• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#2141
แบงก์ชาติอังกฤษเตือนมิจฉาชีพใช้คริปโทฯเป็นเครื่องมือใหม่ในการหลอกลวง

นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ออกประกาศเตือนว่า คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือใหม่ที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงทางอาญา ซึ่งทางหน่วยงานกำกับดูแลของอังกฤษพยายามที่จะปราบปราม

นายเบลีย์กล่าวปราศรัยในการประชุม "Stop Scams" ที่ BoE จัดขึ้น โดยเขาระบุว่า เทคโนโลยีคริปโทเคอร์เรนซีก่อให้เกิดนวัตกรรมมากมายสำหรับบริการด้านการเงิน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพใช้ประโยชน์ด้วย

"เราเพียงแค่ต้องพิจารณาว่าส่วนใหญ่แล้วมิจฉาชีพเบื้องหลังการโจมตีเรียกค่าไถ่มักเรียกร้องให้เหยื่อจ่ายเงินด้วยวิธีใด ซึ่งคำตอบก็คือคริปโทเคอร์เรนซี" นายเบลีย์กล่าว
นอกจากนี้ นายเบลีย์ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ใช้คริปโทเคอร์เรนซีบางส่วนทำราวกับว่าไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายระดับประเทศ

"ผู้ใช้คริปโทเคอร์เรนซีบางส่วนมองว่าตนไม่ควรได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เพราะประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับโลกของพวกเขา ผมเสียใจด้วย แต่โลกนี้ก็เป็นโลกของพวกคุณเช่นกัน เราทุกคนล้วนอยู่ในโลกใบเดียวกัน" นายเบลีย์กล่าว
ทั้งนี้ นายเบลีย์เรียกร้องให้ธนาคาร, บริษัทด้านเทคโนโลยี และหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ร่วมมือกับ BoE แก้ปัญหาการหลอกลวงที่มุ่งหาประโยชน์จากผู้บริโภค แต่เขาก็ยอมรับว่าเรื่องนี้อาจเป็น "ภารกิจที่ไม่มีวันจบสิ้น"

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (FCA) ได้ขยายกำหนดเวลาการรับรองธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีในอังกฤษ ซึ่งทำให้บริษัทกว่า 10 แห่งมีเวลาเพิ่มขึ้นในการยื่นขอการรับรองหรือปรับปรุงการทำงานให้เป็นไปตามระเบียบด้านการป้องกันการฟอกเงินของอังกฤษ

จนถึงขณะนี้ มีบริษัท 33 แห่งที่ขึ้นทะเบียนถาวรกับ FCA ซึ่งจะอนุญาตให้บริษัทให้บริการด้านคริปโทเคอร์เรนซีในอังกฤษต่อไปได้หลังจากวันที่ 1 เมษายน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า FCA จะมีการประกาศขยายเวลาแล้ว แต่บรรดาธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีในอังกฤษก็ได้เตือนว่า บริษัทต่าง ๆ อาจย้ายฐานธุรกิจไปที่อื่นหากไม่ได้รับการรับรองจาก FCA
#2142
ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด ภาวะ inverted yield curve กดดันตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ โดยถูกกดดันจากภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตร ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้แนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,653.76 จุด ลบ 164.51 จุด หรือ 0.47%

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นทวิตเตอร์ อิงค์พุ่งขึ้นกว่า 23% สวนทางตลาด หลังจากที่ข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ได้ถือครองหุ้นในบริษัททวิตเตอร์จำนวน 73,486,938 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท

การถือครองหุ้นดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่ารวม 2.89 พันล้านดอลลาร์ หากคิดจากราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ ทำให้นายมัสก์กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของทวิตเตอร์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกบริษัท

เป็นที่น่าสังเกตว่า นายมัสก์ได้เพิ่มการถือครองหุ้นในทวิตเตอร์ แม้ว่าเขาเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์บริษัทเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ต่อการที่บริษัทละเมิดหลักการพื้นฐานในการแสดงความเห็นอย่างอิสระ

เมื่อพิจารณาการปรับตัวของตลาดหุ้นสหรัฐในไตรมาส 1/65 พบว่า ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ดิ่งลง 4.5% และ 4.9% ตามลำดับ ขณะที่ Nasdaq ทรุดตัวลงกว่า 9% ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของดัชนีทั้ง 3 เมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งขณะนั้นโควิด-19 กำลังเริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยังพอมีข่าวดีในเดือนเม.ย. โดยสถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าตลาดมักปรับตัวขึ้นในเดือนเม.ย. โดยเป็นรองแต่เพียงเดือนธ.ค.เท่านั้น ซึ่งการสำรวจในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.41% ในเดือนเม.ย.

สถิติยังระบุว่า เดือนธ.ค.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นร้อนแรงมากที่สุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

นอกจากนี้ สถิติบ่งชี้ว่าเดือนก.ย.เป็นเดือนที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี โดยนับตั้งแต่ปี 2488 ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 0.56% ในเดือนดังกล่าว

ตลาดพันธบัตรสหรัฐยังคงเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธ

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.432% ในวันนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 3 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.61% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.549% โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวอยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.397% ขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปีอยู่ที่ระดับ 2.467%

ก่อนหน้านี้ ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อวันศุกร์ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในอีกเพียงไม่กี่ปีถัดมา

ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น

 
#2143
กลุ่มซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ เข้าถือหุ้น บลจ.ไอร่า ลุย Wealth Management-Private Fund

นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) เปิดเผยว่า บลจ.ไอร่า ซึ่ง AIRA ถือหุ้นใหญ่ 99.99% ขายหุ้นให้กับบริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (ไทย) (SMTBT) ในสัดส่วน 10% ของทุนจดทะเบียน

สำหรับ SMTB ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจและให้บริการทั่วโลก สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ AIRA Group เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพและความมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงจากการระบาดของโควิด-19 แต่กลุ่ม AIRA ก็ยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี

"ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (ไทย) ได้ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอร่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มไอร่าในการดึงดูดพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านชื่อเสียงและความสามารถในการสร้างผลตอบแทน" นางนลินี กล่าว
การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อ บลจ.ไอร่า ในการให้บริการลูกค้าในด้าน Wealth Management และ Private Fund ซึ่งปัจจุบันได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล และได้รับอนุญาตเป็นตัวแทนขายกองทุนรวมจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกทั้งความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกลุ่ม AIRA และซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ ยังเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของ AIRA กับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการตอกย้ำศักยภาพอันแข็งแกร่งของกลุ่มไอร่าในฐานะผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการเงินในรูปแบบ Non-Bank ครบวงจรภายใต้บริการแบบ One stop service

ปัจจุบัน ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ มีมูลค่าตลาดรวม 1.5 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 410,000 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 60 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 16.2 ล้านล้านบาท และ ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (ไทย) เป็นธนาคารพาณิชย์ ในกลุ่ม SMTB ที่ตั้งในประเทศไทย โดยได้รับใบอนุญาตและเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 58 ปัจจุบันมีสินทรัพย์ 85,000 ล้านบาท มูลค่าสินทรัพย์สุทธิในปี 64 เป็นจำนวน 20,000 ล้านบาท
#2144
BCPG เผยโรงไฟฟ้าโคมากาแนะในญี่ปุ่น 25 MW เริ่ม COD แล้ว

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา BCPG ได้เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โคมากาเนะ ตั้งอยู่ที่ จังหวัดนากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์ กับบริษัท ชูบู อิเล็คทริค เพาเวอร์ จำกัด (Chubu Electric Power Company) ภายใต้การลงทุนแบบทีเค ในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีราคารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff (FIT) ที่ 36 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 20 ปี

"ปัจจุบัน BCPG มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญารวม 89.7 เมกะวัตต์ การเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโครงการโคมากาเนะในครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าที่มีการเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในญี่ปุ่น รวมทั้งสิ้น 59.7 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา อีกจำนวน 30 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้" นายนิวัติ กล่าว
#2145
บิทคับ คว้ารางวัล 'GOLDEN HEART AWARD 2021' ในฐานะองค์กรที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาภัยโควิด-19

วันที่ 31 มีนาคม 2565 ณ ห้อง.รูม เมย์แฟร์ โรงแรม เดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ นายสุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท บิทคัท แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด เข้ารับรางวัล 'GOLDEN HEART AWARD 2021' หรือ 'องค์กรหัวใจทองคำ' จาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่ทางสมาคมฯ มอบให้แก่หน่วยงานหรือองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในการช่วยบรรเทาภัยโควิด-19 รวมถึงทำคุณประโยชน์ในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง และผู้ด้อยโอกาส อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา

บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ได้ให้การสนับสนุนการทำงานของ สมาคมฯ อาทิ 'บิทคับ ร่วมกับ แฟลช กรุ๊ป และ บริษัท อนันดา ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด มหาชน บริจาคเครื่องช่วยหายใจ High flow จำนวน 30 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลที่ขาดแคลน' ซึ่งบริจาคให้แก่ 15 โรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยวิกฤติในระดับสูง ได้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลเด็ก, โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี, โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, โรงพยาบาลราชวิถี, สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ, โรงพยาบาลวังน้อย, โรงพยาบาลบางกรวย, โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า, โรงพยาบาลสมุทรสาคร, โรงพยาบาลบ้านแพ้ว และโรงพยาบาลพานทอง รวมไปถึงบริจาคชุด PPE หน้ากากอนามัย และชุดเครื่องนอนสำหรับเตียงผู้ป่วยแก่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งได้ส่งต่อแก่โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ยังช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 อาทิ 'สร้างร่มเงาให้ตลาดการค้า จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ ตลาดนัดกรมชลประทาน, ตลาดน้ำวัดสะพาน, ตลาดปัฐวิกรณ์, ตลาดนัมเบอร์วัน 2, ตลาดวงษกร, ตลาดนัดสวัสดิการทหารอากาศ, ตลาดนัดเรืองไทย, ตลาดนัดคลองลาดหวาย โดยเริ่มที่ตลาดน้ำขวัญเรียม ซึ่งการแจกร่มขนาดใหญ่สำหรับร้านค้านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่ายและปรับปรุงทัศนียภาพของร้านรวมถึงยังได้อุดหนุนร้านค้าให้แจกอาหารฟรีสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และ บริษัทในเครือบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ยังจัดทำโครงการ CSR ร่วมกับ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด จัดแคมเปญ BITKUB x SHIPPOP แจกซองพัสดุ 1 ล้านซอง เพื่อสนับสนุนร้านค้าออนไลน์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังร่วมกับ เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จัดกิจกรรมปันสุขกับ 'ปันกัน' ส่งต่อของเก่าในดวงใจเพื่ออนาคตใหม่ของใครอีกหลายคน โดยวางเป้าหมายการส่งมอบของให้กับทางร้านปันกัน 5,000 ชิ้น เพื่อให้ทางร้านนำสินค้าไปจำหน่ายต่อและนำรายได้ทั้งหมดกระจายให้กับผู้ที่ต้องการโอกาสต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิยุวพัฒน์

นาย สุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท บิทคัท แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด เปิดเผยว่า 'ขอขอบคุณสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ ที่ได้เล็งเห็นถึงความตั้งใจของบิทคับในการเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือสังคม บิทคับมีเจตนารมณ์ในการเดินหน้าช่วยเหลือสังคม จับมือคนไทยสู้ภัยโควิด-19 โดยเน้นให้การสนับสนุนการทำงานของแพทย์ พยาบาล และหน่วยงานสาธารณสุข รวมถึงบรรเทาผล กระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ขาดแคลนและด้อยโอกาสในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งในปีนี้เรายังคงมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าช่วยเหลือสังคม และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง'

ขณะที่ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า 'จุดมุ่งหมายของกลุ่มบริษัทบิทคับคือสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสสำหรับทุกคน และเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย ซึ่งต้องมาพร้อมกับความตระหนักรู้และรับผิดชอบต่อสังคม ในวันที่บริษัทเราเริ่มจะมีกำไรแล้วเราได้ตั้งทีมขึ้นมาเพื่อทำงานด้าน CSR โดยเฉพาะ และวางนโยบายให้กับบริษัทในเครือทุกบริษัทเพื่อที่จะวางแผนที่ใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาสังคม ให้โอกาสคนที่ยังขาดโอกาส โดยส่วนตัวก็ได้ตั้งมูลนิธิ 'ท๊อป จิรายุส' ขึ้นมาเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาของเยาชนอีกด้วย หวังว่าพลังเล็กๆของกลุ่มของเราจะสามารถสร้างความสุขและการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของอีกหลายคนไม่มากก็น้อย'
#2146
เชลล์ครองตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกติดต่อกัน 15 ปีซ้อน จากไคล์ แอนด์ คอมพานี

เชลล์ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดครองตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 15 จากรายงานการวิเคราะห์และการประเมินตลาดในอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลกฉบับที่ 19 ของไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company) สถาบันด้านการวิจัยตลาดชั้นนำ สะท้อนหลักในการดำเนินธุรกิจของเชลล์ที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ปรับตัวสู่โลกดิจิทัล เป็นพันธมิตรกับลูกค้า และร่วมพัฒนาชุมชน

นางสาววีธรา ตระกูลบุญ กรรมการบริหาร ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า "จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีน้ำมันหล่อลื่นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและผู้บริโภคทุกคน เชลล์รู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกติดต่อกัน 15 ปีซ้อนจากการจัดอันดับของไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company) ตอกย้ำความตั้งใจของเชลล์ในการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมน้ำมันหล่อลื่นให้หลากหลายและเหมาะสมกับทุกการใช้งาน ยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความสะดวกสบายของทั้งลูกค้าและพันธมิตร ทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 'Powering Progress' ที่มุ่งเน้นการร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน บรรลุเป้าหมายสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน"

ในรายงานดังกล่าวระบุว่าน้ำมันหล่อลื่นเชลล์เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งตามผลสำรวจสำหรับรถยนต์โดยสารในประเทศสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย* โดยที่ผ่านมาเชลล์ได้นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรดพรีเมี่ยมสูตรคาร์บอนนิวทรัล (Carbon Neutral) เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า 0W สูตรใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันผู้ขับขี่จักรยานยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย* ก็วางใจให้เชลล์เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ (ตามผลสำรวจ) โดยเชลล์ได้เปิดตัวน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 2 สูตรใหม่สำหรับรถจักรยานยนต์ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเพียวพลัส (PurePlus Technology) นวัตกรรมสิทธิ์เฉพาะของเชลล์อย่าง เชลล์ แอ๊ดว้านซ์ เพาเวอร์ 15W-50 สำหรับไบค์เกอร์สายลุย และ เชลล์ แอ๊ดว้านซ์ ซิตี้ 10W-40 สำหรับไบค์เกอร์ในเมือง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกันอีกด้วย

เชลล์ยังเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่ครองใจเจ้าของรถบรรทุกในประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ตามผลสำรวจ เช่นเดียวกับในประเทศสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน อียิปต์ และฟิลิปปินส์* ในประเทศไทย เชลล์ ริมูล่าได้สานต่อเจตนารมณ์การอยู่เคียงข้างผู้ขับรถบรรทุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอมุมมองฮีโร่รถบรรทุกผู้เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้า ไปจนถึงการสานต่อโครงการ "ฮีโร่รถบรรทุกอุ่นใจ ขับขี่ปลอดภัย กับเชลล์ ริมูล่า" อย่างต่อเนื่อง โดยเชลล์ยังเป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายน้ำมันเครื่องระดับพรีเมี่ยมจากเทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติ (Gas-to-Liquid) เป็นรายแรกของโลกอีกด้วย

นอกจากนั้น ท่ามกลางการเติบโตของโลกยุคดิจิทัล กลุ่มธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ยังมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งลูกค้าทั่วไปรวมถึงลูกค้าภาคธุรกิจ ด้วยบริการผู้ช่วยเหลือด้านเทคนิคผ่านช่องทางออนไลน์และแอปพลิเคชันเช่น Shell LubeChat, Shell LubeAnalyst, Shell LubeMatch, Shell LubeExpert และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับประเทศไทย นอกจากการเปิดจำหน่ายสินค้าและบริการน้ำมันหล่อลื่นผ่านช่องทาง e-Commerce การบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นผ่านรูปแบบ e-Coupon ให้กับลูกค้าทั่วไป และโครงการ Shell Advantage Reward (SHARE Application) ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับร้านค้าพันธมิตรแล้ว เชลล์ยังเสริมแกร่งให้กับกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจ ด้วยการเปิดตัว LINE Official Account ภายใต้ชื่อ 'น้ำมันหล่อลื่นเชลล์' ให้พวกเขาสามารถรับข่าวสาร ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และรับการบริการด้านเทคนิคจากเชลล์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

ปัจจุบัน ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์มีโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น 30 แห่ง โรงกลั่นน้ำมัน 4 แห่งและโรงงานผลิตจาระบี 8 แห่ง รวมถึงมีพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายระดับใหญ่มากกว่า 80 รายและผู้จัดจำหน่ายทั่วไปอีกมากกว่า 1,200 ราย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั่วโลก

"ผลสำรวจนี้นับเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนของความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจของพนักงานเชลล์ทุกคน ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์จะไม่หยุดยั้งการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมผ่านผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงและการให้บริการลูกค้าทั้งกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุมต่อไป" นางสาววีธรา กล่าวสรุป

*อ้างอิงจากรายงานการวิเคราะห์และการประเมินตลาดในอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลกฉบับที่ 19 ของไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company)
#2147
สหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลง 0.5% ในก.พ. สอดคล้องคาดการณ์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

คำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบ และการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการใช้จ่ายในภาคบริการ

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ปรับตัวเลขคำสั่งซื้อในเดือนม.ค.เป็นเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 1.4%

ด่วน! เลบานอนประกาศล้มละลายแล้ว เตรียมเจรจาขอเงินกู้ IMF

 นายซาอัด ชามิ รองนายกรัฐมนตรีเลบานอน ประกาศว่า สาธารณรัฐเลบานอนและธนาคารกลางเลบานอนได้ล้มละลายแล้ว และรัฐบาลกำลังเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบต่อประชาชน

นายชามิกล่าวว่า การเจรจากับ IMF ดังกล่าวได้รวมถึงการปรับโครงสร้างระบบธนาคาร, แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ, การอนุมัติงบประมาณ รวมทั้งการออกกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเงินทุน

ก่อนหน้านี้ เลบานอนได้เผชิญวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ ส่งผลให้ประเทศขาดแคลนสกุลเงินตราต่างประเทศอย่างหนัก

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางการเงินได้กล่าวหาธนาคารพาณิชย์ของเลบานอนว่าได้นำเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศของลูกค้าไปฝากไว้ที่ธนาคารกลางเพื่อแลกกับการได้รับอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางเลบานอนก็ได้นำเงินฝากดังกล่าวไปหนุนค่าเงินปอนด์ของเลบานอน และชดเชยการขาดดุลงบประมาณของประเทศ
#2148
FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน มี.ค.65 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 117.92 ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 113.03 ในการสำรวจครั้งก่อน ยังอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว"

ปัจจัยบวก ได้แก่ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมาค่อนข้างดี สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศคลี่คลายระดับหนึ่ง การไหลเข้าของเงินทุน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

ส่วนปัจจัยลบ ยังเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และ สถานการณ์โควิดโอมิครอน

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนมี.ค. 65 สรุปได้ดังนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย.65) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (ช่วงค่าดัชนี 80-119) เพิ่มขึ้น 4.3% มาอยู่ที่ระดับ 117.92
ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ "ทรงตัว" ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ "ร้อนแรง"
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดธนาคาร (BANK)
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกของปี 2565
ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งใน รัสเซีย-ยูเครน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ผลสำรวจ ณ เดือน มี.ค.65 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 25.1% อยู่ที่ระดับ 113.24 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 22.2% อยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 5.9% อยู่ที่ระดับ 100.00 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลด 6.7% มาอยู่ที่ระดับ 133.33 สำหรับ SET Index ในเดือน มี.ค.65 ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1,619.10-1,698.40 จุด โดย SET index ปรับลงแรงในช่วงสัปดาห์แรกตามตลาดโลกหลังสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่อแววยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไทยปรับตัวขี้นได้เร็วจากเงินทุนไหลเข้าที่ส่งผลให้ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม โดยต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในเดือน มี.ค.รวม 32,770.51 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 65 ต่างชาติซื้อสุทธิรวม กว่า 108,340.35 ล้านบาท

นอกจากนี้ ตลาดทุนได้รับข่าวดีจากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีมติให้ยกเลิกการทดสอบ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสเริ่ม 1 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อภาคท่องเที่ยวของไทย ส่งผลให้ SET Index ณ สิ้นเดือน มี.ค.65 ปิดที่ 1,695.24 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการที่นานาประเทศคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันดิบ แผนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งการประกาศขึ้นดอกเบี้ยรอบแรก 0.25% เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ดี ยังเป็นปัจจัยที่น่าติดตามหากอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าคาดการณ์ซึ่งจะมีผลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบหน้า และมาตรการผ่อนคลายต่อการรับมือวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ในหลายประเทศ ซึ่งจะเอื้อให้ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวเร็วขึ้น

ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การประกาศผลกระกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกของปี 65 และสถานการณ์โรคระบาดโควิด?19 หลังเทศกาลสงกรานต์
#2149
กรุงไทยผลักดันฉะเชิงเทราเมืองอัจฉริยะ ชวนสัมผัส Digital Lifestyle งานมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว

ธนาคารกรุงไทย ชวนสัมผัสประสบการณ์ Digital Lifestyle ในงานวันมะม่วงและของดี ครั้งที่ 51 ชิมและช้อปมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองพันธุ์ดีขึ้นชื่อ ผลิตผลการเกษตร สินค้าชุมชน ทาร์ตมะม่วง ผลิตภัณฑ์จากโครงการ "กรุงไทยรักชุมชน" ผ่านคนละครึ่ง ด้วยแอปเป๋าตัง หรือใช้จ่ายด้วย Krungthai NEXT สมัคร "แปดริ้วอีซี่การ์ด" ใช้จ่ายแทนเงินสด โดย นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดงาน ในวันที่ 1 เมษายน 2565 ณ สนามโรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 10 เมษายน 2565 ตั้งแต่เวลา 9.00 น.- 21.00 น.

ธนาคารกรุงไทยสนับสนุนการจัดงานและร่วมออกบูธภายในงาน สำหรับผู้ที่มาเที่ยวชมงานจะได้เปิดประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สมาร์ทกว่าเดิม ด้วยการสมัคร "แปดริ้วอีซี่การ์ด" บัตรอัตลักษณ์ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา เพิ่มความสะดวกสบาย ใช้จ่ายแทนเงินสด สัมผัสประสบการณ์ Digital Lifestyle เลือกซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองพันธุ์ดีขึ้นชื่อ ผลิตผลการเกษตร สินค้าชุมชน ผ่านโครงการคนละครึ่ง ด้วยแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือใช้จ่ายด้วย Krungthai NEXT ซึ่งมีผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูป และสินค้าชุมชนกว่า 250 ร้านค้า พร้อมช้อปปิ้งทาร์ตมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ที่สร้างอาชีพและเสริมรายได้ให้ชุมชน ภายใต้โครงการ "กรุงไทยรักชุมชน" ที่มุ่งพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมจัดแคมเปญลุ้นรับของรางวัลสำหรับลูกค้าที่ช้อปครบทุก 50 บาท นำ e-Slip ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมาย เชิญชวนร่วมทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับโรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหารผ่าน e-Donation รับใบอนุโมทนาอิเล็กทรอนิกส์ทางอีเมล โดยระบบจะส่งข้อมูลไปยังกรมสรรพากร เพื่อประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี สามารถร่วมกิจกรรมได้ที่บูธธนาคารกรุงไทยภายในงาน

ธนาคารกรุงไทยสนับสนุนกิจกรรมและงานประจำปีของจังหวัดฉะเชิงเทราอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก และสร้างรายได้ให้ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ #กรุงไทยเคียงข้างไทยสู่ความยั่งยืน โดยธนาคารมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินที่ทันสมัยมายกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมผลักดันสู่สังคมไร้เงินสด ภายใต้โครงการ Smart Economy ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบการยกระดับจังหวัดฉะเชิงเทราสู่การเป็น "เมืองอัจฉริยะ" หรือ Smart City โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.Smart Economy เศรษฐกิจอัจฉริยะ ด้วยการนำระบบ Smart Market บริการรับชำระเงินดิจิทัลให้กับ 2,200 ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมขยายการให้บริการแก่ร้านค้ากว่า 200 ร้านในตลาดชุมชนวัดสมานรัตนาราม เพื่อรองรับการรับชำระเงินดิจิทัลจากผู้ซื้อ และร้านค้า ติดตั้งเครื่องรับชำระเงิน EDC เพื่อรองรับการใช้จ่ายด้วยบัตร "แปดริ้วอีซี่การ์ด" ที่เป็นบัตรเดบิต-บัตรเติมเงิน (e-Money) เพียงบัตรเดียว ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ "กิน-ช้อป-เดินทาง" และใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านค้าหรือออนไลน์ที่รับบัตร VISA และ PromptCard 2.Smart Mobility ระบบขนส่งอัจฉริยะ พัฒนาระบบ EMV Contactless รองรับการชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดผ่านเครื่อง Krungthai EDC ด้วยการแตะบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์ Contactless หรือสแกน QR CODE ด้วย Krungthai NEXT หรือ Mobile Banking ของทุกธนาคาร 3.Smart People พลเมืองอัจฉริยะ พัฒนา University Application ให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ เชื่อมโยงระบบสารสนเทศของมหาวิทยาลัยกับระบบการทำธุรกรรมดิจิทัลของธนาคาร รองรับทุกไลฟ์สไตล์และกิจกรรมของนักศึกษา อาจารย์ และบุคลากร กว่า 5,000 คน ไว้ในที่เดียว เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัยอัจฉริยะ 4.Smart Living ความเป็นอยู่อัจฉริยะ ด้วยบริการด้านสุขภาพพื้นฐานผ่าน Health Wallet หรือ กระเป๋าตังสุขภาพ บนแอปฯ เป๋าตัง 5.Smart Governance เพิ่มประสิทธิภาพระบบงาน ลดขั้นตอน รวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ ทำให้เกิด ธรรมาภิบาล ด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลให้กับหน่วยงานภาครัฐ

การพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทราสู่เมืองอัจฉริยะ เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างธนาคารกรุงไทยและจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ต้องการวาง Digital Platform เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และความสะดวกสบายครอบคลุมทุกมิติการใช้ชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 5 Ecosystems หลักของธนาคาร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยสู่ความยั่งยืน
#2150
IVL ปิดดีลซื้อ Oxiteno แล้วเมื่อ 1 เม.ย. หนุนรายได้กลุ่มธุรกิจ IOD เพิ่ม

บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท ได้มีการเปิดเผยสารสนเทศ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นในอัตราร้อยละ 100 ของบริษัท Oxiteno S.A. ? Industria e Comercio ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และบริษัทในเครือ (Oxiteno) นั้น บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 โดยทีมผู้บริหารของไอวีแอลได้เข้าควบคุมดูแลกิจการของ Oxiteno ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ประเทศอุรุกวัย ประเทศเม็กซิโก และประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย Oxiteno จะเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) ของไอวีแอล ซึ่งกิจการของ Oxiteno ที่ไอวีแอลเข้าซื้อ ประกอบด้วยฐานโรงงานผลิต 11 แห่งในละตินอเมริกาและสหรัฐอเมริกา ศูนย์วิจัยและพัฒนา 5แห่งพร้อมทีมบริหารที่มากประสบการณ์ การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมที่รัดกุม และความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับ Oxiteno กลุ่มธุรกิจ IOD จะเป็นผู้นำเทคโนโลยีที่ส่งเสริมโซลูชั่นสารลดแรงตึงผิวที่โดดเด่น ด้านนวัตกรรมและมีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ทั้งในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลที่อยู่อาศัยและการดูแลส่วนบุคคล โซลูชั่นเพื่อการเกษตร รวมทั้งสารเคลือบผิวและตลาดทรัพยากร ความหลากหลายนี้จะเพิ่มเสถียรภาพและความยืดหยุ่นทางรายได้ของกลุ่มธุรกิจ IOD โดยตลาดสารลดแรงตึงผิวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยหนุนจากการเติบโตของจำนวนประชากร การขยายตัวของสังคมเมือง และความตระหนักต่อสุขอนามัยที่เพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางการระบาดทั่วโลก

การลงทุนใน Oxiteno มีมูลค่าของกิจการ (enterprise value) ในอัตราส่วน 6.1 เท่าของ EBITDA เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2564 และทำให้เกิดรายได้ส่วนเพิ่มทันทีทั้งนี้ธุรกรรมดังกล่าวซึ่งรวมถึงการกำหนดจ่ายเงินมูลค่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน ปี 2567 ใช้งบลงทุนทั้งหมดจากกระแสเงินสดอิสระ สินทรัพย์ระยะสั้นจากเงินทุนหมุนเวียน และหนี้สินที่มีดอกเบี้ย ทั้งนี้ ไอวีแอลคาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐจากการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ การเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน

นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IVL กล่าวว่า การซื้อกิจการที่เป็นไปตามกลยุทธ์ครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ปี 2573 ของเราที่มุ่งเสริมสร้างความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านความยั่งยืน และเป้าหมายต่อเนื่องของเราที่ต้องการเพิ่ม EBITDA ขึ้นสองเท่าในทุกๆ 5 ปี

Oxiteo จะเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) ของไอวีแอล ซึ่งจัดตั้งในปี 2563 เมื่อครั้งเข้าซื้อสินทรัพย์จากบริษัท Huntsman ประเทศสหรัฐอเมริกา (หรือธุรกรรม Spindletop) IOD เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่มีผลกำไรสูงควบคู่ไปกับกลุ่มธุรกิจเริ่มต้นของไอวีแอลอย่าง Combine PET (CPET) และกลุ่มธุรกิจ Fibers ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของไอวีแอลจะร่วมกันสร้างรูปแบบการดำเนินธุรกิจบูรณาการที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าปิโตรเคมีของบริษัทฯ

ด้านนายอะลาสแตร์ พอร์ท ประธานบริหารกลุ่มธุรกิจ IOD ของ IVL กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการที่ส่งเสริมกันอย่างมากในครั้งนี้จะขับเคลื่อนโอกาสทางการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ IOD และเพิ่มความพรีเมี่ยมให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บูรณาการกันทั่วโลก ธุรกิจสารลดแรงตึงผิวของ Oxiteno ช่วยขยายธุรกิจของเราไปสู่สินค้าแบรนด์ชั้นนำที่สร้างผลกำไรสูงกว่า ซึ่งใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้นในตลาดที่มีการเติบโตอันน่าสนใจเป็นอย่างมาก

Joel Saltzman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ IOD อเมริกาเหนือ IVL กล่าวว่า ฐานการผลิตของ Oxiteno ในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาทำให้ไอวีแอลมีข้อได้เปรียบสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบของเราในภูมิภาค การเพิ่มการดำเนินธุรกิจของเราในประเทศเม็กซิโกจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเราที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เรามีความสามารถทางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาด โรงงานของ Oxiteno ในเมืองพาซาดีนา รัฐเท็กซัส จะช่วยเร่งแผนการเติบโตของธุรกิจสารลดแรงตึงผิวของกลุ่มธุรกิจ IOD ในสหรัฐอเมริกา
#2151
ดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจ มี.ค. 65 เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50 ครั้งแรกในรอบ 1 ปี

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนมี.ค. 65 ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.7 โดยอยู่ที่ระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ และเกือบทุกองค์ประกอบ โดยความเชื่อมั่นในภาคการผลิตปรับเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ดีขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

สำหรับภาคอื่นที่ไม่ใช่การผลิต ความเชื่อมั่นของเกือบทุกธุรกิจปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม และร้านอาหาร ที่ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 50 เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก สอดคล้องกับมาตรการควบคุมฯ ของภาครัฐที่ผ่อนคลายต่อเนื่องทั้งการลดจำนวนวันจองที่พักเพื่อรอ ผลตรวจ RT-PCR การเปลี่ยนวิธีการตรวจโควิด-19 เป็นการตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และลดเงินประกันสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม การคว่ำบาตรที่มีต่อรัสเซีย ส่งผลให้ราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบในกลุ่มสินแร่ธรรมชาติ เช่น เหล็ก และอลูมิเนียมเพิ่มสูงขึ้นมาก กดดันให้ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนของผู้ประกอบการปรับลดลงมาก และต่ำสุดตั้งแต่ปี 51 ซ้ำเติม ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ และปัญหาการขนส่งทางเรือที่มีอยู่เดิมให้รุนแรงขึ้น

ขณะที่ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ลดลงมากจากระดับ 55.5 ในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 50.9 ตามความเชื่อมั่นที่ลดลงในเกือบทุก องค์ประกอบและเกือบทุกหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะด้านต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำมาก เนื่องจากกังวลว่าสถานการณ์การคว่ำบาตรรัสเซียอาจยืดเยื้อ และราคาปัจจัยการผลิตจะสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริหารต้นทุนทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวัตถุดิบคงคลังทยอยหมดลง

อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของธุรกิจส่วนใหญ่ยังอยู่เหนือระดับ 50 ได้ สะท้อนว่ายังมีความเชื่อมั่นโดยรวมที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน ยกเว้นกลุ่มผลิตยานยนต์ กลุ่มผลิตเหล็ก กลุ่มก่อสร้าง และอสังหาฯ โดยเฉพาะกลุ่มก่อสร้าง ที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุน ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำมาก จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาปัจจัยการผลิต หลายรายการปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภาคธุรกิจส่วนหนึ่งเร่งสะสมวัตถุดิบมากกว่าปกติ เพื่อลดความเสี่ยงที่ต้นทุนอาจสูงขึ้นอีก สะท้อนจากดัชนีฯ ด้านวัตถุดิบคงคลังที่ลดลงและอยู่ต่ำกว่าระดับ 50

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการถึง 1 ใน 4 เห็นว่าต้นทุนการผลิตสูง เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดต่อการดำเนินธุรกิจในเดือนนี้ และต้นทุนสูงเป็นข้อจำกัดอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ที่เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.8% จาก 2.4% ในเดือนก่อน
#2152
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.46 อ่อนค่าจากช่วงเช้า จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ-สถานการณ์ในยูเครนสัปดาห์หน้า

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.46 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 33.33 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมัน ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวใน กรอบ 33.32 - 33.47 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้บาทปิดตลาดเกือบอ่อนค่าสุดของวัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่กลับมาปรับตัวสูงขึ้น" นักบริหารเงิน
กล่าว
นักบริหารเงิน คาดการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์จะอยู่ในกรอบ 33.35 - 33.55 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ตลาด จับตาดูเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบในยูเครน แม้จะมีสัญญาณที่ดีในเรื่องลดการใช้กำลังทหาร แต่มาตรการคว่ำบาตรทาง เศรษฐกิจยังส่งผลกระทบรุนแรง และคืนนี้ทางการสหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.41 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 122.19 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1047 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1070 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,701.31 จุด เพิ่มขึ้น 6.07 จุด, +0.36% มูลค่าการซื้อขาย 68,941.19 ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,963.71 ล้านบาท (SET+MAI)
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน มี.ค.65 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.7
โดยอยู่ที่ระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจและเกือบทุกองค์ประกอบ โดยความเชื่อมั่นในภาค
การผลิตปรับเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ดีขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
โฆษกกระทรวงการคลัง เผยยอดใช้จ่ายตามมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ได้แก่ โครงการ
เพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และ
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิรวม 40.9 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 64,471.08 ล้านบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยในปีนี้จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงในกรอบประมาณการที่ 86.5-88.5%
ต่อ GDP โดยมีค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ 87.5% ต่อ GDP ถึงแม้สัดส่วนดังกล่าวจะต่ำลงเมื่อเทียบกับระดับ 90.1% ต่อ GDP ณ สิ้นปี 64 แต่ก็
ยังนับว่าเป็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง
รัฐบาลญี่ปุ่นขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือในวันนี้ โดยอายัดทรัพย์สินขององค์กรรัสเซีย 4 แห่งและชาวเกาหลี
เหนือ 9 รายโทษฐานมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ญี่ปุ่นปรับลดคำเตือนในการเดินทางไปยัง 106 ประเทศในวันนี้ ซึ่งรวมถึงสหรัฐและอินเดีย โดยยกเลิกการห้ามชาวญี่ปุ่น
เดินทางไปยังประเทศเหล่านั้น เนื่องจากความเสี่ยงของโรคโควิด-19 ลดลง
มอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนในปี 2565 ลงในวันนี้ ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปเตือนว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้ม
เผชิญกับความเสี่ยงในไตรมาส 2/2565 เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID เพื่อต่อสู้กับการระบาด
ของโรคโควิด-19
เอสแอนด์พี โกล./ซีไอพีเอส เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือน มี.ค.ของอังกฤษปรับตัว
ลงสู่ 55.2 ในเดือน มี.ค.ซึ่งต่ำกว่าดัชนี PMI เดือน มี.ค.ขั้นต้นที่ 55.5 และลดลงจาก 58.0 ในเดือน ก.พ.
เอสแอนด์พี โกล. เผยกิจกรรมในภาคการผลิตของยูโรโซนลดลงในเดือน มี.ค.เนื่องจากการบุกโจมตียูเครนของรัส
เซียส่งผลให้ปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานรุนแรงขึ้น อุปสงค์หดตัวลง และกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคการผลิต ขณะเดียวกันต้นทุนพลังงาน
ที่พุ่งสูงขึ้นยังส่งผลให้ราคาสินค้าดีดตัวขึ้นตามไปด้วย
#2153
จำหน่าย พื้นยางปูฟิตเนส หรือ ยางพื้นปูฟิตเนส ที่ใช้สำหรับภายในบ้านและภายในยิม

พื้นยางฟิตเนส นำเข้าจากต่างประเทศคุณภาพดีและได้มาตราฐาน ยางเป็นแบบ EDMP 25 mm ไม่มีกลิ่นเหม็นสามารถใช้ได้ทั้งภายในบ้านและภายในยิม พื้นยางสำหรับปูฟิตเนส

Facebook : CCT Fitness นำเข้าเครื่องออกกำลังกาย
Tel: 089-750-7380
สนใจชมตัวอย่างสินค้า >> https://goo.gl/maps/RBNaNTLmk8LD3T2A8 
#2154
รมว.คลัง ชี้ยังไม่จำเป็นกู้เงินเพิ่มเพื่อกระตุ้นศก. คาดเงินเฟ้อปีนี้ไม่หลุดเป้า 3%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจปี 65 และปี 66 เหลือโต 3.2% และ 4.4% ว่า ไม่ได้หมายความรัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เท่าเดิมเสมอไป และเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาทนั้น ยังมีเหลืออีก 5-7 หมื่นล้านบาท ที่ยังเพียงพอต่อการดูแลเศรษฐกิจ

"การกู้เงินเกินตัวไม่จำเป็น เป็นความเสี่ยงทำให้ต่างชาติมองประเทศไทยไม่ดี และลดเครดิตของประเทศไทย ทำให้ต้นทุนการกู้เงินของเอกชนและรัฐบาลแพง ได้รับผลกระทบมากขึ้นไปอีก" นายอาคม กล่าว
นอกจากนี้ ได้หารือกับนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ในฐานะอดีต รมว.คลังแล้ว ถึงเรื่องที่นายกรณ์ ได้เสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าการกู้เงินต้องคำถึงวินัยการเงินการคลังในภาพรวมด้วย ซึ่งนายกรณ์ ก็มีความเข้าใจเป็นอย่างดี

"ตอนนี้เศรษฐกิจขยายตัวได้แล้ว ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาดำเนินการได้ ถึงแม้ว่ายังไม่เหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทำให้รัฐบาลต้องลดการออกมาตรการช่วยเหลือที่เป็นภาระกับเงินกู้ลง" นายอาคม กล่าว
สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ จะเกินกว่ากรอบเป้าหมายที่ ธปท.และกระทรวงการคลังประเมินไว้ที่ 1-3% หรือไม่นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า เป็นสิ่งที่จะต้องหารือกับธปท. ก่อน ว่าราคาน้ำมันและราคาอาหารที่แพงขึ้น จะส่งผลกระทบยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน หรือเป็นภาวะชั่วคราว ซึ่งก็อาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีไม่เกิน 3% แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปรับกรอบเป้าหมายของเงินเฟ้อ

โดยในระยะสั้น รัฐบาลได้มีมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพ การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ช่วยจ่ายค่าน้ำมันเบนซินให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ทั้งปีเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมายได้

"ในช่วงสั้น บางเดือนอัตราเงินเฟ้ออาจจะสูงเกินกรอบบน 3% ไปบ้าง แต่ทั้งปี ต้องดูระยะยาวว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีการหารือกับ ธปท.เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบกับอัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าราคาน้ำมันยังส่งผลกระทบกับเงินเฟ้อไทยในไตรมาส 2 ส่วนไตรมาส 3 ยังไม่แน่ใจ แต่ไตรมาส 4 คาดว่าจะทุเลาลง ซึ่งเรื่องสงครามเป็นเรื่องที่ประเมินยาก" นายอาคม กล่าว
#2155
รับสมัครตัวแทนจำหน่าย Balance BLB สินค้าคุณภาพ ราคาไม่แพง ไม่ต้องสต็อกสินค้า DropShip

อาหารเสริม ดูแล สุขภาพ  ทั้ง คุณผู้ชาย และ คุณผู้หญิง สินค้า 11 รายการ

รายไดัจากการขาย และรายได้
อีกหลายช่องทาง เช่น สะสมแต้มจากการขายแลกโบนัสเงินสด
ไม่ต้องสต็อกสินค้า
มีวีดีโอสอนการขายของออนไลน์
มีไลน์กลุ่มไว้สอบถามปรึกษาพูดคุยและแจ้งข่าวสารต่างๆสำหรับตัวแทนจำหน่าย  
มีบัตรรหัสตัวแทนจำหน่ายถูกต้อง

ผลิตภัณฑ์คุณภาพ
อาหารเสริม Balance UCore ภูมิแพ้ ไซนัส หอบหืด

เซรั่มปลูกผม Balance H

กาแฟคีโตลดน้ำหนัก BLK Balance K

อาหารเสริมผู้ชาย BLX Balance X

อาหารเสริมคอลลาเจน Balance C

อาหารเสริมผิวขาวกระจ่างใส BLW Balance W

ออยล์นวดเฉพาะจุดผู้ชาย Balance O Plus

อาหารเสริมผู้หญิง BLY  Balance Y

สเปรย์สำหรับผู้ชาย Balance T Spray

อาหารเสริมลดความเสี่ยงเบาหวาน ความดัน BLP Balance P

อาหารเสริมดีท็อกซ์ BLF Balance F

รายละเอียด > สมัครตัวแทนจำหน่าย Balance BLB
 
#2156
'หยวนต้า' สร้างประวัติศาสตร์! กวาด 15 รางวัลนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2021 สูงที่สุดในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน IAA

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา คุณบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหาร พร้อมด้วยทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2021 จาก สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA)

ทั้งนี้ ทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า สร้างประวัติศาสตร์โชว์ผลงานด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นที่โดดเด่น ด้วยการคว้ารางวัล ทีมวิเคราะห์และนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยมประจำปี 2021 จำนวนรวม 15 รางวัล จาก 15 หมวดการแข่งขัน โดยได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประจำปี จำนวน 7รางวัล และอีก 8 รางวัล Outstanding ซึ่งเป็นจำนวนรางวัลที่มากที่สุดในวงการอุตสาหกรรมธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทย

คุณบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.หยวนต้า กล่าวว่า 'ขอขอบคุณลูกค้า และนักลงทุน ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและสนับสนุนทีมนักวิเคราะห์ของเรามาโดยตลอด โดยภายใต้การนำทีมของคุณภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาและผลิตผลงานทางด้านบทวิเคราะห์ออกมาอย่างมีคุณภาพเพื่อนักลงทุน จนเป็นที่ชื่นชอบแก่นักลงทุน รวมไปถึงนักวิเคราะห์ทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายในการทำงาน จนได้รับรางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้ ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงแสดงจุดยืนในเรื่องของการยกระดับมาตรฐานการลงทุนให้กับอุตสาหกรรมหลักทรัพย์มาโดยตลอด อาทิเช่น การให้ความสำคัญกับบทวิเคราะห์ ESG ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นธีมการลงทุนในระยะยาวที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งการออกบทวิเคราะห์ Digital Asset ในปีนี้เพื่อให้ความรู้กับนักลงทุนถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นใน Asset Class ใหม่ บริษัทฯ ได้มีการวางแผนและแนวทางการพัฒนาด้านการส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนให้กับนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) โดยการให้ความรู้การลงทุนผ่านช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงนักลงทุน เช่น การจัดรายการ Yuanta WoW Channel รายการนำเสนอข้อมูลและความรู้การลงทุนแบบครบวงจรเพื่อการลงทุนในทุก asset class เป็นการจัดรายการสดกว่า 10 รายการตลอด 7 วัน ที่มีผู้ติดตามกว่า 85,000 คน และช่องยูทูปของหยวนต้าที่กำลังได้รับความนิยมมากในขณะนี้ ทั้งหมดนี้เป็นผลงานส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมวิเคราะห์ของหยวนต้า เป็นที่รู้จักแก่นักลงทุนนักลงทุน จนเกิดความเชื่อมั่นและสนับสนุนเราจนได้รับรางวัลเกียรติยศที่ทรงคุณค่า ในครั้งนี้ ความสำเร็จที่เราได้รับและยิ่งเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง เพื่อรักษาระดับมาตรฐานในการให้บริการของหยวนต้า และแสดงถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจในการลงทุน ก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืนไปด้วยกัน'

สรุปรางวัล จำนวนรวม 15 รางวัล จาก 15 หมวดการแข่งขัน แบ่งเป็น
รางวัลยอดเยี่ยมประจำปี จำนวน 7 รางวัล

รางวัลยอดเยี่ยม ทีมวิเคราะห์หุ้นปัจจัยพื้นฐานที่ cover สูงสุด (IAA Consensus)
สายนักลงทุนรายบุคคล
รางวัลนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยม กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมปิโตรเคมี) : คุณถกล บรรจงรักษ์
รางวัลนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยม กลุ่มเทคโนโลยี : คุณศุภชัย วัฒนาวิเทศกุล
ไม่แยกนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายบุคคล
รางวัลยอดเยี่ยม กลุ่มหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) : คุณธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์
รางวัลยอดเยี่ยม นักวิเคราะห์การลงทุนทองคำ : คุณพงศ์พัฒน์ ค้ำชู
รางวัลยอดเยี่ยม นักวิเคราะห์ทางเทคนิค : คุณพงศ์พัฒน์ ค้ำชู
รางวัลยอดเยี่ยม รางวัล Rising Star : คุณจารุชาติ บูชาชาติ
รางวัล Outstanding ประจำปี จำนวน 8 รางวัล
สายนักลงทุนรายบุคคล

รางวัลทีมวิเคราะห์ยอดเยี่ยม
รางวัลนักกลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : คุณณัฐพล คำถาเครือ
รางวัลนักวิเคราะห์กลุ่มเกษตรและอาหาร : คุณธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์
รางวัลนักวิเคราะห์อนุพันธ์ : คุณพงศ์พัฒน์ ค้ำชู
รางวัลนักวิเคราะห์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, อุตสาหกรรม และรับเหมา : คุณวิชชุดา ปลั่งมณี
รางวัลนักวิเคราะห์กลุ่มบริการ : คุณถกล บรรจงรักษ์
รางวัลนักวิเคราะห์กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี : คุณปรินทร์ นิกรกิตติโกศล
รางวัลนักวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจการเงิน : คุณตฤณ สิทธิสวัสดิ์
#2157
WPH ตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติแตะ10% ลุยต่อยอดคลินิกโรคเฉพาะทาง

นายแพทย์สมชาย จันทร์สว่าง (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายเชน เหล่าสุนทร (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายวิรวิทย์ วรรณรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี (ซ้าย) บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH นำเสนอข้อมูลบริษัทในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โชว์ผลดำเนินงานปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 818 % จากปีก่อน มั่นใจแนวโน้มปี2565 เติบโต 5 -10% จากฐานที่สูงของปี 2564 คาดสัดส่วนรายได้ของลูกค้าต่างชาติมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะระดับ 10% หลังเริ่มทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น เดินหน้าต่อยอดเพิ่มบริการคลินิกโรคเฉพาะทาง รวมถึงการรักษาโรคมะเร็ง และเพิ่มปริมาณเตียงรักษาในห้องICU มากขึ้น ผลักดันผลงานโตต่อเนื่อง งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

สายหม่ำมีเฮ! ก๋วยเตี๋ยวเรือ ทองสมิทธ์ ปักหมุด ณ เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา บอสใหญ่ศุภานวิต ร่วมยินดี

ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป (ที่4จากซ้าย) มอบดอกไม้แสดงความยินดีแก่ ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ (ที่5จากซ้าย) เนื่องในโอกาสเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าดัง "ทองสมิทธ์"(ThongSmith) ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม โดยมี อารีย์ อำนักมณี และ อินทิรา แดงจำรูญ ร่วมยินดี ณ เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา เมื่อเร็วๆนี้

บุคคลในภาพข่าว
เรียงจากซ้ายไปขวา

คุณทีปพิพัฒน์ จารุปาณฑุ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เค.อี. พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด
คุณสุนีย์ เตรียมการเลิศ ผู้อำนวยอำนวยการฝ่ายจัดซื้อ บริษัท เค.อี. พร๊อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด
คุณอารีย์ อำนักมณี ผู้อำนวยการฝ่ายผู้เช่าศูนย์การค้า บริษัท เคอี กรุ๊ป จำกัด
คุณศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด
คุณอัจฉรา บุรารักษ์ หุ้นส่วนและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
คุณอินทิรา แดงจำรูญ หุ้นส่วนและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
คุณกานต์ กิตติเวช หุ้นส่วนและผู้อำนวยการด้านอาหารและโภชนาการ บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
คุณชยกร ธีรภาพสมบัติ รองผู้อำนวยการงานบริหารทรัพยากรอาคาร บริษัท เค.อี. พร๊อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด
#2158
ใหม่!! อีซี่วิซ C6 กล้องสมาร์ทโฮมในบ้านระบบ AI ล้ำสุด ตรวจจับเสียงร้อง-แยกรูปร่างมนุษย์ สัตว์เลี้ยงได้อย่างชาญฉลาด-โทรออกทันทีเพียงโบกมือ

EZVIZ (อีซี่วิซ) แบรนด์ผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดอัจฉริยะที่มียอดขายดีที่สุดในไทย เปิดเกมรุกปฏิวัติวงการสินค้าสมาร์ทโฮมด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยแบบเดิมๆ ให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีมาทำให้บ้านมีความฉลาดและปลอดภัยมากขึ้น ด้วยความล้ำหน้าการพัฒนาเทคโนโลยี AI อัจฉริยะกับ "EZVIZ C6" กล้องสมาร์ทโฮมไร้สายภายในบ้านรุ่นใหม่ล่าสุดแห่งปี 2022 ครั้งแรกของไทยกับความสามารถของกล้องวงจรปิดที่ตรวจจับและระบุบุคคลหรือสัตว์เลี้ยงได้ในทันที สร้างคำสั่งโทรออกเพียงโบกมือ แม่นยำและเสถียรที่สุดกับเทคโนโลยีการตรวจจับเสียงที่ผิดปกติ รับรู้ และจดจำรูปร่างวัตถุเคลื่อนไหว พร้อมส่งการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ แรงบันดาลใจสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีที่มาจากความต้องการให้ EZVIZ C6 เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดไร้สาย แต่เสมือนเป็นผู้ช่วยเฝ้าติดตามดูแลทุกความห่วงใย และช่วยลดความกังวลใจของผู้ปกครองหรือกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีความจำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ให้สามารถดูแล ถ่ายทอดความห่วงใยต่อสมาชิกสุดรักภายในบ้านได้ตลอดเวลา จากทุกที่ และให้นวัตกรรม AI ช่วยผสานระยะทางให้ทุกคนในบ้านได้ใกล้กันมากขึ้นเหมือนอยู่ดูแลกันตลอดเวลา

นายวิคเตอร์ จาง ผู้อำนวยการฝ่ายขาย อีซี่วิซ เปิดเผยว่า จากกระแสความนิยมเทรนด์ Smart Home ของกลุ่มผู้บริโภคคนไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับสินค้าหรืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยภายในบ้านมาเป็นอันดับแรกๆ และคาดว่าในปี 2565 นี้ ตลาด Smart Home จะมีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของบริษัทฯ ที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตนวัตกรรมเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดที่ต้องมีทั้งความปลอดภัยขั้นสูงสุด มาพร้อมดีไซน์สวย ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการตกแต่งภายในบ้าน ล่าสุด ได้เปิดตัวกล้องวงจรปิด AI ไร้สายอัจฉริยะ สำหรับการติดตั้งภายในอาคาร รุ่นใหม่ล่าสุด "EZVIZ C6" เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวก ปลอดภัย ให้ทุกการปกป้องทำได้ง่ายและสนุกสนาน มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

EZVIZ 'C6' มาพร้อม 3 ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดเทคโนโลยีล้ำเหนือใครกับ ฟีเจอร์การตรวจจับพร้อมระบุบุคคลและสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ, การตรวจจับคลื่นเสียงที่มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทั้งเสียงร้องไห้ หรือมีไซเรนดังขึ้น พร้อมแจ้งเตือนให้คุณทราบทุกกิจกรรมแบบเรียลไทม์ และฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด การจดจำและควบคุมการสั่งงานเพียงการโบกมือให้กล้อง เพื่อเริ่มคำสั่งการถ่ายภาพ หรือให้แฮงเอาท์วีดิโอคอลไปยังอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของคุณได้ทันที

ด้านการดีไซน์ได้ถูกออกแบบให้สวยที่สุดในกล้องวงจรปิดไร้สายแห่งปี 2565 มีรูปทรงโค้งมน มินิมัลลิสต์ จะวางมุมไหนก็ดูดี เนียนสวยเหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้นในบ้าน ตัวกล้องมีขนาดเล็กแต่ใหญ่ในการใช้งาน ด้วย AI อัจฉริยะในตัว ให้ภาพคมชัดระดับ 2K+ ครอบคลุมมุมมองพาโนรามา 360 องศา ช่วยให้การป้องกันครอบคลุมรอบด้านไร้จุดอับ มาพร้อมฟีเจอร์ปรับการรับแสงอัตโนมัติ และการมองเห็นภาพสีในที่แสงน้อยด้วยเลนส์สตาร์ไลท์ เสริมด้วยฟังก์ชั่นซูมอัตโนมัติสูงสุด 4 เท่าเมื่อตรวจพบความเคลื่อนไหว พร้อมเชื่อมต่อการสื่อสารพูดคุยโต้ตอบได้แบบชัดเจน ด้วยประสิทธิภาพของไมโครโฟนคู่ในตัวกล้อง ช่วยตัดเสียงรบกวนและตรวจจับเสียงได้ไกลกว่า 10 เมตร มาพร้อมคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi สามารถเลือกเชื่อมต่อได้ทั้งเครือข่ายแบบมีสายหรือไร้สาย รองรับย่านความถี่ 2.4 / 5 GHz Dual-Band Wi-Fi ชัดเจนทุกข้อความ สัญญาณเสถียรไม่มีสะดุด และยังให้ความสำคัญกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยแบบ 4 ชั้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเหนือชั้นของอีซี่วิซ ควบคุมทุกการใช้งานได้ง่ายๆ ผ่าน EZVIZ App บนสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ ให้คุณมองเห็นทุกมุมภายในบ้าน ไม่พลาดทุกโมเมนต์แห่งความสุข สนุกสนานของสัตว์เลี้ยงตัวโปรด หรือจะพูดคุยกับสมาชิกในบ้านได้ทุกเวลา ไม่ว่าจากมุมไหนของโลก
#2159
THG เปิดตัว 'Gudi...Good' แอปฯ เกมเสริม EQ เด็ก ปลูกฝังหน้าที่พลเมืองดี

THG ผุดไอเดียเก๋ สร้างแบรนด์ด้วยเกม เปิดตัว 'Gudi...Good' แอปพลิเคชั่นเกมสำหรับเด็กเสริมสร้างการเรียนรู้ด้วยการจำลองหน้าที่พลเมืองดีผ่านบทบาทสมมติ หวังจุดประกายเด็กให้เกิดความกล้าหาญในการทำดีมีจิตสาธารณะ พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลดเล่นฟรีได้แล้ววันนี้ทั้งบน iOS และ Android

นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดตัว 'Gudi...Good' แอปพลิเคชั่นเกมสำหรับเด็กที่จะช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ให้เด็กวัย 8 ปีขึ้นไป เกิดความตระหนักรู้ถึงการทำหน้าที่พลเมืองดีมีจิตสาธารณะผ่านเกมจำลองบทบาทสมมติหลากหลายอาชีพ อาทิ หมอ พยาบาล นักผจญเพลิง ฯลฯ โดยเฟสแรกเปิดให้เยาวชนและผู้ปกครองที่สนใจดาวน์โหลดเล่นฟรีแล้วผ่าน App Store สำหรับ iOS และ Google Play Store สำหรับ Android

'การส่งเสริมให้เด็กเป็นพลเมืองดีและมีจิตสาธารณะคือหน้าที่ที่ทุกองคาพยพในสังคมต้องช่วยกัน ด้วยเหตุนี้ THG จึงพัฒนาแอปพลิเคชั่น Gudi...Good เพื่อหวังเป็นตัวช่วยจุดประกายให้เด็กเกิดความกล้าหาญและกล้าที่จะแตกต่างในการทำหน้าที่พลเมืองดี เพราะเชื่อว่าเด็กทุกคนล้วนต้องการแสดงออกตามแบบของตน ซึ่งด้วยการออกแบบบนแพลตฟอร์มที่ตรงความสนใจของเด็กวัยนี้ จึงคาดหวังว่า Gudi?Good สามารถตอบโจทย์ได้อย่างเหมาะสม'

Content ภายในเกมถูกดีไซน์ด้วยโหมดการเล่นที่ง่าย ไม่ซับซ้อน เนื้อหาสนุกแฝงแง่คิดสอดแทรกวิธีเรียนรู้การเป็นพลเมืองดีมีจิตสาธารณะ อาทิ การแสดงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และการให้ความเคารพผู้อื่น ฯลฯ ผ่านการเดินเรื่องด้วยตัวละครที่มีความสดใส กระฉับกระเฉง ซึ่งจะเข้าไปทำภารกิจที่ท้าทายแตกต่างกันไป ได้แก่ 1.เคลื่อนย้ายผู้ป่วยส่งรถพยาบาล 2.ช่วยสร้างโรงพยาบาลสนาม 3.เต้นให้กำลังใจเด็กที่กลัวการฉีดวัคซีน 4.ภารกิจนักดับเพลิง 5.ช่วยคุณยายโทรสายด่วน 1669 นอกจากนี้ THG ยังเตรียมที่จะขยาย Content เกมเฟสต่อไปเพิ่มเติมเร็วๆ นี้

'แอปพลิเคชั่น Gudi...Good เป็นสิ่งที่ THG จัดทำขึ้นโดยไม่ได้หวังผลกำไรทางธุรกิจ แต่ตั้งใจทำขึ้นตามแนวทางที่ยึดมั่นมาโดยตลอดนั่นคือดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการช่วยสนับสนุนสังคม ภายใต้หลักจริยธรรมความเป็นพลเมืองและความเป็นมนุษย์ อันเป็น Code of Conduct ที่ถ่ายทอดมาจาก DNA ของผู้ก่อตั้งอย่างชัดเจน นับแต่วันแรกที่ก่อตั้งและยังคงยึดปฏิบัติเสมอมา' นายแพทย์ธนาธิป กล่าว
#2160


เทียบให้ชัด #โปรตีนสำหรับผู้ป่วยผู้สูงอายุ กับ MX Protein (เอ็มเอ็กซ์โปรตีน) ที่ให้มากกว่า

#เทียบโปรตีนจากพืชทั่วไป ที่ให้โปรตีนจากถั่วเดิมๆ เพียงไม่กี่ชนิด แต่ MX Protein ที่ให้โปรตีนและ กรดอะมิโนจำเป็นที่หลากหลาย คงไม่มีถั่วชนิดใดชนิดหนึ่งที่จะตอบโจทย์สิ่งที่ร่างกายต้องการได้ครบ เราจึงรวบรวมเอาคุณค่าจากถั่วและธัญพืชที่หลากหลายกว่า 10 ชนิดมาเสริมสร้างร่างกาย บำรุงหลอดเลือด ระบบขับถ่าย เซลล์ต่างๆที่ต้องการสารอาหารมากกว่าแค่โปรตีนอย่างเดียว
.
#เทียบโปรตีนจากนมหรือเวย์ MX โปรตีนให้โปรตีนไอโซเลทจากถั่ว และ โปรตีนจากพืช จึงมีคุณค่าสูง ไม่ได้ด้อยกว่านม เพราะ ดูดซึมไว ไร้ไขมันทรานส์ MX Protein โปรตีนพืชล้วน ไม่ผสมนม หรือโปรตีนจาก สัตว์ จึงทําให้ไม่มีน้ําตาลแลคโตส และ คอเรสเตอรอล รวมถึงไร้ไขมันทรานส์ ร่างกายของเราจึงนําสารอาหารไปใช้ได้ เลย
.