• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Hanako5

#4367
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 64.11 จุด ขานรับเจรจา-รัสเซียคืบหน้า

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (29 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนเพื่อยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,537.25 จุด เพิ่มขึ้น 64.11 จุด หรือ +0.86%

หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคนำตลาดปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์, พรูเดนเชียล, ดิอาจีโอ และยูนิลีเวอร์ ช่วยหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด

นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่น หลังรมช.กลาโหมของรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียได้ตัดสินใจลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและเชอร์นิฮีฟในยูเครน หลังการเจรจาระหว่างคณะเจรจาของรัสเซียและยูเครนในอิสตันบูล ขณะที่ผู้เจรจาของยูเครนเปิดเผยว่า ยูเครนเสนอใช้สถานะที่เป็นกลางเพื่อแลกกับการรับประกันด้านความมั่นคงในการเจรจารอบล่าสุดกับรัสเซีย โดยจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารหรือจัดตั้งฐานทัพทหาร

หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่พุ่งขึ้น 4.4% ช่วยหนุนตลาดด้วย

หุ้นรายตัวที่ช่วยหนุนตลาดได้แก่ หุ้นโพลีเมทัล พุ่งขึ้น 39.5% หลังเปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ เพื่อหนุนมูลค่าผู้ถือหุ้น หลังวิกฤตยูเครนส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น

แต่หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ บีพีและเชลล์ ปรับตัวลงมากกว่า 1.9% หลังราคาน้ำมันลดลง

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองโลหะพื้นฐานและโลหะมีค่าปรับตัวลงด้วยตามราคาโลหะที่ลดลง

หุ้นบาร์เคลยส์ ร่วง 2.5% หลังนักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่งเทขายหุ้นบาร์เคลยส์มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์

 
#4368
TNR รุกใหญ่อุตสาหกรรม 'กัญชง กระท่อม กัญชา' เต็มตัว ตั้งเป้าปี 67 ทำรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท ลุยธุรกิจครอบคลุมต้นน้ำถึงปลายน้ำ หวังเป็น NEW S-Curve ดันการเติบโต

บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR ประกาศรุกใหญ่สู่อุตสาหกรรม 'กัญชง กระท่อม กัญชา' ครอบคลุมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หวังปั้นเป็น New S-Curve หนุนการเติบโต เดินหน้าร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชง เร่งสร้างโรงงานสกัด ชูจุดเด่นเครื่องจักรทันสมัยและขอใบอนุญาตระดับ GMP สมุนไพรอาเซียน สามารถสกัดสารจากกัญชงและกระท่อมที่ใช้กับอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึงส่งออกในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่น ๆ ที่รับรองมาตรฐาน พร้อมต่อยอดพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์บริษัทฯออกสู่ตลาดวางเป้าหมายปี 2567 ทำรายได้จากกัญชงและกระท่อมแตะ 1,000 ล้านบาท

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายธุรกิจครั้งสำคัญ โดยการรุกเข้าสู่อุตสาหกรรม 'กัญชง กระท่อม กัญชา' อย่างเต็มตัว ครอบคลุมตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านบริษัท ทีเอ็นอาร์ ไบโอไซเอินซ์ จำกัด (TNRBio) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TNR ถือหุ้น 100% มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสกัด และจำหน่ายสารสำคัญพืชสมุนไพร โดยตั้งใจจะให้เป็นธุรกิจ New S-Curve ที่ผลักดันการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจในด้านนี้ ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญจากธุรกิจหลักในปัจจุบันที่เป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือแพทย์ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ

ทั้งนี้ บริษัทฯ เห็นโอกาสจากการที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันกัญชงและกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่และได้รับการปลดล็อกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เป็นที่เรียบร้อย โดยได้เริ่มศึกษาและรุกเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวอย่างจริงจังตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แผนงานเฟสที่ 1 จะรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชง 'ระดับต้นน้ำ' ปัจจุบันได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาสนับสนุนการทดสอบ วิจัย และพัฒนาสายพันธุ์กัญชงที่สามารถสกัดสาร CBD (Cannabidiol) ได้ในปริมาณสูง รวมถึงจัดตั้งจุดรับซื้อช่อดอกกัญชงและศูนย์ตรวจวัดค่าต่าง ๆ ตามมาตรฐาน

ขณะเดียวกัน ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจ 'ระดับกลางน้ำ' โดยลงทุนจัดตั้งโรงงานสกัดสารสำคัญจากกัญชงและกระท่อม เพื่อจำหน่ายสารสกัด CBD และ Mitragynine เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ พร้อมกับจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ (แล็บทดสอบ) เพื่อตรวจวัดระดับสารสำคัญ CBD ,THC รวมไปถึงสารปนเปื้อนและโลหะหนัก ทั้งในช่อดอกกัญชงและสารสกัด รวมถึงมีแผนขอรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการตาม ISO/IEC 17025 ภายในปี 2566 และจะรุกเข้าสู่ธุรกิจ 'ระดับปลายน้ำ' พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่มีส่วนผสมสารสกัดจากกัญชงภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ออกสู่ตลาด ส่วนแผนงานเฟสที่ 2 จะรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมกระท่อมโดยการจำหน่ายทั้งสารสกัดและผลิตภัณฑ์ รวมถึงศึกษาการรุกอุตสาหกรรมกัญชาเพื่อขยายธุรกิจเฟสที่ 3 ในอนาคต

ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในด้านการปลูกกับองค์กรต่าง ๆ แล้ว 3 แห่ง ได้แก่ (1) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อสนับสนุนโครงการศูนย์ทดสอบ วิจัย และพัฒนากัญชงอุตสาหกรรมเป็นระยะเวลา 5 ปี (2) บริษัท เอฟจีพี (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของสายพันธุ์กัญชง เพื่อสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์กัญชงมาใช้เพาะปลูกในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ และ (3) บริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการปลูกกัญชงในระดับอุตสาหกรรม โดยทำสัญญาคอนแทกฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) หรือระบบเกษตรพันธสัญญา เพื่อซื้อ-ขายช่อดอกกัญชงแห้งจากแปลงเพาะปลูกในโรงเรือนระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น โดยมีกำหนดทยอยส่งมอบช่อดอกกัญชงแห้งให้บริษัทฯ ตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม 2565 ขั้นต่ำ 18,000 กิโลกรัม

นอกจากนี้ทางบริษัทฯ เตรียมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัทที่มีความสนใจในการนำตัวสารสกัดจากพืชกัญชงไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ได้แก่ บริษัท แมคโครฟาร์ จำกัด, บริษัท สุพรีม ฟาร์มาเทค จำกัด และยังได้ บริษัท เมอราเคช จำกัด มาเป็นตัวแทนในการร่วมจัดจำหน่ายกับบริษัทฯ อีกด้วย ในส่วนของพืชกระท่อม บริษัทฯ เตรียมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ด้านการวิจัยพืชสมุนไพร เครื่องมือแพทย์ และอาหารทางการแพทย์ กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

นายสุเมธ มาลิสีรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR กล่าวว่า ความคืบหน้าการจัดตั้งโรงงานสกัดภายในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี ใกล้กับที่ตั้งของโรงงานผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นของ TNR ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2565 เพื่อให้ อย.ตรวจสอบ คาดว่าเดือนมิถุนายน 2565 จะทราบผลและเริ่มเดินเครื่องจักรโรงงานสกัดได้จากแผนงานขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมกัญชงและกระท่อม ทั้งนี้ หากได้รับใบอนุญาตโรงงานสกัดจากอย. ภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถผลิตสารสกัดได้ภายในครึ่งปีหลัง โดยมองว่าปี 2567 ธุรกิจกัญชง กระท่อม และกัญชา จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งประเมินรายได้จากการจำหน่ายสารสกัดแบบผงและแบบสารสกัดละลายน้ำที่เป็นสินค้าหลัก (ไม่รวมรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ และบริการทดสอบต่าง ๆ) เนื่องจากราคาขายของสารสกัด CBD แบบผงค่อนข้างสูง

นายทศพร นิลกำแหง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของโรงงานสกัดคือบริษัทฯ ได้ขอใบอนุญาตตามมาตรฐาน ASEAN GMP ผลิตภัณฑ์สมุนไพร จึงสามารถสกัดสารเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้ และสามารถส่งออกไปยังประเทศที่ได้รับรองมาตรฐานดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้มีการออกแบบโรงงานเพื่อให้รองรับการขอใบอนุญาตในระดับ GMP PIC/S ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เพื่อรองรับการสกัดสารที่ใช้ในการผลิตยาแผนปัจจุบันและแผนโบราณ

บริษัทฯ นำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในการสกัดจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยประกอบด้วยเครื่องจักร 3 ชุด ได้แก่ (1) ชุดเครื่องสกัด (2) ชุดเครื่องกลั่นระเหย และ (3) ชุดเครื่องตกผลึก ซึ่งทั้งหมดทำจากวัสดุสแตนเลส สตีล ซึ่งสอดคล้องตามมาตรฐาน GMP PIC/S โดยชุดเครื่องกลั่นระเหยเป็นแบบ 3 หอกลั่น สามารถสกัดสาร CBD จากกัญชง และสารเทอร์พีนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ จะมีผลิตภัณฑ์จากพืชกัญชง 3 รูปแบบ คือ (1) น้ำมัน (CBD Distillate) (2) แบบผง (CBD Isolate) และ (3) แบบสารละลายน้ำ (Water Soluble CBD) ซึ่งเหมาะสำหรับผสมในเครื่องดื่ม โดยเครื่องจักรสามารถรองรับการสกัดช่อดอกกัญชงแห้งสูงสุด 720 กิโลกรัมต่อวัน (เดินเครื่อง 1 กะ) ซึ่งบริษัทฯ มีความต้องการช่อดอกกัญชงแห้งประมาณ 165,900 กิโลกรัมต่อปี เพื่อให้ได้สารสกัดแบบผงประมาณ 9,100 กิโลกรัมต่อปี รวมถึงสามารถสกัดสาร Mitragynine จากใบกระท่อมได้อีกด้วย ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า บรรเทาปวด และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เป็นต้น

ในส่วนของด้านการวิจัยผลิตภัณฑ์พืชสมุนไพร เครื่องมือแพทย์ และอาหารทางการแพทย์ จากสารสกัดพืชกระท่อมทางบริษัทฯ เตรียมทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของบริษัทฯ ในอนาคต

รายได้หลักของ ทีเอ็นอาร์ ไบโอไซเอินซ์ จะมาจาก 2 ส่วน ส่วนแรกมาจากการจำหน่ายสารสกัด CBD จากพืชกัญชงแก่ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ เน้นสารสกัดแบบผง (CBD Isolate) และแบบสารละลายน้ำ (Water Soluble CBD) และรายได้หลักส่วนที่ 2 จะมาจากการนำสารสกัด CBD จากพืชกัญชง มาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ เช่น เครื่องดื่ม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาโดย บริษัท เอส วี เอส อินโนเทค จำกัด และบริษัท โกพลัส เฮลธี จำกัด คาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 รวมถึงการนำสารสกัดจากกัญชงไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นเพื่อส่งออกต่างประเทศ จากนั้นจะขยายไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร Mitragynine จากกระท่อม นายทศพร กล่าว
#4369
K WEALTH แนะกลยุทธ์ลงทุนเอาชนะเงินเฟ้อ

K WEALTH โดยธนาคารกสิกรไทย ชี้วิกฤตเงินเฟ้อไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระทบเงินในกระเป๋ามีค่าน้อยลง แนะกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ ด้วยการทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) ผ่านกองทุนรวมที่น่าสนใจ เช่น K-CHANGE, K-CLIMATE, K-GINCOME นอกจากนี้ยังสามารถลงทุนทองคำในสัดส่วน 5-10% ของพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง หรือใช้ Wealth PLUS บริการช่วยวางแผนลงทุนอัตโนมัติบน K PLUS จัดการการลงทุนให้ได้

นายวีระพล บดีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อของไทยสูงถึง 5.3% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 13 ปี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินในกระเป๋าผู้บริโภคมีค่าลดลง รายได้โตไม่ทันรายจ่าย ฝั่งธุรกิจต่างๆ มีสัดส่วนกำไรลดลง เพราะไม่สามารถขึ้นราคาตามต้นทุนได้รวดเร็วเพียงพอที่จะชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด โดยเฉพาะธุรกิจปลายน้ำที่อยู่ใกล้ผู้บริโภค

สาเหตุหลักของเงินเฟ้อในรอบนี้เกิดจาก 1) กำลังการผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงงานหลายแห่งปิดชั่วคราว ขณะที่ความต้องการซื้อสินค้าและบริการมีเพิ่มขึ้นจากการเปิดเมือง เศรษฐกิจเริ่มทยอยฟื้นตัว 2) ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน รวมถึงกระแสความนิยมใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลก็ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นเช่นกัน 3) ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันจากรัสเซียที่หายไป ซึ่งรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติและน้ำมันรายใหญ่ มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันอยู่ราว 10% ของโลก นอกจากนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD ยังคาดการณ์ว่าหากความไม่สงบยังยืดเยื้อ จะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับสูงขึ้น 2.5%

ในด้านการลงทุน K WEALTH แนะนำให้ทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย หรือ DCA (Dollar Cost Averaging) เพื่อลดความผันผวนของผลตอบแทน โดยกองทุนรวมที่น่าสนใจและมีโอกาสให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ มีดังนี้

K-CHANGE กองทุนในเทรนด์รักษ์โลก มีหุ้นในพอร์ตเน้นกลุ่มเติบโตสูง ซึ่งปรับตัวลงมาในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ระดับราคาน่าสนใจ แต่ยังมีโอกาสเติบโตของรายได้ในอนาคตที่โดดเด่น นอกจากนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อในระยะยาว เนื่องจากบริษัทในกองทุนนี้เป็นผู้นำตลาด สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจได้
K-CLIMATE กองทุนรวมธีมพลังงานทางเลือก มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาวจากเมกะเทรนด์ระดับโลกที่รัฐบาล เอกชนและประชาชนทั่วโลกหันมาสนใจดูแลสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหา Climate Change เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
K-GINCOME กองทุนรวมที่กระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกมากกว่า 2,500 ตัว เพื่อความมั่นคงของพอร์ต เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ เช่น หุ้นกู้ หุ้นปันผล กองทุนอสังหาฯ และอื่นๆ ทำให้สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอเช่นกัน
ทั้งนี้ นักลงทุนยังสามารถลงทุนในทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยควรมีสัดส่วนไม่เกิน 5-10% ของพอร์ต และสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารเพื่อปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนด้วยตัวเอง สามารถใช้ Wealth PLUS บริการช่วยวางแผนลงทุนอัตโนมัติบน K PLUS ดูแลการลงทุนให้ได้ โดย Wealth PLUS มีระบบอัจฉริยะ มาตรฐานระดับสากล ช่วยแนะนำออกแบบแผนการลงทุน คัดเลือกกองทุนที่เหมาะสมตามความเสี่ยง ติดตามและปรับแผนการลงทุนให้อัตโนมัติตลอดระยะเวลาการลงทุนของผู้ใช้งาน

นอกจากการลงทุนแล้ว K WEALTH ยังแนะนำแนวทางการจัดการเงินสำหรับคนที่มีภาระเงินกู้ ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวสูงขึ้น แนะนำให้ทยอยโปะเพื่อลดเงินต้น สำหรับคนที่ผ่อนบ้าน ควร Refinance เมื่ออัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินใหม่ ถูกกว่าเดิมตั้งแต่ 2% ขึ้นไป จึงจะมีความคุ้มค่าในการ Refinance
#4370
 เครื่องดัดผมดิจิตอลสิ้นสุดการอคอย สีทรีทเม้นท์แฟชั่นเข้ามาครบทุกเฉดสีแล้วจ้ะ สีย้อมผมผสมทรีทเม้นท์ ดูแลผม 
เนื้อสีแน่น ติดทน ไม่ต้องผสมไฮโดรเจน ไม่มีแอมโมเนีย สามารถลงได้เลย มีให้เลือกถึง 11 เฉดสีกันเลย
โดย บริษัท โมเดิร์น แฟนตาซี จำกัด ผู้นำเข้า-ส่งออก 
 เครื่องดัดผมดิจิตอล อุปกรณ์
 เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ 
 เครื่องดัดผมดิจิตอลแล้วก็สินค้าต่างๆเกี่ยวกับเส้นผม 
ภายใต้แบรนด์ ENIE(เอนี่)


https://bit.ly/3qGaaJg
#4372
เครื่องรีดพลาสติก หรือ เครื่องรีดท่อพีวีซี

เครื่องรีดพลาสติก ถูกออกแบบมาให้ดูมีความสวยงาม ง่ายต่อการใช้งานและฟังค์ชั่นไม่ซับซ้อนทั้งตัวแผงควบคุมเครื่องจักร, การปรับน้ำร้อนน้ำเย็น, การตั้งไฟตรงหัวเครื่องจักร และ วงจรไฟของเครื่องจักร ถูกออกแบบและคิดค้นมาให้ดูง่ายต่อการควบคุม รวมถึงโมลของชิ้นงานที่ติดมากับเครื่องนั่นก็ถูกคิดค้นให้ง่ายต่อการติดตั้งด้วยเช่นกัน โมลที่ติดไปกับเครื่องนั้นขึ้นอยู่กับแบบที่ลูกค้าสั่ง การผลิตท่อน้ำพีวีซี นั่นมีหลายขนาดขึ้นอยู่กับว่าทางลูกค้าต้องการให้ชิ้นงานมีขนาดเท่าไหร่ ขนาดของเครื่องจักรจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาดของสินค้าที่ลูกค้าต้องการ เครื่องรีดพลาสติก หรือ เครื่องผลิตชิ้นงานพลาสติก ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Extrution Machine เป็นเครื่องที่ใช้สำหรับการผลิตชิ้นงานที่เป็นเส้น ขอเน้นย้ำตรงนี้เลยว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเส้นเท่านั้น เครื่องอัดรีดพลาสติก ยกตัวอย่างเช่น ชิ้นงานโปรไฟล์ที่ติดตั้งหรือตกแต่งบ้าน บัวเชิงผนัง วงกบประตู เซี้ยม หรือแม้กระทั้งผลิตภัณฑ์ที่เอาไว้สำหรับตกแต่งภายนอก เครื่องรีดพีวีซี ท่อรางแอร์ ท่อพีวีซี ท่อฟ้า ท่อเหลือง ท่อดำ ท่อน้ำดื่มต่างๆ เป็นต้น

Line : Lakkana99 , 0812079977
เบอร์ติดต่อ : 081-6428557 (คุณสมนึก) , 081-6428556 (คุณลักขณา)
เรียบเรียงบทความโดย : https://www.cctgroup.co.th 
#4373
บางกอกแอร์เวย์ส รุกไตรมาส 2 ตลาดออนไลน์ เปิดตัวแคมเปญ "คิดถึง...ให้ถึง" ดึง ญาญ่า อุรัสยา ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ ตอกย้ำการบริการเต็มรูปแบบและเส้นทางบินที่เป็นเอกลักษณ์

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส พร้อมรุกตลาดออนไลน์ ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 เปิดตัวแคมเปญ "คิดถึง?ให้ถึง" โดยมี "ญาญ่า อุรัสยา สเปอร์บันด์" แบรนด์แอมบาสเดอร์ ร่วมถ่ายทอดความเป็น "เอเชียบูทีค แอร์ไลน์" ผ่านภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ 3 เรื่อง สะท้อนกลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่ การบริการจากใจ การนำพาความคิดถึงที่ไหน ก็ไปถึงได้ทุกที่ การบริการประทับใจสุดปลายทาง นำเสนอจุดเด่นตอกย้ำภาพลักษณ์บูทีคแอร์ไลน์ เส้นทางบินที่เป็นเอกลักษณ์ การบริการที่แตกต่าง เกินความคาดหมาย โดยภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ชุด "คิดถึง?ให้ถึง" จะเปิดตัวผ่านทางสื่อออนไลน์ และแฟนเพจของบางกอกแอร์เวย์สในช่องทางต่างๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

นายจุลิน กอเจริญ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "บางกอกแอร์เวย์ส" เปิดตัวแคมเปญ "คิดถึง?ให้ถึง" โดยในช่วงแรกจะสื่อสารทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งมีศักยภาพที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ชุดใหม่ ตอกย้ำแบรนด์ดิ้ง การให้บริการเต็มรูปแบบ และเส้นทางบินที่เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงความพร้อมของสายการบินทั้งในด้านการบริการ และเส้นทางการบินต่างๆที่จะทยอยกลับมาเปิดให้บริการเพิ่มเติม ในช่วงตั้งแต่ไตรมาส ที่ 2 ของปี 2565 เป็นต้นไป"

ทั้งนี้ แคมเปญ "คิดถึง?ให้ถึง" ได้นำ 3 กลยุทธ์ด้านการบริการที่สำคัญมาสื่อสาร ได้แก่

การบริการจากใจ ความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจแก่ผู้โดยสาร ตอกย้ำในวิสัยทัศน์ของบางกอกแอร์เวย์สในเรื่องความพร้อมที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกการเดินทาง
การนำพาความคิดถึงที่ไหน ก็ไปให้ถึงได้ทุกที่ ด้วยบางกอกแอร์เวย์ส ด้วยความพร้อมเปิดเที่ยวบินที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง ในเส้นทางบินต่างๆที่พร้อมให้บริการ อาทิ กรุงเทพฯ-สมุย, กรุงเทพฯ-กระบี่, กรุงเทพฯ-สุโขทัย, กรุงเทพฯ-ตราด, กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-ลำปาง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต, ภูเก็ต-หาดใหญ่ อู่ตะเภา- ภูเก็ต และ อู่ตะเภา - สมุย"
การบริการประทับใจสุดปลายทาง ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้ผู้ใช้บริการที่คิดถึงบริการของสายการบินฯ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นฟรีน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลกรัม Boutique Lounge ห้องรับรองผู้โดยสารที่ให้บริการสำหรับผู้โดยสารทุกท่าน Flyer Bonus โปรแกรมรายการสะสมคะแนนเพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ สะสมคะแนนจากการบิน บริการเช่ารถ ช้อปปิง หรือเข้าพักในโรงแรมชั้นนำก็สามารถได้รับคะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่างตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และข้อเสนอพิเศษจากพันธมิตรอีกมากมายรวมถึงศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) 1771 ที่คอยให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร
"โดยภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ชุด "คิดถึง?ให้ถึง" ได้รับเกียรติถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน "ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์" ที่ในปีนี้ยังคงเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบางกอกแอร์เวย์สต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ด้วยภาพลักษณ์สดใสรักการท่องเที่ยว และมีสไตล์ที่โดดเด่นตรงกับเอกลักษณ์ของสายการบินฯ บริษัทฯ หวังว่าจะทำให้ผู้ชมภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ คิดถึงการบริการของเราที่ใส่ใจทุกรายละเอียดตลอดการเดินทาง และเชื่อมั่นว่า ญาญ่า จะเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้คนนึกถึงการท่องเที่ยว หรือการเดินทางอีกครั้ง"
#4374
วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.คงดอกเบี้ยหนุนฟื้นศก. ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อพุ่งสูง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 30 มีนาคมนี้ กนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้นจากวิกฤติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ดี กนง. คงเผชิญความท้าทายมากขึ้น ในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น

ทั้งนี้ วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลให้ราคาพลังงาน รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ทั้งที่เป็นโลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตเร่งตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อของไทย และไปบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีความเปราะบางอยู่แต่เดิมจากผลกระทบของโควิด-19 นอกจากนี้ วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนยังมีผลต่อการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของไทย ที่ปัจจุบันพึ่งพานักท่องเที่ยวจากยุโรปอย่างมากในช่วงที่จีนยังคงปิดประเทศ อีกทั้งยังจะกระทบการส่งออกของไทยที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าเป็นสำคัญ

"ดังนั้น ท่ามกลางความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่ากนง. จะยังพิจารณาคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ในการประชุมที่จะถึงนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยกนง. คงจะให้น้ำหนักต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลักแม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน" บทวิเคราะห์ระบุ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กนง. คงเผชิญความท้าทายมากขึ้นในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ท่ามกลางแนวโน้มราคาพลังงานที่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะข้างหน้า โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2565 อยู่ที่ 4.5% ทั้งนี้ ราคาพลังงานที่เร่งสูงขึ้นในตลาดโลกได้ส่งผลให้ภาระค่าเชื้อเพลิงและค่าขนส่งในประเทศนั้นเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่มาตรการภาครัฐที่ช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและการขนส่ง อาจจะทำได้ในระยะสั้นๆ เนื่องจากภาครัฐจำเป็นต้องแบกรับภาระต้นทุนทางการคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ ราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น ได้ส่งผลให้ผู้ผลิตเผชิญกับต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่อยู่ในระดับสูงถึง 9.4% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ผลิตบางรายอาจทยอยส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ไปยังราคาสินค้าผู้บริโภค และในท้ายที่สุดส่งผลให้เงินเฟ้อนั้นเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นนั้นเกิดจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อได้อย่างตรงจุดเท่าใดนัก อีกทั้งจะยิ่งไปบั่นทอนการบริโภคและการลงทุนไปมากกว่าเดิม ดังนั้น คาดว่ากนง. คงจะยังไม่พิจารณาเลือกใช้นโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดกันเงินเฟ้อตามทิศทางธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ ขณะที่นโยบายการคลังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยเยียวยาผลกระทบของครัวเรือนจากปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น

ในขณะที่ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงจะสร้างแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ครั้งที่ผ่านมา เฟดได้เริ่มวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 0.25-0.50% อีกทั้งเฟดยังได้ส่งสัญญาณจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้งในระยะข้างหน้า

"ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยและสหรัฐฯ ที่กว้างขึ้น รวมถึงหากเงินเฟ้อในไทยยืนในระดับสูงต่อเนื่อง จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยติดลบมากขึ้น เป็นการเปิดความเสี่ยงทางด้านเสถียรภาพการเงิน ดังนั้น กนง. คงพิจารณาสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเป็นรอบๆ ไป โดยชั่งน้ำหนักความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากแรงกดดันเงินทุนไหลออก รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาท ซึ่งแรงกดดันน่าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เป็นต้นไป" บทวิเคราะห์ระบุ
อย่างไรก็ตาม หากภาคการท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้นตัวตามที่คาด เนื่องมาจากผลกระทบจากวิกฤติรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบมากกว่าที่ประเมิน เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงอาจเผชิญการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบอีกครั้งในปีนี้ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางอ่อนค่าไปอีก

ทั้งนี้ ในการประชุม กนง.ครั้งนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ซึ่งตลาดคงจะต้องติดตามการปรับประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของกนง. เนื่องจากจะเป็นการสะท้อนมุมมองของกนง. ในการพิจารณานโยบายการเงินในระยะข้างหน้า โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ากนง. คงจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ลงไม่มากนักจากประมาณการเดิม ณ เดือนธันวาคม 2564 ที่ 3.4% แต่หากกนง. มีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดเงินตลาดทุนได้ในระยะอันสั้น
#4375
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299

สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#4379
บริษัทไม่มีนโยบายจำหน่าย Balance U core ที่ LAZADA SHOPEE
โปรดระวัง! ของปลอม ของลอกเลียนแบบ 

รายละเอียดเพิ่มเติม  Balance U Core ของแท้
#4380
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex บวกกว่า 200 จุด หลังร่วง 3 วันติด

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ หลังร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ

อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายถูกกดดันจากการที่จีนประกาศมาตรการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 57,593.49 บวก 231.29 จุด หรือ 0.40%

หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงสวนทางตลาดวันนี้

U เข้าซื้อหุ้น มาเจสติค พาร์ค-รับโอนตั๋วสัญญาใช้เงินรวมมูลค่า 1,053.49 ลบ.
 
บมจ.ยู ซิตี้ (U) เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 มีนาคม 2565 บริษัทฯ ได้มาซึ่งหุ้นสามัญในบริษัท มาเจสติค พาร์ค จำกัด (MJP) จำนวน 500,000 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 50% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งหมดของ MJP) ราคา 54.27 ล้านบาท และ รับโอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดย MJP จำนวน 999,22 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 50% ของตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งหมดที่ออกโดย MJP) จากการใช้สิทธิตามสัญญา Option Agreement ระหว่างบริษัทฯ และ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ในราคาซื้อขายรวมจำนวน 1,053.49 ล้านบาท เพื่อร่วมทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดย U ถือหุ้น 50% และ NOBLE ถือหุ้น 50%