• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#6947
 สีผึ้งว่านดอกทอง ฝังดอกว่านดอกทองและตะกรุดนะเมตตามหานิยม



พุทธคุณ เน้นเรื่อง เสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ก่อนว่าคาถาก็ให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้า และคุณครูบาอาจารย์

คาถากำกับ

โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ 

นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ

(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)

แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาป้าย แล้วทาที่ปาก

ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632497251.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfF8zGh5



#6949
ขายดาวน์ 215,800 (เดือน กค 2564) ห้อง 1017
#6950
สำนักพรเทวะ  ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์
สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999
#6951
Room Fiberry รูมไฟเบอรี่ ดีท็อกซ์ชนิดผงชงดื่ม ดื่มง่าย ถ่ายคล่อง
 

สุขภาพดีเริ่มต้นที่.. " การขับถ่าย "ROOM FIBERRY (รูม ไฟเบอร์รี่)ตัวช่วยของคนรักสุขภาพ เติมเต็มส่วนที่ขาด กำจัดส่วนเกินกินทุกวันแต่ไม่ขับถ่ายทุกวัน ต้นเหตุของ "โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง"อาทิเช่น ท้องผูก ท้องเสีย มะเร็งลำไส้ใหญ่อ้วนลงพุง และโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดูดซึมของเสีย หรือสารพิษที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายทำให้เซลล์ถูกทำลายจากสารอนุมูลอิสระต่างๆ
 
Room Fiberry (รูม ไฟเบอร์รี่) มีส่วนช่วยในการดีท็อกซ์ร่างกายมากถึง 5 ระบบ
- ระบบลำไส้
- ระบบตับ
- ระบบไต
- ระบบเลือด
- ระบบผิวหนัง
 
•รวบรวมสารสกัดจากผักผลไม้ถึง 36 ชนิด
• อุดมไปด้วยวิตามินและใยอาหารที่จำเป็นจากผักและผลไม้ 7 สี
• เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100%
• กวาดเศษปฏิกูลของเสียออกจากส่วนที่ติดค้างในลำไส้
• ดูดสารพิษและกลิ่นเน่าเหม็น
• ขับถ่ายตามเวลาภายใน 8-12 ชั่วโมง
• ช่วยให้ผิวพรรณสดใสมากขึ้น
• ช่วยให้ร่างกานผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น
• รสชาติมิกซ์เบอร์รี่ หอม อร่อย ทานง่าย
 
Room Fiberry"ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค""อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค""ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ"ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา
 
ขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-3-0002
 
บรรจุ 1 กล่อง / 14 ซอง
วิธีรับประทาน ชงน้ำเย็น 50-100 ml/1 ซอง ดื่มก่อนนอน วันละ 1 ซอง
 ราคา  590 บาท

สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ
Tel. 0846623662
Line id : teerapat999

ข้อมูลเพิ่มเติม   http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1233

 
#รูมไฟเบอรี่ดีท็อกซ์กระชับสัดส่วน#ROOMFIBERRY ดูแลผิวพรรณป้องกันความอ้วน##ดีท๊อก#ดีท๊อกลำไส้ #ดีท๊อกของเสีย #วิตามิน #เพื่อสุขภาพที่ดี #ลดพุง #ถ่ายคล่อง #สินค้าดี
#6952
สำนักพรเทวะ (มหาสารคาม)

ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ดูดวง รับสอนการพยากรณ์ด้วยไพ่ออราเคิล แก้อาถรรพ์ร่างกาย รับลงนะ ลงทอง สาริกาลิ้นทอง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต สักน้ำมันว่านยา 108 ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์

สนใจติดต่อ
นายธีรพัชร์ วงศ์วรนิตย์ (อ.ทองเอก พรเทวะ)

โทร 0846623662

website :  http://goo.gl/Y5nYSO

Facebook: facebook.com/teerapat992018

Line : teerapat999

lazada : https://www.lazada.co.th/shop/porntaywa/?spm=a2o4m.pdp_revamp.delivery_options.1.6dbbfeeao328sS&itemId=1863368460&channelSource=pdp

shopee :   https://shopee.co.th/teerapat992018





#6953


นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อโรค COVID-19 อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วย COVID-19 ไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที ภาครัฐจึงได้นำแนวทางการรักษาแบบ Home Isolation หรือการรักษาตัวเองจากที่บ้านมาใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือผู้ป่วย COVID-19 กลุ่มสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรง ได้เข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวได้เข้าถึงการรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน สมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงได้มีแนวทางให้บริการกับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ COVID-19 และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ให้เข้าถึงบริการ Telemedicine ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในเบื้องต้นได้รับความร่วมมือจากสมาคมนายหน้าประกันภัยไทยในการประสานงานกับผู้ให้บริการ Telemedicine พร้อมทั้งมอบหมายให้คณะทำงานของสมาคมฯ ประกอบด้วย นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการสมาคมฯ นายปิยะพัฒน์ วนอุกฤษฏ์ ประธานคณะกรรมการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และ นายวาสิต ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย เพื่อดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือกันระหว่าง สมาคมประกันวินาศภัยไทย ทรู ดิจิทัล และ Third Party Administration หรือ TPA ว่า เป็นบริการปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH สำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถเบิกค่าสินไหมทดแทนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมในบริการ Telemedicine สำหรับผู้เอาประกันภัย COVID-19 มีจำนวน 16 บริษัท ได้แก่
1. บมจ.กรุงเทพประกันภัย
2. บมจ.เจมาร์ท ประกันภัย
3. บมจ.เดอะ วัน ประกันภัย
4. บมจ.ทิพยประกันภัย
5. บมจ.เทเวศประกันภัย
6. บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย
7. บมจ.ธนชาตประกันภัย
8. บมจ.นวกิจประกันภัย
9. บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์
10. บมจ.ฟอลคอนประกันภัย
11. บมจ.เมืองไทยประกันภัย
12. บมจ.วิริยะประกันภัย
13. บมจ.สินมั่นคงประกันภัย
14. บมจ.อาคเนย์ประกันภัย
15. บมจ.เอเชียประกันภัย 1950
16. บมจ.เอฟดับบลิวดีประกันภัย

ADVERTISEMENT


ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด


ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ได้ง่าย ๆ จากทุกที่ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล พร้อมมอบประสบการณ์ดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบครบวงจร ทั้งพบหมอออนไลน์ รับยาที่บ้าน และ เคลมประกันได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยฟังก์ชันใหม่ล่าสุด "เทเลเมดิเคลม" (TeleMediClaim+) ซึ่งความร่วมมือกับ สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ TPA ในครั้งนี้ ทรู เฮลท์ ต่อยอดฟังก์ชัน "เทเลเมดิเคลม" ไปอีกขั้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วย COVID-19 กลุ่มสีเขียวที่มีกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ของบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการ สามารถปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากชีวีบริรักษ์คลินิกเวชกรรม ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH ได้ทั้งในรูปแบบของการโทร แช็ต และวิดีโอคอล (VDO Call) พูดคุยกับแพทย์ได้จากทุกที่แบบเรียลไทม์ พร้อมมีบริการส่งยาตามใบสั่งแพทย์ถึงหน้าบ้านทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ และสามารถเคลมประกันเบิกค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ได้ทันที มั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งพลังในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลและค่ายาด้วยความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19

ฐิตาพร ธารากิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรี เซอร์วิสเซส จำกัด (THRES) 
ฐิตาพร ธารากิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรี เซอร์วิสเซส จำกัด (THRES)


ด้าน นางฐิตาพร ธารากิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรี เซอร์วิสเซส จำกัด (THRES) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการภายใต้แบรนด์ TPA ในการจัดการสินไหมทดแทนให้กับบริษัทประกันภัย กล่าวว่า บริษัทมีระบบเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลการตรวจสอบสิทธิและการเคลมของผู้เอาประกันภัย พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเคลมมืออาชีพ ได้ให้การสนับสนุนโครงการของสมาคมประกันวินาศภัยไทยในครั้งนี้ โดยแอปพลิเคชันของบริษัทจะรองรับข้อมูลการประกันภัยโควิดจากบริษัทประกันภัยและจะเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ แบบ Real Time เพื่อให้ผู้เอาประกันสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH และรับยาได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมี mobile application ที่ชื่อ TPA Care ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสิทธิความคุ้มครองด้วยตนเองได้อีกด้วย เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ

ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรค COVID-19 สามารถใช้บริการ Telemedicine ได้แล้ววันนี้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน True HEALTH ที่แอปสโตร์และเพลย์สโตร์ และลงทะเบียนเพื่อเริ่มต้นใช้งาน จากนั้นตรวจสอบสิทธิ์กับเจ้าหน้าที่ผ่าน "แช็ต" และ ปรึกษาแพทย์ได้ทันทีหลังได้รับอนุมัติ โดยเลือกคลินิก "Telemedicine สำหรับผู้เอาประกันภัย" สมาคมประกันวินาศภัยไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในการให้บริการ Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เอาประกันภัยที่ป่วยด้วยโรค COVID-19 และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ได้รับบริการทางการแพทย์ที่ดี สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยทุกคนหายป่วยจากโรค COVID-19 และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้โดยเร็ว



#สมาคมประกันวินาศภัยไทย #TGIATelemedicine #ทรูเคียงคู่สู้โควิด #TrueHEALTH #ทรูเฮลท์ #บริการส่งสุขภาพดีถึงที่
#6956


เมื่อวันที่ 19 ส.ค. OnlyFans ผู้ให้บริการคอนเทนท์ภาพและวิดีโอแบบสมัครสมาชิก ประกาศปรับกลยุทธ์ธุรกิจครั้งสำคัญ โดยจะไม่อนุญาตให้เหล่าครีเอเตอร์สร้าง "เนื้อหาทางเพศโจ่งแจ้ง" (sexually explicit) อีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม OnlyFans ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน เผยว่า จะยังอนุญาตให้ครีเอเตอร์โพสต์เนื้อหา "นู้ด" หรือภาพเปลือยเชิงศิลปะ ตราบใดที่ไม่ขัด "นโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้" ของแพลตฟอร์ม

แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะใช้เกณฑ์ใดพิจารณาว่าโพสต์ไหนมีเนื้อหาทางเพศโจ่งแจ้ง หรือจะมีผลในทางปฏิบัติอย่างไร ซึ่ง OnlyFans บอกเพียงว่าจะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง

เงื่อนไขการบริการของ OnlyFans ระบุข้อห้ามไว้หลายข้อ รวมไปถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี และเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ หรือมีความรุนแรงด้วย


"เรายังคงทุ่มเทเพื่อชุมชนของผู้ใช้งาน 130 ล้านคนและครีเอเตอร์กว่า 2 ล้านคนที่สร้างรายได้กว่า 5,000 ล้านดอลลาร์บนแพลตฟอร์มของเราต่อไป" OnlyFans แถลง

มุ่งสู่ถนนสายใหม่

OnlyFans ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสุดฮิตมานานสำหรับเหล่าดาราหนังผู้ใหญ่ (AV) ที่ต้องการสร้างรายได้จากการแสดง ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เนื่องจากบรรดาคนดังที่ขายความเซ็กซี่และผู้ค้าบริการทางเพศ (sex worker) หันมาใช้แพลตฟอร์มนี้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานในออนไลน์กันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน OnlyFans เตรียมช่องทางทำมาหากินใหม่เอาไว้แล้ว เพื่อขยายกลุ่มผู้ชมนอกเหนือจากกลุ่มที่นิยมคอนเทนท์ผู้ใหญ่

เมื่อเร็ว ๆ นี้ OnlyFans ได้เปิดตัวเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบริการสตรีมมิงแบบไม่เสียเงิน ชื่อว่า "OFTV" ซึ่งจะไม่เน้นนำเสนอคอนเทนท์ 18+ เหมือนกับแพลตฟอร์มเดิม แต่จะเสนอคอนเทนท์ที่ดูได้อย่างปลอดภัยในที่ทำงาน เช่น คลิปทำอาหาร เล่นดนตรี เล่นโยคะ หรือออกกำลังฟิตกล้าม 


แม้ผู้สร้างคอนเทนท์เหล่านี้ยังมีอยู่บ้างใน OnlyFans แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย และไม่ใช่จุดขายของแพลตฟอร์มที่ให้สมาชิกจ่ายเงินเพื่อดูเนื้อหา "ลับเฉพาะ" หรือ 18+ ซึ่งเป็นหมวดที่ได้รับความนิยมที่สุด

การขยายแนวคอนเทนท์ของ OnlyFans มายัง OFTV ซึ่งมีครีเอเตอร์คุ้นตาจาก OnlyFans กว่า 100 คน นอกจากจะช่วยเพิ่มฐานผู้ชมแล้ว ยังเป็นการแข่งขันกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ เช่น "Facebook" ที่เปิดให้เหล่าครีเอเตอร์สร้างรายได้ออนไลน์บนแพลตฟอร์มตัวเองเช่นกัน

"พันธมิตร-ทุน" ตีตัวห่าง 18+

ถึงแม้เนื้อหาผู้ใหญ่ หรือ 18+ เป็นแม่เหล็กดึงดูดรายได้และผู้ใช้จำนวนมากมาตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษให้เหตุผลถึงการตัดสินใจแบนคอนเทนท์โป๊เปลือยว่า "ทำตามคำขอจากบรรดาพาร์ทเนอร์" ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านธนาคารและการชำระเงิน


"เพื่อรับประกันความยั่งยืนในระยะยาวของแพลตฟอร์ม และให้สามารถสร้างชุมชนสำหรับครีเอเตอร์และแฟน ๆ ต่อไปได้ เราจึงต้องปรับหลักเกณฑ์ด้านเนื้อหาของเราใหม่" แถลงการณ์ของ OnlyFans ระบุ

แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยกับเว็บไซต์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา OnlyFans อยู่ระหว่างการระดมทุน และนักลงทุนหลายรายต่างเลี่ยงลงทุนในธุรกิจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเชิงลบทางเพศ รวมถึงสื่อลามกด้วย

ขณะที่เว็บไซต์แอกซิออส (Axios) ระบุว่า นักลงทุนจำนวนมากตีตัวห่างจาก OnlyFans เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับ "เนื้อหาผู้ใหญ่" กองทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ ฟันด์) บางราย ถูกห้ามลงทุนในเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาทางเพศ เนื่องจากทำข้อตกลงกับนักลงทุนสถาบันของตนไว้

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ OnlyFans เกิดขึ้นหลังจากในปีที่แล้ว "มาสเตอร์การ์ด" และ "วีซ่า" 2 ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินรายใหญ่ตัดสัมพันธ์กับเว็บไซต์หนังผู้ใหญ่ยอดนิยมอย่าง "Pornhub"

เว็บไซต์ AV ชื่อดังเผชิญข้อกล่าวหาว่าเป็นแหล่งแพร่คลิปที่มีเนื้อหาการมีเซ็กซ์กับผู้เยาว์ การข่มขืน และคลิปอนาจารแก้แค้นอดีตคนรัก

อย่างไรก็ตาม Pornhub ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเว็บไซต์ปล่อยให้เนื้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และได้ปรับกฎเข้มให้งวดขึ้นโดยห้าม "ผู้ใช้ที่ไม่ยืนยันตัวตน" อัพโหลดคลิปวิดีโอ หวังช่วยลดข้อครหานี้

โกยรายได้หมื่นล้านช่วงโควิด

จุดเริ่มต้นของ OnlyFans เกิดขึ้นจากการก่อตั้งเว็บไซต์เมื่อปี 2559 โดย "ทิม สโตคลีย์" นักธุรกิจชาวอังกฤษ และนั่งเก้าอี้ซีอีโอบริษัทถึงปัจจุบัน สื่ออังกฤษบางรายอย่าง The Sunday Times ตั้งฉายาให้สโตคลีย์ว่า "ราชาแห่งสื่อลามกโฮมเมด"


- ทิม สโตคลีย์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ OnlyFans -

เดิมนั้น เจ้าของ OnlyFans คือ บริษัทฟีนิกซ์ อินเตอร์เนชันแนล ลิมิเต็ด (Fenix International Limited) ของสโตคลีย์ ก่อนจะขายหุ้น 75% ใน OnlyFans ให้กับเลียวนิด รัดวินสกี นักธุรกิจสื่อลามกชาวยูเครน-อเมริกัน เมื่อปี 2561

OnlyFans รายงานผลประกอบการมีรายได้สุทธิ 375 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.25 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งเริ่มมีการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก

บริษัทคาดการณ์ว่า ในปี 2564 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และภายในปี 2565 น่าจะโกยรายได้สูงขึ้นอีกเป็น 2,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 4 หมื่นล้านบาท)


กว่า 50% ของรายได้ OnlyFans นับถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2564 มาจากส่วนแบ่งการสมัครรับคอนเทนท์ของผู้ใช้ ขณะที่อีกกว่า 30% มาจากการแชท และส่วนที่เหลือมาจากทิป/สตรีม และโพสต์ที่เสียค่าโฆษณาสำหรับบัญชีที่เปิดให้ชมคอนเทนท์ฟรี

ขณะที่บรรดาครีเอเตอร์ใน OnlyFans ที่มีรายได้โดยตรงจากผู้ชม ก็รับทรัพย์หลักล้านบาทต่อปี มีรายงานว่า ครีเอเตอร์กว่า 300 คนโกยรายได้อย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 33.3 ล้านบาท) ต่อปีและครีเอเตอร์ราว 1.6 หมื่นคนโกยรายได้อย่างน้อย 5 หมื่นดอลลาร์ (ประมาณ 1.66 ล้านบาท) ต่อปี

ปัจจุบัน OnlyFans ยังคงอยู่ในช่วงการระดมทุน เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทตั้งเป้าระดมทุนให้ได้มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์

-------------

อ้างอิง: Bloomberg, CNBC, Axios, Reuters, WSJ
#6958


นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นชอบข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน FTA ของคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และได้ส่งเรื่องถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว เพื่อขอให้นำเรื่องการขอจัดตั้งกองทุน FTA ของกระทรวงพาณิชย์ เข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินกระบวนการรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งกองทุน FTA ก่อนเสนอครม. ตามกระบวนการตรากฎหมายด้วย

สำหรับกองทุน FTA ที่เสนอจัดตั้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ทั้งภาคการผลิตสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยจะให้ความช่วยเหลือใน 2 รูปแบบ คือ เงินจ่ายขาด เช่น การวิจัยพัฒนา การจัดหาที่ปรึกษา การฝึกอบรม กิจกรรมที่สนับสนุนการตลาด และเงินกู้ยืม เช่น เงินลงทุน ค่าใช้จ่ายหมุนเวียน โดยจะดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน เกษตร วิชาการ และธนาคาร เพื่อเป็นตัวกลางให้กับกลุ่มผู้ขอรับความช่วยเหลือในการช่วยเขียนโครงการและเสนอโครงการมายังกองทุน

ส่วนที่มาของเงินกองทุนส่วนใหญ่ จะขอทุนประเดิมจากรัฐบาล 5,000 ล้านบาท และจากงบประมาณประจำปี 120-150 ล้านต่อปี และกองทุนจะมีการพิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ที่ได้ประโยชน์จาก FTA ทั้งผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการในภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีข้อเสนอให้จัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขอใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ประสงค์จะใช้สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับการส่งออกภายใต้ FTA โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและไม่เป็นภาระเกินความจำเป็นต่อภาคเอกชน

ทั้งนี้ การผลักดันจัดตั้งกองทุน FTA เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ที่ได้เล็งเห็นถึงปัญหาจากการทำ FTA ที่แม้จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการค้า แต่ก็มีความท้าทาย เนื่องจากด้านหนึ่งมีผู้ได้ประโยชน์ อีกด้านหนึ่งก็มีผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจากการลงพื้นที่รับฟังความเห็นที่ผ่านมาของกระทรวงพาณิชย์ พบว่ามีเสียงเรียกร้องและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่าง ๆ ให้รัฐมีการจัดตั้งกองทุน FTA อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ให้สามารถปรับตัวรับมือกับการแข่งขันในตลาดการค้าเสรี จึงได้มีการตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อร่วมกันหาแนวทางและจัดทำข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน FTA

ปัจจุบัน ไทยมีความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) จำนวน 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเปรู และความตกลง RCEP ที่กำลังจะมีผลใช้บังคับในปีหน้า จะเป็นฉบับที่ 14 ของไทย

รายงานข่าวจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า การจัดตั้งกองทุน FTA อย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการจัดทำ FTA เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทย และเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบแก่ทุกภาคส่วน ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 178 ที่ได้กำหนดให้มีการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบทางด้านนี้
#6959


นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปัญหาการส่งออกลำไยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี โดยเป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาด้านผลผลิตทางการเกษตร (ลำไย) พร้อมด้วย นายฤหัส ไชยศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายสมบัติ ตงเต๊า รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ และตัวแทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เข้าร่วมประชุม และผ่านระบบ Zoom Meeting ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดจันทบุรี ว่า

 

 จากปัญหาการตรวจพบศัตรูพืช (เพลี้ยแป้ง)ในลำไยผลสดจากไทยที่ส่งออกไปจีน ทำให้สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of China Customs: GACC) ได้ระงับการส่งออกชั่วคราวโรงคัดบรรจุ 66 แห่ง เป็นโรงคัดบรรจุในเขตภาคตะวันออก ในจังหวัดจันทบุรี 28 แห่ง และจังหวัดสระแก้ว 1 แห่ง

           ทั้งนี้ ทางการจีนขอให้กรมวิชาการเกษตรสอบสวนหาสาเหตุ และกําหนดมาตรการควบคุมให้ทางการจีนพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องสําคัญและเร่งด่วน เนื่องจากใกล้ฤดูกาลเก็บเก่ียวลําไยของจังหวัดจันทบุรี ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนลําไยเป็นจํานวนมาก กรมวิชาการเกษตร สํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตท่ี 6 นายกสมาคมการค้าและการท่องเท่ียวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี และนายกสมาคมชาวสวนลําไยจันทบุรี ได้ร่วมกันหามาตรการป้องกันเสนอให้ทางการจีนพิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชอีก ซึ่งขณะนี้ทางการจีนได้มีการผ่อนผันปลดล็อค ให้สามารถส่งออกได้แล้ว


รมช.มนัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการเจรจาทำให้ทางการจีนอนุญาตให้โรงคัดบรรจุ 50 แห่ง จาก 66 แห่ง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างต่ำสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้ และอนุญาตให้โรงคัดบรรจุอีก 6 แห่ง จาก 9 แห่ง ที่ไทยได้ระงับเองเป็นการชั่วคราวเมื่อเดือน มี.ค.2564 มีการปรับปรุงแก้ไขเป็นไปตามเงื่อนไขที่จีนกำหนด สามารถส่งออกได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งสิ้นมีโรงคัดบรรจุ 56 แห่ง ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปจีนในครั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2564 สำหรับโรงคัดบรรจุในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 93 แห่ง สามารถส่งออกไปจีนได้ จำนวน 88 โรง และยังคงถูกระงับการส่งออกชั่วคราว จำนวน 5 โรง เป็นโรงคัดบรรจุที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรีทั้งหมด (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ส.ค. 2564) โดยจีนจะประเมินประสิทธิภาพของมาตรการเฝ้าระวังป้องกันกำจัดศัตรูพืชของไทย ในขั้นตอนกักกันการนำเข้า หากมาตรการดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ โรงคัดบรรจุที่เหลือ จำนวน 5 โรง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างสูง จึงจะสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้


         "โรงคัดบรรจุที่ถูกตรวจพบศัตรูพืชหลายครั้ง จะต้องปรับปรุงแก้ไข และเป็นไปตามขั้นตอนที่กรมวิชาการเกษตรได้หารือกับทางการจีน จึงหวังว่าหลังจากน้ี ผู้ประกอบการของไทยจะพัฒนาระบบการส่งออกให้เป็นไปตามที่จีนต้องการในฐานะประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และขอให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรดําเนินการตามมาตรการที่เสนอไปยังจีนอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชควบคุมอีก ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ให้ความสําคัญในเรื่องของคุณภาพผลผลิตลําไยที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศ ก็จะสามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจการค้าลําไยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีความยั่งยืนตลอดไป" รมช.มนัญญา กล่าว

         รมช.มนัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญในคุณภาพสินค้า ทำอย่างไรให้คงความเป็นเอกลักษณ์ลำไยของไทย และควบคุมราคาไม่ให้ตกต่ำ โดยการสนับสนุนการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น การแปรรูปลำไย การปรับเปลี่ยนเป็นลำไยอินทรีย์เพื่อเพิ่มมูลค่า อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนเครื่องอบลดความชื้นให้กับสหกรณ์จันทบุรีเพื่อลดปริมาณความชื้นลงตามเกณฑ์มาตรฐาน เก็บรักษาผลผลิตไว้รอการจำหน่ายช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรทำให้เกษตรกรสมาชิกมีความเชื่อมั่นในระบบบริหารจัดการการผลิตและการตลาดของสหกรณ์ ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีแหล่งจำหน่ายผลผลิตที่แน่นอน ในราคาที่เป็นธรรม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

         จากนั้น รมช.เกษตรฯ เดินทางไปเยี่ยมชมการจัดการโรงคัดบรรจุ พร้อมรับฟังปัญหาและการบรรยายสรุป ณ บริษัท ไชน่า จิงหว่อหยวน เอ็กพอร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด ต.หนองตาคง อ.โป่งร้อน จ.จันทบุรี

           สำหรับสถานการณ์การส่งออกลำไยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ในฤดูกาลผลิต ปี 2564/2565 สมาคมชาวสวนลำไยจังหวัดจันทบุรี คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดมากกว่า 300,000 ตัน สำหรับโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ลำไย ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 93 โรง อยู่ในจังหวัดจันทบุรี 89 โรง จังหวัดสระแก้ว 2 โรง และจังหวัดระยอง 2 โรงทั้งนี้ ภาคตะวันออก มีพื้นที่ปลูกลำไย 379,255 ไร่ เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง GAP 336,294 ไร่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ได้ตรวจประเมินแปลง และให้การรับรอง GAP แล้ว 330,662 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 98 ของพื้นที่ ที่เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง ในส่วนของจังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ปลูกลำไย 296,640 ไร่ เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง GAP 278,542 ไร่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ได้ตรวจประเมินแปลง และให้การรับรอง GAP แล้ว 275,321 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 99 ของพื้นที่ ที่เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง
#6960


นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า SCG HOME เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดเล็กมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่เกือบหนึ่งแสนรายทั่วประเทศ ยังต้องการการเข้าถึงโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งต้องการเครื่องมือการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับการเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ SCG HOME ได้จับมือร่วมกับกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ 'ติดอาวุธพัฒนาสินค้า บริการ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล' จุดประกายความคิดให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก และนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ และแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ไปยังผู้บริโภค ตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพิ่มทางเลือกสินค้าให้มีความหลากหลายกับผู้บริโภค

รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานของกลุ่มลูกค้าออกไปในวงกว้างมากขึ้น และผลักดันการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่จะเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารธุรกิจ และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น และนอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยด้วยกันเอง แบ่งปันองค์ความรู้ นำไปต่อยอดเป็นธุรกิจ และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทใด ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนให้เข้มแข็งได้ ดังเช่น วิสาหกิจชุมชน ดังนี้

วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมไทบุราณศิลป์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดบูชา พานตั้งโต๊ะ และพวงมาลัยคริสตัล นำโดย นางขนิษฐา อุทิศวรรณกุล กล่าวว่า ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ เพิ่งเข้าร่วมอบรมสัมมนาออนไลน์กับทาง SCG HOME เป็นครั้งแรก แต่ได้รับประโยชน์มาก สามารถนำองค์ความรู้กลับมาพัฒนาศักยภาพได้จริง เช่น การพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ โดยนำเศษผ้าไหมที่เหลือทิ้งมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด – 19 แพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกบูธจำหน่ายสินค้า และขายผ่านหน้าร้านตามปกติได้ เนื่องจากจำเป็นต้องปิดร้านที่สนามหลวง 2 ไปชั่วคราว และหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางออนไลน์แทน อาทิ อี-มาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์คต่าง ๆ

วิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาไทยบ้านโพธิ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่เค็มชาร์โคล น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเครื่องประดับ และสบู่นมแพะ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางปรียาพร เทียนหล่อ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน หลังจากได้เข้าร่วมอบรมกับทาง SCG HOME ช่วยให้มีกระบวนการคิดและบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 การจะลงทุนทำอะไรเพิ่มต้องคิดและวิเคราะห์มากขึ้น ทั้งสามารถต่อยอดและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การนำกากของผลมะกรูดที่เหลือจากการผลิตสบู่ มาต้มต่อและผลิตเป็นน้ำยาล้างจาน แทนที่จะทิ้งให้สูญเปล่า รวมทั้ง ยังได้รับเทคนิคในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อใหม่ ๆ อาทิ การสร้างเพจ การโพสต์รูปสินค้า และยังได้กลุ่มเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมอบรม มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันและบอกต่อผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มค้าใหม่ๆ

วิสาหกิจชุมชนกลิ่นเอมนาโน กลุ่มผู้ผลิตเวชสำอางค์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากสารสกัดออร์แกนิคธรรมชาติ 100% ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยทั้งสิ้น ที่มีสมาชิกกลุ่มตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ไปจนถึงนักวิชาการ และโรงงานผลิต โดยนางสุวิภา เสริมบุญสร้าง มองว่า การจัดสัมมนาออนไลน์ของทาง SCG HOME เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ไม่สามารถไปออกบูธขายสินค้าได้เหมือนแต่ก่อน จนมามองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ได้ความรู้และทักษะในการขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้จากเดิมที่ลูกค้าห่างหายไป หลังจากเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ลูกค้าที่เคยซื้อกลับมาซื้อซ้ำและยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม

วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฎาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จากจังหวัดตรัง ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วแบบดั้งเดิม สบู่กาแฟ และชาดอกกาแฟ ซึ่ง นางกนกวรรณ คำเนตร ให้ความเห็นว่า โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก ของ SCG HOME เป็นโครงการที่เห็นความสำคัญของชุมชน และช่วยเหลือชุมชนโดยตรง ทั้งยังให้โอกาสกับกิจการขนาดเล็กของชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ประกอบการ เช่น ด้านการขยายช่องทางออนไลน์ ทำให้ตอนนี้ทางกลุ่มฯ สามารถขยายช่องทางออนไลน์ไปในหลายแพลตฟอร์ม ตอบรับกับในขณะนี้ไม่สามารถเปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ และในอนาคตก็หวังว่าอยากให้มีสัดส่วนขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า SCG HOME รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาไปใช้ได้จริง และจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและชุมชนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมีส่วนช่วยประคับประคองธุรกิจขนาดเล็กในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความผันผวนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นภูมิคุ้มกันและเสริมรากฐานช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย.