• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Shopd2

#6842



คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ยุคนี้อาจเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจที่ญี่ปุ่นมีนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกในวัยเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งไม่แพ้กันก็คือญี่ปุ่นมีนักกีฬาผู้เฒ่าหลายคนที่ทุบสถิติโลกในการแข่งกีฬาผู้สูงอายุ รวมทั้งมีครูฝึกสูงวัยสุดฟิตเปรี๊ยะด้วยเช่นกัน วันนี้เลยมีเรื่องสองคุณยายจอมพลังแห่งญี่ปุ่นมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

คุณยายนักวิ่งลมกรด

หลายคนอาจเคยเห็นภาพคุณยายใส่ชุดนักกีฬาวิ่งอยู่ในสนามแข่งกันมาบ้าง เธอชื่อ โมริตะ มิสึ ปัจจุบันอายุ 98 ปี เคยทำลายสถิติการวิ่งระยะสั้นมาแล้วมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติตั้งแต่วัย 80 เป็นต้นมา ได้รับเหรียญมาแล้วกว่า 350 เหรียญ รวมทั้งโล่และถ้วยกว่า 50 ชิ้น

ตอนอายุ 90 ปีคุณยายโมริตะทำลายสถิติวิ่ง 100 เมตรในการแข่งกรีฑาผู้สูงอายุญี่ปุ่นกลุ่มผู้หญิงวัย 90-94 ปีอย่างขาดลอย โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 50.90 วินาที แต่เธอทำได้ 23.80 วินาที ตอนนั้นเธอนึกเสียดายว่าอีกนิดเดียวก็จะทำลายสถิติโลกได้อยู่แล้ว เลยตั้งเป้าว่าคราวหน้าจะทำลายสถิติโลกให้ได้ และแล้วต่อมาเธอก็ทำลายสถิติโลกได้จริง ๆ ทั้งวิ่ง 100 เมตรที่ 23.15 วินาที และวิ่ง 200 เมตรที่ 55.62 วินาที

เห็นคุณยายโมริตะวิ่งทำลายสถิติแบบนี้ อาจจะคิดว่าคุณยายวิ่งเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ที่จริงเธอไม่เคยเล่นกรีฑามาก่อนเลยจนกระทั่งอายุ 69 ปี และการวิ่งแข่งครั้งแรกของเธอก็เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์พาไปแท้ ๆ คือตอนนั้นเธอไปดูการแข่งกีฬาในท้องถิ่น แล้วพอดีว่าขาดผู้ลงแข่งวิ่งไปหนึ่งคนในกลุ่มอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เธอเลยเข้าร่วมและได้ที่สอง ซึ่งตัวเธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

จากนั้นมาคนรู้จักเลยชวนคุณยายให้ไปแข่งกรีฑาผู้สูงอายุ เธอจึงเข้าร่วมการวิ่ง 400 เมตรตอนอายุ 70 ปี แต่วิ่งไปไม่ถึงเส้นชัยเพราะหมดแรงเสียก่อน ด้วยความเจ็บใจตัวเองเธอเลยเริ่มฝึกอย่างจริงจัง ทุกเสาร์เธอจะฝึกร่วมกับเด็กประถม หนึ่งในการฝึกได้แก่การวิ่งลากล้อรถ โดยเอาเชือกผู้ยางล้อรถไว้แล้วเอาปลายเชือกอีกข้างผูกไว้กับเอว ส่วนเวลาอยู่บ้านก็วิ่งจากหน้าบ้านไปถึงห้องนั่งเล่นในระยะ 20 เมตร 6 รอบ โดยฝึกเอาท่วงท่าวิ่งที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้วิ่งได้เร็ว ก่อนนอนก็ทำท่าปั่นจักรยานบนฟูก 300 ครั้งเพื่อให้ขาได้เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

ที่คุณยายมีแรงเล่นกีฬาได้น่าจะเป็นเพราะปกติรับประทานโปรตีนเป็นหลักตั้งแต่มื้อเช้า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูแล่บางย่างกระทะ ไข่ดิบ นมสด คู่กับข้าวสวยและสลัด ถ้ามื้อเย็นมักรับประทานทั้งเนื้อสัตว์และเนื้อปลาควบคู่กันไปในมื้อเดียว ซึ่งผลการตรวจร่างกายของคุณยายพบว่าเธอมีมวลกล้ามเนื้อและมวลกระดูกเกินค่าเฉลี่ย มีปริมาณไขมันอยู่ที่ค่าเฉลี่ย เรียกได้ว่าเป็นร่างกายที่สมบูรณ์เอามาก ๆ และหาได้ยากในกลุ่มผู้สูงอายุเช่นนี้

หลังจากสามีเสียชีวิตไป คุณยายก็มีการวิ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยว เธอใช้ชีวิตอย่างร่าเริง มีเป้าหมาย และสนุกกับการวิ่งมาก จนถึงกับบอกว่าอยากจะวิ่งจนถึงอายุร้อยปีเลย เธอบอกว่า "การตั้งเป้าหมายแล้วทำให้สำเร็จได้เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก"

คุณยายครูฝึกฟิตเนส

มาดูเรื่องราวของคุณยายอีกท่านกันบ้าง หลายเดือนก่อนสามีฉันเรียกให้ดูคลิปวีดีโอคุณยายวัยเก้าสิบ ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในฟิตเนส เห็นแล้วก็ตกใจในความทรงพลังของเธอจนรู้สึกอายตัวเองเลยค่ะ แม้พวกฉันจะเกิดหลังคุณยายหลายสิบปีและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ก็ยังไม่แกร่งและเต็มไปด้วยพลังชีวิตเท่าเธอเลย

คุณยาย ทากิชิมะ มิกะ หรือชื่อเล่นว่า "ทากิมิกะ" เป็นครูฝึกฟิตเนสที่อายุมากที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันเธออายุ 90 ปีแล้ว แต่สามารถยกน้ำหนักได้ นั่งยืดขาออกด้านข้างได้เกือบ 180 องศา และออกกำลังแบบที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องได้ ที่จริงแต่ก่อนคุณยายทากิมิกะก็เป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง เคยใส่กางเกงไซส์ใหญ่กว่าปัจจุบันเท่าหนึ่ง แต่ตอนนั้นไม่ยอมรับว่าตัวเองอ้วน จนวันหนึ่งสามีผู้แสนดีบอกตรง ๆ ว่าเธออ้วนนะ คุณยายคงช็อคเลยเริ่มออกกำลังกายจริงจังด้วยการไปฟิตเนส เวลานั้นเธออายุได้ 65 ปี พอเล่นฟิตเนสแล้วชอบก็เลยเล่นสม่ำเสมอ ผ่านไปห้าปีเธอลดน้ำหนักไปได้ 15 กิโล ความพยายามอย่างต่อเนื่องทำให้เธอประสบความสำเร็จเช่นนี้เอง

แม้จะผอมลงแล้ว แต่เธอก็ยังไปฟิตเนสไม่ได้ขาด อีกทั้งยังจ้างครูฝึกมาช่วยเทรนให้เธออยู่หลายปี จนครูฝึกเล็งเห็นแวว เลยจับเธอมาลองสอนคนอื่นดูบ้าง ปรากฏว่าทำได้ดีเกินคาด คุณยายเลยผันตัวจากนักเรียนมาเป็นครูฝึกในวัย 87 ปี สอนทั้งคนรุ่นเดียวกันและรุ่นเด็กกว่า ปัจจุบันสอนออนไลน์ในช่วงโควิดด้วย

กิจวัตรประจำวันของคุณยายทากิมิกะคือ ทุกเช้าตอนตีสี่เธอจะเดินสลับวิ่งเป็นเวลาสองชั่วโมงในระยะทางทั้งหมด 8 กิโล คือเดิน 4 กิโล วิ่งเหยาะ 3 กิโล และเดินถอยหลังอีก 1 กิโล จากนั้นรับประทานอาหารเช้า โดยเน้นโปรตีนและผัก ไม่ว่าจะเป็นปลา ไข่ เต้าหู้ ถั่วเน่า สลัด ผักดอง หลังอาหารก็จะทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ทำงานบ้านอื่น ๆ จิปาถะ

อาจเพราะรับประทานหนักในมื้อเช้าแล้ว อาหารกลางวันของคุณยายจึงมีเพียงกล้วยหนึ่งใบและยาคูลท์หนึ่งขวด ตอนบ่ายออกกำลังกายอีกสองชั่วโมงทุกวัน ด้วยการบริหารยืดเส้นยืดสายก่อน แล้วออกกำลังแบบที่สร้างกล้ามเนื้อ จากนั้นมื้อเย็นดื่มไวน์หนึ่งแก้ว ก่อนรับประทานอาหารที่เน้นผักและโปรตีนอีกเช่นกัน คุณยายให้ความสำคัญกับการกินอาหารครบทุกหมู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่รับประทานอาหารปรุงแต่งหรือใส่สารกันบูดเลย



ช่วงหลังมื้อเย็นมักเป็นเวลาอันแสนอิสระของใครต่อใคร แต่คนอย่างคุณยายทากิมิกะฤาจะยอมนั่ง ๆ นอน ๆ เธอเอาเวลาไปทำการบ้านที่ทางฟิตเนสให้มา รวมทั้งศึกษาการใช้งานสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ และยังเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหากิจกรรมทำตลอดไม่เคยว่างก็ว่าได้

ปัจจุบันคุณยายมีช่องยูทูปของตัวเอง และยังเป็นแขกรับเชิญในช่องอื่น ๆ ด้วย ถ้าเพื่อนผู้อ่านได้เห็นเธอออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวตัวระหว่างทำกับข้าวจากวีดีโอข้างต้นแล้ว จะไม่รู้สึกเลยว่าเธออายุ 90 ปี เพราะเธอขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉาน ร่าเริงเป็นที่สุด เห็นเธอแล้วพลอยได้พลังตามไปด้วยเลยค่ะ

เธอมักพูดติดปากเสมอว่า "อายุเป็นเพียงตัวเลข" หรือ "อย่าหมดหวังกับสุขภาพเพราะคิดว่าแก่แล้ว" และอยากให้ใคร ๆ หันมาออกกำลังกายกันเป็นกิจวัตรเพื่อสุขภาพที่ดี

นอกจากคุณยายสองท่านนี้แล้ว ญี่ปุ่นยังมีนักกีฬาสูงวัยอีกมากที่พิสูจน์คำกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นคุณตา มิยาซากิ ฮิเดคิจิ ที่ทำลายสถิติโลกตอนอายุ 100 ปีจากการวิ่ง 100 เมตรในกลุ่มนักกีฬาชายอายุ 100-104 ปี และเป็นนักกีฬาชายคนที่สองของโลกที่ลงแข่งวิ่งระยะสั้นตอนอายุ 105 ปี ไม่เพียงเท่านั้นคุณตายังลงแข่งกีฬาทุ่มน้ำหนักด้วย


อีกท่านหนึ่งคือคุณยาย นางาโอกะ มิเอโกะ ซึ่งเป็นนักว่ายน้ำ เดิมทีเธอหัดว่ายน้ำเพื่อรักษาเข่าที่บาดเจ็บเมื่ออายุ 80 ปี ซึ่งกว่าจะว่าย 25 เมตรได้ใช้เวลาเป็นปี แต่ใครจะรู้ว่าต่อมาเธอคนนี้เข้าแข่งขันว่ายน้ำและได้รับรางวัลมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นคนแรกของโลกในการแข่งขันรุ่น 100-104 ปีที่ว่ายได้ครบระยะทาง 1500 เมตร นอกจากนี้ก็ยังมีคุณตาคุณยายนักกีฬาในทุกชั้นวัยอีกมากที่ไม่อาจเล่าได้หมดในที่นี้


ท่านผู้เฒ่าเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายและสนุกสดใสกับชีวิตมากเลยนะคะ แม้จะอายุมากถึงขนาดที่ว่าอาจหมดอายุขัยลงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พวกท่านก็ใช้เวลาแต่ละวันอย่างมีความหมาย สนุกกับการฝึกฝนตัวเองไปสู่จุดหมาย แข่งกับตัวเองทุกวัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังเราน่าเรียนรู้ไว้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตอย่างยิ่ง

ได้ยินว่าบางคนพอได้เห็นผู้สูงวัยใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงเช่นนี้ จากที่เคยหมดอาลัยตายอยากก็กลับมีกำลังใจ ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างคนมองโลกแง่ดีให้ได้บ้าง หวังว่าเพื่อนผู้อ่านจะได้รับแรงบันดาลใจจากพวกท่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.

https:// m.mgronline.com/japan/detail/9640000074747
#6843
Boom Gluta กลูต้า ที่โดมเลือก


ดีและปลอดภัยกลูต้าช็อต ช็อตเดียวรู้เรื่อง!!!

ดำกรรมพันธุ์ ผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระ อยากเปลี่ยนลุงป้าเป็นหนุ่มสาวน่ารัก
กลูต้าช๊อต เพียงกล่องเดียว รู้เรื่อง!!!...ดีกว่ากลูกต้าทั่วไป 215 เท่า

ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ21ชนิด ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมนาโนฟา อินฟาเรด เหรียญเงินระดับนานาชาติ

แค่เทใส่ปาก ละลายและดูดซึมทันที พกพาง่ายไม่ต้องชง!!
1 กล่อง 590 จากปกติ 890.- .
เลขที่จดทะเบียน 1311585950607

 Boom Gluta Shots จึงเป็นที่มาของการแก้ปัญหาด้วยการปกป้องจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Boom Gluta Shots" มีส่วนประกอบสำคัญ FIR Glutathione Complex สุดยอดอาหารผิวแห่งปี ที่ได้รับรางวัลจากงาน "Seoul International Invention Fair 2020" ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ผิวขาวกว่ากลูตาทั่วไปถึง 250% .

รับตัวแทนจำหน่าย/สมาชิก รับสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์มูลค่า 7,990 บาท ฟรี

สนใจติดต่อ
โทร. 0846623662

id line : teerapat999

รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99-gluta.salepage365.com/



#6844
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#6845



การประชุมคณะกรรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2564 ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปี 2564 – 2566 เพื่อรองรับการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 โดยกำหนดโควตาให้นำเข้าในปี 2564 จำนวน 4.8 แสนตันต่อปี ส่วนปี 2565 นำเข้าได้ 1.74 ล้านตันต่อปี และปี 2566 นำเข้าได้ 3.02 ล้านตันต่อปี

เมื่อภาคนโยบายกำหนดปริมาณการนำเข้าที่ชัดเจนตามข้อสั่งการของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งได้มอบหมายให้กรมเชื้อแพลิงธรรมชาติ และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT พิจารณากำหนดปริมาณการนำเข้า LNG ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และให้ กกพ. บริหารความสามารถของ LNG Terminal และทบทวนความเหมาะสมของ TPA Regime และ TPA Code 

ทั้งนี้ ให้ กกพ. เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการพิจารณาการดำเนินงานให้เป็นไปตามรูปแบบการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การนำเข้า LNG ของผู้ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper)รายใหม่ จะดำเนินการได้ทันภายในไตรมาส 3 ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่นั้น ยังขึ้นอยู่กับความพร้อมในหลายเรื่อง เช่น การประชุม กบง. และกพช.นัดถัดไป ซึ่งก็ต้องลุ้นว่า จะเกิดขึ้นในไตรมาส 3นี้ หรือไม่ จากเดิมกำหนดจะประชุมในไตรมาส 2 รวมถึง แผนบริหารจัดการนำเข้า LNG ของ กกพ. หลัง กบง. อนุมัติโควตาช่วง 3 ปีแล้ว จะสามารถจัดทำวิธีการปฏิบัติได้เสร็จทันหรือไม่

หลังได้รับรายงานในเบื้องต้นว่า ขณะนี้ กกพ. ประสานขอตารางการจอง LNG Terminal ที่ว่างอยู่ ของ ปตท. เพื่อจัดส่งให้ Shipper พิจารณาเลือกคิวที่ต้องการโดยเร็วที่สุด รวมถึง กกพ.จะส่งเอกสารให้ Shipper แต่ละราย ระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการใช้สิทธิ์โควตานำเข้าในปริมาณเท่าไหร่ และห้ามมีเงื่อนไขโดยเด็ดขาด ซึ่งจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายในกลางเดือน ส.ค.นี้ เพื่อจะได้มีเวลานำเข้า LNG ได้ทันโควตาในปีนี้


"เท่าที่ทราบ บอร์ด กกพ. เมื่อเร็วๆนี้ ยังไม่อนุมัติให้ผู้ Shipper รายใด นำเข้า LNG ตามโควตา 4.8 แสนตันในปีนี้ เพราะ Shipper บางรายตั้งเงื่อนไข เช่น จะนำเข้า LNG หากราคาอยู่ในระดับที่ต้องการ หรือจะนำเข้า LNG ก็ต่อเมื่อจอง LNG Terminal จาก ปตท. ได้ก่อน ทำให้ กกพ.ต้องเข้มหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อป้องกันกรณี Shipper ไม่นำเข้า LNG ตามจริง ซึ่งอาจทำให้ประเทศประโยชน์ได้"


แหล่งข่าวคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุว่า สำนักงาน กกพ. อยู่ระหว่างเตรียมส่งเอกสารถึง Shipper ทั้ง 7 ราย อีกครั้ง เพื่อให้ยืนยันปริมาณความประสงค์ที่จะนำเข้า LNG และจัดส่งตารางจอง LNG Terminal พร้อมใบเสร็จชำระค่าจองใช้ LNG Terminal ที่ชัดเจนมายังกกพ. ก่อนที่จะอนุมัติสิทธินำเข้าในปีนี้

ส่วนปี 2565 ที่มีโควตานำเข้า อยู่ที่ 1.74 ล้านตัน ทาง กกพ. เตรียมพิจารณาออกบทลงโทษหาก Shipper ยื่นขอใช้สิทธิแต่ไม่นำเข้ามาจริง เช่น หาก Shipper ไม่สามารถจัดหา LNG มาส่งให้กับลูกค้าโรงไฟฟ้าได้ ขั้นแรกต้องไปยืม LNG จาก Shipper รายอื่น แต่หากยังไม่สามารถยืมได้ และจะหันมาซื้อก๊าซฯ จาก ปตท. ในระบบ จะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม เป็นต้น โดยการกำหนดบทลงโทษนี้ จะเสนอ กพช. พิจารณาอนุมัติใช้ในการประชุมนัดถัดไป

สำหรับ Shipper ทั้ง 7 ราย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.),บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน),บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด,บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด,บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป, บริษัท PTT Global LNG Company Limited หรือ PTTGL และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG


นางราณี โฆษิตวานิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยืนยันว่า กฟผ.มีความพร้อมที่จะนำเข้า LNG ในปีนี้ ตามปริมาณที่เคยแจ้งต่อ กกพ.ไปแล้ว อยู่ที่ ประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งในส่วนของการจอง LNG Terminal นั้น ในส่วนของ กฟผ.ได้ดำเนินการจองคลังก๊าซฯภายใต้โควตา 1.5 ล้านตันไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นในส่วนของประเด็นนี้สำหรับกฟผ.ไม่น่าจะมีปัญหา

"กฟผ.เราพร้อมมาก หาก กกพ.อนุมัติปริมาณนำเข้า และ กบง.เห็นชอบแล้ว ทาง กฟผ.ก็พร้อมออก TOR เปิดประมูลจัดหาฯ LNG ทันที ซึ่งปริมาณนำเข้า 3 แสนตัน น่าจะมีมูลค่าราว 4-5 พันล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม ตามแผนเดิมนั้น กฟผ.จะเริ่มทยอยนำเข้า LNG ตั้งแต่เดือน ส.ค. ถึงเดือน ต.ค.ปีนี้ แต่ขณะนี้กระบวนการอนุมัติจากภาครัฐยังไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น คาดว่า เดือน ส.ค.นี้ คงนำเข้า LNG ไม่ทัน และน่าจะเริ่มนำเข้าได้ในช่วงเดือน ก.ย.นี้ เป็นต้นไป ก็อาจส่งผลให้ปริมาณนำเข้า LNG ปีนี้ ลดลงจากแผนบ้าง ส่วนปีหน้าก็ยังคาดหมายที่จะนำเข้าในปริมาณ 1.2-1.3 ล้านตันต่อปี

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951931
#6846



ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรใกล้บ้านที่คนไทยคุ้นเคยกันดี มีสรรพคุณมากมาย ถูกนำใช้ในการทำยารักษาโรคต่างๆ ทำให้ได้รับการขนานนามว่า "สมุนไพรมหัศจรรย์" อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพและความงาม เรียกได้ว่าเป็นคุณค่าจากธรรมชาติแบบไม่ต้องพึ่งสารเคมี


ว่านหางจระเข้ ทำอะไรได้บ้าง? คนส่วนใหญ่มักใช้ว่านหางจระเข้รักษาแผลถูกน้ำร้อนลวก เนื่องจากในพืชชนิดนี้มีสารโพลียูโรไนด์ และโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยทำให้แผลหายไวขึ้น ซึ่งสรรพคุณของว่านหางจระเข้ยังสามารถใช้รักษาโรคต่างๆ และฤทธิ์เย็นจากเนื้อวุ้นยังช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังได้อีกด้วย สำหรับสรรพคุณอื่นๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน มีดังนี้

1. วุ้นของว่านหางจระเข้สามารถใช้สมานแผล และห้ามเลือดได้ ทำให้แผลหายไว

2. ใช้รักษาอาการติดเชื้อ อักเสบ และกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ให้เติบโต

3. ใช้รักษาแผลที่เกิดจากความร้อน เช่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และการฉายรังสี 


4. ใช้แก้พิษแมงกะพรุน ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนจากพิษ

5. มีสรรพคุณทางยาในการช่วยประสานกระดูก และช่วยบำรุงข้อกระดูก

6. นำมาปอกเปลือก ล้างเมือกออก ต้มน้ำใช้เป็นยาระบาย ยาแก้ไอ และยาแก้เจ็บคอ

7. นำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สำหรับควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวาน

8. เนื้อว่านหางจระเข้บรรเทาอาการปวดฟันได้ ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เหน็บตามซอกฟัน 

9. รักษาอาการผิวไหม้แสบร้อนจากแสงแดด และใช้ทารักษาฝ้าบนใบหน้าได้ด้วย

10. ตัดเนื้อวุ้นเป็นแท่งเล็กๆ นำไปแช่เย็น แล้วเหน็บทวารหนัก ช่วยรักษาริดสีดวงทวารได้


ว่านหางจระเข้ ทาหน้า
หากใครมีปัญหาผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าแห้ง หรือหน้ามัน ให้นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปล้างให้สะอาด หลังจากนั้นนำมาทาใบหน้าก่อนนอน นวดเบาๆ ทำเป็นประจำสัก 1 เดือน ผิวหน้าจะนุ่มชุ่มชื้น ไม่หยาบกร้าน

ว่านหางจระเข้ รักษาสิว
นำวุ้นว่านหางจระเข้มาล้างให้สะอาด และนำไปปั่นจนละเอียดก็จะได้สมุนไพรมาสก์หน้าจากธรรมชาติ ทาบางๆ ทั่วใบหน้า ส่วนใครที่เป็นสิว ให้ใช้วุ้นว่านหางจระเข้แต้มหัวสิวก่อนนอน เพื่อลดอาการอักเสบ

ว่านหางจระเข้ หมักผม
ปัญหาผมแห้งสามารถแก้ได้ ด้วยการหมักผมที่มีส่วนผสมจากว่านหางจระเข้ ให้นำวุ้นไปล้างให้สะอาด และปั่นกับน้ำเปล่า ในอัตรา 1:1 หลังจากนั้นนำไปกรอง เพื่อนำน้ำที่ได้ไปหมักโคนผมประมาณ 15 นาที นวดเบาๆ ทั่วศีรษะ แล้วล้างออกให้สะอาด


หากใครไม่สะดวกที่จะหาว่านหางจระเข้มาใช้บำรุงผิว หรือเส้นผม ปัจจุบันนี้มีการผลิต "เจลว่านหางจระเข้" ที่หาซื้อง่าย ใช้สะดวก ซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนได้เช่นกัน 

ที่มา : โรงพยาบาลรามาธิบดี
#6847



"โรคไขมันในเลือดสูง" เป็นโรคหนึ่งที่นำไปสู่โรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองอุดตันเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต และโรคหลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากการมีไขมันสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ตามปกติ จึงเป็นอีกโรคที่ควรรู้จัก เพื่อจะได้หาทางป้องกันและดูแลตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ

โรคไขมันในเลือดผิดปกติ คืออะไร

ตามปกติในการตรวจเลือดจะมีการวัดระดับไขมันหลักๆ 4 ตัว คือ คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol) ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นตํ่า หรือไขมันเลว (Low Density Lipoprotein : LDL) และไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นสูง หรือไขมันดี (High Density Lipoprotein : HDL)

การที่จะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ คนคนนั้นจะต้องมีระดับคอเลสเตอรอลรวมมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไตรกลีเซอไรด์มากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไขมันเลว (LDL) มากกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไขมันดี (HDL) น้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่การพิจารณาการให้ยาลดไขมันนั้น แพทย์มักจะตัดสินจากระดับไขมัน LDL รวมถึงระดับไตรกลีเซอไรด์มากกว่าระดับคอเลสเตอรอลรวม


นอกจากนี้ ในคนไข้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เช่น คนไข้โรคเบาหวาน คนที่มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจตีบมาก่อน ควรรักษาระดับไขมันเลว (LDL) ให้น้อยกว่า 100 ลงไปอีก จึงจะป้องกันการเกิดซ้ำของโรคได้

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงหลักของการเป็นโรคไขมันในเลือดสูง คือ กรรมพันธุ์และอาหาร ส่วนน้อยอาจเกิดจากโรคประจำตัว เช่น ภาวะอ้วน การขาดฮอร์โมนไทรอยด์ เบาหวาน เป็นต้น

อาหารที่มีผลให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูง เช่น เนื้อสัตว์แดงติดมัน เครื่องในและไขมันจากสัตว์ อาหารที่ใช้น้ำมันผัด ของทอดต่างๆ ปลาหมึก หอยนางรม รวมทั้งอาหารที่มีไขมันทรานส์ซึ่งอยู่ในมาการีน หรือเนยเทียมที่ใช้ในการทำเบเกอรี่ และอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ เช่น โดนัท พิซซ่า เฟรนช์ฟราย เป็นต้น

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูง คือ การกินอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลปริมาณมากๆ เช่น เครื่องดื่มบรรจุขวดต่างๆ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลฟรุกโตส รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย


นอกจากนี้ หากพบว่ามีกรรมพันธุ์ในเรื่องของไขมันในเลือดสูงก็จะยากที่จะลดด้วยการคุมอาหารเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องกินยาช่วย เพราะระดับไขมันจะสูงมาก จนสามารถทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันได้ตั้งแต่คนไข้อายุยังน้อย

อาการ

โรคไขมันในเลือดสูง เป็นภัยเงียบที่ในระยะแรกไม่มีอาการ หากไม่ได้ตรวจเลือด ก็จะไม่ทราบเลยว่ามีระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา สุดท้ายจะมีอาการที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตันในที่สุด แต่ในผู้ป่วยที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงมาก คือ เกิน 500 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อาจก่อให้เกิดอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตราย โดยคนไข้จะมาด้วยอาการปวดท้องรุนแรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ทะลุไปด้านหลัง ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลทันที

การวินิจฉัย

วินิจฉัยโดยดูจากผลเลือด โดยก่อนเจาะเลือดควรงดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ผลเลือดที่ถูกต้อง

อันตรายและภาวะแทรกซ้อน

การที่ร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ที่สูงกว่าปกติ จะส่งผลให้มีไขมันไปเกาะตามผนังของหลอดเลือด ทำให้เลือดที่ส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ น้อยลง โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ซึ่งไขมันนี้จะค่อยๆ ก่อตัวและหนาขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาหลายปีกว่าจะแสดงอาการให้เห็น ซึ่งหากไม่ได้รับการตรวจเลือดประจำปี ก็จะไม่รู้ว่ามีไขมันในเลือดสูง ดังนั้นในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี จึงควรได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็กระดับไขมันในเลือดของตนเอง หากพบว่าสูง จะได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที


การรักษาและการป้องกัน

การรักษาหลัก คือ การใช้ยาลดไขมัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกชนิดและขนาดของยา ตามระดับความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดตีบในคนไข้แต่ละราย นอกจากนี้คนไข้จะต้องดูแลตนเอง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน กล่าวคือ หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้น้ำมันผัดทอด เปลี่ยนไปกินอาหารต้ม นึ่ง ย่าง ตุ๋นแทน หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์แดงติดมัน รวมทั้งไขมันอิ่มตัว เปลี่ยนเป็นกินอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์ ลดเครื่องดื่มรสหวานทุกชนิด ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดกินอาหารแช่แข็ง อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอย่างปลาหมึก ไข่ปลาหมึก หอยนางรม เป็นต้น

นอกจากการกินที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษแล้ว ยังจะต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที และตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็กระดับไขมันในเลือดของตนเองว่าสูงหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ ควรตรวจตั้งแต่อายุ 20 ปี เพื่อจะได้เตรียมการรักษาได้ทันท่วงที การเลิกสูบบุหรี่ การควบคุมอาหาร และลดน้ำหนักในคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน สามารถช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ รวมทั้งช่วยเพิ่มไขมันตัวดีได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากเรากินอาหารประเภทไขมันให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ รักษาระดับน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ห่างไกลจากภาวะไขมันในเลือดสูงได้

@@@@@@@@@@@@@@

แหล่งข้อมูล

ผศ.พญ.แสงศุลี ธรรมไกรสร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
#6848


หลังจากประเทศไทยปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และอนุญาตให้นำไปใช้ในทางการแพทย์ "น้ำมันกัญชา" ได้กลายเป็นรูปแบบยาประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากมีประโยชน์และสรรพคุณที่ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ แต่การจะใช้น้ำมันชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัย ก็ควรศึกษาข้อมูลและวิธีใช้ที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ

ทำความรู้จัก "น้ำมันกัญชา" คืออะไร?
ไลฟ์สไตล์ติดตาม
31 ก.ค. 64
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ สูตรอร่อยเด็ด อิ่มอร่อยแบบง่ายๆ

30 ก.ค. 64
ข้อสอบใบขับขี่ 2564 สำหรับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์

30 ก.ค. 64
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย เหนียวนุ่มน่ากิน ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ดูทั้งหมด 
น้ำมันกัญชา คือ สารสกัดเข้มข้นจากต้นกัญชา ที่นำมาทำให้เจือจางเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในรูปแบบยาทางการแพทย์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรค มีการนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ ให้เหมาะแก่การรักษาในแต่ละประเภท เช่น นำไปหยดใต้ลิ้น นำไปทาบนผิวหนัง เป็นต้น

ทั้งนี้ น้ำมันกัญชาทุกรูปแบบที่นำไปรักษาโรคและเกี่ยวข้องกับการรักษาสุขภาพ จะต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง อยู่ภายใต้การดูแลและได้รับคำแนะนำถึงวิธีการใช้อย่างปลอดภัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งบางคนอาจมีความเชื่อว่าน้ำมันกัญชาคือ "ยาสารพัดโรค" ทำให้มีการนำไปใช้รักษาอาการต่างๆ เอง ยกตัวอย่างเช่น

น้ำมันกัญชา สำหรับหยอดหู หยอดตา
แน่นอนว่าหากจะใช้น้ำมันชนิดนี้ไปหยอดหูเพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับหู หรือนำไปหยอดตา ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้หมายความว่าน้ำมันกัญชาทุกประเภทจะใช้งานเหมือนกัน โดยเฉพาะการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อหิน เป็นการรักษาที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ หรือแม้กระทั่งหยอดตาเพื่อลดความดันลูกตา ก็ถือเป็นวิธีที่อันตรายและไม่ควรทำด้วยตนเอง

น้ำมันกัญชา สำหรับรักษาสิว
แม้ว่าน้ำมันกัญชาจะสามารถใช้รักษาโรคทางผิวหนังบางชนิดได้ ทำให้หลายคนนำไปใช้รักษาสิว หรือผิวหน้าที่มีผื่นแดง แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาด้วยว่าน้ำมันกัญชามีส่วนผสมใดบ้าง และสิวนั้นเป็นสิวประเภทใด เพราะไม่เช่นนั้นแทนที่จะช่วยลดอาการอักเสบ อาจทำให้มีอาการผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทุกกระบวนการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการต่างๆ นั้น จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้เสมอ


สรรพคุณน้ำมันกัญชาในทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำมันกัญชาถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อรักษาอาการและโรคบางชนิด เช่น ใช้บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง บำรุงสุขภาพ รวมถึงคลายอาการวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตามหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป หรือผู้ใช้มีอาการแพ้น้ำมันกัญชาก็อาจส่งผลเสีย ทำให้มีผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ท้องเสีย เป็นต้น

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุถึงคุณสมบัติของน้ำมันกัญชา 3 ประเภท ที่ได้รับการยอมรับในฐานะสารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ประกอบไปด้วยกลุ่มสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ที่พบในพืชกัญชา ได้แก่ 

1. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

2. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร CBD
ใช้รักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่รักษายาก หรือดื้อต่อการรักษา ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง

3. น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC : CBD 
ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ใช้หยอดใต้ลิ้นตามแพทย์สั่ง


ใครสามารถปลูกกัญชา และปรุงยาจากกัญชาได้บ้าง?
แม้ประเทศไทยจะปลดล็อกกัญชาแล้ว แต่ในปัจจุบันก็เปิดให้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชาได้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุว่า ผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ มีดังนี้

หน่ายงานของรัฐ
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่มีการสอน วิจัย ทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์
ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น สหกรณ์การเกษตร, วิสาหกิจชุมชน, วิสาหกิจสังคม ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (เภสัชกรรม ทันตกรรม การแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย) 
การขออนุญาตปลูกกัญชา
สำหรับผู้ที่ต้องการจะขออนุญาตเพื่อปลูกกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องประกอบไปด้วย 3 ข้อ ได้แก่
1. มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 หรือมีสถานะเป็นวิสาหกิจชุมชน และไปร่วมกับหน่วยงานของรัฐ
2. มีแผนโครงการ แผนกระบวนการผลิต และรายละเอียดการใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน 
3. มีสถานที่ปลูกกัญชา ที่มีเอกสารสิทธิครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย


ผู้ที่สามารถปรุงยากัญชาได้
สำหรับผู้ที่จะนำกัญชาไปปรุงยาได้นั้น จะต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้ตำรับยาที่มีกัญชาผสม จากหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุข

ส่วนการจำหน่าย หรือสั่งจ่ายยา ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้สถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนก็ได้ แต่ต้องเป็นตำรับยาที่ได้รับการยอมรับแล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามเรื่องกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันกัญชาได้ที่ info@medcannabis.go.th

ที่มา : คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
#6849



หลังจากปล่อยเพลงสายดาร์กล่าสุดอย่าง "NDA" ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในที่สุดอัลบั้มที่ผู้คนทั่วโลกรอคอยอย่าง "Happier Than Ever" ก็ได้ถูกปล่อยออกมา โดย "Billie Eilish" ยังอัดคลิปส่งมาเชิญชวนแฟนเพลงชาวไทยร่วมฟังอัลบั้มใหม่พร้อมกันในวันนี้ ที่มีทั้งหมด 16 เพลง

ซึ่งอัลบั้มนี้ "Billie Eilish" ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินที่เธอชื่นชอบตั้งแต่สมัยเด็กอย่าง Julie London, Frank Sinatra และ Peggy Lee ซึ่งเธอได้ผสมผสานระหว่างดนตรีคลาสสิกเก่า ๆ เข้ากับซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ เรียกได้ว่า "Happier Than Ever" เป็นอีก 1 อัลบั้มที่ "Billie Eilish" และ "Finneas" พี่ชายสุดที่รักของเธอได้โชว์ศักยภาพในการนำแรงบันดาลใจมาทวิซให้ออกมาโมเดิร์น และมีความออริจินัลในแบบฉบับของตัวเธอเอง และนี่คืออีกครั้งที่ทั้ง 2 ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นกันว่าพวกเขามาเพื่อเปลี่ยนวิถีวงการเพลงป็อปแล้วจริง ๆ



สำหรับ "Billie Eilish" ได้กล่าวในบทสัมภาษณ์ของ Pitchfork ถึงอัลบั้มนี้ว่า "สิ่งสำคัญที่ฉันหวังคือให้คนได้ยินเพลงของฉันแล้วพูดว่า โอ้ ฉันรู้สึกอย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกแบบนั้น แต่นี่คือสิ่งที่ฉันรู้สึกจริง ๆ และฉันหวังให้ว่าเพลงของฉันอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาให้มีความสุขมากขึ้นได้" รับรองได้ว่าแฟนคลับของสาว "Billie Eilish" ไม่ผิดหวังกับผลงานระดับมาสเตอร์พีชชิ้นนี้อย่างแน่นอน


นอกจาก "Billie Eilish" จะปล่อยอัลบั้มเต็มให้ทุกคนได้ฟังกันวันนี้แล้ว เธอจะปล่อย MV เพลง "Happier Than Ever" ออกมาเร็วๆ นี้ สามารถติดตามชมได้ที่ Billie Eilish YouTube: https:// www.youtube.com/c/BillieEilish/featured
#6851
Boom Gluta กลูต้า ที่โดมเลือก


ดีและปลอดภัยกลูต้าช็อต ช็อตเดียวรู้เรื่อง!!!

ดำกรรมพันธุ์ ผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระ อยากเปลี่ยนลุงป้าเป็นหนุ่มสาวน่ารัก
กลูต้าช๊อต เพียงกล่องเดียว รู้เรื่อง!!!...ดีกว่ากลูกต้าทั่วไป 215 เท่า

ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ21ชนิด ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมนาโนฟา อินฟาเรด เหรียญเงินระดับนานาชาติ

แค่เทใส่ปาก ละลายและดูดซึมทันที พกพาง่ายไม่ต้องชง!!
1 กล่อง 590 จากปกติ 890.- .
เลขที่จดทะเบียน 1311585950607

 Boom Gluta Shots จึงเป็นที่มาของการแก้ปัญหาด้วยการปกป้องจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Boom Gluta Shots" มีส่วนประกอบสำคัญ FIR Glutathione Complex สุดยอดอาหารผิวแห่งปี ที่ได้รับรางวัลจากงาน "Seoul International Invention Fair 2020" ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ผิวขาวกว่ากลูตาทั่วไปถึง 250% .

รับตัวแทนจำหน่าย/สมาชิก รับสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์มูลค่า 7,990 บาท ฟรี

สนใจติดต่อ
โทร. 0846623662

id line : teerapat999

รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99-gluta.salepage365.com/



#6852
ป้ายไฟวิ่ง LED เปลี่ยนข้อความผ่านมือถือ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน

ป้ายไฟวิ่งLED เปลี่ยนข้อความผ่านappมือถือ(เชื่อต่อทางwi-fi) หรือส่งผ่านระบบLAN  ขนาดป้าย 105x25cm ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน มีให้เลือก 4สี แดง,เขียว,น้ำเงิน ราคา 2,900บาท และFull colors  ราคา4,200 บาท ใส่คำ,ข้อความ,วันที่,เวลา,รูปภาพต่างๆได้ ป้ายติดตั้งง่าย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน

ทางร้านลงคำให้ฟรีในครั้งแรกและสอนวิธีการใช้งานให้ลูกค้าสามารถลงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง แถมขายึดป้ายฟรี

สนใจติดต่อ 0945102033
Line :@gentech
หน้าร้านเซียร์รังสิต ชั้น1


#6853



นายวัฒนศักย์  เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย ว่ากรณีที่มีกระแสข่าวว่าราคาไข่ไก่ในจังหวัดพิจิตรมีการปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายมีการกักตุน และฉวยโอกาสขึ้นราคา ในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดพิจิตรลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ปริมาณ และราคาไข่ไก่  ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ปัจจุบันปริมาณไข่ไก่ในห้างค้าปลีกค้าส่งยังคงมีจำหน่าย แต่ในตลาดสดมีปริมาณลดลง แต่หากมีความจำเป็นก็จะประสานแหล่งผลิตเข้ามาเสริม โดยปัจจุบันราคาจำหน่าย ณ ห้างสรรพสินค้า ไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 30 ฟอง อยู่ที่ 98 บาทต่อแผง ไข่ไก่ เบอร์ 2 ห้างค้าปลีกราคาจำหน่ายอยู่ที่ 101-106 บาทต่อแผง

 

นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดพิจิตรยังได้จัดรถโมบาย จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น จำนวน    70 รายการ ภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยจำหน่ายไข่ไก่ในราคา แผงละ 93 บาทหรือ 3.10 บาทต่อฟอง และในระหว่างวันที่ 2-3 ส.ค. 2564 จะนำไข่ไก่ราคาประหยัดมาจำหน่ายหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร ในราคาเบอร์ 3 แผงละ 93 บาท อย่างไรก็ตามได้ให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีการกักตุนหรือไม่ และกรณีพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดฉวยโอกาสขึ้นราคาก็ให้ดำเนินคดีตามมาตรา 29 และมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542

ทั้ง 2 กรณีหากพบว่ามีการกระทำผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้ง 2 กรณี ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัด      ทุกจังหวัดเข้มงวดตรวจสอบไม่ให้มีการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ ทั้งนี้หากพบเห็นการกักตุนหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา แจ้งได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569
#6854



ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายสำหรับวันที่ประเทศไทยจะเดินมาถึงจุดวิกฤติของการรักษาโควิด-19 ใน รพ. เมื่อเตียงไม่พอ หมอไม่มี บุคลากรด่านหน้ารับมือไม่ไหว การเพิ่มโรงพยาบาลสนามไม่ทันกับการเพิ่มจำนวนของคนไข้

นโยบายและมาตรการ Home Isolation จึงถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และถูกผลักดันให้เป็นนโยบายเร่งด่วน จนกลายเป็นวลียอดฮิตสำหรับ "เถียงนาโมเดล" ที่โฆษก ศบค.พูดถึง


จะว่าไปแล้ว การทำ Home Isolation ถือเป็นทางออกและมาตรการที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหา และไม่ใช่แค่ประเทศไทย โมเดลนี้ มีใช้ในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐฯ โดยให้ผู้ป่วย "โควิด-19" อาการไม่หนักดูแลตัวเองที่บ้าน ตั้งแต่ในช่วงการ ระบาด Wave 2 โดยให้คนไข้ดูแลตนเอง ทั้งการวัดไข้ กินยา สังเกตอาการแต่สำหรับประเทศไทยต้องบอกว่า การทำ Home Isolation ดู เหมือนจะดีกว่าต่างประเทศ เพราะมีการให้อุปกรณ์วัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนไปที่บ้านเพื่อวัดค่าต่างๆ มีแพทย์โทรศัพท์หรือวิดีโอคอลตรวจสอบอาการทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง มีการส่งอาหารและน้ำให้วันละ 3 มื้อ หากอาการทรุดลงก็จะส่งยาฟ้าทะลายโจรและยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้านหรือส่งรถไปรับมานอนที่โรงพยาบาล

เรียกว่าไม่ผลักภาระให้ผู้ป่วยมากจนเกินไป การดูแลหรือ Care เหมือนอยู่ รพ.เพียงแต่คนไข้พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน

ในช่วงแรกที่มีการระบาด ประเทศในยุโรปเกือบทั้งหมดใช้มาตรการนี้ แม้แต่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริสจอห์นสัน ตอนที่ป่วยก็เข้าสู่มาตรการ Home Isolation เช่นเดียวกับคนไข้คนอื่นๆใครบ้างที่สามารถเข้าสู่กระบวนการ Home Isolation


มีข้อกำหนดอยู่ประมาณ 7 ข้อ เริ่มจากต้องเป็นคนไข้โควิดสีเขียว หมายถึงเป็นผู้ติดเชื้อโควิดที่สบายดี หรือไม่มีอาการ (asymptomatic cases) มีอายุน้อยกว่า 60 ปี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อยู่คนเดียว หรือมีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกาย >3030 กก./ม.2 หรือน้ำหนักตัว > 90 กก.) ไม่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD Stage 3, 4) โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคอื่นๆตามดุลพินิจของแพทย์ และสุดท้าย คือยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง

ถ้าเข้าเกณฑ์ทั้ง 7 ข้อนี้ ก็สามารถที่จะกักตัวเองอยู่ที่บ้าน เป็นการกักโรคไม่ให้ไปแพร่กระจายด้วย


มาตรการนี้ ทั้งยุโรป เอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ล้วนแล้วแต่มีโมเดลที่ได้ผลดี นอกจากจะเป็นการสกัดการระบาดของโรคไม่ให้รุนแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยลด Work load ของบุคลากรทางการแพทย์ลงได้มากด้วย

สิ่งสำคัญสำหรับมาตรการนี้คือ ระบบที่ดี โดยเฉพาะการตรวจสอบ ติดตามอาการ จะผ่านทางโทรศัพท์ หรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไลน์ วิดีโอ ก็ได้ เพื่อให้ทราบความคืบหน้าอาการของผู้ป่วย


ในสวีเดนมีรายงานยืนยันทางการแพทย์ชัดเจนว่า การทำ Home Isolation ช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อ และหากมีระบบที่ดี เช่น การจ่ายยาให้อย่างรวดเร็ว การติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยประมาณ 80% จะหายได้เอง และไม่พัฒนาจากผู้ป่วยสีเขียว เป็นสีเหลือง มีเพียง 20% เท่านั้นที่อาจมีข้อจำกัด และต้องถูกส่งตัวไป รพ.

ในประเทศอังกฤษ การทำ Home Isolation ช่วยลดการป่วยและนอนไอซียูลงได้มาก สำคัญที่การวินิจฉัยเร็ว ให้ยาเร็ว และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด


สำหรับประเทศไทย สิ่งสำคัญที่ต้องเริ่มก่อนคือ การให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นว่าการรักษาตัวที่บ้าน ในกรณีที่เป็นน้อย หรือแทบไม่มีอาการ เป็นผลดีทั้งต่อตัวเองและสังคมโดยส่วนรวม เป็นการช่วยตัวเองเพื่อช่วยชาติ เพื่อผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน.

https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2136671
#6855
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand