• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#2161
WPH ตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติแตะ10% ลุยต่อยอดคลินิกโรคเฉพาะทาง

นายแพทย์สมชาย จันทร์สว่าง (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายเชน เหล่าสุนทร (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายวิรวิทย์ วรรณรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี (ซ้าย) บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH นำเสนอข้อมูลบริษัทในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โชว์ผลดำเนินงานปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 818 % จากปีก่อน มั่นใจแนวโน้มปี2565 เติบโต 5 -10% จากฐานที่สูงของปี 2564 คาดสัดส่วนรายได้ของลูกค้าต่างชาติมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะระดับ 10% หลังเริ่มทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น เดินหน้าต่อยอดเพิ่มบริการคลินิกโรคเฉพาะทาง รวมถึงการรักษาโรคมะเร็ง และเพิ่มปริมาณเตียงรักษาในห้องICU มากขึ้น ผลักดันผลงานโตต่อเนื่อง งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

สายหม่ำมีเฮ! ก๋วยเตี๋ยวเรือ ทองสมิทธ์ ปักหมุด ณ เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา บอสใหญ่ศุภานวิต ร่วมยินดี

ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป (ที่4จากซ้าย) มอบดอกไม้แสดงความยินดีแก่ ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ (ที่5จากซ้าย) เนื่องในโอกาสเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าดัง "ทองสมิทธ์"(ThongSmith) ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม โดยมี อารีย์ อำนักมณี และ อินทิรา แดงจำรูญ ร่วมยินดี ณ เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา เมื่อเร็วๆนี้

บุคคลในภาพข่าว
เรียงจากซ้ายไปขวา

คุณทีปพิพัฒน์ จารุปาณฑุ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เค.อี. พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด
คุณสุนีย์ เตรียมการเลิศ ผู้อำนวยอำนวยการฝ่ายจัดซื้อ บริษัท เค.อี. พร๊อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด
คุณอารีย์ อำนักมณี ผู้อำนวยการฝ่ายผู้เช่าศูนย์การค้า บริษัท เคอี กรุ๊ป จำกัด
คุณศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด
คุณอัจฉรา บุรารักษ์ หุ้นส่วนและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
คุณอินทิรา แดงจำรูญ หุ้นส่วนและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
คุณกานต์ กิตติเวช หุ้นส่วนและผู้อำนวยการด้านอาหารและโภชนาการ บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
คุณชยกร ธีรภาพสมบัติ รองผู้อำนวยการงานบริหารทรัพยากรอาคาร บริษัท เค.อี. พร๊อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด
#2162
ใหม่!! อีซี่วิซ C6 กล้องสมาร์ทโฮมในบ้านระบบ AI ล้ำสุด ตรวจจับเสียงร้อง-แยกรูปร่างมนุษย์ สัตว์เลี้ยงได้อย่างชาญฉลาด-โทรออกทันทีเพียงโบกมือ

EZVIZ (อีซี่วิซ) แบรนด์ผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดอัจฉริยะที่มียอดขายดีที่สุดในไทย เปิดเกมรุกปฏิวัติวงการสินค้าสมาร์ทโฮมด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยแบบเดิมๆ ให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีมาทำให้บ้านมีความฉลาดและปลอดภัยมากขึ้น ด้วยความล้ำหน้าการพัฒนาเทคโนโลยี AI อัจฉริยะกับ "EZVIZ C6" กล้องสมาร์ทโฮมไร้สายภายในบ้านรุ่นใหม่ล่าสุดแห่งปี 2022 ครั้งแรกของไทยกับความสามารถของกล้องวงจรปิดที่ตรวจจับและระบุบุคคลหรือสัตว์เลี้ยงได้ในทันที สร้างคำสั่งโทรออกเพียงโบกมือ แม่นยำและเสถียรที่สุดกับเทคโนโลยีการตรวจจับเสียงที่ผิดปกติ รับรู้ และจดจำรูปร่างวัตถุเคลื่อนไหว พร้อมส่งการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ แรงบันดาลใจสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีที่มาจากความต้องการให้ EZVIZ C6 เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดไร้สาย แต่เสมือนเป็นผู้ช่วยเฝ้าติดตามดูแลทุกความห่วงใย และช่วยลดความกังวลใจของผู้ปกครองหรือกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีความจำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ให้สามารถดูแล ถ่ายทอดความห่วงใยต่อสมาชิกสุดรักภายในบ้านได้ตลอดเวลา จากทุกที่ และให้นวัตกรรม AI ช่วยผสานระยะทางให้ทุกคนในบ้านได้ใกล้กันมากขึ้นเหมือนอยู่ดูแลกันตลอดเวลา

นายวิคเตอร์ จาง ผู้อำนวยการฝ่ายขาย อีซี่วิซ เปิดเผยว่า จากกระแสความนิยมเทรนด์ Smart Home ของกลุ่มผู้บริโภคคนไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับสินค้าหรืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยภายในบ้านมาเป็นอันดับแรกๆ และคาดว่าในปี 2565 นี้ ตลาด Smart Home จะมีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของบริษัทฯ ที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตนวัตกรรมเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดที่ต้องมีทั้งความปลอดภัยขั้นสูงสุด มาพร้อมดีไซน์สวย ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการตกแต่งภายในบ้าน ล่าสุด ได้เปิดตัวกล้องวงจรปิด AI ไร้สายอัจฉริยะ สำหรับการติดตั้งภายในอาคาร รุ่นใหม่ล่าสุด "EZVIZ C6" เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวก ปลอดภัย ให้ทุกการปกป้องทำได้ง่ายและสนุกสนาน มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

EZVIZ 'C6' มาพร้อม 3 ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดเทคโนโลยีล้ำเหนือใครกับ ฟีเจอร์การตรวจจับพร้อมระบุบุคคลและสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ, การตรวจจับคลื่นเสียงที่มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทั้งเสียงร้องไห้ หรือมีไซเรนดังขึ้น พร้อมแจ้งเตือนให้คุณทราบทุกกิจกรรมแบบเรียลไทม์ และฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด การจดจำและควบคุมการสั่งงานเพียงการโบกมือให้กล้อง เพื่อเริ่มคำสั่งการถ่ายภาพ หรือให้แฮงเอาท์วีดิโอคอลไปยังอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของคุณได้ทันที

ด้านการดีไซน์ได้ถูกออกแบบให้สวยที่สุดในกล้องวงจรปิดไร้สายแห่งปี 2565 มีรูปทรงโค้งมน มินิมัลลิสต์ จะวางมุมไหนก็ดูดี เนียนสวยเหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้นในบ้าน ตัวกล้องมีขนาดเล็กแต่ใหญ่ในการใช้งาน ด้วย AI อัจฉริยะในตัว ให้ภาพคมชัดระดับ 2K+ ครอบคลุมมุมมองพาโนรามา 360 องศา ช่วยให้การป้องกันครอบคลุมรอบด้านไร้จุดอับ มาพร้อมฟีเจอร์ปรับการรับแสงอัตโนมัติ และการมองเห็นภาพสีในที่แสงน้อยด้วยเลนส์สตาร์ไลท์ เสริมด้วยฟังก์ชั่นซูมอัตโนมัติสูงสุด 4 เท่าเมื่อตรวจพบความเคลื่อนไหว พร้อมเชื่อมต่อการสื่อสารพูดคุยโต้ตอบได้แบบชัดเจน ด้วยประสิทธิภาพของไมโครโฟนคู่ในตัวกล้อง ช่วยตัดเสียงรบกวนและตรวจจับเสียงได้ไกลกว่า 10 เมตร มาพร้อมคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi สามารถเลือกเชื่อมต่อได้ทั้งเครือข่ายแบบมีสายหรือไร้สาย รองรับย่านความถี่ 2.4 / 5 GHz Dual-Band Wi-Fi ชัดเจนทุกข้อความ สัญญาณเสถียรไม่มีสะดุด และยังให้ความสำคัญกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยแบบ 4 ชั้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเหนือชั้นของอีซี่วิซ ควบคุมทุกการใช้งานได้ง่ายๆ ผ่าน EZVIZ App บนสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ ให้คุณมองเห็นทุกมุมภายในบ้าน ไม่พลาดทุกโมเมนต์แห่งความสุข สนุกสนานของสัตว์เลี้ยงตัวโปรด หรือจะพูดคุยกับสมาชิกในบ้านได้ทุกเวลา ไม่ว่าจากมุมไหนของโลก
#2163
THG เปิดตัว 'Gudi...Good' แอปฯ เกมเสริม EQ เด็ก ปลูกฝังหน้าที่พลเมืองดี

THG ผุดไอเดียเก๋ สร้างแบรนด์ด้วยเกม เปิดตัว 'Gudi...Good' แอปพลิเคชั่นเกมสำหรับเด็กเสริมสร้างการเรียนรู้ด้วยการจำลองหน้าที่พลเมืองดีผ่านบทบาทสมมติ หวังจุดประกายเด็กให้เกิดความกล้าหาญในการทำดีมีจิตสาธารณะ พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลดเล่นฟรีได้แล้ววันนี้ทั้งบน iOS และ Android

นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดตัว 'Gudi...Good' แอปพลิเคชั่นเกมสำหรับเด็กที่จะช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ให้เด็กวัย 8 ปีขึ้นไป เกิดความตระหนักรู้ถึงการทำหน้าที่พลเมืองดีมีจิตสาธารณะผ่านเกมจำลองบทบาทสมมติหลากหลายอาชีพ อาทิ หมอ พยาบาล นักผจญเพลิง ฯลฯ โดยเฟสแรกเปิดให้เยาวชนและผู้ปกครองที่สนใจดาวน์โหลดเล่นฟรีแล้วผ่าน App Store สำหรับ iOS และ Google Play Store สำหรับ Android

'การส่งเสริมให้เด็กเป็นพลเมืองดีและมีจิตสาธารณะคือหน้าที่ที่ทุกองคาพยพในสังคมต้องช่วยกัน ด้วยเหตุนี้ THG จึงพัฒนาแอปพลิเคชั่น Gudi...Good เพื่อหวังเป็นตัวช่วยจุดประกายให้เด็กเกิดความกล้าหาญและกล้าที่จะแตกต่างในการทำหน้าที่พลเมืองดี เพราะเชื่อว่าเด็กทุกคนล้วนต้องการแสดงออกตามแบบของตน ซึ่งด้วยการออกแบบบนแพลตฟอร์มที่ตรงความสนใจของเด็กวัยนี้ จึงคาดหวังว่า Gudi?Good สามารถตอบโจทย์ได้อย่างเหมาะสม'

Content ภายในเกมถูกดีไซน์ด้วยโหมดการเล่นที่ง่าย ไม่ซับซ้อน เนื้อหาสนุกแฝงแง่คิดสอดแทรกวิธีเรียนรู้การเป็นพลเมืองดีมีจิตสาธารณะ อาทิ การแสดงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และการให้ความเคารพผู้อื่น ฯลฯ ผ่านการเดินเรื่องด้วยตัวละครที่มีความสดใส กระฉับกระเฉง ซึ่งจะเข้าไปทำภารกิจที่ท้าทายแตกต่างกันไป ได้แก่ 1.เคลื่อนย้ายผู้ป่วยส่งรถพยาบาล 2.ช่วยสร้างโรงพยาบาลสนาม 3.เต้นให้กำลังใจเด็กที่กลัวการฉีดวัคซีน 4.ภารกิจนักดับเพลิง 5.ช่วยคุณยายโทรสายด่วน 1669 นอกจากนี้ THG ยังเตรียมที่จะขยาย Content เกมเฟสต่อไปเพิ่มเติมเร็วๆ นี้

'แอปพลิเคชั่น Gudi...Good เป็นสิ่งที่ THG จัดทำขึ้นโดยไม่ได้หวังผลกำไรทางธุรกิจ แต่ตั้งใจทำขึ้นตามแนวทางที่ยึดมั่นมาโดยตลอดนั่นคือดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการช่วยสนับสนุนสังคม ภายใต้หลักจริยธรรมความเป็นพลเมืองและความเป็นมนุษย์ อันเป็น Code of Conduct ที่ถ่ายทอดมาจาก DNA ของผู้ก่อตั้งอย่างชัดเจน นับแต่วันแรกที่ก่อตั้งและยังคงยึดปฏิบัติเสมอมา' นายแพทย์ธนาธิป กล่าว
#2164


เทียบให้ชัด #โปรตีนสำหรับผู้ป่วยผู้สูงอายุ กับ MX Protein (เอ็มเอ็กซ์โปรตีน) ที่ให้มากกว่า

#เทียบโปรตีนจากพืชทั่วไป ที่ให้โปรตีนจากถั่วเดิมๆ เพียงไม่กี่ชนิด แต่ MX Protein ที่ให้โปรตีนและ กรดอะมิโนจำเป็นที่หลากหลาย คงไม่มีถั่วชนิดใดชนิดหนึ่งที่จะตอบโจทย์สิ่งที่ร่างกายต้องการได้ครบ เราจึงรวบรวมเอาคุณค่าจากถั่วและธัญพืชที่หลากหลายกว่า 10 ชนิดมาเสริมสร้างร่างกาย บำรุงหลอดเลือด ระบบขับถ่าย เซลล์ต่างๆที่ต้องการสารอาหารมากกว่าแค่โปรตีนอย่างเดียว
.
#เทียบโปรตีนจากนมหรือเวย์ MX โปรตีนให้โปรตีนไอโซเลทจากถั่ว และ โปรตีนจากพืช จึงมีคุณค่าสูง ไม่ได้ด้อยกว่านม เพราะ ดูดซึมไว ไร้ไขมันทรานส์ MX Protein โปรตีนพืชล้วน ไม่ผสมนม หรือโปรตีนจาก สัตว์ จึงทําให้ไม่มีน้ําตาลแลคโตส และ คอเรสเตอรอล รวมถึงไร้ไขมันทรานส์ ร่างกายของเราจึงนําสารอาหารไปใช้ได้ เลย
.
#2165
เลเจนด์ฯ-กลุ่มบริษัทพราว-บลูพอร์ต จัด 'มวยไทย-MMA' ฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ 'วิว-เยาวภา' 'ขึ้นแท่นโปรโมเตอร์ แมตช์แรก 

เลเจนด์ อารีนา กลุ่มบริษัทพราว บลูพอร์ต หัวหิน ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน), ทรู คอร์ปอเรชั่น, และโรงพยาบาลกรุงเทพ จัด'มวยไทย-MMA'  'วิว-เยาวภา' เป็นโปรโมเตอร์

ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาการจัดการแข่งขันฯ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันกีฬามวยไทย และศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน Mixed martial arts (MMA) รายการ Legend FC 'Legend Fighting Championships' (เลเจนด์ เอฟซี 'เลเจนด์ ไฟท์ติ้ง แชมเปี้ยนชิพส์') ณ เดอะเลเจนด์ อารีน่า ชั้น 3 บลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 โดยมี นายนฐา ชมเสวี ผู้จัดการทั่วไป เลเจนด์ อารีน่า หัวหิน, น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด และ 'วิว' เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโด เจ้าของเหรียญทองแดงกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2004 ในฐานะโปรโมเตอร์ ร่วมแถลงด้วย

ฯพณฯ สุวัจน์ เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะมีการแข่งขันกีฬาเกิดขึ้นในเมืองหัวหินอีกครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่จัดกีฬาก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก เช่น การแข่งขันกีฬาเทนนิส ทำให้หัวหินเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก สำหรับครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันกีฬามวยไทย และศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน รายการ เลเจนด์ เอฟซี 'เลเจนด์ ไฟท์ติ้ง แชมเปี้ยนชิพส์' ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก จะแข่งขันกันที่บริเวณลาน เดอะ สแควร์ หน้าศูนย์การค้า บลูพอร์ต หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

'ปัจจุบัน เมืองหัวหิน ถือเป็นเมืองมวยที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ มีแชมป์โลกและแชมป์มวยไทยที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นมากมาย อาทิเช่น โผน กิ่งเพชร  แชมป์มวยโลกชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีค่ายมวยหลายแห่ง แต่การพัฒนาที่สำคัญคือต้องมีเวทีการแข่งขันที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงระดับโลก ฉะนั้น การแข่งขัน เลเจนด์ เอฟซี จึงเกิดขึ้น เพื่อตอกย้ำว่าเมืองหัวหินและบลูพอร์ต หัวหิน เป็นศูนย์กลางของเมืองกีฬาต่อสู้ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก นอกจากนี้ยังต้องการให้ เลเจนด์ เอฟซี ช่วยสร้างสีสันให้เมืองหัวหิน กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หลังจากผ่านสถานการณ์โควิด-19 กันมา' อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ประธานที่ปรึกษาการจัดการแข่งขันฯ กล่าวต่อว่า การแข่งขัน เลเจนด์ เอฟซี จะถูกจัดขึ้นด้วยมาตรฐานระดับโลก ช่วงเดือน เม.ย.- ก.ค. 2565 รวมทั้งสิ้น 4 สนาม โดยสนามแรก จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 เม.ย. 65 (ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA) จำนวน 8 คู่, สนามที่ 2 วันเสาร์ที่ 14 พ.ค.65 (กีฬามวยไทย) จำนวน 8 คู่, สนามที่ 3 วันเสาร์ที่ 4 มิ.ย.65 (ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA) จำนวน 8 คู่ และสนามที่ 4 วันเสาร์ที่ 2 ก.ค.65 (กีฬามวยไทย) จำนวน 8 คู่

'ผู้ชนะในแต่ละครั้ง นอกจากได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้เหรียญรางวัลขนาด 6 นิ้ว ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ทวด ด้านหลังเป็นสถานที่สำคัญๆ ของเมืองหัวหิน เหรียญดังกล่าวได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษกโดย พระพิศาลสิทธิคุณ หรือท่านเจ้าคุณไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นไฮไลท์ของ เลเจนด์ เอฟซี และยังเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ได้รับด้วย' ประธานที่ปรึกษาการจัดการแข่งขันฯ

ขณะที่ นายนฐา ชมเสวี กล่าวว่า คาดหวังว่าจะเป็นการเปิดประตูให้กับนักกีฬา และผู้ชมทางบ้าน ได้รู้จักกับ เลเจนด์ อารีนา มากขึ้นว่าเราไม่ได้เป็นเพียงแค่สนามกีฬา แต่เป็นสถานที่ที่ให้บริการตั้งแต่การฝึกสอนระดับสูง เพื่อสร้างนักกีฬา ระดับประเทศ รวมถึงความสามารถในการจัดการแข่งขันกีฬามาตรฐานระดับประเทศ สำหรับการแข่งขันมวยไทย และศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) เป็นครั้งแรกที่หัวหินนั้น เราไม่ได้หวังแค่การกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เท่านั้น แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเวทีที่ได้รับมาตรฐาน และผลักดันให้ได้มีโอกาสพัฒนาสู่ระดับโลกต่อไป

น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กล่าวว่า บลูพอร์ต หัวหิน มีความยินดีมากที่เป็นหนึ่งในแรงผลักดันเรื่องการกีฬาของเมืองหัวหิน ซึ่งทางกลุ่มบริษัทพราว สนุบสนุนด้านกีฬามาตลอดอยู่แล้ว ทั้งการจัดเทนนิสที่ ทรูอารีนา และด้านอื่นๆ จนมาถึงการเปิด เดอะ เลเจนด์ อารีนา สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ที่ลาน เดอะ สแควร์ บลูพอร์ต หัวหิน ถือเป็นการตอกย้ำมุ่งเน้นให้บลูพอร์ต หัวหิน เป็นหนึ่งใน สปอร์ต เดสติเนชั่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เมืองหัวหิน ทำให้สร้างความสุขให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และเชื่อมั่นว่า ต่อไป เราจะมีความพร้อมในการแข่งขันกีฬาหลายๆ ชนิด และเข้าสู่ระดับโลกอีกด้วย
#2166
บริษัทไม่มีนโยบายให้จำหน่ายผ่าน Lazada Shopee
ระวังของปลอม ลอกเลียนแบบ
ของแท้ ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายถูกต้องจากบริษัทโดยตรง
ปลอดภัย ปรึกษาแนะนำการทานที่ถูกต้องและเห็นผล
รายละเอียดเพิ่มเติม Balance U core ของแท้ ดูยังไง
#2167
TQR มั่นใจปี 65 ธุรกิจประกันภัยต่อโตต่อเนื่อง ลุยพัฒนาประกันภัยรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค

บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ประเมินภาพรวมธุรกิจประกันภัยและประกันภัยต่อยังเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าพัฒนาออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีเพิ่มขึ้น ฟากซีอีโอ "ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์" เผย มองหาโอกาสการลงทุน ในธุรกิจใหม่ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ ผลักดันผลงานปี 65 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) ผู้ให้บริการนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 ยังมีทิศทางที่ดี โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าในธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business) และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) จากความต้องการการทำประกันภัยของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะ การประกันภัยไซเบอร์ การประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่างๆ การประกันสุขภาพ รวมทั้ง ประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และการประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประกันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ อาทิ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น และกระแสของ Environmental, Social and Governance: ESG ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั้งโลกให้ความใส่ใจในปัจจุบัน

สำหรับ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน การดำเนินธุรกิจเป็น Software-as-a-Service มุ่งเน้นด้าน Learning Management Platform ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้บริการอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นการพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย และในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่ 6-8 ราย คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้า ทั้ง ธุรกิจประกันวินาศภัย ธุรกิจประกันชีวิตที่เป็นบริษัทประกันภัย บริษัทนายหน้าประกันภัย รวมถึง สมาคมตัวแทนภาคธุรกิจต่างๆ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ขณะนี้ มีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาหลายโครงการ คาดจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทของ TQM มีมติอนุมัติการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR จากนายอัญชลิน พรรณนิภา และนางนภัสนันท์ พรรณนิภา จำนวนรวม 102,000,000 หุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 44.35 ของหุ้นทั้งหมดของ TQR ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท (ห้าบาทสิบสตางค์) โดยจะเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR ภายหลังจากที่ TQM ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2565

โดยภายหลังจากที่ TQM เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ เสร็จสิ้น TQM จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยถือหุ้นทั้งหมด 102,190,000 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.43 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัทฯ และ TQM มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท และ คาดว่าจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2565 นี้

"ในปี 65 นี้ TQR มีการคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้มองหาโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลัก เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้เติบโตในระยะยาวและในส่วนของการเตรียมร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ TQM เพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยต่อ ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น สามารถแข่งขันในระดับสากลได้" นายชนะพันธุ์กล่าว

นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2565 คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตที่ 4% - 5.5% จากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 มีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภค การลงทุน การนำเข้า ส่งออกสินค้าและบริการ เริ่มที่จะทยอยฟื้นตัวได้ตามลำดับ โดยคาดว่าหลังไตรมาส 2 ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจประกันภัยจะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย มั่นใจว่า จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 97.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.60% เทียบปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 74.06 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 256.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.77% เทียบปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 196.04 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดอีก ในอัตรา 0.153 บาท/หุ้น โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.165 บาท/หุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 27 เมษายน 2565
#2168
TRUE-DTAC เดินหน้าควบรวมหลังเก็งที่ประชุม ผถห.4 เม.ย.ให้ไฟเขียว

หุ้น DTAC และ TRUE ปรับตัวขึ้นคาดหวังที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการควบรวมกิจการในวันที่ 4 เม.ย.65

เมื่อเวลา 10.51 น.

DTAC ปรับขึ้น 2.54% หรือเพิ่มขึ้น 1.25 บาท มาที่ 50.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 270.05 ล้านบาท

TRUE ปรับขึ้น 1.94% หรือเพิ่มขึ้น 0.10 บาท มาที่ 5.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 694.16 ล้านบาท

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นทั้งบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ต่างปรับตัวขึ้น รับความคาดหวังการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 4 เม.ย.นี้ จะอนุมัติการควบรวมกิจการระหว่างกัน ซึ่งราคาของทั้งสองแห่งก็ใกล้เคียงราคาเหมาะสม

อย่างไรกด็ตาม เมื่อพิจารณา Enterprise Value ต่ำกว่า 15-20% เมื่อเทียบกับบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) แต่เมื่อมีการควบรวมกิจการ บริษัทใหม่จะมีขนาดธุรกิจใกล้เคียง ADVANC ก็มีความเป็นไปได้ที่จะอัพเกรดราคาเหมาะสม โดย TRUE น่าจะอัพขึ้นมาที่ 5.50-6.00 บาท จากราคา 5 บาทต้นๆในปัจจุบัน และ DTAC คาดอัพขึ้นมา 55-60 บาท จาก 50 บาท

ทั้งนี้ ในวันที่ 4 เม.ย. ทั้ง TRUE และ DTAC ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีวาระพิจารณาอนุมัติการควบ TRUE และ DTAC เพื่อการปรับโครงสร้างทางธุรกิจก้าวไปสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company) อย่างเต็มรูปแบบ เพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนในโครงข่ายยุคใหม่ ตลดอจนก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการหลัก (Key Player) ในการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทย

ในการควบรวมบริษัทจะมีการจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TRUE และ DTAC

1 หุ้นเดิมใน TRUE ต่อ 0.60018 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน DTAC ต่อ 6.13444 หุ้นในบริษัทใหม่

ทั้งนี้ บริษัทใหม่จะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว จำนวน 138,208,403,204 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 34,522,100,801 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท
#2169
ขนส่งนำเข้าสินค้าทั่วไป จากทั้งใน และ นอกประเทศ พวกเราบริการขนส่งผลิตภัณฑ์ทั่วทั้งโลก
มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจขนส่งผลิตภัณฑ์รวมทั้งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์อื่นๆ
ที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการขนส่งทั้งยังในแล้วก็
ต่างถิ่นซึ่งเกี่ยวพันในอุตสาหกรรมการขนส่ง

ขนส่งนำเข้าสินค้าทั่วไป จากทั้งใน และ นอกประเทศการส่งผลิตภัณฑ์ระหว่างชาติมากมาย
กว่า 22 ปีด้วยความตั้งใจที่
ปรารถนาเน้นย้ำให้ลูกค้าเพื่อได้รับ
ความพอใจและบริการอย่างมาก
ขนส่งนำเข้าสินค้าทั่วไป จากทั้งใน และ นอกประเทศสุด โดยจากจุดเริ่มที่พวกเราเริ่มด้วยพนักงานที่มี
ความตั้งใจจริง
สำหรับในการให้บริการซึ่งได้รับ
การฝึกฝนมาเป็นอย่างดี


https://bit.ly/3uNOzzJ
#2170
ทั่วโลกติดโควิดทะลุ 489,000,000 ราย ตายกว่า 6,100,000 ราย
 
Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 489,187,542 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 6,168,947 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (81,782,787) รองลงมาคืออินเดีย (43,025,775) บราซิล (29,947,895)

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 25 ล้านราย ได้แก่ ฝรั่งเศส

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 21 ล้านราย ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 17 ล้านราย ได้แก่ รัสเซีย

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 14 ล้านราย ได้แก่ ตุรกี อิตาลี

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 13 ล้านราย ได้แก่ เกาหลีใต้

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 11 ล้านราย ได้แก่ สเปน

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (1,007,352) ตามมาด้วยบราซิล (659,860) อินเดีย (521,211)
#2171
ญี่ปุ่นขยายมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โทษฐานพัฒนาขีปนาวุธ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือในวันนี้ โดยอายัดทรัพย์สินขององค์กรรัสเซีย 4 แห่งและชาวเกาหลีเหนือ 9 รายโทษฐานที่มีส่วนร่วมในโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

นายฮิโรคาซุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและโฆษกระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า มาตรการนี้เป็นความพยายามส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนืออย่างครอบคลุม โดยมาตรการดังกล่าวได้รับอนุมัติในที่ประชุมครม.ช่วงเช้าวันนี้และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายมัตสึโนะกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันว่า "ญี่ปุ่นเรียกร้องให้เกาหลีเหนือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขปัญหา" รวมถึงโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธ ตลอดจนปัญหาการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นในอดีตของเกาหลีเหนือ

ด้านนายฟูมิโอ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวถึงการออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมในการประชุมของราชมนตรีสภา (House of Councillors) โดยระบุว่า "เราจะทำทุกอย่างต่อไปเพื่อรวบรวมข้อมูลและติดตามสถานการณ์ ในขณะเดียวกันก็รับประกันความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศเรา"

หลังการยิงขีปนาวุธจำนวนมากในช่วงต้นปีนี้ เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่อ้างว่าเป็นชนิดใหม่ชื่อว่า "ฮวาซอง-17" เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ลงสู่น่านน้ำในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งจังหวัดอาโอโมริของญี่ปุ่น
#2172
USTR วอนญี่ปุ่นลด-งดเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐเพิ่มเติม

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า สหรัฐจะยังคงเรียกร้องให้ญี่ปุ่นลดมาตรการกีดกันทางการค้า (Trade Barriers) สำหรับสินค้าหลายรายการ หลังจากเผยแพร่รายงานที่ระบุว่า ญี่ปุ่นจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงสำหรับสินค้าหลายรายการ รวมถึงข้าวและผลิตภัณฑ์นม

USTR ยอมรับว่า ข้อตกลงการค้าทวิภาคีที่สหรัฐทำร่วมกับญี่ปุ่นเมื่อปี 2563 ทำให้มีการลดหรืองดเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าภาคเกษตรกรรมของสหรัฐแล้วราว 90% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงมีสินค้าที่สำคัญบางรายการที่มีอัตราจัดเก็บภาษีที่สูงอยู่ ซึ่งปิดกั้นไม่ให้ผู้ค้าสหรัฐเข้าถึงตลาดญี่ปุ่นได้เต็มที่

ตัวอย่างของสินค้าเหล่านี้ได้แก่ น้ำผลไม้, อาหารสัตว์เลี้ยง, องุ่นบริโภค, บลูเบอร์รีแช่แข็ง, น้ำตาล, ผงเครื่องดื่มช็อกโกแลตและโกโก้ เป็นต้น

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดรายประเทศสำหรับสินค้าภาคเกษตรกรรมของสหรัฐที่ใหญ่ที่เป็นอันดับ 4 โดยตัวเลขประมาณการณ์ของมูลค่าส่งออกสหรัฐอยู่ที่ 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2564

รายงานยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นมีกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวดและมีการบังคับใช้อย่างแข็งขัน แต่ยังมีข้อกังวลในประเด็นอื่น ๆ อยู่บ้าง

อนึ่ง เมื่อปีที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้แก้ไขกฎหมายป้องกันการนำเข้าสินค้าปลอมจากผู้ขายในต่างประเทศด้วยการอ้างว่าเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ส่วนบุคคล โดย USTR ระบุว่า จะติดตามการบังคับใช้ข้อกฎหมายดังกล่าวเพื่อดูว่าเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ได้ผลหรือไม่สำหรับปัญหาการนำเข้าสินค้าปลอมในญี่ปุ่น
#2173
Asia Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 31 มีนาคม 2565

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,499.60 จุด ลดลง 14.90 จุด หรือ -0.20% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,789.60 จุด ลดลง 10.30 จุด หรือ -0.13%

-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ 2564 ของญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดได้รับผลกระทบจากความวิตกว่าวิกฤตการณ์ยูเครนจะยืดเยื้อหลังจากกองกำลังของรัสเซียยังคงทำการโจมตีในยูเครน

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 27,821.43 จุด ลดลง 205.82 จุด หรือ -0.73% และลดลง 1,357.37 จุดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฉุดตลาดลง

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยหุ้นกลุ่มการเงินและผู้ผลิตเหล็กปิดนำตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,757.65 จุด เพิ่มขึ้น 10.91 จุด หรือ +0.4% โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลางที่ 1 พันล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 9.6 ล้านล้านวอน (7.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในสัดส่วน 607 ต่อ 240 ตัว

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ หลังจีนเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงในเดือนมี.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,252.20 จุด ลดลง 14.39 จุด หรือ -0.44%

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงในเดือนมี.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจจีนถูกกระทบจากการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 21,996.85 จุด ลดลง 235.18 จุด หรือ -1.06%
#2174
CEYE โรดโชว์ออนไลน์ จ่อขาย IPO 70 ล้านหุ้น ภายใน Q2/65 กางแผนโตครบวงจร รับอุตสาหกรรมโฆษณาบูม

บมจ.ตาชำนิ หรือ CEYE น้องใหม่ IPO สุดครีเอทีฟ เดินหน้าโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนตามแผนเสนอขายหุ้น IPO 70 ล้านหุ้น โดยมี "บจก. แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์" ที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมชูศักยภาพ และจุดเด่น มอง CEYE เป็นหนึ่งในผู้นำด้านครีเอทีฟ คอนเทนต์โฆษณา ครบวงจร ปัจจุบันยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท ตลอดจนทีมงานคุณภาพ มีประสบการณ์ พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เร็วๆ นี้

นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงานโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนทั่วไปได้รับฟังข้อมูลการดำเนินธุรกิจ และแผนงานในอนาคต รวมถึง เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตตามแผนการระดมทุน โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (service) ภายในไตรมาส 2/2565

วัตถุประสงค์การระดมทุน นำไปใช้สำหรับลงทุนโครงการในอนาคต ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,000 ตารางเมตร และโครงการลงทุนในส่วนอุปกรณ์การผลิต โดยเป็นการลงทุนในอุปกรณ์การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ และลงทุนในส่วนขั้นตอนภายหลังการผลิต นอกจากนี้ นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อประโยชน์ในการบริหารสภาพคล่อง และเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสเพื่อต่อยอดความเชี่ยวชาญ ผ่านโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ลงทุนในบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาด กิจกรรม และการประชาสัมพันธ์ รวมทั้ง ธุรกิจออนไลน์ รับเทรนด์เม็ดเงินโฆษณาในยุคดิจิทัลมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้ง แผนลงทุนในบริษัท โพสต์ โปรดักชั่น สำหรับวีดีโอ ภาพยนตร์ และซีรีส์ รวมทั้ง ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพและสร้างทีมนวัตกรรม รับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจวีดีโอสตรีมมิ่ง และเพิ่มความครบวงจรในการให้บริการด้านโปรดักชั่น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน CEYE ประกอบธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณาสื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัล ออนไลน์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีบริษัทย่อยคือ บริษัท ไม้ยืนต้น จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 99.82% ดำเนินธุรกิจให้เช่าสตูดิโอสำหรับการถ่ายภาพยนตร์ โฆษณา และรายการโทรทัศน์ ปัจจุบันมีสตูดิโอ 5 สตูดิโอ

ณ สิ้นปี 2564 โครงสร้างรายได้ใน 5 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่ง 50.07% บริการผลิตภาพเคลื่อนไหว 26.73% บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ 11.50% บริการให้เช่าสตูดิโอ 3.82% และ บริการอื่นๆ รวมประมาณ 5.50% ได้แก่ ธุรกิจผลิตสื่อออนไลน์ ปัจจุบันมีจำนวน 5 สื่อ คือ Spectrum, Shifter, Love Like Laugh, Myanmar Good Friend และ Landmark ผ่านช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram, Website, Twitter เป็นต้น รวมทั้ง ให้บริการบริหารสื่อออนไลน์ให้แก่ลูกค้า บนFacebook ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เข้ามาเสริมฐานรายได้ในระยะยาว

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การนำเสนอข้อมูลสรุปในงานโรดโชว์ครั้งนี้ จึงเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ในศักยภาพการเติบโตของ CEYE ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมครีเอทีฟ และคอนเทนต์โฆษณา ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร เป็น One stop services creative and production solution ด้วยกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ มาตรฐานระดับสากล ตลอดจนทีมผู้บริหารและผู้ก่อตั้งมีชื่อเสียง ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงการโฆษณา ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อีกทั้ง มีกลยุทธ์การพัฒนาสื่อเป็นของตัวเอง รับเทรนด์การเติบโตในยุคดิจิทัล เนื่องจากธุรกิจมีความจำเป็นต่อการโฆษณาในทุกยุคสมัย เห็นได้จากรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดในปี 2564 ที่ผ่านมา การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จึงมองว่าจะเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดในการลงทุน เพิ่มโอกาสให้บริษัทฯ ขยายความครบวงจร และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สำหรับภาพรวมผลประกอบการงวดประจำปี 2564 มีรายได้รวม 272.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.53% และมีกำไรสุทธิ 28.45 ล้านบาท เติบโต 101.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยผลประกอบการในไตรมาส 4/2564 ทำจุดสูงสุดของปีที่ผ่านมา รับมาตรการผ่อนคลายของรัฐบาลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีรายได้รวม 87.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.95% จากไตรมาสก่อน และกำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1,430.00% จากไตรมาสก่อน ดังนั้นแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มบริษัทมีทิศทางสดใสมากขึ้น สอดรับกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2565
#2175
บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวลง นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อ,สถานการณ์ยูเครน
 
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในยูเครน และการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในสหรัฐ

ณ เวลา 00.11 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.323% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.448%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

นักลงทุนกลับมากังวลต่อสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน แม้ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายประสบความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพ

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่มั่นใจในคำมั่นสัญญาของรัสเซียที่ว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ โดยนายเคอร์บีมองว่า การที่รัสเซียถอนกำลังทหารบางส่วนจากกรุงเคียฟนั้นเป็นการ "กลับมาตั้งหลัก" ไม่ใช่การถอนทหารอย่างแท้จริง พร้อมกับแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้กำลังทหารโจมตีครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของยูเครน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2526 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5%

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุก่อนหน้านี้ว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งหากจำเป็น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ค.
#2176
TPCH มั่นใจปี 65 รายได้โต 30-40% เตรียมพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะอีก 4-6 แห่ง

นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่ายังมีการเติบโตที่ดี สามารถทยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ รวม 11 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP , PTG ,TPCH 5 , TPCH 1 ,TPCH 2 และโรงไฟฟ้าขยะ SP มีกำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์

"เราประเมินผลงานในปีนี้ คาดว่า ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ที่ได้รับราคาค่าไฟค่อนข้างสูง รวมถึงโรงไฟฟ้าชีวมวลเดิมทั้ง 10 แห่ง ขณะเดียวกัน การเดินเครื่องของ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ ,TPCH 1 , TPCH 2 , TPCH 5 มีความเสถียรมากขึ้น รวมทั้งการเตรียม COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวลอีก 2 แห่ง มั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้ให้เติบโตที่ 30-40% ได้" นางกนกทิพย์ กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า TPCH เตรียมพร้อม COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลาน กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล บันนังสตา กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 2/65

อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอีกประมาณ 4-6 แห่ง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) โดย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการมีกำลังการผลิตรวม 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล ชีวภาพ ขนาด 200 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ 50 เมกะวัตต์ ภายในปี 66

"ในปี 65 นี้ TPCH ให้ความสำคัญและอยู่ระหว่างการศึกษานโยบายการขับเคลื่อน BCG (Bio-Circular-Green Economy) โดยการนำพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ในปี 2565 ประมาณ 122 เมกะวัตต์ มาทำการซื้อขาย Carbon Credit ในรูปแบบของ I-REC (International Renewable Energy Certificate) ซึ่งเป็นการขอรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและนำ Carbon Credit มาขายเพื่อก่อให้เกิดรายได้จริงในปีนี้ ซึ่งโรงไฟฟ้าชีวมวล 10 เมกะวัตต์ จะลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 30,000-40,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี

ดังนั้น หากบริษัทมีโรงไฟฟ้า ประมาณ 122 เมกะวัตต์ จะลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 400,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ต่อปี และสามารถซื้อขาย I-REC ได้ประมาณ 700,000 I-REC ต่อปี อีกทั้ง ยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจอื่นที่อาจก่อให้เกิดรายได้นอกเหนือจากการขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายเชิดศักดิ์ กล่าว
#2177
บริษัทไม่มีนโยบายให้จำหน่ายผ่าน Lazada Shopee
ระวังของปลอม ลอกเลียนแบบ
ของแท้ ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายถูกต้องจากบริษัทโดยตรง
ปลอดภัย ปรึกษาแนะนำการทานที่ถูกต้องและเห็นผล
รายละเอียดเพิ่มเติม Balance U core ของแท้ ดูยังไง
#2178
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 63.07 จุด แต่บวก 6 ไตรมาสติดต่อกัน

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (31 มี.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามในยูเครน แต่ตลาดยังสามารถปรับตัวขึ้นได้เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,515.68 จุด ลดลง 63.07 จุด หรือ -0.83% โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์

ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงตามแนวโน้มการปรับลดความเสี่ยงทั่วโลก เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพได้จางหายไป หลังประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังของเขากำลังเตรียมรับมือการโจมตีครั้งใหม่ของรัสเซียในภาคตะวันออกเฉียงใต้

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งระบุให้ผู้ซื้อต่างชาติต้องจ่ายค่าก๊าซเป็นเงินรูเบิลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ และจะยุติสัญญาหากไม่มีการจ่ายเงินเป็นรูเบิล

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ ปรับตัวลง 1.9% และ 0.1% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ ยูนิลีเวอร์, บริติช อเมริกัน โทแบคโค และดิอาจีโอ ปรับตัวลงมากที่สุด
#2179
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน "บ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร" ที่ "A+" หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่ "A-" แนวโน้ม "Stable"


ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A+? และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกกิจการ (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ ?A-? พร้อมคงแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ด้วย

อันดับเครดิตดังกล่าวยังคงสะท้อนถึงสถานะความเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมของโลก ตลอดจนการมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ในประเทศต่าง ๆ รวมถึงการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวก็มีข้อจำกัดจากความเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้านโปรตีน ตลอดจนความผันผวนของรายได้ที่มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำ ตลอดจนจากการลงทุนและการซื้อกิจการเป็นระยะซึ่งทำให้บริษัทมีภาระหนี้อยู่ในระดับที่สูงตลอดเวลา

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผลการดำเนินงานที่อ่อนลง

ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญใน 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) และการลดลงของราคาสัตว์บก รวมไปถึงราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

สถานการณ์โรคโควิด 19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของผลิตภัณฑ์อาหาร แต่ยังส่งผลทำให้เกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนแรงงานในโรงงานแปรรูปอาหารหลาย ๆ แห่งอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและมีค่าใช้จ่ายพิเศษจำนวนมากเพื่อใช้ดำเนินการป้องกันโรคโควิด 19 ในปี 2564 ในขณะที่ผลการดำเนินงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเวียดนามก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจากราคาสุกรที่ลดลงอย่างหนักจากสถานการณ์โรคโควิด 19 และการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์อาฟริกาในสุกร (African Swine Fever -- ASF) นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทก็ยังได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในทั่วทุกภูมิภาคของโลกอีกด้วย โดยในปี 2564 ราคาข้าวโพดโดยเฉลี่ยในประเทศไทยและประเทศเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% และ 36% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ในขณะที่ราคากากถั่วเหลืองโดยเฉลี่ยในประเทศไทยและประเทศเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น 55% และ 29% ตามลำดับ

ด้วยสาเหตุดังกล่าว กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทจึงลดลง 37.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาอยู่ที่ระดับ 5.2 หมื่นล้านบาทในปี 2564 ในขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 10.1% ในปี 2564 จากระดับ 14.1% ในปี 2563

ทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทน่าจะเผชิญกับความท้าทายหลากหลายประการในอนาคตข้างหน้า ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์และความผันผวนของราคาสุกรยังคงเป็นสาเหตุหลัก ในขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งทางเรือ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าการที่บริษัทได้มีการผสานพลังทางธุรกิจร่วมกับบริษัทในเครือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ในประเทศ ตลอดจนกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุนนั้นน่าจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทยังอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

การลงทุนในประเทศรัสเซีย

บริษัทได้ลงทุนขยายธุรกิจในประเทศรัสเซียมานานกว่า 15 ปีโดยประกอบด้วย การดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์ ตลอดจนธุรกิจฟาร์มไก่และสุกร รายได้จากธุรกิจในประเทศรัสเซียคิดเป็นประมาณ 3% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2564 ส่วนวงเงินสินเชื่อที่ใช้ลงทุนส่วนใหญ่นั้นมาจากธนาคารท้องถิ่นในประเทศรัสเซีย ซึ่งประมาณ 85% เป็นเงินกู้ระยะยาวที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่

ทริสเรทติ้งมองว่าผลกระทบจากธุรกิจในประเทศรัสเซียที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นอยู่ในระดับที่จำกัดเมื่อพิจารณาจากฐานรายได้ที่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผลทำให้ราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระดับกำไรของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากคำสั่งซื้อไก่ส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศยูเครนป็นประเทศผู้ส่งออกไก่รายหลักในทวีปยุโรป ซึ่งเผชิญภาวะสงครามและไม่สามารถผลิตตามคำสั่งซื้อได้

ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง

การลงทุนขยายงานจำนวนมากและการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ส่งผลให้บริษัทมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนและมีหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นในปี 2564 โดยหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.4 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 จากระดับ 3.8 แสนล้านบาทในปี 2563 และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 61.3% ณ สิ้นปี 2564 จากระดับ 59.6% ณ สิ้นปี 2563 นอกจากนี้ ระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นและกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงยังส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทถดถอยลงมาอยู่ที่ระดับ 8.4 เท่าในปี 2564 เทียบกับระดับ 4.5 เท่าในปี 2563 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 6.4% ในปี 2564 ลดลงจากระดับ 14.5% ในปี 2563

เมื่อเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้เพิกถอนหลักทรัพย์ของ C.P. Pokphand Co., Ltd. (CPP) ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จากธุรกรรมครั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนเพิ่มเติมอีก 25% ใน CPP โดยคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วน 75% ใน CPP และที่เหลืออีก 25% ถือโดย ITOCHU Corporation

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากแผนการลงทุนจำนวนมากของบริษัท อย่างไรก็ตาม ระดับหนี้สินน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของราคาสัตว์บกและสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่คลี่คลายมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีแผนปรับปรุงสถานะทางการเงิน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและมีแผนงานที่ชัดเจนในการลดภาระหนี้ ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนที่ระดับประมาณ 3 หมื่นล้านบาทต่อปีซึ่งไม่รวมการซื้อกิจการ ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 8.8 เท่าในปี 2565 จากผลของการลงทุนใน CPP และการลงทุนตามแผนของบริษัท อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวน่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 7 เท่าในช่วงปี 2566-2567 ตามแผนการลดหนี้ของบริษัท ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 63% ในปี 2565 และจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57% ในปี 2567

สภาพคล่องที่พอเพียง

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้า บริษัทมีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระในปี 2565 ประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท ส่วนแหล่งที่มาของเงินสดเพื่อรองรับการชำระหนี้โดยหลัก ๆ จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ในขณะที่สภาพคล่องของบริษัทนั้นมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นรวมกันประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 เป็นเงินสำรอง นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินลงทุนจำนวนมากใน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 34% ในบริษัทซีพี ออลล์ และ 8.9% ในบริษัทสยามแม็คโคร โดยมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าวเมื่อคิดตามราคาตลาด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 แล้วจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.8 แสนล้านบาทและ 3.9 หมื่นล้านบาทตามลำดับ เนื่องจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด หลักทรัพย์ดังกล่าวจึงน่าจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทในช่วงที่ขาดแคลนสภาพคล่องได้

ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และผลิตภัณฑ์

การกระจายตัวของฐานการผลิตและตลาดในเชิงพื้นที่ช่วยลดความเสี่ยงในด้านการดำเนินงานให้แก่บริษัทลงได้บางส่วน ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมีฐานการผลิตอยู่ใน 17 ประเทศซึ่งตั้งอยู่ใน 4 ทวีป และในปี 2564 รายได้รวมของบริษัทประมาณ 37% มาจากฐานการผลิตภายในประเทศและอีก 63% มาจากฐานการผลิตในต่างประเทศ

แหล่งรายได้หรือตลาดของบริษัทนั้นมีการกระจายตัวในหลากหลายพื้นที่ ทั้งนี้ ยอดขายในประเทศไทยมีสัดส่วนเพียง 31% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2564 ในขณะที่ยอดขายในทวีปเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโตในปัจจุบันนั้นมีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็น 51% ของรายได้รวม ส่วนประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกานั้นมีรายได้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 12% และ 6% ของรายได้รวมตามลำดับเท่านั้น ทั้งนี้ ความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการกระจายฐานธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้นนั้นยังช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดจากโรคระบาดและการกีดกันทางการค้าอีกด้วย

ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ก็ช่วยลดความผันผวนของกำไรของบริษัทได้อีกส่วนหนึ่งด้วย บริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าสัตว์บกและกุ้งที่ครบวงจรโดยมีผลิตภัณฑ์ซึ่งประกอบไปด้วยอาหารสัตว์ เนื้อไก่ เนื้อสุกร และกุ้ง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทมากที่สุดในปี 2564 คือธุรกิจฟาร์มซึ่งประกอบด้วย ไก่ สุกร และกุ้งซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 54% ของรายได้รวม ตามมาด้วยรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์ 25% และธุรกิจอาหาร 21%

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 4%-5% ต่อปีในช่วงปี 2565-2567

? อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ในระดับประมาณ 10%-11.5% ในช่วงปี 2565-2567

? ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3 หมื่นล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 โดยไม่รวมการซื้อกิจการ

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเอาไว้ได้ โดยทริสเรทติ้งคาดว่าความหลากหลายของการดำเนินงาน ตลอดจนผลิตภัณฑ์ และตลาดของบริษัทจะช่วยลดทอนผลกระทบจากความผันผวนของสินค้าการเกษตรซึ่งมีลักษณะคล้ายกับสินค้าโภคภัณฑ์และจากโรคระบาดลงได้บางส่วน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและบริษัทแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาด หรือบริษัทมีการก่อหนี้เพื่อซื้อกิจการจนส่งผลให้งบดุลและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงจนส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 8 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 28 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL)

อันดับเครดิตองค์กร: A+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

CPF225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+

CPF228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+

CPF231A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+

CPF235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+

CPF237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,940 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+

CPF244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+

CPF246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 8,407.6 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+

CPF246B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,725 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+

CPF24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+

CPF251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,460 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+

CPF257A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+

CPF261A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 13,064.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+

CPF276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,164.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+

CPF276B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,643 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+

CPF277A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+

CPF281A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,540 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+

CPF281B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,028.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+

CPF28NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+

CPF30NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+

CPF311A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,034.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+

CPF314A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+

CPF326A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 940 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+

CPF328A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+

CPF331A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,372.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2576 A+

CPF356A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,120 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2578 A+

CPF418A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 A+

CPF41DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 A+

CPF22PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 15,000 ล้านบาท A-

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 15 ปี A+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating .com
ติดต่อ santaya@trisrating .com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว 
#2180
โออาร์ เปิด 'Your Space' ร้านค้ามัลติแบรนด์ นำร่องสาขาแรกที่ พีทีที สเตชั่น วิภาวดี

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) พร้อมด้วย นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการโครงการ ORion และ นายสมยศ คงประเวช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีก โออาร์ ร่วมเปิดตัว 'Your Space' Multi - Brand Store (ยัวร์ สเปซ มัลติ-แบรนด์ สโตร์) ร้านจำหน่ายสินค้ามัลติแบรนด์ ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์เช่าพื้นที่เพื่อจัดแสดงสินค้าให้ผู้ซื้อได้สัมผัสสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ โดยคิดค่าเช่าแบบ Fixed Rate ตอบโจทย์ผู้ขายเรื่องความคุ้มค่าเช่า เน้นโชว์สินค้าจริงเพื่อเพิ่มการรับรู้และยอดขายให้กับแบรนด์ พร้อมบริการสั่งซื้อสินค้าผ่าน QR code และช่องทางออนไลน์ นำร่องสาขาแรก ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดี (ตรงข้าม ม.หอการค้า)

นางสาวจิราพร เปิดเผยว่า 'โออาร์ ได้ปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปกับการเติบโตของผู้คนและสิ่งแวดล้อม โดยมีวิสัยทัศน์ใหม่คือ 'เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน' หรือ 'Empowering All Toward Inclusive Growth' พร้อมสร้างการเติบโตรูปแบบใหม่ โดยตั้งต้นจากความเข้าใจของลูกค้าเพื่อเติมเต็มกันและกัน พร้อมนำมาปรับให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ โดยใช้ศักยภาพที่ โออาร์ มีอยู่ ในการส่งต่อโอกาสให้กับผู้ประกอบการในทุกขนาดเติบโตไปพร้อมกัน (Inclusive Growth) โดยมีเป้าหมายในการสร้างการเติบโตทั้งด้านอาชีพ การกระจายความมั่งคั่งสู่คู่ค้า ผู้ประกอบการขนาดย่อม และชุมชน ซึ่งหนึ่งในกลยุทธสำคัญคือการพัฒนาสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ให้เป็นแพลตฟอร์มที่พร้อมรองรับโอกาสในการเติบโตร่วมกันไปพันธมิตร รวมทั้งเป็นศูนย์กลางให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าและบริการที่นอกเหนือไปจากการเติมน้ำมัน อีกทั้งยังสอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน

การเปิดตัว ร้านมัลติแบรนด์ 'Your Space' ให้แบรนด์สินค้าสามารถนำสินค้าจริงมาจัดแสดงให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสสัมผัสก่อนตัดสินใจซื้อ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการสร้างธุรกิจของแบรนด์ของผู้ขายให้เข้มแข็งขึ้น โดยการช่วยเพิ่มการรับรู้และยอดขายให้กับแบรนด์ ในราคาเช่าที่คุ้มค่า ด้วยการเก็บค่าเช่าในอัตราคงที่ (Fixed Rate) ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,500 บาท และไม่มีการเก็บเปอร์เซ็นต์ GP จากยอดขาย ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จากการที่ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อของได้สะดวกจากการได้สัมผัสสินค้าจริงที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งสินค้าประเภทไอที แฟชั่น เครื่องประดับ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยสามารถสั่งซื้อได้จากการสแกน QR Code เพื่อลิงก์ไปยังร้านค้าออนไลน์ของผู้ขายหรือสั่งซื้อผ่านช่องทางการขายออนไลน์ของผู้ขายได้โดยตรง ส่วนผู้ขายก็ไม่ต้องสต็อกสินค้าที่ร้าน นอกจากนี้ โออาร์ ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนด้านการตลาดให้กับแบรนด์ ทั้งเรื่องการทำ Co-Promotion การทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อโปรโมทร้านค้า รวมทั้งมีพนักงานส่งเสริมการขายประจำหน้าร้านอีกด้วย

ร้านมัลติแบรนด์ 'Your Space' สาขาแรก ตั้งอยู่ที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดี (ตรงข้าม ม.หอการค้า) ซึ่งอยู่ท่ามกลางทำเลธุรกิจศักยภาพสูงบนถนนวิภาวดี - รังสิต มีพื้นที่ใช้สอยร้านค้ากว่า 50 ตารางเมตร และได้เริ่มมีการเซ็นสัญญากับผู้ขายไปแล้วกว่า 20 แบรนด์ นอกจากนี้ ในปี 2565 ยังมีแผนจะขยายให้ครบ 5 สาขาในจุดยุทธศาสตร์ของกรุงเทพฯ และในปี 2566 จะเริ่มขยายสาขาไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคอีกด้วย