• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Hanako5

#3041


นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้อำนวยการ-ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย (เคทีซี)เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของหมวดประกันในครึ่งปีหลังว่า เคทีซียังคงมีมุ่งเน้นร่วมกับพันธมิตรในหมวดประกันที่มีอยู่ถึง 150 รายในการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งในส่วนของประกันชีวิต และประกันอื่นๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ และขยายช่องทางในการซื้อ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันมากขึ้น โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังโดยเฉพาะในไตรมาส 4 จะยังเป็นช่วงไฮซีซั่นเหมือนทุกปีที่ผ่านมา และยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดใช้จ่ายในหมวดประกันที่ 10%

"หมวดประกันมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ 3-4 ปีก่อน และในปีนี้ก็ยังโตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีมูลค่าธุรกรรมไม่สูงนัก อย่าง ประกันโควิด ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ ซึ่งก็จะมีไซส์ประมาณ 10,000-20,000 บาท ส่วนที่ไซส์ใหญ่ๆส่วนใหญ่จะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่หรือบริษัทโดยตรง ขณะเดียวกันสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นก็ทำให้เกิดความตื่นตัวในการทำประกันมากขึ้นเพราะมีความไม่แน่นอนในชีวิตเกิดขึ้น จึงต้องซื้อประกันมาปิดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น แล้วคนที่ซื้อประกันที่เข้ามาก็มีอายุน้อยลง ซึ่งการตื่นตัวนั้นไม่ใช่แต่เฉพาะประกันโควิด แต่รวมไปถึงประกันสุขภาพอื่นๆด้วย ซึ่งก็หวังว่าเทรนด์นี้จะยังคงอยู่ตลอดไป รวมถึงช่องทางออนไลน์และดิจิทัลก็มีความสำคัญเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ด้วย"

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความเสี่ยงสูง จากการระบาดของโควิด 19 ที่หากยังไม่สามารถควบคุมได้ก็จะส่งผลกระทบหนักขึ้น และอาจจะทำให้คนบางกลุ่มที่รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องยาวนานไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ซึ่งแนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดประกันภัยในไตรมาสที่ 3 เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว ทั้งในส่วนยอดรวมการใช้จ่ายและอัตราเฉลี่ยการซื้อประกันต่อครั้งต่อบัตรฯ สืบเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มถดถอย ทำให้ประกันภัยปีแรกขายค่อนข้างยาก และการชำระเบี้ยประกันปีต่ออายุของผู้บริโภคเริ่มมีปัญหา ส่งผลให้กรมธรรม์ถูกยกเลิก หรือขาดอายุสูงขึ้น กลยุทธ์การตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2564 เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทประกันภัยทั้ง Life Insurance Non-Life Insurance และ Insurance Broker มากกว่า 50 บริษัท มอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก อาทิ การผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน การให้เครดิตเงินคืนสูงสุด 15% หรือการมอบคะแนนพิเศษ เพื่อให้สมาชิกสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของหมวดประกันมุอัตราเติบโตที่ 10% โดยหลักๆยังมาจากประกันโควิดฯที่เติบโตดีมาตั้งแต่ปีก่อน รวมถึงประกันสุขภาพไซส์เล็กๆ และกลุ่มของยูนิตลิงค์ที่เริ่มเข้ามามากขึ้น ขณะที่กลุ่ม non life อาจจะแผ่วลงบ้าง อาทิ ประกันรถยนต์ชั้นหนึ่ง เนื่องจากมีการใช้รถยนต์ลดลง เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบันยอดใช้จ่ายหมวดประกันยังสูงเป็นอันดับ 1 ของยอดใช้จ่ายรวม หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16%ของยอดใช้จ่ายรวม

นายสุวัฒน์กล่าวอีกว่า ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่เราก็พยายามที่จะรักษาการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยพยุงยอดใช้จ่ายรวม และชดเชยการใช้จ่ายในบางกลุ่มที่หายไป อาทิ หมวดร้านอาหาร ท่องเที่ยว เป็นต้น ส่วนในปีหน้า หากสถานการณ์โควิดฯยังอยู่เราก็คงยังเน้นประกันในกลุ่มนี้อยู่ แต่หากสถานการณ์คลี่คลายก็จะพยายามหาผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าต่อเนื่องไปหลังจากที่ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญในการทำประกันอื่นๆเพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์โควิดฯ
#3042


ความเคลื่อนไหวการแขังขันฟุต. เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่จะมีการแข่งขันระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2564 - 1 มกราคม 2565 โดยมี 11 ชาติเข้าร่วม ประกอบไปด้วย ไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, สิงคโปร์, กัมพูชา, สปป.ลาว, บรูไน และ ติมอร์ เลสเต

ล่าสุด "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย เปิดเผยว่ามีความประสงค์ที่จะให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เพื่อเป็นการเรียกศรัทธาของแฟน.กลับคืนมาอย่างแท้จริง "ที่ผ่านมาได้รับทราบว่าทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพซูซูกิ คัพ ในปลายปีนี้ เรื่องนี้แป้งเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง โดยอย่างแรกคือถ้าเราได้เป็นเจ้าภาพเราไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องมีการกักตัว ส่งผลดีโดยตรงต่อสโมสรในไทยลีกที่นักเตะตัวหลักไม่ต้องพักนานจบจากทีมชาติสามารถกลับเข้าสโมสรได้ทันที"

"แฟน.ชาวไทย และคนไทยทุกคนต้องการเห็นแชมป์ฟุต.รายการนี้มากที่สุด และเราเป็นเจ้าของแชมป์รายการนี้มากที่สุด ดังนั้นเราไม่มีทางเลือกอื่นคือต้องการกลับไปคว้าแชมป์ให้ได้ นอกจากนี้หากถึงช่วงปลายปีสถานการ์โควิด-19 ในประเทศเราเบาบางลง เราอยากเห็นแฟน.เข้าชมเกมที่สนามราชมังคลากีฬาสถานอีกครั้ง"

"อยากวอนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการนำฟุต.รายการนี้มาจัดที่ไทยให้ได้ เพราะตอนนี้เราได้ทราบข่าวมาว่าทางกัมพูชาเตรียมพร้อมอย่างมากที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเช่นกัน หากเราต้องออกไปเล่นนอกประเทศคงไม่ใช่เรื่องดีในหลายมุม ดังนั้นเราต้องการเป็นเจ้าภาพฟุต.ซูซูกิ คัพ ในครั้งนี้"
#3043


ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) เดือน มิ.ย. 64 พบว่า มี วัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในขั้นการทดลองในมนุษย์กว่า 100 รายการ และอีก 184 รายการ อยู่ในขั้นศึกษาวิจัย สำหรับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการพัฒนา วิจัย วัคซีนโควิด-19 ในหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และ มหาวิทยาลัย

ปัจจุบัน การวิจัยพัฒนา วัคซีนโควิด-19 ในประเทศ มีความก้าวหน้าตามลำดับ อาทิ วัคซีนชนิด Protein Subunit ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ระหว่างทดสอบในมนุษย์เฟส 1 , วัคซีนชนิด mRNA ของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเข้าสู่การทดสอบในมนุษย์ระยะ 2 , วัคซีนโควิด-19 HXP–GPOVac ขององค์การเภสัชกรรม และอีก 1 ชนิด อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง คือ วัคซีนโควิเจน ชนิด DNA ของบริษัท Bionet-Asia จำกัด

"ChulaCOV19" 


ซึ่งพัฒนาโดย ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย เป็นวัคซีนชนิด mRNA เช่นเดียวกับไฟเซอร์ และโมเดอร์นา มีการทดลองในสัตว์ทดลองทั้งหนู และลิง พบว่ามีประสิทธิภาพ สร้างภูมิคุ้มได้ในระดับสูง ล่าสุดทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร อายุ 18-55 ปี 36 คน ในเดือน มิ.ย. ผลอาสาสมัคร ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ มีผลข้างเคียงอยู่ในระดับเล็กน้อยหรือปานกลาง


"ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม" ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีน ChulaCov19 พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนตี้บอดี้ ได้เทียบเท่ากับวัคซีนชนิด mRNA อย่าง ไฟเซอร์ โดยสามารถยับยั้งการจับโปรตีนที่กลุ่มหนามได้ 94% เท่ากับไฟเซอร์ 94%

รวมถึงสามารถกระตุ้นแอนตี้บอดี้ได้สูงมากในการยับยั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม แอนตี้บอดี้ที่สูงนี้สามารถยับยั้งเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ คือ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า และเดลต้า อีกทั้งสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิด T-cell ซึ่งจะช่วยขจัดและควบคุมเชื่อที่อยู่ในเซลล์ของคนที่ติดเชื้อได้

สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นานถึง 3 เดือน เก็บในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) ได้นาน 2 สัปดาห์ พร้อมกันนี้ จะทำการเดินหน้าทดลองเฟส 2 ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ และหากกติกาของ อย. ไม่จำเป็นต้องทดลองในเฟส 3 คาดว่าจะได้ใช้ราว เม.ย. 2565

นอกจากนั้น จุฬาฯ ได้มีการเตรียมโรงงานในการผลิตจากโรงงานของบริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ในประเทศไทย ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรองรับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งหากผลการศึกษาวิจัยสำเร็จตามแผนจะใช้โรงงานแห่งนี้ในการผลิตวัคซีนโควิด ชนิด mRNAของจุฬาฯ โดยคาดว่าโรงงานจะสามารถผลิตได้ 30-50 ล้านโดสต่อปี ทำให้สามารถปิดช่องว่างวงจรการผลิตวัคซีนในไทยได้


"วัคซีนชนิด Protein Subunit" 
ผลิตโดยนักวิทยาศาสตร์ไทย ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ และรศ. ดร.วรัญญู พูลเจริญ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ก่อตั้งบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด พัฒนาวัคซีนโควิด-19 และแอนติบอดีในการยับยั้งไวรัสจากใบยาสูบชนิดพิเศษได้สำเร็จ โดยใช้เทคนิคการใช้พืชเพื่อผลิตโปรตีนนั้น โดยใบยาสูบที่นำมาใช้นั้นเป็นสายพันธุ์ที่มีนิโคตินระดับต่ำมาก

ที่ผ่านมา วัคซีนใบยาได้ผ่านการทดสอบในหนูและลิง ด้วยการฉีด 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์ ผลการทดสอบปรากฏว่าลิงมีความปลอดภัย และไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ ผลเลือดในลิงที่ใช้ทดลองมีค่าเอนไซม์ตับปกติ อีกทั้งจำนวนเม็ดเดือดแดงและเม็ดเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ปกติ มีการกระตุ้น T Cell ได้ดีในลิง กระบวนการผลิตวัคซีนที่ใช้พืช สามารถผลิตเป็นจำนวนครั้งละมากๆ ได้

สามารถยกระดับจากการผลิตวัคซีนในห้องทดลอง มาเป็นการผลิตวัคซีนระดับอุตสาหกรรมได้ทันที โดยตั้งเป้าการผลิตวัคซีนจากใบยาสูบราว 10,000 โดสต่อเดือน เริ่มเปิดรับอาสาสมัครเพื่อทดสอบวัคซีนกลุ่มแรกจำนวน 50 คน อายุ 18 – 60 ปีสุขภาพแข็งแรงและไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน คาดพร้อมฉีดให้คนไทยช่วงกลางปี 2565 ในราคาต้นทุนโดสละ 300 – 500 บาท


"วัคซีน HXP–GPOVac" 
พัฒนาโดยองค์การเภสัชกรรม ร่วมกับ ศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล "นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์" ผอ.องค์การเภสัชกรรม เผยว่า วัคซีนโควิด-19 HXP-GPO Vac ขององค์การเภสัชกรรม เป็นวัคซีนเชื้อตายไวรัลแวกเตอร์ ผลการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 อาสาสมัคร 210 คน อายุ 18-60ปี ใช้สูตรวัคซีน 5 สูตร

และเลือก 2 สูตรเพื่อใช้ในการศึกษาในมนุษย์ระยะ 2 ใช้อาสาสมัคร 250 คน อายุ 18-75 ปี ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อน หากผลเป็นไปตามเป้าจะมีการเดินหน้าศึกษาในระยะที่ 3 ต่อไปที่เหลือวัคซีนเพียง 1สูตร คาดยื่นขึ้นทะเบียน อย. เพื่อใช้กรณีฉุกเฉินราวกลางปี 2565 และจะใช้โรงงานผลิตของอภ.ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ระยะต้นมีกำลังการผลิตได้ 20-30 ล้านโดสต่อปี

ตรวจสอบสิทธิ 'ประกันสังคม' ม.39 www.sso.go.th รับเงินเยียวยา 5,000 บาท 23 ส.ค.นี้ เช็ครายละเอียดที่นี่
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ จับตา! พบเสียชีวิต 242 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,491 ราย ไม่รวม ATK อีก 901 ราย
เมื่อติดโควิด-19 จะรับ ATK- ยาฟรี @ 'ร้านขายยา' ได้อะไรบ้าง?

"วัคซีนโควิเจน ชนิด DNA" 
พัฒนาโดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด มีผลการทดสอบในหนูทดลองพบว่า วัคซีนมีความปลอดภัย และสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 คาดว่าจะวิจัยในคนระยะที่ 2 และ 3 ในปีนี้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มิ.ย 64) โดยมีแผนการทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 ในประเทศออสเตรเลียคู่ขนานกันไป


"วัคซีนแบบพ่นจมูก" 
ชนิด Adenovirus-based และ Influenza-based พัฒนาโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ผ่านการทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในหนูทดลองเรียบร้อยแล้ว พบว่ามีประสิทธิภาพต่อการคุ้มโรคที่เกิดขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ได้จะผลักดันให้เป็นวัคซีนต้นแบบป้องกันโรค COVID-19 สามารถนำไปทดสอบทางคลินิกในอาสาสมัครต่อไป

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลว่า วัคซีนชนิด Adenovirus ออกแบบโดยการพ่นเข้าจมูกผ่านละอองฝอย ผ่านการทดสอบในหนูทดลองที่ฉีดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว พบว่า หนูทดลองนอกจากไม่มีอาการป่วย ยังมีน้ำหนักขึ้นสูงกว่ากลุ่มที่ฉีดเข้ากล้ามอย่างเห็นได้ชัด ผลการทดสอบความปลอดภัย การผลิตในระดับ GMP ร่วมมือกับบริษัท KinGen BioTech กำลังจะทดสอบวัคซีนนี้ในอาสาสมัครมนุษย์ในรูปแบบที่สร้างจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ในเร็วๆ นี้

ส่วนชนิด Influenza virus อยู่ระหว่างต่อคิวทดสอบประสิทธิภาพการคุ้มโรคโควิด-19 และผลการวิจัยเรื่องระดับภูมิคุ้มกันในหนูทดลอง พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งในรูปแบบแอนติบอดี และ T cell ได้สูง โดยร่วมกับทีมองค์การเภสัชกรรม และมีแผนจะออกมาทดสอบความปลอดภัยต่อไป หากไม่มีผลข้างเคียงจะยื่นอย. เพื่อขอทดสอบในมนุษย์ โดยร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คาดเริ่มทดสอบเฟสแรกปลายปี 64 และเฟส 2 มี.ค. 65 หากได้ผลดีจะสามารถผลิตใช้ได้กลางปี 65
#3044


รายงานดัชนีการยอมรับคริปโตเคอเรนซีประจำปี 2021 ที่ Chainalysis จัดทำขึ้นเป็นปีที่ 2 และเผยแพร่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า โลกให้การต้อนรับเงินตราดิจิตอลอบอุ่นขึ้น โดยอัตราการยอมรับพุ่งทะยานถึงกว่า 880% นับจากปี 2020 เฉพาะไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 24% จาก 2.5% ในช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

การจัดอันดับของ Chainalysis ครอบคลุม 154 ประเทศ โดยพิจารณาจากกิจกรรมทั้งหมดเกี่ยวกับคริปโต การเทรดคริปโตของบุคคลทั่วไป การออม และปริมาณธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม P2P หรือการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลกับบุคคล แทนที่จะโฟกัสการซื้อขายหรือการเก็งกำไร

เคนยา ไนจีเรีย เวียดนาม และเวเนซุเอลา เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่เกาะกลุ่มกันด้านบนของตาราง ส่วนใหญ่เนื่องจากปริมาณธุรกรรมจำนวนมากบนแพลตฟอร์ม P2P เมื่อปรับตามความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (PPP) ต่อหัว

การคำนวณด้วยโมเดลนี้พบว่า อันดับของจีนร่วงจาก 4 ลงมาอยู่ที่ 13 ขณะที่อเมริกาจาก 6 อยู่ที่ 8 เนื่องจากปริมาณธุรกรรม P2P ลดลง และประเทศส่วนใหญ่ในท็อป 20 เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ที่รวมถึงโตโก โคลอมเบีย อัฟกานิสถาน และไทยที่รั้งอันดับ 12 เท่ากับปีที่แล้ว

รายงานอธิบายว่า คนทั่วไปยอมรับคริปโตมากขึ้น ทำให้สินทรัพย์ดิจิตอลหลุดพ้นจากรัศมีการเก็งกำไรของกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือธุรกิจต่างๆ และแนวโน้มนี้กำลังปรากฏในหลายประเทศทั่วโลกที่จมดิ่งเข้าสู่แวดวงคริปโตหรือมีอัตราการยอมรับเงินดิจิตอลมากขึ้น

Chainalysis ซึ่งเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ระบบบล็อกเชน พบว่า ปริมาณการทำธุรกรรม P2P มีสัดส่วนสูงมากในกิจกรรมคริปโตโดยรวม โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่

รายงานฉบับนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของ Chainalysis ในการหาคำตอบว่า คริปโตได้รับการยอมรับทั่วโลกในระดับรากหญ้ามากน้อยแค่ไหน โดยการวิจัยของบริษัทบ่งชี้ว่า คนทั่วไปในตลาดเกิดใหม่อ้าแขนรับคริปโตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือปกป้องเงินออมในช่วงที่ค่าเงินของประเทศอ่อนตัว และเพื่อรับ-ส่งเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งทำธุรกรรมทางธุรกิจ

แมตต์ อัลบอร์ก นักวิเคราะห์ข้อมูล P2P อิสระ ชี้ว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญสำหรับบิตรีฟิลล์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ช่วยให้ลูกค้าใช้คริปโตในการดำเนินชีวิตปกติ เช่น ซื้อบัตรของขวัญด้วยบิตคอยน์

คิม กรูเออร์ ผู้อำนวยการวิจัยของ Chainalysis และเป็นผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ อ้างอิงคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า ปัจจัยหนุนนำการยอมรับคริปโตในเวียดนามคือ การที่คนชาตินี้ขึ้นชื่อเรื่องการเสี่ยงโชค และการที่หนุ่มสาวซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ไม่สามารถลงทุนในกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นได้

โบแอซ โซบราโด นักวิเคราะห์ข้อมูลเทคโนโลยีการเงิน กล่าวว่า ประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ในตารางยังมีอีกสิ่งที่เหมือนกันคือ รัฐบาลควบคุมด้านเงินทุนอย่างเข้มงวด

เมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ในแต่ละเดือน รายงานพบว่า เอเชียกลางและเอเชียใต้ ละตินอเมริกา และแอฟริกา เข้าใช้แพลตฟอร์ม P2P มากกว่าภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่า เช่น ยุโรปตะวันตกและเอเชียตะวันออก

ในทางกลับกัน การยอมรับคริปโตในอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก และเอเชียตะวันออกในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลงทุนของนักลงทุนประเภทสถาบัน

อนึ่ง เมื่อต้นเดือน Finder.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพิ่งเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน 42,000 คนใน 27 ประเทศในทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกา ซึ่งพบว่า เวียดนามมีสถิติการยอมรับคริปโตสูงสุด โดย 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจบอกว่า เคยซื้อคริปโต, 21% เคยซื้อบิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโพลล์นี้ในทุกประเทศ

แม้คะแนนของเวียดนามที่ล้ำหน้าประเทศอื่นอาจน่าแปลกใจ แต่ผลสำรวจของไฟน์เดอร์ตอกย้ำข้อมูลของแหล่งอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเปรียบเป็นนักมวย ต้องถือว่า ประเทศดาวเด่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ชกข้ามรุ่นในเรื่องการยอมรับคริปโต ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คอยน์เทเลกราฟระบุว่า เวียดนามติดอันดับ 13 ในการจัดอันดับการทำกำไรจากบิตคอยน์ในปี 2020 แม้อยู่ในอันดับ 53 ในแง่ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเมื่อวัดจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ก็ตาม

รายงานของไฟน์เดอร์แจงว่า การโอนเงินข้ามประเทศอาจเป็นแรงจูงใจสำคัญในการซื้อคริปโตในเวียดนาม เนื่องจากคริปโตเป็นตัวเลือกของชาวต่างชาติที่ต้องการส่งเงินกลับบ้านโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการแลกเงิน

อัตราการยอมรับคริปโตยังสูงมากในประเทศอื่นๆ ทั่วเอเชีย เช่น ผู้ตอบแบบสำรวจ 30% ในอินโดนีเซียและอินเดียบอกว่าเคยซื้อคริปโต ส่วนในมาเลเซียและฟิลิปปินส์ตัวเลขอยู่ที่ 29% และ 28% ตามลำดับ

ในทางกลับกัน อัตราการยอมรับคริปโตในสหราชอาณาจักรและอเมริกาต่ำที่สุดในตาราง โดยอยู่ที่ 8% และ 9%
#3045


"ม้าลาย" ยูเวนตุส นำก่อน 2-0 แต่โดนทีเด็ดอูดิเนเซ ตามตีเสมอครึ่งหลัง 2-2 และโดน VAR ริบประตูชัยช่วงทดเจ็บ เปิดหัวกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ฤดูกาล 2021/22 ด้วยการคว้าเพียง 1 คะแนน

ศึกฟุต.กัลโช เซเรีย อา อิตาลี วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ยกพลไปเยือน อูดิเนเซ ที่สตาดิโอ ฟริอุลลี

เกมนี้ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี กุนซือทีมม้าลาย ให้คริสเตียโน โรนัลโด นั่งบนม้านั่งสำรอง และส่ง เปาโล ดีบาลา จับคู่กองหน้ากับ อัลบาโร โมราตา ขณะที่เจ้าถิ่น อูดิเนเซ่ นำทัพมาโดย โรแบร์โต เปเรย์รา และ อิกนาซิโอ ปุสเซตโต้

ปรากฏว่า เกมนี้ ยูเวนตุส มาได้ 2 ประตูในครึ่งเวลาแรก ขึ้นนำไปก่อน 2-0 จาก เปาโล ดีบาลา นาทีที่ 3 และ ฆวน กวาดราโด นาทีที่ 23

แต่เจ้าถิ่น อูดิเนเซ มาทำ 2 ประตูในช่วงครึ่งเวลาหลัง ไล่ตามตีเสมอเป็น 2-2 จากจุดโทษของ โรแบร์โต เปเรย์รา น.51 และ เกราร์ด เดโลเฟว น.83

นาทีที่ 90+5 ยูเวนตุส เกือบจะมาได้ประตูชัย จากจังหวะที่ เฟเดริโก เคียซ่า เปิดไปให้ คริสเตียโน โรนัลโด วิ่งมาโหม่งเต็มๆ หัวเข้าไป แต่เมื่อดูภาพจาก VAR แล้วหัวหอกทีมชาติโปรตุเกสอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าเสียก่อน

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ยูเวนตุส บุกไปทำได้แค่เสมอกับ อูดิเนเซ 2-2 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
อูดิเนเซ : มาร์โก ซิลเวสตรี (GK), โรดริโก เบเกา, บราม นุยติงค์, ซาเมียร์, นาฮูเอล โมลินา, ตอลกาย อาร์สลาน, วัลเลซ, ฌอง-วิคตอร์ มาเคงโก, เยโนมา อูโดกี, โรแบร์โต เปเรย์ร่า, อิกนาซิโอ ปุสเซตโต

ยูเวนตุส : วอจเซียค เชสนี (GK), ดานิโล, มัทไธส์ เดอ ลิกต์, เลโอนาร์โด โบนุชชี, อเล็กซ์ ซานโดร, ฆวน กวาดราโด, โรดริโก เบนทานเคอร์, อารอน แรมซีย์, เฟเดริโก แบร์นาเดสคี, อัลบาโร โมราตา, เปาโล ดีบาลา


ผลฟุต.กัลโช เซเรีย อา อิตาลี วันที่ 22 สิงหาคม 2564 คู่อื่นๆ 
โบโลญญ่า 3-2 ซาแลร์นิตาน่า
โรม่า 3-1 ฟิออเรนติน่า
นาโปลี 2-0 เวเนเซีย 
#3046


แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุ นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร และในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทเค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน)หรือ KWM ขายหุ้น KWM เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2564 จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.95% จากเดิมที่ถือหุ้นจำนวน 210.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 50.11% 

ทั้งนี้การขายหุ้นดังกล่าว ขายจำนวน 3 ครั้ง โดยเป็นการขายบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต)แบ่งเป็น เมื่อวันที่ 17 ส.ค.จำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.16 บาท วันที่ 18 ส.ค. ขายจำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.28 บาท และวันที่ 19 ส.ค. ขายอีก 5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.42 บาท รวมมูลค่า 106.50 ล้านบาท

สำหรับภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้ทำให้นายเอกพันธ์เหลือถือหุ้นจำนวน 185.50 ล้าน หุ้น หรือคิดเป็น 44.16%

อนึ่ง KWM ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ได้แก่ ใบผาล โครงผาล ใบเกลียวลำเลียง และใบดันดิน ซึ่งในปีนี้ได้แตกไลน์มาสู่ธุรกิจให้บริการเครื่องสกัดกัญชง-กัญชา 

ขณะที่เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2564 บริษัทย่อย คือ บริษัท เค. ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามร่วมกับ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร หรือ (SCIRMUTP ) และ บริษัท ดัทโค คอนสตรัคชั่น จำกัด หรือ (DUTCO) ในโครงการ "การศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์" 
#3047


ฟุต.วีลีก ลีกสูงสุดของประเทศเวียดนาม มีคำสั่งจากฝ่ายจัดฯ ให้เลื่อนการแข่งขันในฤดูกาล 2021 ยกยอดไปแข่งขันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายสโมสรเกิดวิกฤติด้านการเงินเป็นอย่างมาก

ล่าสุด สหพันธ์ฟุต.เวียดนาม หรือ "วีเอฟเอฟ" และฝ่ายจัดการแข่งขันฟุต.อาชีพเวียดนาม หรือ "วีพีเอฟ" มีการประชุมร่วมกับทุกสโมสร ซึ่งเสียงสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นว่าควรจะตัดจบการแข่งขันในฤดูกาล 2021 ไปเลย ซึ่งปัญหาหลักคือวิกฤติด้านการเงินที่หลายทีมไม่สามารถหามาหมุนเวียนเพื่อจ่ายเป็นค่าเหนื่อยของนักเตะได้

สำหรับทีมแชมป์, ทีมตกชั้น และโควต้าไปเล่นฟุต.สโมสรเอเชีย ทางสหพันธ์ฟุต.เวียดนาม และฝ่ายจัดการแข่งขันวีลีก จะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้สถานการณ์ปัจจุบันในลีกสูงสุดเวียดนาม ฤดูกาล 2021 ผ่านพ้นไปแล้ว 12 เกมในครึ่งซีซั่นแรก และเป็น ฮองอันห์ยาลาย ของกุนซือ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่นำเป็นจ่าฝูงของตาราง จากผลงานชนะ 9 นัด เสมอ 2 นัด แพ้ 1 นัด มี 29 คะแนน ซึ่งพวกเขากำลังจะคัมแบ็คกลับมาคว้าแชมป์วีลีก อีกครั้งในรอบ 17 ปี และยังจะคว้าตั๋วไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก อีกด้วย
#3048


นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลายส่งผลให้ผู้บริโภคยังมีความไม่มั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัยเท่าที่ควร แต่บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการในไตรมาส3 เพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโต โดยยังคงเปิดตัวโครงการที่วางแผนไว้ว่าทั้งปีจะเปิดโครงการแนวราบจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ทั้งในรูปแบบของทาวน์เฮ้าส์, บ้านแฝด, บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาทเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค

โดยขยายทำเลเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ทำเลศักยภาพ ทั้งโซนเหนือ , โซนตะวันตก,โซนใต้ และโซนตะวันออก ของกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัย เพื่อลดต้นทุน ลดระยะเวลาในการก่อสร้างเร็วขึ้น ขณะเดียวกันมีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร มีระบบบริการดูแลลูกค้าให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมนำเสนอนวัตกรรมสมาร์ท อีโคและสมาร์ท แคร์

สำหรับผลการดำเนินงานของครึ่งปีแรกปี 2564 มีรายได้จากการขาย 1,401.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6 เดือนแรกของ ปี 2563 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 849.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 552.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.08% บริษัทมีรายได้รวม 522.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.99 ล้านบาท ในไตรมาส2/2564
#3049


กลุ่มธุรกิจร้านนวดแผนไทยและร้านสปา ยื่นฟ้องดำเนินคดีรัฐเรียกร้องค่าเสียหายชดเชย 200 ล้าน สืบเนื่องจากคำสั่งปิดกิจการตามนโยบายบริหารจัดการโควิด-19 แต่กลับไร้ซึ่งการเยียวยาจากรัฐ นำสู่การฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่ม (Class Action) เรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ เป็นตัวอย่างสร้างบรรทัดฐานแก่ภาคธุรกิจอื่นๆ

อ้างอิงข้อมูลของ "สมาคมสปาไทย" พบว่า ตลาดสปาและนวดแผนไทยมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรก ซ้ำเติมความเสียหายด้วยระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง จากเดิมปิดชั่วคราวปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจสปาและนวดแผนไทยปิดตัวถาวรแล้วกว่า 80% ส่งผลให้พนักงานตกงานมากกว่า 2 แสนคน โดยส่วนใหญ่ไม่เงินทุนหมุนเวียน เพราะรายได้หายไป 100% เพราะต้องปิดให้บริการตามประกาศของรัฐ อีกทั้งยังต้องแบกรับรายจ่าย ค่าเช่าที่ ค่าน้ำค่าไฟ เงินเดือนพนักงาน ฯลฯ

ทั้งนี้ ร้านนวดแผนไทย ร้านสปา เป็นหนึ่งในกิจการที่ถูกสั่งปิดทุกครั้งที่เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตามคำสั่งของรัฐ แต่ไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐ นายพิทักษ์ โยธานายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าวว่ากลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดได้รับผลกระทบจากนโยบายสั่งปิดกิจการร้านนวดตั้งแต่ปี 2563 และถูกสั่งปิดต่อเนื่องทุกครั้งของการล็อกดาวน์

"คำสั่งของรัฐ ทำให้เรามีภาระหนี้สิน สิ้นเนื้อประดาตัว เราอดทนมาพอแล้ว" นายพิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยา ชดเชยการสูญเสียรายได้ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค การลดหย่อนหรือยกเว้นการจ่ายภาษีหรือค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงการกำหนดมาตรการที่เอื้อประโยชน์ เพื่อให้กิจการนวดสปาสามารถเปิดดำเนินกิจการต่อไปได้ ทว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่รับการเยียวยาจากภาครัฐ เป็นเหตุผลให้ผู้ประกอบการรวมตัวฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายจากภาครัฐกว่า 200 ล้านบาท

การฟ้องร้องครั้งนี้นำโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะเป็นตัวกลางยื่นฟ้อง พร้อมกับ นายพิทักษ์ โยธานายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย และ น.ส.อักษิกา จันทรวินิจ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดและสปาในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มรวม 157 คน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน จากการถูกสั่งปิดสถานประกอบการร้านนวดตามคำสั่งของรัฐบาล

นับเป็นการดำเนินการฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่มหรือ Class Action ครั้งแรก ซึ่งถือเป็นคดีแรกและเป็นคดีในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลจะตัองรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ ทั้งๆ ที่เป็นมาตรการที่รัฐบาลสั่ง แต่ไม่มีมาตรการที่จะมารองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วที่ผู้ประกอบการร้านนวดเหล่านี้ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ

ดังนั้น การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ผิดพลาด ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน ซึ่งนับเป็นการฟ้องร้องคดีแรกของการฟ้องรวมกลุ่มของกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด โดยจะขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ เช่น ร้านอาหาร และผับ บาร์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพและตัวแทนของสมาชิกกลุ่มประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพซึ่งมีสมาชิกกลุ่มรวม 157 คน ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ3782/2564 โดยขออนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม อันสรุปคำฟ้องได้ใจความว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease : COVID-19) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ปล่อยปละละเลย จงใจหรือประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดต้นเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวแบบกลุ่มก้อนหลายครั้ง

พลเอกประยุทธ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวผิดพลาดทำให้ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสดังกล่าวและไม่สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจจนสูญเสียโอกาสในการฟื้นตัวสู่สภาวะปกติ เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวบานปลายจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมได้

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ได้ออกข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้ปิดสถานประกอบกิจการร้านนวดหรือนวดแผนไทยทั่วราชอาณาจักรหลายครั้ง ทำให้โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพไม่สามารถประกอบกิจการได้โดยสิ้นเชิง ทั้งยังปล่อยปละละเลยไม่สั่งการหรือดำเนินการเพื่อออกมาตรการรองรับหรือเยียวยาให้แก่โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการถูกสั่งปิดกิจการ ทำให้โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพได้รับความเสียหาย

โดยขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 7,199,262.42 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 3,597,666.52 บาท และให้แก่สมาชิกกลุ่มสถานประกอบการร้านนวดเพื่อสุขภาพและสปาตามวิธีการคำนวนค่าเสียหายของแต่ละบุคคล พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

อนึ่ง ศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ พ3782/2564 ได้พิจารณาคำร้องและคำฟ้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มวันที่ 21 กันยายน 2564

ด้าน น.ส.มณลภัส ไทยเจริญ เจ้าของร้านสปาเดวาย่านสุขุมวิท 101/1 บอกว่า ร้านของตนถูกปิดมานานกว่า 8-9 เดือนแล้ว มีหนี้สินอยู่หลายแสน แถมยังได้จดหมายทวงหนี้จากรัฐ เรียกเก็บภาษีโรงเรือนภาษีป้าย นอกจากนี้ ผู้เช่ายังต้องเสียค่าเช่าให้กับผู้ให้เช่าอีกเดือนละ 30,000 บาท ถึงตอนนี้ยังต้องจ่าย คิดว่าต่อไปนี้คงเลิกทำอาชีพนี้แล้ว เพราะจ่ายไม่ไหวแล้ว

จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมในงานเขียนเรื่อง สปาและนวดแผนไทย...จะไปอย่างไรต่อ?ของ "สุพริศร์ สุวรรณิก" แห่งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์" พบว่า อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยแบ่งลักษณะกิจการออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) กิจการประเภทสปา เน้นการให้บริการบำบัดดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม และ 2) กิจการประเภทนวดเพื่อสุขภาพ เน้นเรื่องการบำบัดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยวิธีการนวดเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันกิจการทั้งหลายอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ อุตสาหกรรมมีความเกี่ยวข้องกับแรงงานไทยเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อมูลในงานเสวนา Industry transformation ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อหาข้อเสนอแนะแนวทางช่วยเหลือและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคาดว่ามีการจ้างงานจากทั้งในและนอกระบบสูงถึงกว่า 6.5 แสนราย

เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่การระบาดในระลอกแรก ผู้ประกอบการทุกขนาดในอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐและสถาบันการเงินไปบางส่วนแล้ว เช่น มาตรการ 2/3 ชดเชยรายได้ 5,000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เน้นให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติ เป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสายป่านยาวพอ ยังสามารถประคับประคองธุรกิจอยู่ได้บ้าง ทั้งนี้ ธุรกิจปรับตัวโดยกิจการขนาดใหญ่หลายแห่งลดจำนวนสาขาย่อยลงเพื่อควบคุมต้นทุน ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กมีความพยายามปรับตัวที่หลากหลาย เช่น การให้บริการนวดตามบ้าน เป็นต้น

หนึ่งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตคือ การเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยจำนวนมาก โดยกว่าครึ่งได้เปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น ๆ แทน อาทิ พนักงานขนส่งเดลิเวอรี่ และบางส่ วนได้ ย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิม และทำการเกษตร อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทย เป็นส่วนหนึ่งของ health & wellness อันเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของรัฐ จึงควรให้ความสำคัญ และสามารถยกระดับศักยภาพได้

สำหรับการฟ้องร้องดำเนินคดีครั้งนี้ ถือเป็นประเด็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะคดีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานแก่ภาคธุรกิจอื่นๆ ในการฟ้องร้องต่อไปด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากคำสั่งรัฐ ดังนั้นจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
#3050


นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนไทยมีโอกาสที่ในปีนี้จะเข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากลดการคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท อาจทำให้มีเงินลงทุนบางส่วนถูกโยกมาพักไว้ที่ทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย และไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ โดยจากต้นปีถึงปัจจุบันพบว่ามีนักลงทุนมาเปิดบัญชีซื้อขายทองคำกับวายแอลจีเพิ่มขึ้นในทุกประเภททั้งทองคำแท่ง ออมทอง รวมไปถึงการลงทุนตลาดอนุพันธ์

ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำมองว่า หลังการปรับลดค่อนข้างมากในสัปดาห์ก่อน แต่ในระยะสั้นเริ่มมีการดีดกลับ แต่ก็ยังมีแรงขายเมื่อปรับตัวขึ้นไปถึงแนวต้านทำให้การเคลื่อนไหวในช่วงนี้จะยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบ อย่างไรก็ดีสาเหตุที่ราคาทองคำไม่ได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็วเช่นสัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน การที่จีนคุมเข้มกฎระเบียบในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี และการระบาดของ โควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงจากแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ตลาดทองคำยังคงปรับตัวลดลงอย่างจำกัด

ทั้งนี้เมื่อต้นสัปดาห์ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เป็นแนวโน้มการปรับขึ้นในระยะสั้น แม้ต้นสัปดาห์จะปรับขึ้นมาค่อนข้างดี แต่เมื่อทองคำเข้าใกล้แนวต้านจะมีแรงขายออกมา แต่แรงขายก็ไม่ได้ทำให้ทองคำปรับลงมามาก ดังนั้นในระยะนี้นักลงทุนต้องจับตาว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวไปแบบไหน เพราะแม้จะมีสัญญาณบวกในระยะสั้นแต่ระยะกลางยังเป็นสัญญาณอ่อนตัว โดยเฉพาะราคาทองคำในประเทศที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าช่วงสั้นๆ

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้มีทั้งปัจจัยลบและปัจจัยบวก โดยในด้านปัจจัยลบนั้นมาจากกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำกลับมามีสัญญาณชะลอตัว หรือ ขยับขึ้นอย่างจำกัด รวมถึงปัจจัยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ต้องจับตามอง

ส่วนปัจจัยบวกทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ถูกกดดันจากผลกระทบการระบาดของโควิด -19 และกรณีที่จีนมีนโยบายป้องปรามการขยายตัวของธุรกิจเทคโนโลยี ห้ามการผูกขาด ห้ามแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทำให้หุ้นในจีนปรับฐานและอ่อนตัวลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีของจีนนั้นจดทะเบียนทั้งในตลาดหุ้นจีนและสหรัฐจึงอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ประเด็นนี้จึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่พยุงทองคำให้ไม่ปรับตัวลดลงไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับปัจจัยทางเทคนิค หากทองคำมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องและขึ้นไปยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะทำให้มีโอกาสปรับตัวได้อีกแม้ว่าทิศทางทองคำระยะกลางยังเป็นลักษณะอ่อนตัวลง แต่หากราคาไม่มีระดับต่ำสุดใหม่และมีปัจจัยบวกมาหนุนจากการไหลเข้าของเงินทุนที่ไหลออกจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นก็มีโอกาสปรับขึ้นได้ โดยมองแนวต้านระยะสั้นที่ 1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 28,350 บาท หากผ่านได้มีโอกาสทดสอบ 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 28,650 บาท ด้านแนวรับ 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,900 บาทโดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,751 หรือ 27,650 บาท
#3051


บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ ในฐานะผู้ที่มอบโภชนาการที่ดีให้กับประชากรไทยมาอย่างยาวนานกว่า 65 ปี ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาความยากจน โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในวงกว้าง และมีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งในด้านเศรษฐกิจและสุขภาพอย่างต่อเนื่องนั้น

ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยคือ "เด็ก" โดยเฉพาะเด็กๆ จากครอบครัวที่พ่อแม่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ และค่าครองชีพที่ลดต่ำลง โฟร์โมสต์จึงร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา เปิดตัวโครงการ "โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19" เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมส่งต่อน้ำใจอันยิ่งใหญ่ ผ่านผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์จำนวน 1 ล้านกล่อง รวมมูลค่า 10 ล้านบาท ให้แก่เด็กและครอบครัวทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง โฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที

นายราชเทพ นฤหล้า และน.ส. มลฤดี สุขเรืองรอง
นายราชเทพ นฤหล้า และน.ส. มลฤดี สุขเรืองรอง

นายราชเทพ นฤหล้า ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "โฟร์โมสต์เชื่อในความมีน้ำใจของคนไทย จึงได้ร่วมสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดสู่การเป็นสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์วิกฤตที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงสารอาหารสำคัญและโภชนาการที่จำเป็นของครอบครัวชาวไทยจำนวนมาก โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา โฟร์โมสต์ได้ร่วมมือกับทีมจิตอาสาจากเพจอีจัน มอบนมยูเอชทีโฟร์โมสต์จำนวน 2,390 ลัง ให้กับ 17 ชุมชน รวมถึง โครงการ 'ปันนมปันน้ำใจร่วมต้านภัยโควิด-19' ที่มอบผลิตภัณฑ์นมแก่โรงพยาบาลรัฐและศูนย์การแพทย์ 19 แห่งทั่วประเทศ มาในปีนี้เราได้จับมือกับมูลนิธิกระจกเงาชวนทุกคนมาร่วมแบ่งปันครั้งยิ่งใหญ่ มอบน้ำนมโคคุณภาพดีที่อุดมด้วยสารอาหารสำคัญจากโฟร์โมสต์จำนวน 27,778 ลัง รวมกว่า 1,000,000 กล่อง ไปสู่เด็กๆ ทั่วประเทศ โดยผู้ที่ร่วมซื้อผลิตภัณฑ์ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ไว้ใช้บริโภคภายในครัวเรือนแล้ว ยังได้ร่วมแบ่งปัน นอกจากนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทฯ บริจาคนมสวัสดิการสมทบโครงการนี้เพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมส่งต่อน้ำใจอันยิ่งใหญ่ ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของโฟร์โมสต์ ประเทศไทย

และแม้จะเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการฯ ในวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากคนไทย ถึงวันนี้เราได้มอบนมโคคุณภาพดีโฟร์โมสต์โอเมก้า 369 แก่มูลนิธิกระจกเงา ไปเป็นจำนวนกว่า 415,000 กล่อง (ไม่นับรวมนมสวัสดิการที่พนักงานบริษัทฯ บริจาคสมทบเพิ่มเติม) เพื่อนำไปแจกจ่ายเด็กๆ ในชุมชนต่างๆ สร้างเสริมโภชนาการที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กๆ และบรรเทาผลกระทบในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพราะพัฒนาการของเด็กๆ คือสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้นั่นเอง"

ด้าน น.ส. มลฤดี สุขเรืองรอง ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ชุมชนซอยสีน้ำเงิน 1 บางซื่อ กล่าวว่า "ในทุกชุมชนจะมีเด็กเล็กๆ อยู่ในครอบครัวที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ทำให้พ่อแม่หลายคนมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้าง และอีกหลายคนก็ขาดรายได้กะทันหัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของลูก อาหารในแต่ละมื้อคือสิ่งที่พ่อแม่จำเป็นจะต้องหาให้ลูกมากกว่านม แต่เด็กทุกคนต้องการนมที่มีคุณภาพสำหรับสมองที่กำลังเติบโต และร่างกายที่กำลังมีพัฒนาการ โดยเด็กๆ ควรได้ดื่มนมสดวันละอย่างน้อย 2 กล่อง หรือ 400 ซีซี และหากไม่ได้รับสารอาหารที่ดีอย่างครบถ้วน เด็กจะไม่สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีแข็งแรงสมบูรณ์ได้เลย การขาดแคลนนมโคคุณภาพดีจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งค่ะ

โครงการ "โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19" ช่วยแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับเด็กๆ ในครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ให้ยังได้รับสารอาหารและโภชนาการที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตแม้ในยามวิกฤติ ต้องขอขอบคุณในน้ำใจของคนไทยทุกคนที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ เพราะทุกความช่วยเหลือคือการร่วมสร้างอนาคตให้กับเด็กๆ ในช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็นช่วงวัยสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับชีวิตต่อไปค่ะ"

ขณะที่คุณแม่วัย 34 ปี จากชุมชนซอยสีน้ำเงิน 1 กล่าวว่า "รู้สึกดีใจและขอบคุณทางโฟร์โมสต์อย่างมากค่ะ ที่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของเด็กๆ ตัวเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกสองคน และทำงานรับจ้างรายวัน ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้เราหางานยากขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกับรายได้ในแต่ละวันมาก เวลาลูกร้องจะกินนม เราก็พยายามบ่ายเบี่ยง เพราะบางทีเขาไม่เข้าใจหรอกว่าคำว่าแม่ไม่มีเงินคืออะไร เราต้องเก็บเงินไว้ซื้อข้าวให้ลูกกิน ทั้งที่เราก็อยากให้ลูกได้กินทั้งข้าวและนม เพราะสำคัญต่อการเติบโตของลูกมาก ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยสนับสนุนโครงการนี้จริงๆ ค่ะ"

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อน้ำใจและสร้างอนาคตที่ดีให้เด็กไทย ภายใต้โครงการ "โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19" ได้ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 9 กันยายน 2564 ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง ผ่านช่องทางของร้านค้าผู้จัดจำหน่ายที่ร่วมรายการและโฟร์โมสต์ออนไลน์ โฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กและครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน สูงสุดจำนวน 1,000,000 กล่อง (ไม่นับรวมนมสวัสดิการที่พนักงานบริษัทฯ บริจาคสมทบเพิ่มเติม) ดูรายละเอียดโครงการได้ที่ https:// www.foremostthailand.com/กิจกรรม/โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.facebook.com/ForemostThailand/ การแบ่งปันและน้ำใจจากคนไทยในครั้งนี้ จะช่วยสร้างรอยยิ้มของเด็กไทยในยามวิกฤตให้สดใสยิ่งกว่าเดิม
#3052


นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช เปิดเผยว่า จากแนวทางนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการนำนวัตกรรม/เทคโนโลยีในภาคเกษตรกรรมของประเทศและของโลก มาถ่ายทอดให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจเพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการผลิตและการต่อยอดงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร จึงได้ร่วมกับสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย และ ครอปไลฟ์ เอเชีย จัดการฝึกอบรมหลักสูตร "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ทางการเกษตร (UAV) และ การประมวลผลภาพ (Image processing)" ขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจในกฎระเบียบของเทคโนโลยี UAV ทางการเกษตรในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องและปลอดภัยในระดับสากล โดยหลักสูตรการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมใน 4 หัวข้อหลัก ได้แก่

- การศึกษาข้อบังคับและกฎหมายของการใช้โดรน ผู้ใช้โดรนจะได้ทราบขั้นตอนและวิธีการขึ้นทะเบียนโดรนเกษตร การขออนุญาตใช้คลื่นความถี่สำหรับอากาศยานไร้คนขับ และพ.ร.บ.วัตถุอันตรายทางการเกษตร

- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Image Processing กับงานด้านอารักขาพืช เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชด้วยการใช้โดรนทางการเกษตร กรณีการศึกษาการเข้าทำลายของไรแดงแอฟริกันในทุเรียน ที่ถูกยกเป็นกรณีศึกษาให้ผู้เข้าอบรม

- การใช้งานและการประยุกต์ใช้ UAV ทางการเกษตร โดยการวางกฎระเบียบการใช้ โดรนด้านการเกษตร แลกเปลี่ยนมุมมองภาคอุตสาหกรรมต่อการพัฒนาโดรน และการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยจากประสบการณ์จริง

- การศึกษาเทคนิคการพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยโดรนการเกษตร เพื่อเป็นอาวุธลับให้เกษตรกรและผู้ใช้โดรน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย



อากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV เข้ามามีบทบาททางการเกษตรในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นเครื่องมือที่เกษตรกร หรือนักวิจัย ใช้ในกระบวนการการผลิตและวิจัย เพื่อรองรับการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศไทย ในยุคที่เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเข้ามาสร้างตลาดและมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร กรมวิชาการเกษตรพยายามขับเคลื่อนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาภาคการเกษตร อาทิการใช้เซนเซอร์ชนิดต่างๆ เช่น กล้อง RGB กล้อง MULTISPECTRAL เซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อม ตรวจวัดดิน/น้ำ พร้อมทั้งปรับรูปแบบของการบันทึกและการจัดเก็บข้อมูล ให้อยู่ในรูปแบบของ Digital Data บน Platform เดียวกัน เพื่อการเชื่อมโยงงานด้านการเกษตรเข้ากับงานด้านไอที และเครื่องจักรกลการเกษตร นำไปสู่การประมวลผลและสั่งการการทำงานของอุปกรณ์/เครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งการอบรมครั้งนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Transformation จากภาคการเกษตร สำหรับการเตรียมความพร้อมของนักวิจัย เกษตรกร ผู้ประกอบการ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้มีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก นายศรุต กล่าวสรุป



ด้าน นาย เจอริโก เบอนาบี แกสกอน นายกสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ทำกินของคนในประเทศ และเป็นหัวใจหรือหลอดเลือดของเกษตรกร จากอดีตจนถึงปัจจุบันเกษตรกรมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากมาย มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เป็นตัวช่วยให้การทำงานรวดเร็ว และสะดวกสบายมากยิ่ง จวบจนปัจจุบัน "โดรน" หรือ อากาศยานไร้คนขับ เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมในภาคอุตสาหกรรมเกษตร มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผสมกับโลกการผลิตให้เป็นจริงในระดับประเทศ ในยุคของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดรนกลายเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถนำประโยชน์มาสู่เกษตรกรอย่างมากมาย เช่น การประหยัดแรงงาน ลดการสัมผัสของผู้ปฏิบัติงาน ลดต้นทุนของเกษตรกร มีความคุ้มทุน คล่องตัว รวดเร็ว ประหยัดเวลา รวมทั้งมีความแม่นยำและลดความสูญเสียได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนทำให้ผลผลิตของเกษตรกรมีคุณภาพ สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ใช้โดรนอีกด้วย และในอนาคต "โดรน" อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญของเกษตรกรไทย ที่ทำให้ทุกคนให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้งานได้อย่างมีความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เป้าหมายในการฝึกอบรมดังกล่าว คือ ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบและการขึ้นทะเบียน ความปลอดภัย ตลอดจนการนำเทคโนโลยี และภาควิชาการของโดรนทางการเกษตรไปใช้ในทุกแง่มุม จำเป็นต้องเกิดจากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ครอปไลฟ์ เอเชีย กำลังผนึกกำลังกับรัฐบาลทั่วเอเชีย ในการเพิ่มความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยีทางการเกษตร ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นในการสานต่อความร่วมมือกับรัฐบาลไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีโดรนให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เกษตรกร รวมทั้งนักศึกษาหรือผู้ว่างงานได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถเสริมสร้างอาชีพ เกิดรายได้ พร้อมก้าวเข้าสู่การเป็น "เกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture)" อย่างมีประสิทธิภาพได้ในวงกว้าง นาย เจอริโก กล่าวทิ้งท้าย



สำหรับผู้สนใจหลักสูตร "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนทางการเกษตร (UAV)" รวมถึงการขอข้อมูลเกี่ยวกับโดรนทางการเกษตรในงานด้านอารักขาพืช สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานวิจัยการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช กลุ่มกีฏและสัตววิทยา สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร โทร 02-579-4115, 02-579-1061 ต่อ 162 หรือ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https:// web.facebook.com/PATRS.DOA/ และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https:// www.facebook.com/taitacroplifethailand
#3053


นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT  เปิดเผยครึ่งปี 2564 คาดการณ์ว่า ความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผลจากการเริ่มมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐปี 2564 เพิ่มขึ้นถึงสองแสนกว่าล้านบาท โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเหนี่ยวนำการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่าหนี่งแสนล้านบาท สำหรับการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลก อาจจะยังค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีนโยบายที่จะรักษาฐานตลาดเดิม และมุ่งขยายฐานตลาดใหม่ในต่างประเทศ

"และในครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าจะเป็นอีกปีที่จะมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในส่วนของผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าขยายตัวมากขึ้น บริษัท มีงานในมือ (Backlog) ณ.สิ้นมิถุนายน 2564 มูลค่า 1,151 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นงานในภาครัฐบาลและเอกชน 1,022 ล้านบาท และ อีก 129 ล้านบาท จะเป็นงานภาคส่งออกต่างประเทศ" 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ว่า บริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรขาดทุนสุทธิ 3.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 80.05 ล้านบาท โดยมีมีรายได้จากการขาย 857.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 83.51 ล้านบาท หรือ 10.80 % ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้หม้อแปลงไฟฟ้า และบริษัทฯ มีรายได้จากการบริการ 69.30 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 3.46 ล้านบาท หรือ 5.25% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า

ทั้ง้นี้บริษัทมีรายได้ตามสัญญาก่อสร้าง จากการดำเนินการของบริษัทย่อย 16.86 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10.18 ล้านบาท หรือ 37.65% เนื่องจากสภาพการแข่งขันในช่วงโควิดสูงขึ้น ทำให้รายได้ของบริษัทย่อยลดลงบริษัทยังมีกำไรขั้นต้นจากการขาย 18.52 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีอัตรากาไรขั้นต้นเท่ากับ 13.53 % เนื่องจากในไตรมาสนี้ส่งมอบงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยเฉพาะธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า และยังมีกำไรขั้นต้นจากการบริการ 48.44 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.99 % ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า
#3054
อเนกประสงค์ หลายคนคงกำลังคิดว่ามันคือ โต๊ะที่หน้าตาเป็นแบบอย่าง ในความเป็นจริงแล้วมันก็คือโต๊ะธรรมดาที่เรารู้จัก แต่ความพิเศษของมันนั้นอาจจะดัดแปลงได้หลายอย่าง หรือสามารถที่จะใช้งานได้หลายประโยชน์โดยเฉพาะในส่วนของ โต๊ะพับ การใช้งานที่สะดวกสบายของอุปกรณ์ชนิดนี้เราควรจะเลือกใช้งานในแบบที่มีความหลากหลายและความหลากหลายนั้นจะต้องแบ่งแยกได้หลายชนิดมันคือ

1 ต้องใช้งานได้กับทุกประเภท

การเลือกซื้อหรือมี โต๊ะอเนกประสงค์ ไว้กับตัวเราเองนั้นจะต้องใช้งานได้หลายประเภทอย่างเช่นสามารถวางของร้อนได้ เราเคยเจอพื้นผิวในลักษณะที่พอเจอของร้อน ก็ทำให้ตัวของโต๊ะนั้นมีการเปลี่ยนรูปทรงเปี่ยมสีสันไปในทันที เราจึงควรเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถทนทานต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี

2 เลือกที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง

เราจะต้องเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเบา แต่แข็งแรงซึ่งปัจจุบันนี้มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพมากขึ้นทนต่อความร้อนทนต่อแรงขีดข่วน และมีความแข็งแรงในตัวมันค่อนข้างดีไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวของ โต๊ะ หรือในส่วนของขาตั้งต้องมีน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่จะต้องทำการเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก

3 ราคาเหมาะสม

เรื่องของราคานั้นถือว่าเป็นปัจจัยหลักสำหรับการเลือกซื้อโต๊ะอเนกประสงค์ หรือการเลือกซื้อโต๊ะพับ ในความเป็นจริงแล้ว บางครั้งบางทีเราอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมีจำนวนมากเกินเหตุหรือซื้อไว้เพื่อ เป็นการเก็บรักษามากกว่าการใช้งาน ถ้าสินค้ามีราคาที่แพงเกินไป การใช้งานแต่ละครั้งก็คงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่แล้วสินค้าแพงเรามักจะไม่กล้าใช้งานมากนักเพราะกลัวจะเสียหายหรือกลัวจะเป็นรอย แต่ถ้าเราเลือกราคาที่ไม่สูงเกินไปการใช้งานสะดวกสบายก็ดูเหมือนว่าคุ้มต่อการใช้งานที่เราลงทุนไปเป็นอย่างมาก การเลือกอุปกรณ์หลายอย่างการเลือกสินค้าหลายชนิดราคาจึงเป็นตัวตัดสินใจให้เรานั้นซื้อได้ยากหรือซื้อได้ง่ายด้วยเช่นกัน

โต๊ะพับ หรือ โต๊ะอเนกประสงค์ ถือว่าแต่ละบ้านนั้นควรจะมีติดบ้านไว้อย่างน้อย 1-2 ตัวไว้สำหรับการใช้งานนอกสถานที่หรือการใช้งานในความจำเป็นแต่ละอย่าง ลองเลือกให้เหมาะสมกับตัวเราเอง เชื่อว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นเยอะ
#3055
ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้


ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70กู้ได้เต็ม
ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 กู้ได้สูง ก็ได้เต็ม เนื้อที่ 71 ตร.ว 6ห้องนอน 6 ห้องน้ำ หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้

ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์ 70 หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้

รายละเอียดบ้าน
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 71 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย277ตร.ม.
6ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ครัว 3ที่จอดรถ
ต่อเติมหลังคาที่จอดรถ หลังคาดาดฟ้า วิว360องศา
แอร์ 6 เครื่อง น้ำอุ่น 4 เครื่อง และเฟอร์นิเจอร์บางส่วน
พื้นบ้านปูกระเบื้องทั้งหลัง ประตูหน้าบ้านไม้แดง หน้าต่างไม้แดงมีกระจก
หน้าบ้านหันทิศเหนือ อากาศเย็น ร่มรื่น ไม่ร้อน
อยู่ซอยเทพารักษ์ 70 ใกล้ตลาดหนามแดง

สถานที่ทำเลใกล้เคียง
ใกล้รพ.สินแพทย์ ห่างสี่แยกศรีเทพา 2 กม.
สนามบินสุวรรณภูมิ
เมกาบางนา
บิ๊กซี บางพลี
โรงพยาบาลบางพลี โรงพยาบาลบางนา5
ตลาดป๋าเดช ตลาดร้อยชั่ง ตลาดสดบางพลี
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสุวรรณภูมิ โรงเรียนศรีดรุณ
วัดหนามแดง วัดหลวงพ่อโต

การเดินทาง
 ใกล้ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางด่วนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี ทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก
ใกล้รถไฟฟ้า BTS สำโรง รถไฟฟ้าสายสีเหลืองในอนาคต(กำลังสร้าง)
เข้าออกได้หลายทาง บางพลี ถ.เทพารักษ์ ถ.ศรีนครินทร์ ใกล้จุดทางขึ้นลง ทางด่วนกาญจนาภิเษก บางนา

ขายถูกกว่าทั่วไป สนใจติดต่อ ราคาขาย 3,990,000 บาท
สนใจติดต่อสอบถาม บริษัท เซ็นทรัล โฮม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
คุณ ปราณี แพงงาม (นี)
โทรศัพท์ : 096-0137052
Line : 0960137052
Phone : 02-968-7199
Office : 086-546-9741
Email :pranee.centralhome@gmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://postasungha.com/ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารั/


คำค้น
ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70 กู้ได้เต็ม, บ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70กู้ได้สูง, บ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70, ขายบ้านเดี่ยวใกล้ตลาดหนามแดง, บ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70ขายถูกสุดในย่านนี้
#3056


นายคงศักดิ์ หาญแสวงสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โรคโควิด -19 กำลังแพร่ระบาด บริษัทฯ เข้าใจในปัญหาสภาพคล่องของประชาชน จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกตามความพร้อมด้านการเงินของตนเอง โดยได้ออกแคมเปญ "ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+จัดเต็ม สุดในรุ่น" ที่ให้ความคุ้มครอง รถชน รถหาย รถไฟไหม้ และให้เพิ่มความคุ้มครองถึงภายหลังอุบัติเหตุรถชนด้วย

จึงจัดเต็มในเรื่องชดเชย ฉุกเฉิน เดินทาง โดยจะมีเงินชดเชยรายได้ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคนระหว่างการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,000 บาท/วัน ไม่เกิน 30 วัน สูงสุด 7 คน และให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งยังมีเงินชดเชยค่าเดินทางให้ลูกค้าในกรณีที่ส่งรถเข้าซ่อม 1,000 บาท/ครั้ง ได้ถึง 3 ครั้ง/ปี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก เป็นการอัพเกรดความคุ้มครอง ซึ่งคุ้มค่าที่สุดในอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ของประเทศไทย

แคมเปญนี้จึงเหมาะกับคนที่ใช้รถน้อยเพราะต้องทำงานอยู่ที่บ้าน (Work from Home) และคนที่ต้องการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน โดยค่าเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 7,999 บาท สามารถผ่อนชำระค่าเบี้ยได้ 0% นาน10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เฉลี่ยเดือนละ 799 บาทเท่านั้น พร้อมรับโปรโมชั่น 2 ต่อ เมื่อซื้อผ่านธนาคารทหารไทยธนชาตทุกสาขา ต่อที่ 1 รับฟรี e-coupon ร้าน Dunkin Donuts มูลค่า 79 บาท ต่อที่ 2 เมื่อซื้อคู่กับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ประกันภัยโรคมะเร็ง หรือประกันภัยโรคร้ายแรง (CI) และมีค่าเบี้ยประกันภัยรวมกัน 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับฟรี e-coupon เติมน้ำมัน PT มูลค่า 300 บาทด้วย

ทั้งนี้ จากการที่บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาสนองตอบผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดและให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า จึงทำให้ "ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+จัดเต็ม" ของธนชาตประกันภัย ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Product of the year 2020 ) จากมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับนิตยสาร Business+

นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลด้านการจัดการเคลมยอดเยี่ยม "Best Claims Management" จัดโดย นิตยสาร International Finance Magazine (IFM) จากประเทศอังกฤษ ถึง 2 ปี ซ้อน คือ ปี 2019 - 2020 ซึ่งมาจากนโยบายของบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการให้บริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาเชื่อมต่อกับทุกมิติของระบบงานให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล ภายใต้แนวคิด "ธนชาตประกันภัย ดูแลไว ตรงใจคุณ"
#3057



หากกำลังป่วยหรือรู้สึกไม่แข็งแรง การดูแลความสมดุลของร่างกายผ่านการออกกำลังกาย พักผ่อนและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์คือหนทางสู่การฟื้นฟูสุขภาพดี สำหรับผิวพรรณเองก็เช่นกัน ในช่วงที่ผิวดูพรรณอ่อนล้าไม่แข็งแรง หรือดูแก่ก่อนวัยไม่เหมือนเก่า เรายิ่งต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลแก่ผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและตรงจุด
 

ขอแนะนำ Vital Skin Strengthening Super Serum เซรั่มช่วยฟื้นฟูดูแลผิวอ่อนล้าจาก Kiehl's ตัวช่วยกอบกู้ผิว มอบความชุ่มชื้นคืนสู่ผิวหน้า ช่วยกระชับรูขุมขน พร้อมความสามารถกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เน้นทวงคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวกลับมาเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดี  

ผสานพลังจากส่วนผสมหลัก 11KDA HYALURONIC ACID ซึ่งทำหน้าที่สร้างเกราะคุ้มกันแก่ผิวและสมุนไพรปรับสมดุลนานาชนิด (ADAPTOGENIC HERB) เซรั่มบำรุงผิว จาก Kiehl's ขวดนี้มีประสิทธิภาพอันทรงพลังช่วยกอบกู้ผิวแย่ ผิวอ่อนล้า ให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ถึงร้อยละ 40 ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

  • สร้างเกราะคุ้มกันผิวด้วย 11KDA HYALURONIC ACID  (ไฮยาลูโรนิกแอซิด ขนาด 11 กิโลดัลตัน) —สูตรผสมสำคัญทางคลินิกในเซรั่ม Kiehl's ที่มีขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเน้นการส่งต่อความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวเพื่อเสริมความแข็งแรงในการเตรียมผิวชั้นนอกให้พร้อมทำหน้าที่เป็นเกาะคุ้มกันต่อภัยคุกคามที่อาจเข้ามาทำร้ายชั้นผิวที่เปราะบาง 

  • สมุนไพรปรับสมดุล (ADAPTOGENIC HERB) — คือส่วนผสมจากสมุนไพรนานาชนิด อาทิ กลีเซอรีนจากปาล์ม rapeseed schisabdra berry หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมี holy basil เน้นช่วยเรื่องผิวกระชับสวย พร้อมด้วย red ginger ช่วยลดการอักเสบ เช่น ปัญหารอยแดงหรือหมองคล้ำ ทาง Kiehl's ใช้ความพิถีพิถันคัดสรรส่วนผสมเหล่านี้ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารสกัดในตัวผลิตภัณฑ์กระตุ้นความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิวให้ทำงานได้ดีขึ้น เพื่อผลลัพธ์เป็นผิวชุ่มชื้นแข็งแรง มีความยืดหยุ่น อิ่มฟู พร้อมกระตุ้นการทำงานของผิวชั้นนอกในการปกป้องผิวชั้นในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวสุขภาพดีที่ดูชุ่มชื้น เรียบเนียน นุ่มเด้ง และเปล่งปลั่งอย่างที่ต้องการ ทาเซรั่มคีลส์ขวดแดงนี้ให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำในช่วงเช้าและก่อนนอน โดยทาหลังการล้างหน้าและปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์แล้ว ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัครจำนวน 58 คน หลังการใช้ผลิตภัณฑ์พบว่าผู้เข้าการทดสอบร้อยละ 90 มีผิวที่ดูเรียบเนียนขึ้น ร้อยละ 94 สัมผัสได้ถึงผิวเนียนนุ่มอ่อนโยน และอีกร้อยละ 80 ล้วนพึงพอใจกับผิวสวยดูอ่อนเยาว์

ผลิตภัณฑ์มาในรูปขวดปั๊ม ธีมสีขาวแดงทันสมัย เนื้อเซรั่มสีขาวขุ่น บางเบา ซึมซาบไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ ให้กลิ่นสมุนไพรหอมอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดความเหนื่อยล้า
#3058
บริษัท อะชิ แอคทิเวชั่น จำกัด ให้บริการรับวางแผนและติดตั้งสื่อ Out of Home (สื่อนอกบ้าน) ตัวอย่างเช่น สื่อป้ายโฆษณา ได้แก่ ป้ายหน้าร้าน, ป้ายผ้าใบบังแดด, ป้ายเสาไฟฟ้า, ป้ายกองโจรฯ และสื่อเคลื่อนที่ ได้แก่ รถสองแถว, รถแห่, Scooter Media, Truck Media ฯ และการตลาดออฟไลน์ จัดกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ... ทั่วประเทศ

พร้อมให้คำปรึกษาฟรี สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ คุณชณพิชชา ศรีทอง (นิด) 
Tel : 061-536-5666, 082-289-8915
ไลน์ ไอดี : nidthicha
อีเมล : nid@achi.co.th



บริษัท อะชิ แอคทิเวชั่น จำกัด
1/8 ซ.รามคำแหง 30 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
Website : www.achi.co.th

ID Line : @achi_activation
Facebook : achiactivation 
IG : achi_activation
Twitter : achiactivation






 
#3059
ขายข้าวอินทรีย์  ข้าวเกษตรอินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ปลูกข้าวมะลินิลออแกนิค คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์   คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวกล้องปะกาอำปึลออแกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์สุรินทร์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ
3.  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์อินทรีย์สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค7.  ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 
 
#3060


เมื่อวันที่ 14 ส.ค. เพจ "GMMTV" ออกมาโพสต์ข้อความเตือนไปถึงกลุ่ม หรือบุคคลที่มีการโพสต์พาดพิงนักแสดงในสังกัดให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ทางค่ายจะดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งนี้ ทาง "GMMTV" ได้ระบุข้อความว่า

"บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ขอแจ้งว่า เนื่องจากพบว่ามีบุคคลที่กล่าวหรือพาดพิงถึงนักแสดงในสังกัด GMMTV ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ Social Media ไม่ว่าจะเป็น Twitter หรือ TikToK โดยใช้ข้อความในลักษณะที่ทำให้นักแสดงผู้ถูกกล่าวถึง และ GMMTV ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมทั้งทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือถูกเกลียดชังจากประชาชน

ผู้รับทราบข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว จีเอ็มเอ็มทีวีขอให้ท่านหยุดการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าการโพสต์ หรือแชร์ในข้อมูลดังกล่าว หากจีเอ็มเอ็มทีวีได้รับการแจ้ง หรือพบว่ายังมีการกระทำการในลักษณะเดียวกันอีก ไม่ว่าจะใช้ชื่อหรือบัญชีผู้ใช้บัญชีเดิมหรือเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ไม่ว่าชื่อใดก็ตาม จีเอ็มเอ็มทีวีจะไม่นิ่งเฉยและพร้อมจะดำเนินกระบวนการทางกฎหมายจนถึงที่สุด ไม่ว่าทางแพ่งหรืออาญา ต่อท่านผู้โพสต์ หรือผู้แชร์ข้อมูลการโพสต์ดังกล่าว เพื่อปกป้องสิทธิ และชื่อเสียงของนักแสดงและบริษัทต่อไป"