วมรายการ) ไม่จำกัดจำนวน, บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์ แล้วไปรับที่สโตร์ ไม่มีค่าใช้จ่าย, บริการออกแบบออนไลน์ และบริการผ่อน 0% นาน 10 เดือน พบกับบริการและข้อเสนอสุดพิเศษจากอิเกียออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564

บริการและข้อเสนอต่างๆ จากอิเกีย
- โปรโมชั่นค่าส่งแบบพัสดุ 99 บาท (จากปกติ 149 บาท) ช้อปจุใจได้ถึง 24 กิโลกรัม สำหรับสินค้าที่มีปริมาตรไม่เกิน 76 ลิตร และสินค้าแต่ละชิ้นมีความยาวไม่เกิน 1.4 เมตร
- โปรโมชั่นค่าจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท* (ปกติ 570 บาท) ช้อปเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ได้จุใจ *เฉพาะพื้นที่จัดส่งที่ร่วมรายการ
- บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์สะดวกและปลอดภัยจากที่บ้าน แล้วมารับสินค้าได้ที่จุดรับสินค้าที่สโตร์อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ พร้อมให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00 น.
- บริการออกแบบออนไลน์ ฟรี! สำหรับลูกค้าที่ต้องการออกแบบตู้เสื้อผ้า PAX เพิ่มความสะดวกออกแบบตู้เสื้อผ้าโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อได้ที่ IKEA.TH.planning@ikano.asia
- บริการผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และมียอดซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท

ทั้งนี้ อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ ปิดให้บริการชั่วคราวตามประกาศของ ศบค. และหวังว่าจะได้ต้อนรับทุกคนที่สโตร์อีกครั้งในเร็วๆ นี้
#2999


วินิซิอุส จูเนียร์ กลายเป็นซูเปอร์ซับ ลงไปยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ รีล มาดริด รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ ไล่ตีเสมอ เลบานเต้ ไปแบบสุดมัน 3-3 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม

ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ยกพลไปเยือน เลบานเต้ ที่เอสตาดี ซิอูตัต เดอ บาเลนเซีย

"ราชันชุดขาว" ภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เกมที่แล้วบุกไปเอาชนะ อลาเบส มาแบบขาดลอย 4-1 เกมนี้ยังนำทัพโดย 3 ประสานแนวรุก อย่าง คาริม เบนเซม่า, แกเร็ธ เบล และเอเด็น อาซาร์ ขณะที่ เลบานเต้ นำทัพโดย มาร์ตี โรเจอร์, โฆเซ่ โมราเลส และฮอร์เก เดอ ฟรูตอส

นาทีที่ 5 รีล มาดริด ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ คาริม เบนเซม่า ได้.ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ แกเร็ธ เบล ตวัดยิงด้วยซ้ายหนีมือนายทวารเจ้าถิ่นเข้าไป และเป็นเพียงประตูเดียวในครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เลบาเต้ ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาเพียง 34 วินาที ก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ โรเจอร์ มาร์ตี หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงสวนตัว ธีโบต์ กูร์ตัวส์ เข้าไป

หลังได้ประตูตีเสมอ เลบานเต้ ยังเล่นกันอย่างคึกคัก และมาได้ประตูพลิกนำ 2-1 ในนาทีที่ ฮอร์เก เดอ ฟรูตอส เปิด.จากริมเส้นฝั่งขวามาให้ โฆเซ คัมปานา ยิงแบบไม่จับ .ซุกก้นตาข่ายอย่างสุดสวย

นาทีที่ 73 รีล มาดริด ที่โหมบุกอย่างหนักก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ คาเซมิโร่ จ่ายคิลเลอร์พาสให้ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ยิงหนีมือผู้รักษาประตูเลบานเต้เข้าไป

นาทีที่ 79 เลบานเต้ ที่ถึงแม้จะบุกน้อยกว่าแต่ก็เป็นฝ่ายขึ้นนำอีกครั้ง 3-2 จากจังหวะลูกฟรีคิก .ไปตกใส่ศีรษะของดาวิด อลาบา เด้งมาเข้าทาง โรแบร์ ปิแอร์ ยิงจ่อๆเข้าไป

นาทีที่ 85 รีล มาดริด มาได้ประตูไล่ตามตีเสมออีกครั้ง 3-3 จากจังหวะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนชิพอย่างเหนือชั้น.ชนเสาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 87 สถานการณ์ของ เลบานเต้ ก็ย่ำแย่ไปอีก เมื่อไอเตอร์ เฟร์นานเดซ ผู้รักษาประตู ตั้งใจออกมาตัด.นอกกรอบเขตโทษ แต่ดันไปใช้มือเล่น ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ทำให้เจ้าถิ่นเหลือ 10 คน

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที รีล มาดริด บุกไปเสมอกับ เลบานเต้ แบบสนุก 3-3 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน ส่งผลให้ทีม "ราชันชุดขาว" มี 4 แต้ม จาก 2 นัด รั้งรองจ่าฝูง ส่วนเจ้าถิ่น มี 2 แต้ม จาก 2 นัด รั้งอันดับ 8

รายชื่อ 11 ตัวจริงของ รีล มาดริด
ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (GK), ลูกัส บาซเกซ, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, ดาวิด อลาบา, คาเซมิโร่, เฟเดริโก บัลเบร์เด, อิสโก, แกเร็ธ เบล, เอเด็น อาซาร์, คาริม เบนเซม่า


ผลลาลีกา สเปน วันที่ 22 สิงหาคม 2564 คู่อื่นๆ 
รีล โซเซียดัด 1-0 ราโย บาเยกาโน
แอตเลติโก มาดริด 1-0 เอลเช่ 
#3000


วันนี้ (23 ส.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า ขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 100 ล้านโดส ส่วนตัวผม ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมเอาใจช่วยให้รัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าปี 64 ที่ 100 ล้านโดส และผมก็หวังว่าคนไทยทุกคนเอาใจช่วยให้รัฐบาลทำสำเร็จ

เพราะนี่คือแผน ที่จะทำให้เราสามารถจัดการกับโรคได้ หากใครมานั่งแช่งในเรื่องนี้ ก็แย่เต็มทน แต่ผมก็เชื่อว่ามีแน่นอน เพราะการเมืองไทย ระยะหลังเล่นกันแรงมาก มาถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่า เป้าฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส เราจะไปถึงจุดนั้นได้ ด้วยปัจจัยบวก 2 ข้อ คือ



1. จำนวนวัคซีน ที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ
2. การขยายจุดฉีด กระจายไปยังต่างจังหวัด
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ผมลองทำใจให้สงบแล้วหาข้อมูล ก่อนจะพบว่า รัฐบาลไทย สามารถสั่งวัคซีน เพื่อนำมาฉีดให้ประชาชน ในฐานะสิทธิ์ด้านสุขภาพ กว่า 110 ล้านโดส
แบ่งเป็น
แอสตราเซเนก้า 61 ล้านโดส
ซิโนแวค 19.5 ล้านโดส
และไฟเซอร์ 30 ล้านโดส

เหล่านี้บรรลุสัญญาแล้ว และมีการทยอยส่งมอบตลอดปีนี้แน่นอน
นี่ยังไม่นับรวมจำนวนวัคซีนที่นานาชาติสนับสนุนไทย ไปจนถึงวัคซีนทางเลือก ที่มีการสั่งเข้ามาตลอด
เท่ากับเราได้คลี่คลายปัญหาเรื่อง SUPPLY ไปได้
ในส่วนของการกระจายฉีดวัคซีน นโยบายภาครัฐล่าสุด คือ ให้ระดมฉีดในต่างจังหวัด หลังจากฉีดกลุ่มเสี่ยงในกรุงเทพได้ตามเป้า

ล่าสุด เร่ง ให้ รพ.สต.ทั่วประเทศเป็นจุดบริการวัคซีน เพราะมีทั้งความพร้อม และเครื่องมือ
เท่ากับเราจะมีจุดฉีดเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งจ้องวิจารณ์
แต่คนทำงานก็ยังคงขันแข็ง ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ประเทศไทย มีคนอยู่ 2 กลุ่ม ครับ
คือคนที่วิจารณ์
กับคนที่ทำงาน และเราเดินไปข้างหน้าได้ เพราะคนกลุ่มนี้
#สู่เป้าหมาย100ล้านโดส+

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงาน ยอดการสั่งจองวัคซีน จากข้อมูลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า ประเทศไทย สั่งจองวัคซีน Sinovac แล้ว 19.5 ล้านโดส ส่งมอบแล้ว 13.4 ล้านโดส ได้รับการสนับสนุนวัคซีน Sinovac จากจีน 1 ล้านโดส

สั่งซื้อแอสตร้าเซเนก้า แล้ว 61 ล้านโดส ได้รับแล้ว 14.7 ล้านโดส ญี่ปุ่นสนับสนุนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1.05 ล้านโดส สหราชอาณาจักร ให้การสนับสนุนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 0.41 ล้านโดส ภูฎาน ให้ยืม วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 0.15 ล้านโดส
ไทยได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มแล้ว 5 ล้านโดส และได้รับการสนับสนุนวัคซีนซิโนฟาร์มจากจีน 0.5 ล้านโดส พร้อมทำสัญญาจัดหาวัคซีนจากไฟเซอร์แล้ว 30 ล้านโดส ได้รับการสนับสนุนวัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ 2.5 ล้านโดส และจัดหาวัคซีนจากจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส