• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - fairya

#3021


ด้วยสำนึกในความเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ในช่วงวิกฤติ COVID-19 จึงไม่อาจนิ่งเฉยต่อความทุกข์ยากของคนในชุมชน เมื่อเร็วๆ นี้ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีที่ตั้ง ณ ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ได้จัดสรรปรับปรุงอาคาร "ห้องเรียนปลายเนิน" ซึ่งเดิมใช้เพื่อการเรียนการสอนของอาจารย์ชาวต่างประเทศ และอาคาร "บ้านกลางน้ำ" ซึ่งใช้ทำกิจกรรมของนักศึกษา เป็น "ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) ตรวจคัดกรองและดูแลอาการของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในเบื้องต้น ขนาด 20 เตียง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่เป็นชาวชุมชนตำบลเขาทอง ซึ่งเดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดสีแดงเข้ม 29 จังหวัดของประเทศ และประสบปัญหาโรงพยาบาลชุมชนประจำท้องถิ่นเตียงเต็มจนไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่ม พร้อมจัด 2 สูตรยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนเพื่อการบำรุงและรักษาอาการของโรค COVID-19

อาจารย์ แพทย์หญิงมนทกานติ์ โอประเสริฐสวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า วิทยาเขตนครสวรรค์ มีความพร้อมทั้งในด้านอาคารสถานที่ บุคลากรทางการแพทย์ องค์ความรู้ด้านส่งเสริมสุขภาวะ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น โดยได้มีการจัดตั้ง "ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ " เพื่อเป็นที่พึ่งทางสุขภาวะของประชาชนในชุมชนมาเป็นเวลากว่า 2 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ได้ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทอง โรงพยาบาลพยุหะคีรี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่วนตำบลเขาทอง และวัดเขาทอง เปิดศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) ขึ้น ภายในวิทยาเขตฯ โดยรับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการไปจนถึงมีอาการเล็กน้อย มาพักคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในอาคารซึ่งปรับปรุงจากอาคารเรียนและอาคารทำกิจกรรมที่อยู่แยกจากพื้นที่หลักของวิทยาเขตฯ โดยมีนักศึกษาและบุคลากรของวิทยาเขตฯ พร้อมต้อนรับช่วยเหลือ

"ปัญหาโรคระบาด ถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดปรากฏการณ์พบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วประเทศ จนโรงพยาบาลต่างๆ ไม่สามารถรองรับได้ และมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกปฏิเสธจากบางชุมชนที่ตนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งการที่ชาวชุมชนตำบลเขาทองได้ร่วมแรงร่วมใจทำ Community Isolation ให้เกิดขึ้นนี้ คาดว่าจะสามารถช่วยจุดประกายให้ชุมชนอื่นๆ ได้ต่อไป โดยจะไม่มองว่าเป็นปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแล และเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ต่อไปได้" อาจารย์ แพทย์หญิงมนทกานติ์ โอประเสริฐสวัสดิ์ กล่าว

นอกจากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากการปรับปรุงอาคาร "ห้องเรียนปลายเนิน" และอาคาร "บ้านกลางน้ำ" ให้เป็น "ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) แล้ว ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านแพทย์แผนจีน ยังได้คิดค้นสูตรยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนสำหรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มาพำนักที่ ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) จากยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนที่มีอยู่แล้วของแผนกแพทย์แผนจีน ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ถึง 2 สูตรด้วยกัน

แพทย์แผนจีน ธนัตเทพ เตระทวีดุลย์ หัวหน้าฝ่ายแพทย์ทางเลือก ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้เปิดเผยถึง 2 สูตรยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนที่ทางศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จัดไว้ในลักษณะบรรจุเสร็จสำหรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มาพำนักที่ ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) ตลอด 14 วันว่า ได้มาจากการศึกษาวิจัยของจีนซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลาย แล้วนำมาปรับเป็นสูตรเฉพาะของศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์

ซึ่งยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนสูตร 1 ที่จัดสำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการจะเป็นยาบำรุง ส่วนยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนสูตร 2 จัดสำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย ให้ดื่มได้ตามความสมัครใจ 1 ซอง / 1 มื้อ เช้า - เย็น โดย แพทย์แผนจีน ธนัตเทพ เตระทวีดุลย์ ได้กล่าวถึงตัวยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนหลักที่ใช้เป็นยาบำรุงว่า มี 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ "ปักคี้" ที่มีรสหวาน สรรพคุณบำรุงปอด และลดอาการบวม "ไป๋จู๋" ที่มีรสขมและหวาน บำรุงม้าม ขับปัสสาวะ และระงับเหงื่อ และ "ฝางเฝิง" ที่มีรสเผ็ดและหวาน บำรุงตับ ระงับปวด และป้องกันไข้หวัด

โดยยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนทั้ง 3 ชนิดนี้รวมกันเป็นตำรับ "ยวี่ผิงเฟิงซ่าน" ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีใช้มาอย่างยาวนาน โดยเป็นยาที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นระบบย่อยอาหาร บำรุงปอด และม้าม มีฤทธิ์ขับพิษอ่อนๆ ส่วนยาเพื่อการรักษาควรจัดโดยแพทย์แผนจีนเท่านั้น ไม่ควรหามารับประทานเอง

แพทย์แผนจีน ธนัตเทพ เตระทวีดุลย์ ได้กล่าวให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงการใช้ยาสมุนไพรแพทย์แผนจีน ควบคู่กับยาสมุนไพรแพทย์แผนไทยว่าสามารถทำได้ โดยยาสมุนไพรบางชนิดที่ใช้ทั้งในแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนไทยก็มี เช่น ดอกคำฝอย (หงฮวา) ชะเอมเทศ (กำเช่า) โกฐเชียง (ตังกุยเหว่ย) ฯลฯ ส่วนยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกันก็มี เช่น ยาสมุนไพรแพทย์แผนจีน "เหลียนฮัวชิงเวินเจียวหนัง" ซึ่งที่มีฤทธิ์เย็นใช้รักษาโรค COVID-19 หากรับประทานร่วมกับยาสมุนไพรแพทย์แผนไทย "ฟ้าทะลายโจร" ซึ่งใช้รักษาโรค COVID-19 และมีฤทธิ์เย็นเช่นเดียวกัน ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการไข้ไม่สูงมาก จะทำให้ร่างกายเกิดความเย็นที่มากจนเกินไป เป็นต้น ทั้งนี้ ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์แผนจีนก่อนการรับประทานยาทุกครั้ง

เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้าง ในเร็ววันนี้จะได้มีการเผยแพร่สูตรสมุนไพรยาแพทย์แผนจีนทั้ง 2 สูตรของศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ทาง Facebook : "ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์" และ "แผนกแพทย์แผนจีน ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์" ต่อไป โดยประชาชนผู้สนใจสามารถติดตามและสอบถามรายละเอียดได้ทาง inbox ของทั้ง 2 เพจดังกล่าว
#3022


ไอสต็อค (iStock) เอาใจคนไทย เปิดให้สามารถค้นหาด้วยวลีภาษาไทยเช่น 'ชาไทย', 'ดอกบัว' และ 'กรุงเทพมหานคร' ได้แล้ว หลังจากที่รายการคำศัพท์ของ iStock ได้รับการแปลให้เป็นภาษาท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ

แกรนท์ ฟาร์ฮอลล์ (Grant Farhall) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ iStock กล่าวว่าทุกภาษาล้วนมีบางคำหรือวลีที่ยากต่อการแปลเป็นภาษาอังกฤษอยู่เสมอ เช่นเดียวกับภาษาไทย บริษัทจึงพิจารณาความหมายโดยนัยที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของวลียอดนิยมต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างถี่ถ้วน และได้บรรจุวลีเหล่านี้ไว้ในรายการคำศัพท์ของ iStock การเล่าเรื่องด้วยภาพนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารแบบดิจิทัลและการสื่อสารผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในประเทศไทย สิ่งนี้ก่อให้เกิดการใช้งานรูปถ่ายและวิดีโอลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจไทยสามารถสร้างแรงดึงดูดในช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยมต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ยิ่งกว่าเดิม

"ประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดสำหรับ iStock เรามุ่งมั่นที่จะเจาะตลาดในประเทศไทยให้ลึกยิ่งกว่าเดิม เพื่อทำให้ธุรกิจไทยสื่อสารกับลูกค้าของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยราคาที่จับต้องได้มากกว่าเดิม ซึ่งขั้นตอนต่อไปของเราก็คือการนำเสนอประสบการณ์ที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นยิ่งกว่าเดิมผ่านการสนับสนุนและการวิเคราะห์ด้านภาษา"

iStock นิยามตัวเองเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารทางภาพในราคาที่จับต้องได้ สำหรับเหล่านักสร้างสรรค์, ผู้ประกอบการ, นักศึกษา และธุรกิจขนาดย่อมต่าง ๆ นั้นได้ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ iStock ภาษาไทยในวันนี้ การนำเสนอบริการใหม่นี้สืบเนื่องมาจากการใช้รูปถ่ายและวิดีโอของธุรกิจไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของเหล่าบริษัทการสื่อสารทางภาพในเอเชีย

"iStock ได้รับฟังเสียงของลูกค้าและตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบภาษาท้องถิ่นของบริษัท เพื่อทำให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถค้นหาภาพถ่ายสต็อก, คลิปวิดีโอ และองค์ประกอบด้านการออกแบบต่าง ๆ ได้ด้วยการใช้คำหรือวลีภาษาไทย ธุรกิจไทยจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมขณะทำการค้นหาภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพจาก iStock ด้วยการให้บริการเครื่องมือค้นหาที่ใช้งานได้ด้วยภาษาไทยอย่างแท้จริง" แถลงการณ์ระบุ

นอกจากความสามารถด้านภาษาแล้ว บริษัทระบุว่าฟังก์ชันการค้นหายังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้รายงานผลลัพธ์ได้ตามรูปแบบการใช้งานของประเทศ การปรับปรุงเหล่านี้ทำให้ลูกค้า iStock นับหลายพันรายในประเทศไทยสามารถค้นหาองค์ประกอบงานสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าที่เคยเป็นมาจากรูปถ่าย, วิดีโอ และภาพประกอบพรีเมี่ยมนับล้าน

ปัจจุบัน iStock นำเสนอภาพถ่ายสต็อก, วิดีโอ และภาพประกอบกว่า 135 ล้านรายการจากกลุ่มคนต่าง ๆ และให้บริการด้วยการคิดค่าบริการที่เรียบง่ายและจับต้องได้ iStock ที่อาศัยความเชี่ยวชาญด้านภาพของ Getty Images นั้นได้ช่วยให้เหล่านักสร้างสรรค์กับธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่รายต่าง ๆ สามารถสร้างการสื่อสารที่งดงามได้ตามงบประมาณของตนเอง

เมื่อนับรวมการเปิดตัวครั้งนี้ iStock ได้รองรับ 18 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษในขณะนี้ ซึ่งภาษาต่าง ๆ ที่รองรับนั้นได้แก่: เช็ก, ฝรั่งเศส, อิตาเลียน, เยอรมัน, สเปน, โปรตุเกส (โปรตุเกส), โปรตุเกส (บราซิล), โปแลนด์, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ดัตช์, สวีเดน, ตุรกี, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และจีนตัวเต็ม (ฮ่องกง).
#3023


ไม่มีใครลืมสุนัขตัวแรกที่ตัวเองเคยเลี้ยงว่ามีความผูกพันต่อกันเพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้สุนัขถูกทอดทิ้งจนกลายเป็นสุนัขจรจัดที่ตกเป็นภาระแก่สังคม จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สำคัญว่าทำไมจึงต้องมี "วันสุนัขโลก" ที่ตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม ของทุกปี

ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGS) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 11 ที่ว่าด้วยเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities) หนึ่งในปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน คือ การจัดระเบียบทางสังคม ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นในสุนัขประเทศไทย จำนวนประมาณกว่า 2 ล้านตัว เป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ หรือ "สุนัขจรจัด" ถึงกว่า 1 แสนตัว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า (เรบีส์) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย และสุขภาวะของผู้คนในสังคมเมือง และชุมชน และที่น่าเป็นห่วงคือ ในประเทศไทยยังไม่เคยมีระบบลงทะเบียนข้อมูลการเกิด ตาย และย้ายถิ่นของสุนัข เพื่อการติดตามดูแลควบคุมประชากรสุนัขแต่อย่างใด

รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์ วิรัชสุดากุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข และประจำศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้วิจัยร่วมกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างปีพ.ศ.2562 - 2564 ได้กล่าวถึงผลจากการศึกษาวิจัยว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการระบาดใหม่ของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย ได้แก่ ความหนาแน่นของประชากรมนุษย์ ประวัติการเกิดโรคในพื้นที่ และระยะห่างจากจุดเกิดโรคเดิม โดยการอุบัติซ้ำอาจเกิดจากการที่ไวรัสยังคงอยู่ในสุนัขที่ได้รับเชื้อ แต่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งในการรับเชื้อต่อครั้งมีระยะฟักตัวประมาณ 3 - 8 สัปดาห์ โดยผู้ที่ถูกกัดและรับเชื้อจะเสียชีวิตทุกราย วิธีการป้องกันที่ยั่งยืนที่สุด คือ การไม่ทอดทิ้งสุนัขเลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุนัขจรจัด นอกจากนี้ควรให้สุนัขเลี้ยงทุกตัวได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรบีส์เป็นประจำทุกปี ตลอดจนควบคุมประชากรสุนัขด้วยการทำหมัน อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยอีกส่วนหนึ่งยังชี้ให้เห็นว่า ความรู้ของเจ้าของสุนัขมีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคเรบีส์ ดังนั้น การให้ความรู้อย่างต่อเนื่องถึงอันตรายและการป้องกันโรคเรบีส์ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน

มีข้อสังเกตุหนึ่งที่น่าติดตามจากผลวิจัยของโครงการฯ ที่ได้ให้เยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ที่เข้าร่วมโครงการฯ บันทึกข้อมูลการเลี้ยงสุนัขที่บ้านของตนผ่านแอปพลิเคชัน พบว่าได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องค่อนข้างน้อย ทั้งๆ ที่มีการให้รางวัลตอบแทนในการลงบันทึกข้อมูลด้วย ซึ่งอาจชี้ได้ว่าเด็กไทยรุ่นใหม่ยังไม่ตระหนักใส่ใจภัยจากเรบีส์ และตื่นตัวในการเรียนรู้เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวเท่าที่ควร

ซึ่งการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องภัยจากเรบีส์เป็นเรื่องที่สำคัญต่อการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการปลูกฝัง และสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงสุนัขด้วยความรับผิดชอบแก่คนในสังคม ซึ่งบ่อยครั้งมักพบว่าผู้ที่รับเชื้อเรบีส์ไม่ได้เพียงจากเหตุโดนสุนัขจรจัดกัด แต่กลับรับเชื้อจากสุนัขที่ตัวเองเลี้ยง โดยสุนัขของตัวเองรับเชื้อจากสุนัขจรจัดมาก่อนแล้ว

"วิธีการป้องกันสุนัขกัดควรปฏิบัติตามหลัก "5 ย" คือ "อย่าแหย่" "อย่าเหยียบ" "อย่าแยก" "อย่าหยิบ" และ "อย่ายุ่ง" และถ้าหากถูกสุนัขกัดควร "ล้างแผล ใส่ยา จับหมา หาหมอ" โดยทีมวิจัยหวังว่าผลจากโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ที่ได้ร่วมวิจัยกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ นี้จะส่งผลให้ประเทศไทยมีการติดตามพลวัตประชากรของสุนัข เกิด ตาย ย้ายถิ่น ที่เป็นระบบ สู่การจัดทำนโยบายการควบคุมจำนวนประชากรสุนัขจรจัด และลดอุบัติการณ์แพร่ระบาดของโรคเรบีส์ที่ส่งผลยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต" รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์ วิรัชสุดากุล กล่าวทิ้งท้าย
#3024


นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า "จากประสบการณ์การตั้งศูนย์พักคอย หรือ CI 4 มุมเมืองในเดือนที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าเวชภัณฑ์การแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และของใช้จำเป็นของผู้ป่วยโควิด-19 นั้นยังขาดแคลนภายในศูนย์ อีกทั้งยังเป็นของจำเป็นสำหรับด่านหน้าที่เผชิญความเสี่ยงทุกวินาที เราจึงหวังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มเติมใน 10 เขตทั่วกรุงเทพฯ ในภาวะที่ผู้ป่วยยังเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน"

โดยการส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ และของใช้จำเป็นให้กับ Community Isolation ทั้งหมด 10 แห่ง มีดังนี้ 1) ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง, 2) วัดสะพาน เขตคลองเตย,

3) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยดอนเมือง เขตดอนเมือง, 4) ศูนย์กีฬารามอินทรา เขตบางเขน, 5) ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ เขตจตุจักร, 6) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน, 7) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค (เรืองสอน) เขตบางแค, 8) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา, 9) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางกะปิ เขตบางกะปิ และ 10) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยสะพานสูง เขตสะพานสูง

นางนวลพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า "รายการของที่ได้มอบทั้ง 10 เขตนั้น เราได้วางแผนจัดเตรียมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการจริง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ที่วัดอุณหภูมิแบบแท่งแก้ว หน้ากากอนามัยแบบ KN95 ถุงขยะพลาสติกสีแดงสำหรับขยะอันตราย เช่น สารเคมีอันตราย ขยะติดเชื้อ ฯลฯ ถุงมือยางทางการแพทย์ เตียงสนามกระดาษ ที่นอนยางสังเคราะห์ PE ที่ใช้วัตถุดิบโพลีเอทิลีน (Polyethylene) รวมไปถึงหมอน ผ้าห่ม และยังได้มอบข้าวกล่องจากครัวมาดามให้แก่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วัน ทั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง และ เมืองไทยประกันภัย ขอร่วมส่งกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ด้วยการยืนเคียงข้างสังคมไทยต่อไปดั่งเช่นประโยคที่ว่า ส่งต่อน้ำใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน"

นอกจากนี้ ทุกท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ ด้วยการบริจาคและสมทบทุนได้ที่บัญชี ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 092-2-61340-0 ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ หรือร่วมสมัครเป็นทีมอาสากล้าใหม่กับเราได้ที่ http://bitly.ws/dsfM

#ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน #มูลนิธิมาดามแป้ง #เมืองไทยประกันภัย
#3025


กัมพล นิสิตสุขเจริญ ผู้ก่อตั้ง เวอร์ชวล โซลูชั่น กล่าวว่า ข้อจำกัดจากผลกระทบโควิดเป็นที่มาของการจัดงาน "เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้ เอ็กซ์โป 2021" เป็นช่องทางทำตลาดที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบปะเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาส ดึงกระแสเงินสดเข้าบริษัท ประคองธุรกิจให้รอดพ้นวิกฤติ

"การจัดงานแสดงสินค้า หรือ เทรดแฟร์ เป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง!! คุ้มค่ากับการลงทุนหากเปรียบเทียบกับการทำตลาดในรูปแบบอื่น ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมามีการจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอสังหาฯ ทั้งในศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ในศูนย์การค้า สามารถดึงวอลุ่มการขายของโครงการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จากการเป็นแหล่งผู้ซื้อผู้ขายจำนวนมากมาเจอกัน"

ทว่าหลังวิกฤติโควิดธุรกิจงานแสดงสินค้า ถูกยกเลิกงาน หรือ เปิดบ้าง-ปิดบ้าง สลับกัน กระทบต่อตลาดและการวางแผนธุรกิจ ฉะนั้น "เวอร์ชวล เทรด แฟร์" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์จะเข้ามาตอบโจทย์และแก้อุปสรรคในการทำตลาด

"เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้ เอ็กซ์โป 2021" ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีโอกาสมาพบปะเจรจาซื้อขายกันบนออนไลน์ โดยมีฟังก์ชั่นการแสดงสินค้าเสมือนได้เดินชมบูธโครงการอสังหาฯ แต่ละแบรนด์ และใช้วีดีโอคอลในการเจรจาธุรกิจ ต่อรองราคา และโปรโมชั่น

"เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้เอ็กซ์โป จัดช่วงปลายปีจะสามารถรวบรวมดีมานด์ที่มีอยู่ทั้งเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือซื้อเพื่อลงทุนกว่า 580,000 ราย จากทั่วประเทศ จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการอสังหาฯ ให้เกิดมูลค่าการขายที่เป็นวอลุ่มใหญ่ขึ้นได้"

ดีเวลลอปเปอร์ที่เข้าร่วมงานจะได้รับผลตอบแทนการลงทุน ( ROI) ที่มีประสิทธิภาพ และสูงกว่าการไปทำตลาดเอง อย่าง โซเชียลมีเดีย หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้งบประมาณสูงกว่าและเป็นการทำตลาดที่กระจัดกระจาย ซึ่งบริษัทมีแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เก็บรวบรวมข้อมูล (บิ๊กดาต้า) เป็นประโยชน์ต่อดีเวลลอปเปอร์ใช้ทำการตลาดต่อไปในอนาคต

ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวเสริมว่า ช่วงวิกฤติโควิดระลอกนี้มีการเสิร์ชค้นหา บ้าน และ คอนโดมิเนียม ผ่าน กูเกิล น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการทำการตลาดในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวัง มุ่งการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (Precision Marketing) เน้นกลุ่มคนที่ยังมีกำลังซื้อ กลุ่มนักลงทุน และกลุ่มคนที่มีความต้องการจะซื้อบ้านและ คอนโดมิเนียม จริงๆ เท่านั้น

"มีเดีย แชนแนล ที่ทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้ดี หนีไม่พ้น กูเกิล เฟซบุ๊ก ทำให้ทุกแบรนด์กระโดดเข้ามาแข่งขัน ค่าโฆษณาถีบตัวสูงขึ้น สวนทางดีมานด์ของตลาดที่ลดลง นอกจากนี้การเดินทางไปดูโครงการอสังหาฯ มีความยากลำบาก ผู้ซื้อกังวลเรื่องโควิด เจ้าของโครงการจำเป็นต้องทำออนไลน์แพลตฟอร์มให้เยี่ยมชมโครงการได้ง่ายขึ้น ในรูปแบบ เวอร์ชวล หรือ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ทีมขายคุยกับลูกค้าได้"

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มองว่า การจัดงานในรูปแบบเวอร์ชวล เอ็กซ์โป ไม่แตกต่างจากงานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดปกติจัดปีละ 2 ครั้ง ซึ่งดีเวลลอปเปอร์จะนำเสนอสินค้าราคา "ดี" ออกมาให้ลูกค้าได้เปรียบเทียบ แม้ว่าช่วงนี้ "ดีมานด์" อาจไม่มากเท่าช่วงเวลาปกติ แต่รูปแบบเวอร์ชวลทำให้คนเข้าไปเยี่ยมชมโครงการได้

"ปกติการทำออนไลน์ของอสังหาฯ ไม่เกิดการซื้อจริง เป็นแค่การตัดรอบในการดูจากปกติอาจจะใช้เวลา 3 รอบ โดยรอบแรกไปดูเอง รอบ 2 พาแม่ไป รอบ 3 ค่อยตัดสินใจซื้อ การมีเวอร์ชวล ทำให้รอบแรกไม่จำเป็นต้องไปดูผ่านออนไลน์แทนเหลือแค่ 2 รอบ จาก 10 ที่ในออนไลน์เหลือ 3 ที่ จากนั้นค่อยพาแม่ไปดูก่อนซื้อแต่สุดท้ายแล้วอสังหาฯ เป็นสินค้าที่ต้องการสร้างประสบการณ์ สัมผัสจริงมากกว่าในเวอร์ชวล"
#3026


"คลัสเตอร์โรงงาน"คำซ้ำที่ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ เกี่ยวกับการระบาดโควิด-19  ซึ่งพบว่ามีส่วนที่เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนในการสื่อสารระดับท้องถิ่นที่มักจะระบุว่า จำนวนพนักงานทั้งหมดของโรงแปรรูปอาหารเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้เกิดความตระหนกตกใจให้สังคมไม่น้อย  ดังนั้นต้องร่วมด้วยช่วยกันไม่ใช่แค่ให้กระแสข่าวสงบลงแต่ต้องร่วมกันจัดการกับสถานการณ์ให้เกิดความปลอดภัยและอุ่นใจ ทั้งกับตัวโรงงานที่ดำเนินการโดยภาคธุรกิจเองและชุมชนโดยรอบ 

แนวทางดังกล่าวสามารถพิจารณาได้จากตัวอย่างของ โรงงานแปรรูปอาหารของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ซีพีเอฟ ที่มีการยกระดับความเข้มข้นของการเฝ้าระวัง และป้องกัน เพื่อควบคุมเชื้อและการปนเปื้อนต่างๆ โดยนำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) ที่สามารถปกป้องได้ทั้งพนักงาน และชุมชนให้ปลอดภัยมาใช้เป็นแกนหลัก

สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าติดตามมาตรการบับเบิลแอนด์ซีลของโรงงานแปรรูปอาหาร อ.แกลง จ.ระยอง ระบุว่า ซีพีเอฟ มีมาตรการที่ถูกต้องตามระบบสาธารณสุข มีความครอบคลุมการจัดการคนงานทั้งระบบ รวมถึงสถานที่ และทำได้เหนือกว่ามาตรฐานในบางจุด โดยเฉพาะการทำบับเบิลแอนด์ซีลที่ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

บับเบิลแอนด์ซีล เป็นการควบคุมกลุ่มแรงงานในโรงงาน โดยมีการจัดการในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกัน ด้วยการแบ่งคนเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อคัดแยกคนที่ไม่ติดเชื้อ และกลุ่มเสี่ยง ออกจากกัน นอกเหนือจากกลุ่มที่ติดเชื้อจะถูกนำตัวเข้ารักษา ที่สำคัญคือ จะไม่มีการทำงานข้ามกลุ่มกัน และไม่ให้มีกิจกรรมนอกสถานประกอบการหรือนอกที่พักอาศัยที่สถานประกอบการจัดไว้ให้ เพื่อให้การควบคุม สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และลดการแพร่กระจาย การดำเนินการของสถานประกอบก็ยังดำเนินต่อไปได้ ซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานต่างร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้อุตสาหกรรมยังคงเดินไลน์สายผลิตอย่างต่อเนื่อง

แนวทางการปฏิบัติสำหรับโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ในอุตสาหกรรมอาหารนั้น ผู้ประกอบการคุมเข้มกันตั้งแต่ในส่วนของพนักงานที่เข้าปฏิบัติงาน จะต้องผ่านการตรวจโควิด-19 ก่อนเข้าปฏิบัติงาน ในส่วนสถานที่ผลิต จะมีการรักษาความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต และทุกจุดสัมผัสในอาคารผลิตตามหลักสุขลักษณะที่ดีในการผลิต (GMP) ด้วยความปลอดภัยในอาหารเป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

มาตรการบับเบิลแอนด์ซีล เป็นหนึ่งในมาตรการที่ภาครัฐสนับสนุนและมีประสิทธิภาพในการป้องกัน เต็มรูปแบบ ตามแนวทาง Factory Quarantine เป็นทำการตรวจเชิงรุกพนักงานทุกคน และคัดแยกพนักงานเป็น 2 กลุ่ม คือผู้ที่มีผลบวกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อหรือมีผลเป็นลบสถานประกอบการได้จัดรถรับส่งให้พนักงานที่ปลอดเชื้อทั้งหมด เข้าที่พักในโรงแรมที่จัดหาให้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการเดินทางของพนักงาน

" เรียกว่าป้องกันทั้งพนักงานและชุมชนให้ปลอดภัยในทุกๆวันก่อนเข้าปฏิบัติงาน พนักงานทุกคนต้องตรวจวัดอุณหภูมิด้วยเทอร์โมมิเตอร์แบบปรอท หากพบว่ามีอุณหภูมิเกิน 37.30 C หรือมีอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง จะถูกส่งเข้าสู่ระบบการกักตัวทันที"

 นอกจากนี้ จะต้องมีการสื่อสารให้พนักงานทั้งโรงงานได้ทราบถึงมาตรการป้องโควิดได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทวนสอบความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ ในส่วนของพื้นที่โรงงาน จะต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคตามมาตรฐาน กระทรวงสาธารณสุข ควบคุมการดำเนินงานโดยกรมอนามัยในพื้นที่จังหวัด รวมถึง swab พื้นผิวสัมผัสที่เป็นจุดสัมผัสร่วมทุกจุดในโรงงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อประเมินการคงค้างของเชื้อโควิด 19 ทุกสัปดาห์ในทุกจุดเสี่ยง ควบคู่ไปกับการตั้งการ์ดสูง เป็นสิ่งที่ยังต้องให้ความสำคัญ

แนวทางปฎิบัติเหล่านี้ เป็นหนทางที่จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้โดยเร็ว ควบคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่องบับเบิลแอนด์ซีล จึงเป็นอีกการจัดการที่มุ่งมั่นป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตที่มีผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้คนไทยสังคมไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19ไปด้วยกัน
#3027


ในยุคที่ผู้คนใช้เครื่องมือสื่อสารในชีวิตประจำวันจนคล้ายเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้ว ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงเวลาเข้านอน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

สำหรับเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ในภาวะที่การเดินทางระหว่างประเทศก็เป็นไปได้ยาก บางรายอาจไม่ทราบวิธีการเข้าถึงข้อมูลด้านการค้า ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจในปัจจุบัน การมีข้อมูลที่มากกว่าจะช่วยให้เราสามารถวางแผน ตัดสินใจ และดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

DITP Overseas เป็นบริการของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) พร้อมจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการ โดยรวบรวมข้อมูลความรู้ด้านการค้า และเทรนด์สินค้าใหม่ๆ จากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 32 แห่ง ใน 6 ภูมิภาคซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ ภูมิภาคอเมริกา ลาตินอเมริกา ภูมิภาคยุโรป และCIS ภูมิภาคแอฟริกา และตะวันออกกลาง

โดยข้อมูลของ DITP Overseas เหล่านี้ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ ย่อย และนำเสนอให้เข้าถึงง่ายและสะดวกมากขึ้น ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเอกสารข้อมูล ภาพ เสียง และโมชั่นกราฟฟิก เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลไปปรับใช้พิจารณาปัจจัยแวดล้อมของแต่ละตลาดสินค้าที่สนใจ สร้างโอกาสและต่อยอด เพื่อประโยชน์ด้านการค้าของตนเองต่อไป

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กำลังพัฒนาคู่มือการค้าของทั้ง 27 ประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจตลาดใน 6 ภูมิภาคนี้ ช่องทางในการค้นหาข้อมูลการค้าได้สะดวก โดยสามารถกรอกรายละเอียดเพื่อสมัครสมาชิก และรับข่าวสารกิจกรรมด้านการค้าและรับสิทธิในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทางการค้าจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 32 แห่งได้ง่ายๆ ในรูปแบบกิจกรรมสัมมนาออนไลน์กับผู้เชี่ยวชาญตลาดการค้าในแต่ละประเทศ หรือกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์

โดยระบบการจัดเก็บรายชื่อดังกล่าว ยังช่วยเอื้อประโยชน์ให้สำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ สามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกิจของผู้ประกอบการไทย และสามารถนำเสนอข้อมูลต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศที่สนใจได้โดยตรงอีกด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลสำคัญด้านการค้าเหล่านี้ได้ ผ่านช่องทางออนไลน์หลายแพลตฟอร์มได้ทาง

FB: DitpOverseas https:// www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube: DITP Overseas
Website: https:// ditp-overseas.com/
#3028


วันนี้ (16 ส.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ที่มีการประชุมเมื่อเวลา 13.30 น. โดยระบุว่า ที่ประชุมได้ประเมิน ทราบผลของมาตรการจำกัดการเดินทางของ กทม. และ ชลบุรี ซึ่งเป็นตัวอย่าง 2 จังหวัดสีแดงเข้ม พบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการล็อกดาวน์ปีที่แล้ว ได้รับความร่วมมือลดการเดินทาง ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เป็นภาพชัดเจน ว่า ทั้งขับรถ การเดินทาง ลดลง ที่ประชุมรับทราบข้อเสนอโดยทาง กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่



1. ทุกพื้นที่ คงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร มาตรการเดิม 18–31 ส.ค. 64 ต่อเนื่อง


2. การเพิ่มมาตรการ และการจัดการขององค์กร ดังนี้

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

            2.1 ดำเนินการมาตรการ Test – Trace – Isolation อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การเพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดย ATK ในกทม.และปริมณฑล  และ เตรียมทีม CCRT ให้เพียงพอ และจัดระบบการนำเข้าสู่ HI CI หรือ รพ.


            2.2 มาตรการองค์กร สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ได้แก่


เน้น WFH ต่อเนื่อง และพนักงานของภาครัฐ เอกชน ที่จำเป็นต้องปฏิบัติงาน ให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการคลายล็อกดาวน์
และเตรียม Company isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน และเตรียมความพร้อมของงานบุคลากร ในการติดตามการคัดกรองด้วย ATK และลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ HI-CI รวมทั้งกำกับติดตาม DMHTTA
            2.3 มาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่  สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ได้แก่


โรงงาน สถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน พิจารณาดำเนินการบับเบิ้ล แอนด์ ซีล เต็มรูปแบบ
ตลาด (ค้าส่ง ขนาดใหญ่) ให้คัดกรอง ATK ผู้ค้า แรงงาน ทุกสัปดาห์ และสุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะ รวมทั้งกำกับมาตรการ DMHTTA


           2.4 มาตรการการลดการเสียชีวิต ได้แก่


เร่งการฉีดวัคซีนให้ความครอบคลุม ของวัคซีนกลุ่ม 608 อย่างน้อย 80% ในกทม. อย่างน้อย 70% ใน 12 จังหวัด และ อย่างน้อย 50% ในพื้นที่อื่น
เพิ่มอัตราการหมุนเวียนการรับผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง เพื่อลด Backlog ผู้ป่วยอาการหนักใน รพ.
รพ.สนาม และไม่ให้ค้างในชุมชน ควรต้องมีระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ / เร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยสีเขียว ทั้งในระบบ HI – CI
ทั้งนี้ ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรับควรสนับสนุนให้มีการใช้โดยไม่เป็นภาระประชาชน เช่น จำหน่ายราคาถูก จัดหาได้ง่าย  มีระบบการดูแลรักษารองรับเมื่อตรวจพบเชื้อ และเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเองทุกกรณี


และสื่อสารให้ทุกคนปฏิบัติตามหลัก Universal Prevention  และ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง จัดทำแนวทางการดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเติมที่มีอยู่ต่อไป รวมทั้ง พิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass ให้เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ


3. การปรับมาตรการการจำหน่ายสินค้าจำเป็น


มีมติเห็นชอบปรับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด (สีแดงเข้ม) กิจการจำเป็น ในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการใช้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ขอเปิดกิจการธนาคาร สถาบันการเงิน โดยมีมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด 26 ข้อ ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยจัดทำไว้




ผ่อนผันจัดประชุมหน่วยงานรัฐ 
โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการขออนุญาต ผ่อนผัน จัดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมร่วมกันของรัฐสภา และขออนุญาตผ่อนผันการเคลื่อนย้ายในห่วงเวลาการห้ามออกนอกเคหะสถาน ถือเป็นกิจกรรมรวมกลุ่มที่จัดโดยหน่วยงานของรัฐ โดยความเห็นชอบของหัวหน้าหน่วยราชการ ได้รับการยกเว้นจึงไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ 5(5) แห่งข้อกำหนด ที่ออกตามความในมาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 30 และสามารถเดินทางได้ในช่วงเคอร์ฟิว ถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ต้องขออนุญาตในการเดินทาง ยกเว้นมาตรการคัดกรองการเดินทาง จากด่านสกัด ด่านชะลอ บริเวณรอยต่อจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
#3029


นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จัดการประชุมหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลการนำเข้าข้าวของรัฐบาลมาเลเซีย (Padiberas Nasional Berhad : BERNAS) ผ่านระบบ Video Conference  

ปี 2564 นี้ คาดว่ามาเลเซียจะนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีปริมาณ 1.08 ล้านตัน เนื่องจากมีปัญหาด้านการเพาะปลูกในประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าข้าวหลักของมาเลเซียมาโดยตลอดเนื่องจากข้าวไทยมีคุณภาพดีและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวมาเลเซีย อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา BERNAS จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากแหล่งอื่น เช่น อินเดีย ปากีสถาน และเวียดนาม เพิ่มขึ้น แม้ว่าคุณภาพข้าวจะด้อยกว่าไทยแต่เนื่องจากประเทศเหล่านี้สามารถส่งข้าวในราคาที่ถูกกว่าข้าวไทยมาก

 


อย่างไรก็ดี BERNAS เห็นว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อุปสงค์ของข้าวไทยจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาข้าวไทยลดลงมาอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อได้ ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยด้านราคาที่ปรับตัวลดลงทำให้ข้าวไทยแข่งขันได้มากขึ้นแล้ว ผู้บริโภคในมาเลเซียยังเชื่อมั่นในคุณภาพและนิยมข้าวไทยมากกว่าข้าวจากแหล่งอื่น โดยจะเห็นได้จากปริมาณคำสั่งซื้อข้าวจากไทยที่เริ่มมีมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง

 

นอกจากนี้ BERNAS ยังมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในมาเลเซียว่าควรเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย ประชาชนจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ รวมถึงอุปสงค์จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้อุปสงค์ข้าวไทยเพิ่มขึ้นด้วย

 
นายกีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะต่อไปกรมฯ มีแผนหารือกับบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายเพิ่มขึ้นต่อไป

 

สำหรับสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยตั้งแต่ (1 ม.ค. – 29 ก.ค.) ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 2.74 ล้านตัน ลดลง 17.07%  คิดเป็นมูลค่า 1,671 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,925 ล้านบาท) ลดลง 24.84%  แต่คาดว่าในช่วง 6 เดือนหลังสถานการณ์การส่งออกข้าวน่าจะดีกว่า 6 เดือนแรก
#3030


นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกรุงศรี ได้ประมาณการติดเชื้อล่าสุด (ณ วันที่ 15 ส.ค 64) จากสมมติฐานที่ผลของการล็อกดาวน์ และ วัคซีนมีประสิทธิภาพต่อการป้องกันการแพร่ระบาดที่ลดลง ผลการประมาณการพบว่าระดับสูงสุดของการติดเชื้อต่อวันในกรณีฐาน (base case) ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงต้นเดือนก.ย.จากเดิมช่วงกลางเดือนส.ค.  โดยจะมีผู้ติดเชื้อรายวันประมาณ 26,000 ราย และจะมีการปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปช้ากว่าที่เคยคาดไว้ครั้งก่อนหน้า  


เนื่องจากข้อมูลทางสถิติพบว่า แม้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็สามารถป้องกันอัตราการเสียชีวิตได้พอสมควร ดังนั้น ในระยะต่อไป จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่อัตราการเสียชีวิตอาจจะลดลงได้หากมีผู้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว
วิจัยกรุงศรี ยังได้ปรับแบบจำลองให้สามารถคาดการณ์ถึงจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวัน และพบว่าในกรณีฐาน เราจะคงยังเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงประมาณต้นถึงกลางเดือนก.ย. (อาจสูงถึง 250-300 คนต่อวัน) ส่งผลให้ การควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเข้มงวดอาจจะยังคงมีต่อไปจนกว่าจะพ้นกลางเดือนต.ค.นี้ ที่อัตราการเสียชีวิตเริ่มจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกรุงศรี ขอติดตามปัจจัยเพิ่มเติมในช่วงหลังจากนี้อีกครั้ง คาดว่า มาตรการล็อกดาวน์น่าจะขยายเวลาต่ออกไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้ ดังนั้น ยังคงประมาณการจีดีพีปีนี้ ไว้ที่ 1.2% ลดลงจากเดิมคาดไว้ที่ 2% และปี2565 จาก 4%ลดลงมาอยู่ที่  3%  ซึ่งการประมาณการครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ถูกจำกัด แม้การส่งออกจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่ง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงเดือนส.ค. ซึ่งยอดติดเชื้อมากกว่าคาดว่าในเดือนส.ค.ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่จะอยู่ที่ 15,000 คนต่อวัน 
#3031


วันนี้ (16 สิ.ค.) สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ขอเชิญทุกท่านเตรียมตัวพบกับงานสัมมนารูปแบบVirtual Conference ในงาน Thailand Management Day 2021 , TMA Club : Addressing the Uncertaintyงานที่จะช่วยให้ท่านพบทางออกในการจัดการกับความไม่แน่นอนในยุค Covid-19 ระลอก 3 แต่ละอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวอย่างไรที่จะพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ นับเป็นความท้าทายสำหรับองค์กร และผู้ประกอบการ ที่จะต้องเติบโตต่อไปในยุค New Normal งานสัมมนาดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 สิงหาคม 2564 เวลา 08.30-17.00 น.

ในงานสัมมนาจะมีวิทยากรชั้นนำ รวมทั้งผู้บริหารของภาครัฐเอกชน นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาร่วมเผยเคล็ดลับ พร้อมถ่ายทอดมุมมอง เทคนิค และให้คำแนะนำในสิ่งที่ควรทำนับจากนี้ จาก 6 กลุ่มได้แก่ Corporate Performance / Marketing / People Development / Technology Innovation / Digital Transformation /Operation Excellence มาร่วมกันระดมสมองเพื่อนำเสนอโอกาสในการดำเนินธุรกิจอย่างไรให้อยู่รอดเสนอแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และองค์กร ซึ่งจะต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน มีความผันผวนสูงและคาดเดาไม่ได้หลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ครอบคลุม แนวคิดการวางแผนกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติการทำการตลาดรูปแบบใหม่ที่ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เดิม ทำความรู้จัก และวิธีการปรับใช้ IR4 เพื่อพัฒนางาน Operation ให้รองรับการปรับเปลี่ยนได้ทันท่วงที การสร้าง Customer Experience ที่ต้องปรับตัวทั้ง front end &back end ที่นำไปสู่ Digital Service Innovation หลักการเฟ้นหา Innovation และวิธีการผสมผสานความรู้ภายในเข้ากับภายนอกองค์กร เพื่อสร้างนวัตกรรมแบบเปิด (open innovation) ที่ทันสมัย รวมทั้ง แนวทางการสร้าง และสรรหาบุคลากรที่มีทักษะอนาคตเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในยุคแห่งความไม่แน่นอน

งาน Thailand Management Day 2021, TMA Club : Addressing the Uncertainty นี้ เหมาะกับผู้บริหารองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการตลาด ดิจิตัล สตาร์ทอัพ และผู้สนใจทั่วไปโดยบัตรเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ราคา1,200 บาท/ ท่าน และสมาชิก TMA ในราคาพิเศษ 900 บาท/ท่าน (จำกัดจำนวนที่นั่ง) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณหัสทยา / คุณกมลวรรณ โทรศัพท์ 02-319-7677 ต่อ 146 , 264 หรือ 086-0987310
#3032


เมื่อเวลา 08.40 น. วันนี้ (16 ส.ค.) นายณฐนนท์ ชลลัมพี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด ในฐานะผู้ผลิตละครเรื่อง ให้รักพิพากษาพร้อมด้วยนายกรรชัย กำเนิดพลอย และทีมงานผู้ผลิตละครเรื่องดังกล่าวได้เข้าพบ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด และนายบุญเกียรติ อุดมแสวงโชค ผู้ตรวจการอัยการ ที่ห้องรับรอง ชั้น 9 สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการผลิตละครเรื่อง ให้รักพิพากษา ซึ่งออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีสี ช่อง 3 ว่า ผู้สร้างมิได้มีเจตนาที่จะเขียนบทออกมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของพนักงานอัยการแต่อย่างใด หากแต่เป็นบทบาทที่บทละครใส่รายละเอียดลงไปให้ละครน่าติดตามมากยิ่งขึ้นเท่านั้น



ซึ่งอัยการสูงสุด ได้แจ้งกับ นายณฐนนท์ ชลลัมพี และทีมงานที่เข้าพบว่า ได้ดูคลิปบางช่วงบางตอนของละครเรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นว่า มีบทละครที่นักแสดงผู้รับบทเป็นพนักงานอัยการที่แสดง ไม่ได้สอดคล้องกับหลักกฎหมายและระเบียบองค์กรอัยการ ซึ่งอาจส่งผลต่อสังคมให้เข้าใจผิดในบทบาทและภารกิจขององค์กรอัยการที่เป็นหน่วยงานหลักในกระบวนการยุติธรรม เมื่อทางผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตละครได้มาชี้แจงและหาทางแก้ไขร่วมกัน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยเฉพาะบทบาทของพนักงานอัยการที่สำคัญประการหนึ่งคือการประนีประนอมไม่ให้มีข้อพิพาทในสังคมรวมอยู่ด้วย

ด้านนายณฐนนท์ ชลลัมพี ได้ชี้แจงต่ออัยการสูงสุด พร้อมฝากไปถึงพนักงานอัยการทุกท่านว่า หากบทละครสร้างความไม่สบายใจและสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน ทางผู้ผลิตละครขอน้อมรับคำติชมและคำวิจารณ์ทุกอย่าง แต่เนื่องจากละครได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นทุกตอนแล้ว ทั้งอยู่ระหว่างมาตรการของรัฐไม่ให้ดำเนินการถ่ายทำละครอีก



ผู้ผลิตละครพร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการใส่ข้อความชี้แจงก่อนละครจะเผยแพร่ครั้งต่อไปว่า ตัวละคร และ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในละครเรื่อง ให้รักพิพากษา เป็นเรื่องราวสมมุติ ถูกเติมแต่ง และเป็นสถานการณ์เฉพาะบุคคล เพื่ออรรถรสของละคร โดยมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพใด ๆ และมิได้มีเจตนาชี้นำ ชักจูง และเกิดทัศนคติในทางลบต่อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หากบทละครหรือบทบาทการแสดงของนักแสดงกระทบต่อบทบาท ภาพลักษณ์ของพนักงานอัยการ และองค์กรอัยการ ทางผู้ผลิตละครถือโอกาสขอโทษมา ณ โอกาสนี้

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส.เปิดเผยต่อว่าภายหลังเข้าพบอัยการสูงสุดเเล้ว ทีมผู้จัดละครยังได้เข้าพบ นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)เพื่อชี้เเจงรายละเอียดเรื่องดังกล่าวให้ นาย พชรในฐานะ ประธาน ก.อ.ได้รับทราบ ซึ่งเรื่องนี้นายพชรซึ่งได้รับคำชี้เเจงดังกล่าวเเล้วก็เข้าใจเเละทราบว่าเรื่องนี้เป็นเพียงละคร เเต่ในฐานะประธาน ก.อ.ซึ่งได้รับเสียงสะท้อนในผลกระทบจากน้องๆอัยการทั่วประเทศ เมื่อมีการมาพบพูดคุยกันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ซึ่งเมื่อมีข้อผิดพลาดมีปัญหาข้อขัดข้องก็ได้เข้ามาพูดคุยเเเละเข้าใจตรงกัน
#3033


เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ชวนคุณเที่ยวทิพย์ ลิ้มลองความอร่อยของเสน่ห์อาหารไทยสูตรต้นตำรับ ครบเครื่องครบรส ที่รวบรวมของดีของดังประจำจังหวัดจากทั่วประเทศไทย เต็มอิ่มกับ 7 เมนูเด็ดพิเศษ ที่ทีมเชฟคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากแหล่งท้องถิ่นขึ้นชื่อ นำมารังสรรค์เป็นเมนูความอร่อยให้ได้ลิ้มลอง

สำหรับ 7 เมนูเด็ดพิเศษ ได้แก่

- แกงส้มปูไข่ใบชะคราม จังหวัดสมุทรสงคราม (1,100 บาท)
- กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ จังหวัดสิงห์บุรี (990 บาท)
- เห็ดโคนดองน้ำปลา จังหวัดกาญจนบุรี (320 บาท)
- แกงหมูใบชะมวง จังหวัดจันทบุรี (280 บาท)
- ขนมจีนน้ำย้อย ต้มหมู จังหวัดแพร่ (250 บาท)
- น้ำพริกปลาร้าเห็นโคน จังหวัดอุบลราชธานี (220 บาท)
- โอ้เอ๋ว ลิ้นจี่ ฮันนี่เลมอน จังหวัดภูเก็ต (85 บาท)

เราพร้อมเสิร์ฟของอร่อยส่งตรงถึงหน้าบ้านหรือออฟฟิศ ไลน์สั่งอาหารล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2564


เที่ยวทิพย์ ไปกับ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ เปิดรับออเดอร์ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30 - 18.30 น. สั่งอาหารเดลิเวอรีได้แล้วที่ LINE ID: @no43bistro หรือคลิกลิงค์ https://lin.ee/gzbCwQI

* เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า *
 
#3034


"ฟ่านปิงปิง" เปิดตัวผลิตภัณฑ์ความงามของตัวเองตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนแล้ว และล่าสุดได้มีการปล่อยสื่อประชาสัมพันธ์ออกมา แต่แทนที่จะสร้างความน่าเชื่อ กลับกลายเป็นถูกวิจารณ์ในแง่ลบว่าดูไม่สมจริงเอาซะเลย

Beauty Secret แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามของ ฟ่านปิงปิง เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อปี 2019 พร้อมกับความคาดหวังสูงลิ่ว แต่เมื่อสินค้าออกมาจริง ๆ กลับถูกวิจารณ์ในแง่ของคุณภาพว่าไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งตัวของเจ้าของแบรนด์อย่าง ฟ่านปิงปิง ก็ยืนยันว่าจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีกว่านี้อย่างแน่นอน

จนล่าสุด ฟ่านปิงปิง ได้เผยภาพตัวเองในชุดกาวน์สีขาว ขณะกำลังทำงานอยู่ในห้องแล็บเพื่อวิจัย และควบคุมคุณภาพสินค้า หวังจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

โดยชาวเน็ตจีนบอกว่าภาพที่ ฟ่านปิงปิง โพสต์นั้นดู "ปลอมสุดๆ" และเป็นภาพที่จัดฉากเพื่อถ่ายรูปเอามาโฆษณาอย่างชัดเจน ยังมีคนแสดงความเห็นว่านักวิจัยคงไม่แต่งหน้าจัดเต็มขนาดนี้



นอกจากนั้นการปล่อยผมแบบนั้น ก็ยังเสี่ยงที่จะทำให้เส้นผม ของเธอตกเข้าไปในผลิตภัณฑ์และสารเคมีด้วย

ยังมีคนแสดงความเห็นว่า ฟ่านปิงปิง ยังใส่แว่นตากันสารเคมีผิดประเภท และยังถือหลอดทดลองอย่างไม่ถูกต้องอีก ที่สำคัญเธอไม่ได้สวมถุงมือซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับการทำงานในห้องแล็บด้วยซ้ำไป

"ในฐานะนักวิจัยคนหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าทำแบบนี้เป็นเหมือน การหยามกันชัดๆ แล้วทำงานในห้องแล็บนาน เป็นชั่วโมงไม่มีเวลามาแต่งหน้าแต่งตัวได้แบบนี้หรอก ถ้าพวกเราแคร์ภาพลักษณ์แค่หน้าตาตัวเองมากขนาดนั้นก็คงไม่ทำงานแบบนี้อย่างแน่นอน" ชาวเน็ตที่บอกว่าตัวเองเป็น นักวิจัยทำงานในห้องแล็บคนหนึ่งแสดงความเห็น

ซึ่งหลังมีกระแสวิจารณ์ในแง่ลบ ภาพชุดดังกล่าวได้ถูกลบจากโซเชียลมีเดียส่วนตัวของดาราสาวไปอย่างรวดเร็วทันที
#3035


อย่างที่รู้กันอยู่ว่าทุกวันนี้การสำรวจเรตติ้งในประเทศเรานั้น ที่ได้ยินกันบ่อยๆ และมักจะเอามาอ้างอิงในศึกชิงความเป็นหนึ่งในสมรภูมิหน้าจอทีวีนั้น มักจะอ้างอิงตัวเลขมาจาก "นีลเส็น (Nielsen)" บริษัทวัดเรตติ้งเพื่อการตลาด ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นก็จะส่งผลให้เอเจนซี่สามารถนำไปตัดสินใจว่าจะเทเม็ดเงินโฆษณานั้นลงไปให้กับช่องใดบ้าง เพราะถ้าพูดถึงว่าเรตติ้งดีเท่าไหร่ งบโฆษณาในแต่ละไตรมาสก็จะเทมามากเท่านั้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมช่อง 7HD ถึงยืนหนึ่งในเรื่องเรตติ้ง

แต่หลังจากพฤติกรรมคนดูในบ้านเราได้เปลี่ยนไป แม้ทีวีจะยังเป็นสื่อหลักในการเข้าถึงทุกบ้าน แต่ "สื่อออนไลน์" ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน เลยทำให้ผู้ชมบางส่วนดูผ่านออนไลน์ตามแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งก็มีให้เลือกสรรตามความชอบและความพึ่งพอใจของแต่ละบุคคล จึงทำให้หลายช่องก่อนหน้านี้ ลงทุนให้ "นีสเส็น" จัดตั้งโครงการวัดเรตติ้งทางออนไลน์ซึ่งไม่รวมกับการวัดเรตติ้งจากจอทีวี โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปี 60 ซึ่งมีทีวีดิจิตอลช่องต่างๆ เข้าร่วมอาทิ ช่อง 7, เวิร์คพอยท์ ทีวี, ไทยรัฐทีวี, ช่อง 3

ล่าสุด "สมาคมทีวีดิจิตอล" ได้ยื่นเสนอโครงการขอสนับสนุนงบประมาณ 288.8 ล้านบาท จาก กสทช.ก็ผ่านการพิจารณาอนุมัติและเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจร่วมกันแล้ว โดยมี "นีลเส็น (Nielsen)" เป็นผู้รับจ้างสมาคมฯ ทำการสำรวจแบบข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) เพื่อให้ได้ผลความนิยมทั้งจากการรับชมแบบเดิมผ่านหน้าจอทีวีและการรับชมแบบใหม่ผ่านจอออนไลน์ ในกรอบระยะเวลา 4 ปี โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป และแปลตามความเข้าใจแบบชาวบ้านง่ายๆ คือครั้งนี้จะเป็นการวัดเรตติ้งจากแพลตฟอร์มที่เป็นออนไลน์เกือบทั้งหมด เพราะนอกจากจะวัดผลจากหน้าจอทีวีแล้ว ในส่วนของหน้าจอออนไลน์ที่ออกอากาศแบบ streaming สดพร้อมกัน (ไม่นับการดูย้อนหลังแบบ VOD video on demand ) เพื่อรายงานผลเรตติ้งแบบ total rating เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยในครั้งนี้จะเป็นการวัดทุกช่อง ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจะทำไปพร้อมๆ กันทั้งอุตสาหกรรมทีวีบ้านเรา

โดย "สุภาพ คลี่ขจาย" นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล(ประเทศไทย) ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของโครงการนี้ว่า "เป็นโครงการที่สมาคมฯ ผลักดันอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าสองปี นับตั้งแต่มีประกาศตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2562 (ม.44) ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของผลการสำรวจความนิยมของผู้ชมเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาคุณภาพรายการของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นสื่อหลักของชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ชมทั้งผ่านจอทีวีและจอออนไลน์ โดยโจทย์สำคัญคือ จะทำอย่างไร ? ให้เกิดความน่าเชื่อถือ แม่นยำ และสามารถตรวจสอบความโปร่งใสในที่มาของกลุ่มตัวอย่างและระเบียบวิธีวิจัยในมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนารูปแบบรายการ และมีเดียเอเจนซีผู้นำไปใช้ประโยชน์วางแผนในการซื้อสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งสาระสำคัญในการสำรวจความนิยมโทรทัศน์แบบใหม่นี้ จะขยายหน่วยตัวอย่างที่ใช้เป็นพื้นฐานพัฒนาเรตติ้งรายการ จากเดิม 9,000 ตัวอย่าง เป็น 13,000 ตัวอย่าง ควบคู่กับการพัฒนาโปรแกรมการสำรวจ (Software) ระบบใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การวัดความนิยมของรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) ทั้งจากหน้าจอทีวีภาคพื้นดินและหน้าจอของแพลตฟอร์มออนไลน์ การสำรวจความนิยมรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์มนี้ เป็นเทคโนโลยีระบบการวิจัยล่าสุดที่ นีลเส็น ได้พัฒนาและเริ่มใช้แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุดได้ทำการติดตั้งระบบที่ประเทศเดนมาร์ก และซาอุดิอาระเบีย ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะใช้ระบบการวัดทีวีเรตติ้งแบบใหม่นี้"

และการวัดเรตติ้งในครั้งนี้ทั้งทางหน้าจอทีวี และทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างนั้นๆ จะถือได้ว่าเป็นทางการ โดยตัวเลขที่ได้มานอกจากจะการันตีให้รายการในช่องต่างๆ แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้เอเจนซี่ใช้ไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อโฆษณา โดยอาจจะซื้อโฆษณาแบบเป็นแพ็กเกจพร้อมกันทั้งหน้าจอทีวี แพลตฟอร์มออนไลน์ นี่ก็ถือได้ว่าจะทำให้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมทีวีบ้านเราเติบโตคักคักอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญปัญหาโควิดอยู่ ณ ตอนนี้
#3036


รวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ในเดือน ก.ค. 2564 ลดลง 0.5 จุด เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง

ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้นำปัจจัยเหล่านี้ มาวิเคราะห์ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบICE Brentระยะสั้นสัปดาห์นี้ จะอยู่ระหว่าง 72– 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แม้ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปีนี้ จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ในระยะสั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินว่า คงยังขึ้นไปแตะระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไม่ง่ายนัก

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กระทรวงพลังงาน ยังติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด และพยายามรักษาเสถียรภาพราคา โดยยังยึดหลักการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการเข้ามาดูแลราคา ซึ่งหากราคาน้ำมันสูงเกินระดับที่ตั้งไว้ก็จะใช้กลไกกองทุนฯเข้าไปดูแล เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้น้ำมัน

ขณะที่เรื่องของค่าไฟฟ้า ภาครัฐก็ยังดูแลให้ ผ่านมาตรการส่วนลดค่าไฟ และเรื่องของก๊าซหุงต้ม(LPG) ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ก็ยังดูแลราคาต่อไป รวมถึงการช่วยเหลือราคาพลังงานผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ยังดูแลเช่นกัน

"การกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำมาดูแลเสถียรภาพราคาในอนาคต ก็อยู่ในอำนาจอยู่แล้ว ไม่ได้มีประเด็นอะไร แต่ขอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะตอนนี้ ราคา LPG เป็นขาขึ้น ก็ต้องดูว่าจะลากยาวอย่างไร"

ส่วนความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลามาตรการช่วยส่วนลดค่าไฟฟ้าที่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือนส.ค.นี้ ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลคาดหวังให้การควบคุมโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรัฐบาลพร้อมออกมาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับประชาชน



ส่วนแนวทางในการลดการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 10 สตางค์ต่อลิตร เพื่อนำไปลดต้นทุนราคาน้ำมันนั้นในอนาคตนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ ซึ่งยังต้องรอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ (บอร์ดกองทุนฯ) ในเร็วๆนี้ เพื่อพิจารณาลดการจัดสรรเงินกองทุนฯในปี 2565 แต่ในส่วนนี้ ก็ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการเก็บเงินที่จะต้องไม่กระทบต่อแผนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ด้วย

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงาน ได้สั่งกำชับให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันและLPGอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงาน ยังยึดหลักการดูแลราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้เกิดภาระต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันและต้นทุนการขนส่งสินค้า

อีกทั้ง ทาง สกนช. ยังได้เตรียมแผนการกู้เงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับรับมือกรณีที่กองทุนน้ำมันฯต้องรับภาระดูแลราคา LPG และราคาน้ำมัน จนส่งผลกระทบต่อสถานะกองทุนฯในอนาคตด้วย 


คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า การดูแลค่าไฟฟ้าไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 นั้น กกพ.ได้มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย ต่อไปจนถึงสิ้นปี

"ราคาก๊าซฯ ขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณความต้องการการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์การเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงก็เป็นผลลบต่อราคาพลังงาน"

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะราคาพลังงานขาขึ้น ทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที)ในปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดังนั้น การบริหารค่าเอฟทีในปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางเพื่อสร้างให้ค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ โดยขณะนี้ กกพ.ยังมีเงินเหลืออีกกว่า 2,000 ล้านบาท ที่จะนำมาบริหารจัดค่าไฟฟ้าในอนาคต แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเพียงพอหรือไม่ เพราะยังต้องดูหลายปัจจัยในขณะนั้นด้วย 

ดับ 304 ศพสังเวย'แผ่นดินไหวเฮติ'
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 21,882 ราย เสียชีวิต 209 ราย ไม่รวม ATK อีก 1,586 ราย
'เดินเร็ว' ออกกำลังกายยอดฮิตวัยทำงาน ช่วงโควิด-19

ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า แม้โควิด -19 จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย แต่การส่งออกสินค้าเกษตรไทย ยังขยายตัวได้ดี ตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ถือว่าเป็นอีกแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2564 (เดือนม.ค.- มิ.ย.)มีมูลค่า716,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1 % สินค้าสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ยางพารา เนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ กุ้งและผลิตภัณฑ์ และน้ำมันปาล์ม โดย ตลาดส่งออกหลักที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ผลกระทบโควิด-19พบว่าภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับ ภาคอื่น ๆโดย

ผลกระทบที่ได้รับมีสาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อสินค้าเกษตรที่อ่อนตัวลง เพราะมาตรการ ที่ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19โดยผลวิเคราะห์พบว่ากรณีโควิด-19 กระทบ 5 เดือน (เม.ย.-ส.ค. 2564) มูลค่าทางเศรษฐกิจการเกษตรในส่วนของการบริโภคสินค้าเกษตรในประเทศ จะลดลงรวมทั้งสิ้น13,895 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อสาขาการผลิตทางการเกษตร 5 อันดับแรก (กรณี 5 เดือน) พบว่าสาขาการผลิตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ การทำสวนผัก มูลค่าทางเศรษฐกิจลดลง 3,049 ล้านบาท รองลงมา คือ การทำสวนผลไม้ มูลค่าลดลง 2,061 ล้านบาท การทำนา มูลค่าลดลง 2,038 ล้านบาท การประมงทะเลและการประมงชายฝั่ง มูลค่าลดลง 1,007 ล้านบาท และการเลี้ยงสัตว์ปีก มูลค่าลดลง 908 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากโครงสร้างการบริโภคของประเทศไทย มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริโภค ผัก ผลไม้ และข้าว มากที่สุด


อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตร เป็นภาคสำคัญที่รองรับการย้ายคืนถิ่นในช่วงการระบาดโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมือง และความรู้และเทคโนโลยี จึงถือเป็นการสร้างโอกาสการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรและเร่งกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคให้เกิดขึ้นจริงได้ เพราะกลุ่มแรงงานคืนถิ่นรุ่นใหม่กลุ่มนี้ จะเพื่อเป็นกำลังสำคัญทั้งการสร้างมูลค่าใหม่ทางการเกษตร มูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปเกษตรอย่างง่าย รวมทั้งพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสุขภาพ

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมแนวทางดำเนินนโยบายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ตลอดจนผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการพัฒนาและปรับทักษะแรงงาน (upskill/reskill) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล (Smart Farm) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ (economic shocks) ในอนาคตได้

"โควิดระลอกนี้เสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวช้าลง จะขยายตัวเพียง 0.7% เท่านั้นขณะที่ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร(จีดีพี เกษตร)ในไตรมาส 2 ปี 2564 สศก. พบว่า ขยายตัว 1.2% "
#3037


โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสขวัญใจแฟนๆ ตลอดกาล ฉลองวันเกิดอายุ 40 ปีไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนบอกข่าวร้ายว่ายังไม่มีกำหนดกลับคืนสังเวียนเทนนิสเร็วๆ นี้

เฟเดอเรอร์ เพิ่งลงสนามไปเพียง 13 แมตช์ ในปี 2021 หลังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และไม่ได้ลงแข่งมหกรรมโอลิมปิก 2020 ให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นแตะหลัก 4 ทำให้ "เฟดเอ็กซ์" ต้องยอมรับความจริงว่าการฟื้นฟูร่างกายนั้นไม่เร็วเท่าสมัยหนุ่ม จนไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ว่าจะกลับมาลงสนามหวดแร็กเก็ตได้เมื่อไหร่

"ผมสบายดี ได้หยุดพักผ่อน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาสักพักแล้วเพราะอาการที่หัวเข่า ดังนั้นผมเลยต้องหยุดทำทุกอย่างตั้งแต่จบศึกวิมเบิลดัน ซึ่งสัปดาห์นี้ต้องไปพบแพทย์และทีมงาน แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งทุกอย่างก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน"

"ทุกอย่างมันต่างไปจากเดิม คำถามก็มีแต่เรื่องง่ายๆ อันดับโลกของผมเป้นยังไง แล้วจะกลับมาแข่งรายการไหน ผมรู้สึกอย่างไรเมื่อจะได้กลับไปซ้อม เป้าหมายคืออะไร ถึงจะกระตือรือร้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ตอบได้ยากอยู่เหมือนกัน"
#3038


บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมของกุนซือใหม่ จูเลียน นาเกิลสมัน ประเดิมศึก บุนเดสลีกา เยอรมนี นัดแรกด้วยการต้องไล่ตีเสมอ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค แบบหืดขึ้นคอ 1-1 เมื่อคืนวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา

บุนเดสลีกา เยอรมนี
โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค 1-1 บาเยิร์น มิวนิค

เกมนัดเปิดซีซั่นใหม่ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่า ยกพลมาเยือน โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ท่ามกลางแฟน.ที่ยกพลมาเชียร์กันเต็มสนาม เกมนี้ กลัดบัค ส่ง อเลสซาเน่ เพลีย เป็นหน้าเป้า ส่วน "เสือใต้" มาพร้อม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ดาวยิงพระกาฬ

เริ่มแค่ 3 นาที กลัดบัค เกือบนำ แพทริค เฮอร์มันน์ แตะ.ขึ้นหน้าแล้วยิงแต่โชคร้ายหลุดออกข้าง แต่แล้ว นาที 9 กลัดบัค นำก่อนจนได้ ลาร์ส สตินเดล สไลด์.ออกซ้ายให้ อเลสซาเน่ เพลีย แปโล่งๆ ตุง 1-0

นาที 26 บาเยิร์น ชวดตีเสมอ อัลฟอนโซ่ เดวิส ตักโด่งเข้าขวาให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ชาร์จจ่อๆ แต่ ยานน์ ซอมเมอร์ เอาขาเซฟไว้ กระทั่ง นาที 42 บาเยิร์น ทำสำเร็จ โจชัว คิมมิช เปิดเตะมุมฝั่งขวาให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ตวัดยิงตีเสมอ 1-1 และจบครึ่งแรกไปเลย

ครึ่งหลัง นาที 55 กลัดบัค อยากได้ลูกสอง แพทริค เฮอร์มันน์ เปิดเข้ามา ฟลอเรียน นอยฮอส จับแล้วยิงขวาแต่เจอ มานูเอล นอยเออร์ เซฟไว้ ข้ามมา นาที 70 กลัดบัค มาอีกรอบ ฮันเนส วูล์ฟ ยิงด้วยขวานอกเขตแต่ไม่ผ่านเซฟ มานูเอล นอยเออร์

ท้ายเกม นาที 86 บาเยิร์น มีโอกาสยิงแซง จามาล มูเซียล่า ป้ายต่อให้ คิงสลีย์ โคมอง แปขวาเหน่งๆ แต่ก็ไม่ตรงกรอบ สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม เสมอแบ่งแต้มกันไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค - ยานน์ ซอมเมอร์, นิโค เอลเวดี, มาเธียส กินเทอร์, โจเซฟ สคัลลี, สเตฟาน ไลเนอร์, ลาร์ส สตินเดล, ฟลอเรียน นอยฮอส, คริสตอฟ เครเมอร์, อเลสซาเน่ เพลีย, ฮันเนส วูล์ฟ, แพทริค เฮอร์มันน์
บาเยิร์น มิวนิค - มานูเอล นอยเออร์, นิคลาส ซูเล่, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, อัลฟอนโซ่ เดวิส, โจซิป สตานิซิช, โธมัส มุลเลอร์, ลีออน โกเรตซก้า, โจชัว คิมมิช, แซร์จ นาบรี, เลอรอย ซาเน่, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี
#3039


บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านมาแอดไลน์เป็นเพื่อนกับบริษัทกลางฯ ผ่านไลน์ @iRVP ลุ้นรับหมวกนิรภัย มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ฟรี จำนวน 50 ใบ ทุกสัปดาห์ กติกาง่ายๆ เพียงแค่มาเป็นเพื่อนกับบริษัทกลางฯ ที่ Line Official Account พิมพ์ @iRVP หรือคลิกเพิ่มเพื่อนผ่านลิงค์ http://rvp.co/LineiRVPหรือจะสแกนผ่าน QR Code ก็ได้ ร่วมสนุกได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2564 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี ผ่าน Facebook page บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และที่ไลน์ @iRVP หลังจากนั้นบริษัทกลางฯ จะจัดส่งหมวกนิรภัยไปให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ หลังจากประกาศผลรางวัล

Line @iRVP จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือต่อประกันภัย พ.ร.บ., ตรวจสอบสิทธิความคุ้มครอง หรือแจ้งอุบัติเหตุ

ไม่อยากพลาดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ อย่าลืมแอดมาเป็นเพื่อนกับเราที่ ไลน์ @iRVP ของบริษัทกลางฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะมาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ในยุค New Normal ที่ต้องเลี่ยงการสัมผัส "สะดวก รวดเร็ว ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา" อยู่ที่ไหนก็ทำได้ และได้รับความคุ้มครองทันที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call center บริษัทกลางฯ โทร. 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง
#3040


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPL ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ให้ได้รับการลดภาระค่าใช้จ่าย และสร้างแรงจูงใจให้กับลูกหนี้ NPL สามารถผ่อนชำระเงินกู้กับธนาคารต่อไปได้ และมีการติดต่อกับธนาคารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกหนี้กลับมาผ่อนชำระได้ปกติและได้มีบ้านเป็นของตนเอง ธอส. จึงได้จัดทำมาตรการที่ 17 [M 17] ช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPL ให้ผ่อนชำระเงินงวดต่ำพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ ระยะเวลา 1 ปี แบ่งเป็น เดือนที่ 1-3 ผ่อนชำระเพียงงวดละ 1,000 บาท คิดดอกเบี้ยเท่ากับ 0% ต่อปี [ตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ] เดือนที่ 4-6 คิดเงินงวดจากอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี กรณีเงินต้นคงเหลือ 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี เงินงวดจะอยู่ที่ 1,800 บาทต่อเดือน ขณะที่เดือนที่ 7-12 คิดเงินงวดจากอัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี กรณีเงินต้นคงเหลือ 1 ล้านบาท เงินงวดจะอยู่ที่ 3,500 บาท ทั้งนี้ หากลูกหนี้ชำระเกินที่ธนาคารจำหนดจะนำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกหนี้(ถ้ามี)


สำหรับลูกหนี้ที่มีสิทธิ์เข้ามาตรการ คือ ลูกหนี้ที่มีสถานะ NPL (ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน) หรือ ลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร หรืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร (จะพ้นสิทธิตามมาตรการเดิมเมื่อเปลี่ยนมาใช้มาตรการนี้) และต้องเป็นลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ/ธุรกิจ/การค้า เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดตามสัญญาเงินกู้ หรือตามข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ หรือตามคำพิพากษาได้

"นอกจากลดภาระในการผ่อนชำระรายเดือนให้กับลูกหนี้แล้ว มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPL ยังช่วยให้ลูกหนี้ NPL เปลี่ยนกลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยและเงินงวดปกติได้ในระยะเวลา 3 เดือนเท่านั้น เพียงผ่อนเงินงวดจำนวน 1,000 บาท ตลอดระยะเวลา 3 เดือนแรก จึงเชื่อว่ามาตรการนี้จะสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเงินงวดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ และผ่อนชำระได้ต่อเนื่องตลอดรอดฝั่งจนปิดภาระหนี้ได้ในท้ายที่สุด ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของ ธอส. ที่ต้องการช่วยเหลือดูแลให้ลูกค้าได้มีบ้านเป็นของตนเองและครอบครัว"นายฉัตรชัย

ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Application : GHB ALL ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป และต้องส่งหลักฐานการได้รับผลกระทบทางรายได้จากการประกอบอาชีพ/ธุรกิจ/การค้า เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เช่น หลักฐานรายได้ หนังสือรับรองการลด วัน เวลา เงินเดือน/ค่าจ้าง หรือถูกเลิกจ้างจากหน่วยงานต้นสังกัด/นายจ้าง หรือรูปถ่ายกิจการ เป็นต้น เพื่อให้ธนาคารพิจารณา ด้วยการ Upload ผ่านทาง Application : GHB ALL กรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ที่ www.ghbank.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th, Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ Application : GHB ALL