• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#3041


ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ ทาง เอสซีบี อบาคัส และแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" มีความยินดีที่ได้ร่วมแคมเปญกับ ฟู้ดแพนด้า เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านสินเชื่อให้กับไรเดอร์ฟู้ดแฟนด้า ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้อยู่บ้านเพื่อรักษาระยะห่าง นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเราที่ต้องการมุ่งเน้นการบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนยุคใหม่ที่ต้องการเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพ โดยทาง เอสซีบี อบาคัส หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้ามีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพเสริม และมีกำลังใจในการให้บริการอย่างดีเยี่ยมต่อไป


การร่วมมือกันระหว่าง ฟู้ดแพนด้า และ เอสซีบี อบาคัส จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้าทั่วประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อ โดยสามารถขอสินเชื่อตั้งหลักผ่านทางแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" ได้ทันที ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้ยุ่งยาก เพียงแค่มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนจากการให้บริการเดลิเวอรี่กับฟู้ดแพนด้า 2,000 บาทขึ้นไป สัญชาติไทย อายุ 20-57 ปี ก็สามารถสมัครใช้บริการได้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" สมัครใช้บริการและยื่นขอสินเชื่อตั้งหลัก โดยรู้ผลไวภายใน 15 นาที และรับเงินภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับการอนุมัติสินเชื่อ โดยมีวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่ 50,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 ต่อเดือน และระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 15 เดือน นับว่าเป็นบริการทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของไรเดอร์ ซึ่งเป็นบุคลากรคนสำคัญของฟู้ดแพนด้าอย่างแท้จริง

นายอเล็กซานเดอร์ เฟลเดอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการดำเนินธุรกิจของ ฟู้ดแพนด้า นอกเหนือจากร้านค้าพาร์ทเนอร์ และลูกค้าทุกท่านแล้ว ไรเดอร์ คือบุคลากรสำคัญที่คอยส่งมอบความสุข ความอร่อย และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ทางบริษัทได้ตระหนักถึงความทุ่มเทและความตั้งใจของไรเดอร์ที่คอยส่งมอบบริการจากฟู้ดแพนด้าถึงมือลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างดีเสมอมา นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ให้บริการคนไทยจวบจนปัจจุบัน เรารับฟังทุกความต้องการของไรเดอร์มาโดยตลอด จากผลสำรวจพบว่าไรเดอร์ต้องการการสนับสนุนด้านเงินทุน ฟู้ดแพนด้า จึงได้ร่วมมือกับบริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" บริการสินเชื่อตั้งหลักที่จะมาอำนวยความสะดวกในเรื่องเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพเสริม รวมถึงเป็นการให้กำลังใจไรเดอร์ของเราทุกคน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากขณะนี้"

"นี่เป็นเพียงหนึ่งในแคมเปญที่ทางฟู้ดแพนด้าได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนไรเดอร์ ขอสัญญาว่าเราจะเดินหน้าต่อไปเพื่อพัฒนาการให้บริการให้ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และดูแลพาร์ทเนอร์ของฟู้ดแพนด้าให้ดีที่สุด ขอบคุณทุกท่านและพนักงานทุกคนที่ให้โอกาสและเชื่อมั่นในฟู้ดแพนด้า" 
#3042


วันนี้ (17 ส.ค.) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย อสม. หรือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน มีบทบาทสำคัญในการช่วยภาครัฐลงพื้นที่ค้นหากลุ่มเสี่ยงหรือติดตามผู้สัมผัสโรค เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง หรือแยกผู้ต้องถูกกักตัว เพื่อลดการแพร่ระบาดในหมู่บ้านหรือชุมชน รวมถึงให้ความรู้เรื่องสาธารณสุขต่างๆ ช่วยดูแลประชาชนและกิจกรรมกิจการต่างๆ เป็นไปตามมาตรการป้องกัน โรคโควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้การดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับ อสม.ในการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด 19 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก ร่วมกับภาคีเครือข่ายวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการตรวจโรคโควิด 19 ด้วยตนเอง โดยชุดทดสอบ Antigen Test Kit ให้แก่ อสม. ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ประกอบด้วย การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อม ฝึกปฏิบัติการใช้ชุดทดสอบและ ประเมินความรู้ ความเข้าใจในการใช้ชุดทดสอบ เพื่อให้สามารถนำเอาความรู้ที่ได้ไปแนะนำให้แก่ประชาชนในชุมชน ของตนเอง รวมทั้งมีความรู้ ความเข้าใจในการตรวจด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง ช่วยสนับสนุนการค้นหาผู้ป่วยในเชิงรุก ในชุมชน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันสถานการณ์ นำไปสู่การจัดการปัญหาสุขภาพจากโรคโควิด 19 ในพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดพิษณุโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมาศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศ โดยพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพในชุมชนและการส่งเสริมความเข้มแข็ง ภาคประชาชน ผ่านกลไกการจัดตั้งและพัฒนาศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในชุมชน และการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ และ อสม.หมอประจำบ้าน เป็น อสม.นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสุขภาพในชุมชนได้อย่างทั่วถึงและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่

"ปัจจุบันจังหวัดพิษณุโลก มี อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนที่ผ่านการอบรมกว่า 300 คน โดยมีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนและส่งเสริมด้านองค์ความรู้ และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้เกิดกลไกในการขับเคลื่อนงานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน โดยมี อสม. เป็นกำลังสำคัญหลักของเครือข่ายระดับปฐมภูมิ ซึ่งกิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการใช้ชุดทดสอบ Antigen Test Kit แก่ อสม. นับเป็นการเตรียมความพร้อมตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรอง โรคโควิด 19 ได้ด้วยตนเอง เพื่อเป็นการจำแนกผู้ป่วยออกจากผู้ติดเชื้อและเข้าสู่ระบบการรักษา ควบคุมโรคในระดับชุมชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง" นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว
#3043


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า  จากการที่ ศบค.ขยายล็อกดาวน์อีก 14 วัน ไปจนถึง 31 ส.ค. 2564 ก็ถือว่าเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เพราะเหตุผลที่ต้องมีการขยายเวลาล็อคดาวน์เพิ่มเติมอาจมาจากตัวเลขของผู้ติดเชื้อ และ ผู้เสียชีวิต ที่ไม่ได้ลดลง อย่างที่หลายฝ่ายอยากให้เกิดขึ้น แต่กลับมีตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นในบางช่วงด้วยซ้ำซึ่งการขยายการล็อคดาวน์ เพิ่มเป็น 14 วัน หอการค้าไทย มองว่าคงมีความจำเป็น แต่สิ่งที่อยากสะท้อนให้ภาครัฐมองในมุมของเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนควบคู่กันไปด้วย โดยขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการเสริมมาเยียวยาให้รวดเร็ว เพราะเท่าที่ผ่านมาถึงแม้ว่าหลายส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ในการล็อคดาวน์ของรัฐบาล แต่ทุกคนก็ปฏิบัติตามมาตรการที่ประกาศออกมาอยู่แล้ว และต้องยอมรับว่าไม่เฉพาะผู้ประกอบการที่บอบช้ำจากการหยุดกิจการชั่วคราว แต่ยังกระทบถึงคนใน supply chain ในธุรกิจนั้น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าประชาชนทั่วไปก็ต่างรับผลกระทบทั้งสิ้น
                 

หอการค้าเห็นด้วยที่จะต้องควบคุมการแพร่ระบาดในลดลงกว่านี้ให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้รัฐบาลอาจจะต้องพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือมาเสริมทันทีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการชดเชยกลุ่มต่าง ๆ ให้ครอบคลุม  รวมถึงอาจจะต้องพิจารณาผ่อนปรนให้สำหรับบางกิจการเพื่อให้สามารถเปิดธุรกิจได้อีกครั้ง โดยรัฐบาลต้องมีเกณฑ์หรือตัวชี้วัดเพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับกิจการที่จะเปิด ซึ่งขอย้ำว่าการควบคุมการระบาดต้องควบคู่กับการเดินหน้าประคองเศรษฐกิจไปด้วย
             

"ภาคเอกชนมองว่าการล็อคดาวน์อาจจะไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุด หากไม่มีการเร่งตรวจเชิงรุกด้วย ATK และต้องเร่งบริหารจัดการให้มีราคาที่ถูกลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ประชาชนหาซื้อง่ายก็จะยิ่งเพิ่มความถี่ในการตรวจและทั่วถึงมากขึ้น ทำให้การแยกผู้ป่วยออกมารักษาด้วยมาตรการ Isolation ในระดับต่าง ๆ ตามความรุนแรงของอาการได้อย่างรวดเร็ว และรัฐต้องเร่งจัดหาวัคซีนเพื่อทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้ได้มากที่สุด"

ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องพิจารณาผ่อนคลายกฎระเบียบบางประการที่ทำให้เกิดอุปสรรคในการควบคุมการแพร่ระบาด เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ ลดขั้นตอนและระยะเวลาการพิจารณาต่าง ๆ ให้สั้นลง เพราะสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เป็นสถานการณ์ปกติทั่วไป หากยังคงใช้กฎเกณฑ์เดิมจะทำให้การควบคุมการระบาดยิ่งล่าช้าออกไป และในทางกลับกันตัวเลขอาจจะยังคงสูงขึ้นพร้อมๆ กับเศรษฐกิจที่จะทรุดลงอย่างรวดเร็ว หากผู้ประกอบการหยุดหรือปิดตัวลงก็จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน


นายสนั่น กล่าวว่า ในระหว่างนี้ รัฐบาลก็ต้องเตรียมแผนที่จะฟื้นฟูและเปิดประเทศ หากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะหอการค้าเชื่อว่า หลังจากนี้หลายธุรกิจจะประสบปัญหาด้านการเงิน และมีบางธุรกิจที่ต้องปิดกิจการอย่างถาวร โดยประเด็นนี้ก็จะต้องจัดเตรียมแนวทางช่วยเหลือและฟื้นฟูให้กิจการที่ยังอยู่กลับมาแข่งขันได้ ในขณะที่แผนเปิดประเทศจะต้องจัดเตรียมให้รอบด้านเพราะจำเป็นที่จะต้องเปิดประเทศควบคู่กับการอยู่ร่วมกับโควิด - 19 ไปอีกระยะหนึ่ง จะรอเปิดประเทศภายหลังโรคระบาดหมดไปคงเป็นไปไม่ได้
             

ส่วนโมเดลภูเก็ต Sand Box ที่ได้ดำเนินการมาถือเป็นการทดสอบความพร้อมด้านต่าง ๆและรัฐต้องเร่งปรับปรุงในส่วนที่เห็นว่าเป็นปัญหา ซึ่งวันนี้ภาคเอกชนเห็นด้วยกับมติของศบค.ที่เห็นชอบแนวทางการเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวจากจังหวัดภูเก็ต (PhuketSandbox) เดินทางเชื่อมต่อจังหวัดนำร่องอื่น เริ่มจาก สุราษฎรธานี (เกาะสมุย เกาะพะงันเกาะเต่า) กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล) และ พังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่) ภายใต้มาตรการ 7+7 คือ หลัง 7 วันแรกตรวจไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางไปยังอีก 3จังหวัดดังกล่าวเพื่อพักอยู่อีก 7 วัน ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.64 หากประสบความสำเร็จก็ควรจะพิจารณาขยายโมเดลไปยังจังหวัดท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่น ๆ ก็จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติในขนาดเดียวกันเศรษฐกิจก็ยังคงเดินหน้าต่อไปได้


นายสนั่น กล่าวว่า  สำำหรับการผ่อนคลายที่ให้สถาบันการเงินเปิดในห้างได้ ก็จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากการที่ปิดได้ส่วนหนึ่ง ส่วนธุรกิจที่เหลือก็คงต้องรอการพิจารณาผ่อนคลายต่อไป เพราะตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูง และกังวลว่าจะเป็นเหตุให้ผู้คนออกเดินทาง เชื่อว่าทางรัฐบาลและทางสาธารณสุขเป็นกังวลในส่วนนี้ แต่ทาง หอการค้าไทย ก็ยังหวังว่า เราต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้แต่ละธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการควบคู่กับการระบาดไปให้ได้

ส่วนมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติมกรณีทำ company isolation ตรวจ ATK ก่อนคลายล๊อคดาว์นนั้น ก็เป็นสิ่งที่ดี รวมถึงที่จะมีระบบจัดทำ thai covid pass นั้น ก็ตรงกับข้อเสนอที่หอการค้าเสนอ ให้มี superapp เพื่ออำนวยความสะดวกและเปิดดำเนินการกิจการได้ สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้ คือ การหา ATK ที่มีคุณภาพให้ประชาชน และสถานประกอบการให้เข้าถึงง่าย ในราคาที่เหมาะสม รวมถึง ควรมีมาตรการลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ให้กิจการที่มีสนับสนุนการป้องกันตัวเอง ช่วยแบ่งเบาภาระภาครัฐ ตรงนี้จะสามารถให้ร่วมมือกัน ได้มากขึ้นอีกส่วนหนึ่ง จำนวนตัวเลข 50 คนและ 100 คน ที่กำหนดนั่นอยากจะให้พิจารณาตามลักษณะของแต่ละธุรกิจ ว่ามีความเสี่ยงที่ต่างกันด้วย เพื่อให้มาตรการที่ออกมาสามารถปฏิบัติได้จริง
#3044
 

ข่าวใหญ่สำหรับภาคการขนส่งทำให้เกิดผลบวดต่อธุรกิจโลจิสติกส์อีกแล้ว หลังโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามีการกระจายอย่างรวดเร็วในเอเชีย ทำให้ลายประเทศรวมทั้งไทยต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนมาใช้ 

รอบนี้หนึ่งในตลาดขนส่งรายใหญ่ของโลกอย่างจีนต้องเผชิญปัญหาพันธุ์เดลต้าเช่นกันทำให้ต้องปิดท่าเรือคอนเทนเนอร์หนิงโป-โจวซาน (Ningbo-Zhoushan) ชั่วคราวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นท่าเรือที่มีเรือสินค้าใช้บริการแออัดมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ขนถ่ายสินค้าจากเรือราว 1.2 ล้านล้านตันในปี 2564            

การปิดท่าเรือดังกล่าวห้ามเรือสินค้าเข้าเทียบท่าเรือหรือแล่นออกจากท่าเรือ และระงับการบริการขนถ่ายสินค้าจากเรือทั้งหมด หลังพบคนงานคนหนึ่งของบริษัทหนิงโป เม่ยตง คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล (1 ในเครือหนิงโป-โจวซาน) ติดโควิด-19 ทำให้ต้องกักกันเฝ้าระวังพนักงานอีก 2,000 คน            

ที่ผ่านมาโลกได้เผชิญเหตุการณ์ระบบโลจิสติกส์สดุดจากตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน   จนทำให้เกิดสินค้าตกค้างเป็นจำนวนมากในฝั่งสหรัฐและยุโรป   ทำเป็นสาเหตุทำให้ค่าเช่าตู้แพงระยับ ค่าระวางเรือพุ่งสูงขึ้น   และเมื่อเกิดสถานการณ์คล้ายๆกัน ทำให้เกิดความวิตกว่าการปิดท่าเรือดังกล่าวทำให้ซัพพรายชงักตามไปด้วย            

ตัวเลขที่ยังสะท้อนปัจจัยดังกล่าวคือดัชนีค่าระวางเรือ (BDI)  ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 3,566  ดอลลาร์  หลังทพึ่งทำตัวเลขทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 2,319 จุด (24 มี.ค.64)   และในรอบ 6 เดือนแรกปี 2564 BDI ปรับเพิ่มขึ้นจากปลายก่อน 10 %

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ ไต้หวัน คาดการ Re-stock สินค้าทั่วโลกยังเร่งตัวขึ้นไปจนถึงกลางปีหน้าเป็นอย่างน้อย   ซึ่งจะผลักดันค่าระวางเรือเพิ่มสูงขึ้น หลังดัชนี BDI และ BHSI ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี  ซึ่งยังมีดีมาร์ทการขนส่งสินค้าทั่วโลกที่ยังเร่งตัวขึ้น ตัวเลขการส่งออกของไทยที่ยังเติบโต           

เมื่อหันมาดูหุ้นเดินเรือของไทยกลายเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอย่างคึกคักเพื่อตอบรับกับคาดการณ์ของผลดำเนินงานจะเติบโตแรง ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ประกาศออกมานั้นแต่ละบริษัทเครื่องร้อนจัดทำกำไรกันเพิ่มขึ้นเป็นระดับเกินเท่าตัวทุกราย

สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการข่นส่งสินค้า และตู้ขนเทนเนอร์โดยตรง บริษัท  อาร์ ซี  แอล  จำกัด (มหาชน) หรือ  RCL ซึ่งให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเล    ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีมากกว่า 200 % 

รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่  3,189 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 1,383 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน และในรอบ 6 เดือนแรก กำไร 6,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,600 %   มาจากปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้น ค่าระวางเรื่อต่อตู้พิ่มกว่า 76 % ทำให้อัตราค่าเช่าเรือสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

บริษัท  ไวส์ โลจิสติกส์  จำกัด (มหาชน) หรือ WICE  ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศทางทะเล-อากาศ  โชว์กำไรไตรมาส 2 ที่  111 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 101 % บริษัท ทรัพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและในประเทศ อากาศ –ทะเล-บก มีกำไรในช่วงดังกล่าว 85 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 150 %

บางธุรกิจเผชิญขาดทุนสามารถพลิกกลับมามีกำไร บริษัทพรีเซียส ชิฟปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ไตรมาส 2 กำไร 826 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 1,183 ล้านบาท ท่ามกลางผลกระทบจากโควิดทำให้ ผู้บริหารอุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลขนาดใหญ่มั่นใจว่าอัตราค่าระวางจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ (Petter Haugen นักวิเคราะห์ของ Kepler Cheuvreux)  

หรือ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA    ที่พลิกมีกำไร 530 ล้านบาท จากขาดทุน  240 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน  ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนธุรกิจขนส่งทางเรือ 52 % ได้รับผลดีจากอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่าทศวรรษ มีปัจจัยหนุนปริมาณการขนส่งแร่หล็กและธัญพืชที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความแออัดของท่าเรือ

เรียกได้ว่าปี 2564 เป็นปีทองต่อเนื่องของธุรกิจโลจิกติกส์ ระดับโลกที่ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในไทยได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย   ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลลบต่อหลากหลายธุรกิจแต่ในขณะเดียวกันยังเอื้อให้บางธุรกิจกลับมาเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-3 ปีจากนี้ไป  
#3045


"ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NDR เผยรายได้ Q2/64 อยู่ที่ 202.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังยอดขายเพิ่ม-คุมต้นทุนดี

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NDR ผู้ผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ N.D.Rubber กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 202.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 158.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.86 ล้านบาท

โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายในไตรมาส 2/2564 ขยับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาด ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการเพื่อรักษาสมดุลระหว่างราคาและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับดีได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับตัวให้ทันกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

"แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2/2564 และเริ่มมีการปิดประเทศของประเทศกัมพูชา สปป. ลาว และประเทศมาเลเซีย ในช่วงปลายไตรมาส 2/2564 รวมถึงมีการปิดกิจการหลายประเภทในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถรักษายอดขายไว้ได้ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2564 ที่ทำได้ 200.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
#3046


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่ สภ.เมืองพิจิตร ร.ต.อ.วินัย อาสว่าง รอง สว.(ป.) กก.สืบสวน ภ.จว.พิจิตร นำเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ส.ค.2564 หมายเลข 046750 จำนวน 5 ใบ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 รวมเงินรางวัล 30 ล้านบาท  เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.ท.(หญิง)ศิราณี บัวพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิจิตร โดย ร.ต.อ.วินัย จะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2564

ร.ต.อ.วินัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้ไปไหว้หลวงพ่อเพชร พระคู่บ้านคู่เมือง จ.พิจิตร พระประธานในโบสถ์วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมืองพิจิตร โดยขอพรว่าขอให้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ตนและครอบครัวจะนำเงินไปทำบุญเพื่อสร้างหลังคาโบสถ์ที่ทางวัดท่าหลวงกำลังซ่อมแซมอยู่ 1 ล้านบาท โดยได้ซื้อเลขทะเบียนของรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ของตนเอง ทะเบียน ฮย 5750 กทม. ที่ค้างส่งมาหลายงวด โดยซื้อลอตเตอรี่หมายเลขดังกล่าวที่แผงขายลอตเตอรี่ข้างพระอุโบสถวัดท่าหลวง มา 5 ใบ และทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 เมื่อทางกองสลากประกาศผลออกมา


"สำหรับเงินจากโชคครั้งนี้ ตนจะนำไปทำบุญซ่อมแซมหลังคาโบสถ์วัดท่าหลวงตามที่ได้บนไว้ ส่วนเงินที่เหลือจะใช้หนี้ที่มี และเป็นทุนการศึกษาให้กับลูก 2 คน และเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณอีกไม่กี่เดือนนี้" ผู้กองดวงเฮงกล่าวทิ้งท้าย
#3047


เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2564 พ.ต.ท.เจษฎา ว่องไว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก นายภูริพัฒน์ วันทอง อายุ 35 ปี ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 ส.ค. 2564 หมายเลข 046750 จำนวน 2 ใบ 12 ล้านบาท พร้อมกับนำลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลมาลงบันทึกประจำวัน

นายภูริพัฒน์ เผยว่า ตนทำฟาร์มหมู ยังเป็นโสด โดยซื้อลอตเตอรี่หมายเลขทะเบียนรถเก๋ง ฮอนด้า CRV สีขาว หมายเลขที่ กอ 7250 อุดรธานี ของตัวเองมาตลอด 2 ปี แต่ไม่เคยถูกรางวัลใหญ่ แต่จะถูกเลขท้าย 2 ตัว หรือเลขท้าย 3 ตัว มาตลอด เมื่อหลายวันก่อนตนเข้ามาทำธุระในเมืองอุดรธานี และได้ไปซื้อลอตเตอรี่ที่แผงขายภายในห้างโลตัส สาขาศูนย์การค้ายูดีทาวน์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยไปถามซื้อหวย 50 และที่แผงมีเลข 750 จำนวน 2 ใบ จึงซื้อเก็บไว้

กระทั่ง ตนได้เอาโทรศัพท์มาซ่อม และไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง คนที่นั่งโต๊ะใกล้กันบอกว่าหวยออก 750 ตนจึงนำลอตเตอรี่มาตรวจดู ก็พบว่าถูกรางวัลที่ 1 ดีใจจนคิดอะไรไม่ออก โดยไม่คาดคิดว่าจะถูกรางวัลที่ 1 ตื่นเต้น รู้แต่ว่าตัวเองหมดหนี้ ไม่คิดในชีวิตนี้จะมีโอกาสถูก


จากนี้ จะนำเงินไปใช้หนี้ที่กู้แบงก์มาสร้างฟาร์มหมู 4 ล้าน หลังจากนั้นจะปรึกษาพี่สาวในการบริหารเงินที่เหลือว่าจะนำไปใช้อะไรบ้าง ส่วนสาเหตุที่ถูกคงเพราะช่วยเหลือคนอื่นที่เดือดร้อนตลอด และผู้ที่เดือดร้อนเรื่องโควิด ไม่เคยคิดอิจฉาริษยาใคร และชอบทำบุญ โดยหวังว่าวันหนึ่งจะมีกิจการช่วยเหลือครอบครัวได้.
#3048


อีกหนึ่งศิษย์เก่า จิตอาสา ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับศูนย์วัคซีนเพื่อประชาชน มหาวิทยาลัยรังสิต ในการเป็นจิตอาสาให้บริการ ฉีดวัคซีนโควิด-19 นั่นคือ ทันตแพทย์รตน รัตนติกุล หรือ เตี๊ยบ ศิษย์เก่าคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รุ่นที่ 7 ซึ่งปัจจุบันทำธุรกิจขายเครื่องมือทันตแพทย์ที่เป็นธุรกิจต่อจากครอบครัว และเข้าร่วมเป็น ทันตแพทย์จิตอาสา ในวิกฤติครั้งนี้ด้วย


ทันตแพทย์รตน เล่าว่า ก่อนหน้านี้ผมได้เห็นข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊กของ มหาวิทยาลัยรังสิต มีการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนฯ ขึ้นมาประกอบกับอาจารย์ได้ตามหาจิตอาสาทางกลุ่มไลน์ จึงได้มีโอกาสมาเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกประทับใจและดีใจมากที่ได้กลับมาช่วยมหาวิทยาลัย


"ต้องขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่ได้จัดตั้ง ศูนย์ฉีดวัคซีนฯ แห่งนี้ขึ้นมา ทำให้เราได้ช่วยเหลือประชาชนด้วย สำหรับสิ่งที่ประทับใจมากๆ คือการจัดการของศูนย์ให้บริการวัคซีนที่นี่ ตั้งแต่จุดแรกที่คนไข้เริ่มลงทะเบียนจนมาถึงจุดที่หมอได้ฉีดวัคซีนให้กับคนไข้นั้นใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาที ซึ่งแต่ละจุดจะมีการเว้นระยะห่างและมีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ"


"นอกจากนี้ การเปิดให้บริการของศูนย์วัคซีนฯ ยังมีนักศึกษาจากหลากหลายคณะที่มาร่วมเป็นจิตอาสา  ในฐานะศิษย์เก่าก็อยากจะฝากถึงน้องๆ ด้วยว่า ประสบการณ์นอกห้องเรียนนั้นเยอะมาก แต่สิ่งเราจะได้จริงคือประสบการณ์ในห้องเรียนที่อาจารย์ท่านได้สอนเรา อยากให้น้องๆ ตั้งใจเรียนเพราะว่าบทเรียนที่อาจารย์สอนเรา สามารถนำไปใช้กับประสบการณ์นอกห้องเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา การดำเนินชีวิตต่างๆ

"สุดท้ายอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยลดการติดเชื้อ เพราะหากเราติดเชื้อแล้วจะต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์มาดูแลเราอีกหลายท่านครับ แต่ถ้าเรารักษาสุขภาพดี หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงฉีดวัคซีน เมื่อเราแข็งแรงก็จะช่วยลดจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องช่วยเหลือเรา ไปช่วยเหลือคนที่ติดโควิด ก็อยากจะให้ทุกคนช่วยมาฉีดวัคซีนเพื่อให้ร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันและแข็งแรงมากขึ้นครับ" ทันตแพทย์รตน กล่าว
#3049


"เศรษฐา ทวีสิน" ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติโควิดครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งต้มยำกุ้ง ปี 2540 ผลกระทบจากโควิดเดือดร้อนหนักหนาสาหัสถึงขั้นไม่มีงานทำ สูญเสียบ้าน รถยนต์ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก! แม้จะมีวัคซีนป้องกันโควิด แต่การแจกจ่ายวัคซีนยังไม่ทั่วถึงและเป็นไปอย่างล่าช้า

"การนำเข้าวัคซีน ยังคงเป็นเรื่องแรกที่ทุกคนเรียกร้องมานานแล้ว ถือเป็นวาระเร่งด่วน ที่อยู่บนสมมติฐานว่า วัคซีนต้องมา และฉีดให้ครอบคลุมโดยเร็ว ภายใน 120 วัน 180 วัน หรือ 200 วัน ขึ้นอยู่กับรัฐบาล"

รวมถึงเตรียมการ "สั่งซื้อวัคซีนเข็มที่ 3" หรือเตรียมวัคซีน 2-3 เท่า ของจำนวนประชากร (ราว 200 ล้านโดส) ในปีหน้า เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครแฮปปี้เรื่องวัคซีน ถึงขั้นบุคคลกรทางแพทย์ต้องจับฉลากเพื่อฉีดวัคซีน "ผมว่าโควิดทำให้คนตาสว่าง ว่า...สังคมไทยไม่มีความเท่าเทียมกัน"

อีกเรื่องสำคัญที่สุดคือต้องมองไปให้ไกล ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่คือการขับเคลื่อนประเทศที่เข้าไปอยู่บนเวทีแข่งขันโลกที่เราจะแข่งขันได้อย่างมีคุณภาพ สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย

"ไม่ใช่ว่าหลุดจากกับดักโควิดแล้วก้าวไปสู่ความหายนะทางเศรษฐกิจ เพราะสู้เขาไม่ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ โฟกัสวันนี้ ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากการหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชน แต่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทยจะต้องเกิดขึ้น! เพราะโลกหยุดมา 2 ปีแล้ว มีคนบอบช้ำ มีคนเจ็บปวด มีธุรกิจที่โซซัดโซเซ ล้มหายตายจากไปเยอะมาก เราจะทำอย่างไรให้ตรงนี้กลับมาได้ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้น"

เศรษฐา ย้ำว่า การเปิดประเทศ120 วัน นั้น ตามทฤษฎียังมีความเป็นไปได้ แต่นัั่นหมายความว่า ต้องฉีดให้ได้วันละ 6 แสนคน ที่ผ่านมามีบางวันสามารถฉีดได้แสดงว่าบุคคลากรทางการแพทย์มีศักยภาพในการฉีดเพียงแต่ว่า "วัคซีนไม่มา! แม้ความหวังหริบหรี่ แต่สุดท้ายวัคซีนก็มาอยู่ดี"


อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เชื่อว่ายังคงเป็นภาพของ "K-Shaped" โดยที่กลุ่มคนรวยจะอยู่ในส่วนของ "K ขาขึ้น" คนรวย-รวยมากขึ้น ส่วน "K ขาลง" จะอยู่ในแรงงานระดับล่างที่ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนช่องว่างของความเลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ การฟื้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำไปพร้อมๆ กัน ต้องเริ่มจากที่ รัฐบาล เตรียมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เหมือนสหรัฐ และยุโรปที่มีแผนงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าง "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ออกมาชัดเจน

รัฐบาลต้องมีการพยุงราคาสินค้า หรือจะเรียกว่าประกันราคาสินค้า จำนำ หรือจ้างผลิต สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ อย่าง ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กลับไปสร้างผลิตผลทางการเกษตรพอที่เลี้ยงครอบครัว

รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่ เรียกเก็บจากคนที่แข็งแรงอยู่บนยอดพีระมิด ไม่ว่าจะเป็นภาษีความมั่งคั่ง ภาษีมรดกเพื่อนำรายได้จากภาษีเหล่านี้มาชดเชยรายจ่ายที่ไปกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด

รัฐบาลต้องพิจารณากฏหมายเกี่ยวกับการกระตุ้นการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ให้อินเซนทีฟ และเอื้อนักลงทุน ดึงดูดให้มาลงทุนในประเทศไทย

"ไทยมีความได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง และโครงสร้างพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมาบริหารจัดการเรื่องวัคซีนผิดพลาดเท่านั้น"

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมทางด้านเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุน เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ จึงควรต้องขอขยายสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 60% เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่มีการปรับอัตราสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงขึ้นเพื่ออัดฉีดเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม ในประเทศ

อีกมาตรการเร่งด่วน รัฐบาลต้องช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี เช่น พักหนี้ ให้เงินทุนหมุนเวียน เมื่อเศรษฐกิจกลับมา รวมทั้งธุรกิจสายการบิน หากไม่ช่วยเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วจะมีเครื่องบินที่ไหนไปรับนักท่องเที่ยวมาประเทศไทย

"ปัญหาการเมืองเป็นสิ่งไม่ควรมองข้าม เศรษฐกิจและการเมืองเป็นของคู่กันมาตลอด หากแก้ไขเศรษฐกิจได้แต่ถ้าการเมืองไม่ถูกแก้ไขก็จะเกิดการเมืองบนท้องถนน เกิดการประท้วง เกิดความรุนแรง มาฉุดรั้งเศรษฐกิจอยู่ดี หากรัฐบาลทำอย่างผมเสนอ เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา วันนี้ไม่ใช่เรื่องของเราแต่เป็นเรื่องประเทศ เมื่อไรที่ประเทศไปได้ ธุรกิจก็ไปต่อได้ ยกเว้นคนที่มีปัญหากระแสเงินสดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมเชื่อว่าถ้าภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ช่วยกันช่วยเหลือสังคม คนตัวเล็ก พวกเราจะผ่านวิกฤติครั้งไปได้"

เช็คสถิติ 'ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล' ออกงวด 16 ส.ค. ย้อนหลัง 10 ปี 'หวย16/8/64'
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ น่าห่วง! พบติดเชื้อเพิ่ม 21,157 ราย เสียชีวิต 182 ราย ไม่รวม ATK อีก 803 ราย
'โควิดติดเชื้อวันนี้' ชลบุรี 1,223 เสียชีวิตอีก 9 ราย จับตาสถานที่ทำงานยอดพุ่ง
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาโควิดของแสนสิริ มองเรื่อง "วัคซีน" เป็นอันดับแรก เพื่อฉีดให้พนักงานและครอบครัว รวมถึงพันธมิตร พนักงานดูแลความสะอาดและความปลอดภัยในโครงการ โดยจองซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม 37,000 โดส ฉีดได้ราว 18,000 คน พร้อมบริจาคให้ราชวิทยาลัยฯ 1,000 โดส เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคมของแสนสิริโดย 9,000 โดสฉีดให้พนักงานและครอบครัว อีก 9,000 โดสฉีดให้พันธมิตรและชุมชนรอบแสนสิริ รวมถึงกลุ่มที่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนน้อย เช่น รปภ. แม่บ้าน คนสวน ช่าง คนงานในแคมป์ก่อสร้าง ทำให้แรงงานแคมป์ของแสนสิริ มีภูมิคุ้มกันหมู่กว่า 70% บางไซต์ 100%

พร้อมกันนี้ได้หารือกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการสร้างโรงพยาบาลสนาม ในช่วงเกิดโควิดระลอก 2 ย่านนนทบุรี และสมุทรปราการ แต่ยังไม่ทันลงมือสร้าง สถานการณ์ดีขึ้นจึงไม่ได้ทำ พร้อมกันนี้ มีการบริจาครถตรวจโควิด และช่วงโควิดระลอก 3 ร่วมกับพาร์ทเนอร์ สร้างห้องอาบน้ำ 500 ห้องสำหรับผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี ล่าสุดทำห้องไอซียู 17 ห้อง

กรณี หากมีลูกบ้านที่ติดเชื้อระดับสีเขียวและประสงค์ที่จะกักตัวและรักษาตัวแบบ Home Isolation จะมี "พลัส พร็อพเพอร์ตี้" ทำหน้าที่ประสานงานโรงพยาบาล ที่มีบริการเทเลเมดิซีน เข้ามาดูแล

"วันนี้เราอยากเชิญชวนภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ให้ความช่วยเหลือสังคมเพื่อให้เกิดการบูรณาการผู้ที่อ่อนแอให้แข็งแรง ตรงไหนรัฐบาลมองไม่เห็นหรือว่าไม่สามารถเข้าถึงได้ก็เข้าไปช่วยพยุง ไม่ว่าจะเป็นสตรีทฟู้ด โชว์ช้าง โชว์ลิง ลิเก หมอรำ ลำตัด ให้อยู่ได้จนถึงช่วงที่เศรษฐฟื้นตัว"
#3050


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า  GULF ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) จำนวน 1,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) หน่วยที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยมี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 88% ในไตรมาสนี้ ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้า 12 SPP ภายใต้กลุ่ม GMP และโครงการโรงไฟฟ้า 7 SPP ภายใต้กลุ่ม GJP ที่รับรู้ Core Profit เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก โดย 12 SPP มี Load Factor เฉลี่ยของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในไตรมาสนี้ เท่ากับ 63% เทียบกับ 51% ปีที่แล้ว

ขณะที่ 7 SPP มี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 66% ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 57% ในปีก่อน นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า 2 IPP ภายใต้กลุ่ม GJP ยังมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 ส่งผลให้โรงไฟฟ้าเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ในไตรมาส 2 ปี 2564 ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก PTT NGD จำนวน 63 ล้านบาท จากการที่ GULF เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 42% ด้วย


ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 Core Profit ในไตรมาสนี้ลดลง 989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.4% เนื่องจากไม่มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก INTUCH ในไตรมาสนี้ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล Borkum Riffgrund 2 (BKR2) มีปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นับเป็น low season เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็น high season ของพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเยอรมนี

ในไตรมาส 2 ปี 2564 GULF มีรายได้รวม (Total Revenue) 11,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,707 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.6% จากไตรมาส 2 ปี 2563 จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2564 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่รับรู้รายได้ครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2563

อีกทั้ง ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมของกลุ่ม GMP อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GTN1 และ GTN2 ที่ประเทศเวียดนาม ลดลงเล็กน้อยจากการจำกัดการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราว (Temporary Curtailment) เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม

อัตรากำไร EBITDA Margin ในไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 35.6% เพิ่มขึ้นจาก 31.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 8.7% จากปีก่อน แม้ว่าค่า Ft เฉลี่ยจะลดลงก็ตาม


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

GULF มีกำไรสุทธิ (Net Profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1,407 ล้านบาท ลดลง 25.2% เทียบกับผลกำไรสุทธิ 1,881 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากในปีก่อนมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Gain) จำนวน 892 ล้านบาท เทียบกับ 6 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปีนี้

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 GULF มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) เท่ากับ 1.75 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิสำหรับหุ้นกู้ (Bond Covenant) ที่ 3.50 เท่า

นางสาวยุพาพิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ GULF ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แล้วเสร็จ ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น INTUCH ทั้งสิ้น เท่ากับ 42.25% โดย GULF ได้ทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศทั้งสิ้นจำนวน 48,612 ล้านบาท โดย GULF มีแผนในการออกและเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ที่ใช้ในการซื้อหุ้น INTUCH ในบางส่วน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะรับรู้เงินปันผลรับทันที ประมาณ 1,600 ล้านบาทในไตรมาส 3 นี้

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2564 GULF ยังมีโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ระยะที่ 1-3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 ปีนี้, โครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่กำหนดเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2564

โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศโอมาน (DIPWP) จำนวน 326 เมกะวัตต์ ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ ที่จะเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 และโครงการ solar rooftop ภายใต้ Gulf1 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการภายในสิ้นปี ส่งผลให้ GULF มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 7,922 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564
#3051


วันนี้ (15ส.ค.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีคนไทยกับตัวเลข/สถิติเกี่ยวกับ โควิด-19 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,270 คน ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2564 พบว่า ในช่วงโควิด-19 ส่วนใหญ่ติดตามข้อมูลตัวเลขและสถิติจากโทรทัศน์ ร้อยละ 71.84 และโซเชียลมีเดีย ร้อยละ 70.49 ใช้เวลาในการติดตามน้อยกว่า 30 นาทีต่อวัน เรื่องที่สนใจติดตาม คือ ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวัน ร้อยละ 92.33 และมองว่าข้อมูลปัจจุบันค่อนข้างน่าเชื่อถือ ร้อยละ 45.87 โดยเห็นว่าข้อมูลเหล่านี้ช่วยสะท้อนให้เห็นแนวโน้ม ระดับความรุนแรงของโควิด-19 ร้อยละ 89.29 และอยากให้นำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน ไม่ปกปิด ร้อยละ 92.01 เมื่อติดตามข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลข/สถิติแล้วรู้สึกค่อนข้างเครียดและวิตกกังวลพอสมควร ร้อยละ 57.05

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยปฏิเสธไม่ได้ว่าในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม การรายงานข้อมูลแบบตัวเลขและสถิติเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เพราะทำให้ประชาชนเห็นภาพรวมและเข้าใจถึงความหนัก-เบาของสถานการณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการสื่อสารข้อมูลตามความเป็นจริง ชัดเจน ตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
ศาสตราจารย์ธานินทร์ สิทธิวิรัชธรรม คณะวิๆทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผย ตัวเลขเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์ตั้งแต่ตอนที่มนุษย์รู้จัก "การเทียบสิ่งของด้วยวิธีหนึ่งต่อหนึ่ง" เช่น เทียบสัตว์ 1 ตัว กับ นิ้วมือ 1 นิ้วหรือก้อนหิน 1 ก้อน ส่วนคำว่า สถิติ คือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific method) ซึ่งจะช่วยในการประเมินและตัดสินใจต่อสถานการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ ในสภาวการณ์ปัจจุบัน หากได้รับข้อมูลตัวเลขและสถิติเกี่ยวกับโควิด-19 ก่อนอื่นต้องตรวจสอบแหล่งที่มาการเผยแพร่ก่อนว่าเป็น Fake News หรือไม่ เราทุกคนต้อง อย่าตื่นตระหนกแต่ให้ตระหนักอย่างมีสติ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลและปฏิบัติตนตามข้อกำหนดต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด ในขณะที่ทางฝ่ายรัฐบาลเองจะต้องเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา ชัดเจน และตรวจสอบได้ หากประชาชนเชื่อใจในรัฐบาล ก็จะเกิดความเชื่อมั่นในนโยบาย ทำให้เชื่อถือในกฎเกณฑ์ข้อกำหนด ต่าง ๆ เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้เราทุกคนผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างแน่นอน
#3052


คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 รับทราบความก้าวหน้าแผนบริหารจัดการน้ำในอีอีซี รองรับทั้งภาคการผลิตและการเกิดขึ้นของ "เมืองใหม่ทั้งเมืองอัจฉริยะ" และ "เมืองการบินภาคตะวันออก" ที่ครอบคลุมรัศมี 30 กิโลเมตร รอบสนามบินอู่ตะเภาที่อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ โดยต้องสร้างความมั่นใจว่าจะมีน้ำเพียงพอถึงปี 2580 

สำหรับการจัดหาแหล่งน้ำในอีอีซี ที่มีระบบบริหารน้ำในภาพรวมครบถ้วน ซึ่งการวางแผนให้อีอีซีจะมีน้ำใช้พอเพียงทั้งการใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาคธุรกิจและการใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรม โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดโครงการสำคัญ เช่น ให้กรมชลประทานเร่งเสนอโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำกลับคลองสะพาน-ประแสร์ เส้นที่ 2 และเครือข่ายคลองวังโตนด-อ่างเก็บน้ำประแสร์ เส้นที่ 2 เพื่อสร้างความมั่นคงการจัดการน้ำในระยะยาว 

ส่วนในนิคมอุตสหกรรม สั่งการให้แต่ละนิคมอุตสาหกรรมจัดหาแหล่งน้ำสำรองของตนเอง รวมถึงเร่งเพิ่มน้ำต้นทุน และเร่งศึกษาเดินหน้าโครงการเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด โดยต้องดำเนินการให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด 

ขณะที่การหาแหล่งน้ำเพื่อรองร้บเมืองการบินภาคตะวันออกในรัศมี 30 กิโลเมตรรอบสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคต และจะมีการขยายตัวของที่อยู่อาศัยตามการเติบโตของประชากร โดยนอกจากแผนการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่ิมเติมได้หาแหล่งน้ำใต้ดินเพื่อนำมาใช้ประโยชน์เพิ่มในอนาคต ถือเป็นครั้งแรกที่บริหารน้ำผิวดินร่วมกับน้ำใต้ดิน

ทั้งนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ช่วยทำ "แผนที่น้ำใต้ดิน" ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ได้ 4 จุด จากการสำรวจพบว่ามีปริมาณน้ำใต้ดินรวมกว่า 4,000 ล้านลบ.ม. ซึ่งใช้เป็นแหล่งน้ำรองรับความต้องการน้ำในอีอีซีทั้งภาคการผลิต และเมืองการบินภาคตะวันออก 4 พื้นที่ ได้แก่ 

1.อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ปริมาณน้ำที่กักเก็บ 3,013 ล้านลบ.ม. มีปริมาณน้ำบาดาลที่สามารถนำมาใช้ได้ 2,260 ล้านลบ.ม. 

2.อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ปริมาณน้ำกักเก็บ 599 ล้านลบ.ม. มีปริมาณน้ำบาดาลที่สามารถนำมาใช้ได้ 449 ล้านลบ.ม.

3.อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปริมาณน้ำที่กักเก็บ 883 ล้านลบ.ม. มีปริมาณน้ำบาดาลที่สามารถนำมาใช้ได้ 662 ล้านลบ.ม.

4.อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ปริมาณน้ำกักเก็บ 890 ล้านลบ.ม. มีปริมาณน้ำบาดาลที่สามารถนำมาใช้ได้ 668 ล้านลบ.ม.



สำหรับพื้นที่แหล่งน้ำบนดินในรัศมี 30 กิโลเมตร รอบสนามบินอู่ตะเภา สำรวจพบแหล่งน้ำที่พัฒนาเป็นแหล่งน้ำรองรับการพัฒนาพื้นที่ประกอบด้วย การพัฒนาคลองบางไผ่ จ.ชลบุรี และแหล่งน้ำขนาดเล็กในบริเวณใกล้เคียง โดยมอบให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นหน่วยงานหลักบูรณาการกับหน่วยงานที่ี่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการ  

การปรับปรุงและพัฒนาอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ คณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคตะวันออก วันที่ 21 พ.ค.2564 เห็นชอบแผนดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาอ่าง พื้นที่ 3,348 ไร่ โดยมอบให้กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

สำหรับแผนระยะยาว ในการบริหารจัดการน้ำในอีอีซีมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับอีอีซี ปี 2563-2580 รวม 38 โครงการ รวม 52,874 ล้านลบ.ม. โดยเพิ่มน้ำต้นทุน 872 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันแล้วเสร็จ 9 โครงการ

การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Desalination) โดยแผนงานดังกล่าวได้ประชุม กนช.เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2563 เห็นชอบหลักการเร่งรัดแผนงานก่อสร้าง 14 โครงการสำคัญ โดยมี Desalination เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญ และเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2564 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานทางเทคนิคการพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล 
สมเกียรติ ประจําวงษ์ เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์ความต้องการใช้น้ำใน 3 จังหวัดอีอีซี โดยใช้ปี 2560 เป็นปีฐาน และวิเคราะห์ความต้องการ ประกอบด้วย น้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อภาคการผลิต ไม่ว่าภาคเกษตรกรรมหรือภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ และผลักดันน้ำเค็ม กรอบเวลากําหนดไว้ 20 ปี ในภาพรวมความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรมในปี 2560 มีจํานวน 2,404.91 ล้านลบ.ม. เพิ่มเป็น 2,777.68 ล้านลบ.ม. ในปี 2570 และ 2,977.55 ล้านลบ.ม. ในปี 2580 

ในช่วง 10 ปีแรก (2570) ความต้องการใช้น้ำในทุกกิจกรรมเพิ่มขึ้นจากปีฐาน 372.77 ล้าน ลบ.ม. และ 10 ปีที่สอง (2580) เพิ่มขึ้นจากช่วง 10 ปีแรก 199.87 ล้านลบ.ม.

"รวมความแล้วความต้องการใช้น้ำในอีอีซีในปี 2580 จะเพิ่มขึ้นจํานวน 572.64 ล้านลบ.ม. เมื่อโจทย์ความต้องการใช้น้ำชัดแล้วที่เหลือเป็นการค้นหาปริมาณน้ำที่อยู่ในมือและที่ต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้พอความต้องการ"

ทั้งนี้ สทนช.วางแผนพัฒนาแหล่งน้ำและจัดหาน้ำ 7 มาตรการ ได้แก่ 1.ปรับปรุงเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำเดิม 2.พัฒนาอ่างเก็บน้ำเพิ่มเติมใน EEC และนอก EEC 3.พัฒนาระบบผันน้ำเชื่อมโยงแหล่งน้ำ 4.พัฒนาแหล่งน้ำสํารองภาคเอกชน 5.พัฒนาน้ำบาดาลสําหรับภาคอุตสาหกรรมและเสริมในพื้นที่ขาดแคลน 

6.ใช้เทคโนโลยีใหม่ อาทิ การผลิตน้ำจืดจากน้ําทะเล และนําน้ำเสียที่ผ่านการบําบัดมาใช้ประโยชน์ 7.การจัดการด้าน Demand Side ได้แก่ การเสริมประสิทธิภาพการใช้น้ำ การลดน้ำสูญเสีย การปรับ ระบบการเพาะปลูกให้เหมาะสม
#3053


นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) เมื่อ 11 ส.ค.ได้มีมติอนุมัติโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ภายใต้ชื่อนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด พื้นที่โครงการอยู่ในตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ประมาณ 1,181 ไร่ มูลค่าการลงทุนโครงการ 4,856 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี ทั้งนี้ เมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 33,200 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 8,300 คน

สำหรับพื้นที่โครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 44 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 60 กิโลเมตร และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดประมาณ 119 กิโลเมตร มุ่งเน้นรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและสมัยใหม่ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าประจุสูง รวมถึงกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย

โครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แบ่งเป็นพื้นที่ประกอบกิจการประมาณ 70% และเป็นพื้นที่สาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียวรวมประมาณ 30% โดยได้นำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ การจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ การจัดสรรพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 10% และการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพ ก่อนนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ภายในโครงการ

"เมื่อเปิดดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แล้วคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในประเทศอีกประมาณ 33,200 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8,300 คน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากนี้ โครงการฯ มีความเป็นไปได้ทางการตลาดสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เป้าหมายคือพื้นที่อีอีซี โดยคาดว่าจะขายพื้นที่และให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี" ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว
#3054


นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี–แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ พระราม 2–สมุทรสาคร โซนภาคตะวันออก และโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ "พอร์โต้ ชิโน่" และจุดแวะพักครบวงจร "พอร์โต้ โก" กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 ส่งผลให้ผู้บริโภควิตกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย รวมทั้งการลดกิจกรรมนอกบ้านและมาตรการล็อกดาวน์ เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายโดยหันมาซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ถือเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้า รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าหันมาปรับเปลี่ยนการขายสู่การทำการตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น

ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ระบุว่า มูลค่าการตลาด e-Commerce ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16% และคาดการณ์ว่าปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 18% ปี 2565 เพิ่มขึ้น 20% และปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 22% และความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์นั้นจะกลายเป็นช่องทางการซื้อที่สำคัญมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค แม้เป็นยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด–19

นายศิริพงษ์ กล่าาว่า บริษัทมองเห็นโอกาสขยายฐานการตลาดในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจค้าออนไลน์ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดโปรโมชัน "อาคารพาณิชย์ดีที่สุด" ผ่านโครงการ "บ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ ศรีราชา–อัสสัมชัญ" ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่นและสวยงาม บนเนื้อที่รวมประมาณ 11 ไร่ ใจกลางเมืองศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในรูปแบบอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น สไตล์ American Cottage ขนาดที่ดิน 16.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 95 ตร.ม. กับฟังก์ชัน 1 ร้านค้า 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งพื้นที่สีเขียวร่มรื่น American Courtyard ขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ สวนขนาดย่อมกระจายอยู่รอบโครงการ คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ คีย์การ์ดสำหรับเข้า–ออกโครงการ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV ในราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท* พร้อมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลังสามารถเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องตกแต่งเพิ่ม

"บ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ อีกหนึ่งโครงการคุณภาพจากดี–แลนด์ กรุ๊ป ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองศรีราชา การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองชลบุรี–ระยอง–พัทยา หรือจะใช้เส้นทางจากถนนอัสสัมชัญเชื่อมต่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิทก็สะดวก โดยอาคารพาณิชย์ในโครงการบ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ มีพื้นที่สำหรับขายหน้าร้านและขายออนไลน์ พร้อมฟังก์ชัน 1 ร้านค้า 2 ห้องนอน ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องไลฟ์สดขายของ หรือห้องสต๊อกสินค้า และซื้อ 1 ได้ถึง 2 กับห้องนอนที่พร้อมปล่อยเช่าได้ทันที นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับบริษัทขนส่ง อาทิ ไปรษณีย์ไทย เคอรี่ แฟลช และเจแอนด์ที สะดวกต่อการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.49 ล้านบาท ตอบครบทุกความต้องการสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่กำลังองหาอาคารพาณิชย์ที่ดีที่สุดและตอบโจทย์การลงทุนในอนาคตที่คุ้มค่า" นายศิริพงษ์ กล่าว
#3055


ค่าเงินบาทปีนี้อ่อนค่าแรงต่อเนื่อง โดยปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ส.ค.) ที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดสิ้นปี 2563 ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า 10% และเป็นการอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ ดังนี้

1. สถานการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศหลักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินภูมิภาคให้ปรับอ่อนค่าลง

2. เงินสกุลภูมิภาคบางประเทศอาจได้รับผลบวกจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าสูง หรือประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ได้ดี ทำให้สกุลเงินอ่อนไม่มากนัก เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้

3. ไทยยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง รวมถึงนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยลงมากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีสัดส่วนพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง

4. นักลงทุนต่างชาติปรับลดการถือครองหุ้นไทย แต่ยังคงเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูง และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่ต่ำ

ทั้งนี้ ธปท. ติดตามถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนจนกระทบการปรับตัวของภาคธุรกิจ และแนะนำให้ภาคเอกชนบริหารความเสี่ยงค่าเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้นำเข้า-ส่งออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงค่าเงินได้ที่ https://bit.ly/35lWOaG
#3057


นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Retail and Business Banking ธนาคารไทยพาณิชย์  กล่าวว่า  นอกจากมาตรการช่วยเหลือขั้นต่ำตามประกาศของธปท.โดยการพักชำระหนี้ 2 เดือน ที่ผ่านมา ทางธนาคารยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ให้คำปรึกษาและพิจารณาร่วมกับลูกค้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถดำรงชีพได้ในระยะยาว

รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา ทางธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารจะประเมินลูกค้าตามสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เช่น ข้อมูลความเสี่ยง การคาดการณ์กระแสเงินสดใหม่ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจ จากนั้น ธนาคารจะกำหนดแพ็คเกจการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกค้า ซึ่งอาจรวมถึงการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การปรับอัตราการผ่อนชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย การปรับดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได (step-up rates) เป็นต้น

รายงานข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. - 10 ส.ค. 2564 มีลูกค้าสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย (sSME) ลงทะเบียนเพื่อเข้ามาตรการพักหนี้ 2 เดือน จำนวน 262,451 ราย คิดเป็นยอดหนี้ 108,937 ล้านบาท  ทั้งนี้ ธนาคารก็ยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับลูกค้าทุกกลุ่มด้วยมาตรการที่เหมาะสมอย่างตรงจุด

"แอลเอชแบงก์ คุยลูกค้าทุกราย ย้ำช่วยตรงจุด"  

รายงานข่าวจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK พบว่า  จำนวนลูกค้าที่ขอพักหนี้ตามมาตรการล่าสุด ที่ธนาคารให้พักหนี้ 3 เดือน มากกว่ามาตรการธปท.ให้ 2 เดือน มีจำนวน 49 ราย คิดเป็นยอดหนี้ 3,400 ล้านบาท ซึ่งธนาคารอนุมัติทุกราย

ประกอบกับตอนนี้ธนาคารยังมีมาตรการช่วยเหลือตามมาตรการ premtive ของธปท. อยู่แล้ว เช่น ลดค่างวดจ่ายเท่าที่มีความสามารถจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยพักเงินต้น จ่ายดอกเบี้ยบางส่วน พักเงินต้น พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารจะคุยกับลูกค้าทุกรายเพื่อช่วยเหลือได้ตรงประเด็นในระยะยาว 
#3058


กรุงเทพฯ, 13 สิงหาคม 2564 – เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัว ทางเชื่อมสกายวอล์กจากบีทีเอสเซนต์หลุยส์ เข้าสู่อาคาร "เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์" เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์อำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางแก่คนในชุมชน พนักงานออฟฟิศ ตลอดจนผู้สัญจรไปมา ตอกย้ำคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, .ter Lives' ที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น เสริมแกร่งเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ยืนหนึ่งในฐานะอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอระดับพรีเมี่ยมย่าน CBD ของกรุงเทพฯ ทั้งยังมุ่งอนุรักษ์​พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยมาตรฐาน LEED EBOM ระดับ Platinum Level พร้อมอีกหลากหลายรางวัลจากเวทีระดับโลก

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า "นับตั้งแต่บริษัท​ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ร่วมกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดให้บริการสถานีเซนต์หลุยส์ ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่พักอาศัยในย่านสาทร ซอยเซนต์หลุยส์​ และพื้นที่โดยรอบ รวมถึงนักเรียน บุคลากรของโรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ ผู้ที่ทำงานในอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ และอาคารสำนักงานใกล้เคียง ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทย วันนี้ เอไอเอ ในฐานะบริษัทประกันชีวิตไทยเพื่อคนไทย ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมเมืองสู่ความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวทางเชื่อมสกายวอล์ก ระหว่างบริเวณสถานีเซนต์หลุยส์ กับอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกอีกขั้นให้กับผู้ที่เดินทางจากตัวสถานีมายังอาคาร หรือจากตัวสถานีผ่านทางเชื่อมต่อไปยังจุดอื่น ๆ ภายในชุมชน โดยทุกท่านสามารถเดินทางด้วยความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม เป็นไปตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, .ter Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น' ซึ่งเอไอเอยึดถือในการดำเนินธุรกิจ และอยู่เคียงข้างคนไทยมาตลอดระยะเวลา 83 ปีที่ผ่านมา"

นายโจฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า "ปัจจุบันเอไอเอ ประเทศไทย ได้มีการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3 โครงการด้วยกัน ได้แก่ เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ (AIA Capital Center) เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ (AIA Sathorn Tower) และ เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ (AIA East Gateway) โดยทั้ง 3 อาคารเป็นอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า บนย่านสำคัญทางธุรกิจของไทย โดยปัจจุบันการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทคิดเป็นประมาณ 2% ของพอร์ตการลงทุน ทั้งนี้ การเลือกลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเอไอเอนั้น เรามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับคุณภาพอาคารสำนักงานระดับพรีเมี่ยมในเมืองไทยให้อยู่ในระดับสากล ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งแก่ผู้เช่า และชุมชนรอบข้าง เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับสถานีเซนต์หลุยส์ บีทีเอสได้มีการประมาณการผู้ใช้บริการคิดเป็นจำนวนเที่ยวการเดินทางประมาณ 17,000 คน/วัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการคมนาคมด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวถือเป็นแผนการลงทุนระยะยาวของเอไอเอ เนื่องจากเราเล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตทั้งทางเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของผู้คนบนย่านที่เราลงทุน"

ด้านนายปกป้อง ยินดีผล ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า "การมีทางเชื่อมโดยตรงจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเข้าสู่ตัวอาคาร เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาคาร เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้น เพราะนอกจาก เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ จะเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอระดับพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัย และฟังก์ชันพิเศษของอาคารอัฉจริยะที่ครบครันเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เน้นประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED EBOM ในระดับ Platinum พร้อมด้วยรางวัลอันทรงเกียรติจาก 2 เวทีชั้นนำอย่าง Thailand's Property Awards และ Southeast Asia Property Awards ตัวอาคารยังตั้งอยู่บนทำเลทองย่าน CBD ที่สะดวกสบายต่อการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือรถโดยสารสาธารณะ อันถือเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ผู้เช่าใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกเช่าสำนักงาน"

อาคาร เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ถือเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอระดับพรีเมี่ยม สูง 29 ชั้น มีพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวม 38,000 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยคุณสมบัติของอาคารอัจฉริยะ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED EBOM (The Leadership in Energy and Environmental Design) ในระดับ Platinum ผ่านคุณสมบัติหลัก 5S คือ Space, Saving Energy, Safety, Smart และ Speed ในทุกจุดทั่วอาคาร โดยถือเป็นอาคารประหยัดพลังงานจากความสามารถในการบริหารการใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมกับความใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อตอบสนองต่อความพึงพอใจสูงสุดของผู้เช่า ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของอากาศที่ดีภายในอาคาร การจัดการขยะและของเสียที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งโครงการ


นอกจากนี้ อาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ได้รับรางวัลเป็นเครื่องการันตีคุณภาพงานก่อสร้างและออกแบบมากมาย อาทิ Best Office Architectural Design Award อาคารสำนักงานที่มีภูมิสถาปัตย์ยอดเยี่ยม, Best Green Development Award โครงการอาคารสีเขียวยอดเยี่ยม, Best Commercial Development อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยอดเยี่ยม และ Best Office Development อาคารสำนักงานยอดเยี่ยม และอีก 2 รางวัลจากเวที South East Asia Property Awards 2015 ได้แก่ รางวัล Highly Commended : Best Commercial Development และ รางวัล Highly Commended: Best Green Development
#3059


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 15.53 จุด ปิดที่ 35,515.38 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 0.16% ปิดที่ 4,468.00 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 0.04% ปิดที่ 14,822.90 จุด


ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ

หุ้นดิสนีย์พุ่งขึ้นกว่า 3% ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด

ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี500 มีแนวโน้มที่จะรายงานตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 92.9% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และบรรดาบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว พบว่า 88% มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

ทั้งนี้ คาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมดังกล่าว

การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ จะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว เฟดต้องจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ไทม์ไลน์ของเฟดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดคิวอีในเดือนม.ค.2565 โดยจะปรับลดวงเงินคิวอี เดือนละ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่เฟดทำคิวอีวงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้เฟดใช้เวลา 6 เดือนในการปรับลดคิวอีจนเหลือ 0 หมายความว่าเฟดจะยุติการทำคิวอีโดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปี 2565 และเฟดจะพักการดำเนินการเป็นเวลา 1 ปีเพื่อให้ตลาดปรับตัว ก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
#3060


บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น แจ้งผลงานไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 220.6ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 35.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสที่แล้ว โดยไตรมาสนี้มีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดที่เติบโตตามความต้องการของตลาด เบี้ยประกันภัย COVID-19 ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ทำยอดขายได้ตามเป้า 25,000 ล้านบาท ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้


ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ว่า บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 220.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ จำนวน 835.7 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดทั้งจากการต่ออายุและที่เติบโตตามความต้องการของตลาดที่ในไตรมาสนี้มีความตื่นตัวของการทำประกันภัยโควิดในวงกว้าง เบี้ยประกันภัยโควิด ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท โดยช่องทางหลักยังเป็นช่องทางออนไลน์ ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าสะสมกว่า 2 ล้านราย

ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 45.7% ของรายได้รวม หรือลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 48.4.% ของรายได้รวม ส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 53.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 188 ล้านบาท คิดเป็น 21.9% ของรายได้รวม

ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตในครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าสามารถปิดยอดขายตามเป้า 25,000 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ประกันภัยยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เพราะเมื่อเกิดเหตุประกันจะมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เห็นความสำคัญของประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการตื่นตัวในการทำประกันโควิดซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสัมผัสได้จริงว่าประกันสามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้

ขณะเดียวกันบริษัท ฯ ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันให้เหมาะสมกับ Lifestyle ของผู้บริโภค และครอบคลุมได้ทุก Segment เต็มรูปแบบ โดยบริษัทพร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ช่องทางเทเลที่ทางหลักของบริษัทก็ได้มีการวางระบบการทำงานแบบ Work from home ไว้รองรับตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้สามารถขายประกันได้ไม่หยุดชะงัก รวมทั้งงานบริการก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้เต็มรูปแบบ ขณะที่ช่องทางออนไลน์บริษัทมีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านราย ซึ่งบริษัทสามารถต่อยอดจากฐานลูกค้าได้ โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่เป็นผู้บริโภคให้ความสนใจกันมากยิ่งขึ้น ดร.อัญชลิน กล่าว