• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Hanako5

#4293
ลู่วิ่งไฟฟ้า สำหรับออกกำลังกาย ลู่วิ่งไฟฟ้าฟิตเนส

ลู่วิ่งไฟฟ้า (Treadmills) เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่ใช้สำหรับออกกำลังกายเหมาะสำหรับการใช้ภายในบ้าน ราคาถูกและได้คุณภาพเกรด USA ใช้พื้นที่น้อย ลู่วิ่งออกกำลังกายมีหลายแบบหลายประเภททั้งแบบที่ใช้สำหรับภายในบ้านและลู่วิ่งไฟฟ้าที่ใช้สำหรับภายในยิม ลู่วิ่งไฟฟ้าฟิตเนส เลือกชมสินค้าได้จากด้านล่างนี้เลยครับ

สนใจสอบถามข้อมูล ทางนี้เลย
Facebook : CCT Fitness นำเข้าเครื่องออกกำลังกาย
Tel: 089-750-7380
สนใจชมตัวอย่างสินค้า >> https://goo.gl/maps/RBNaNTLmk8LD3T2A8
#4296
ASP มอง SET Q2/65 แกว่งขึ้นแต่กังวล Inverted Yield Curve-สงครามยูเครนกดดัน

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/65 มองว่ายังมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นได้ แม้จะไม่ได้ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จะเป็นการแกว่งตัวขึ้นที่ชะลอลง และระหว่างทางอาจจะมีแรงกดดันเข้ามาทำให้ดัชนีย่อตัวลงมาได้ โดยที่ปัจจุบันยังคงมีปัจจัยกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจากภาวะ Inverted Yield Curve ที่เป็นปัจจัยสะท้อนภาพของเศรษฐกิจที่มีโอกาสเกิดการ Recession ที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกอาจกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง โดยจะเห็นว่าเริ่มมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจออกมากันมากขึ้น

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยกดดันต่อเนื่องจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและราคาต้นทุนการผลิตต่างๆ ให้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกไปแล้วในการประชุมเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และกระทบต่อต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนให้เพิ่มสูงขึ้น กดดันต่อความสามารถในการทำกำไรให้ลดลงไปมาก เป็นปัจจัยที่เข้ามารบกวนการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะสั้น

ด้านนักลงทุนสถาบันจากการสำรวจของ บล.เอเซีย พลัส ทั้งหมด 21 สถาบัน พบว่าส่วนใหญ่กลับมาถือครองเงินสดเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ถือเงินสดไว้ราว 20% เพิ่มมาเป็น 30% เนื่องจากยังไม่มั่นใจต่อสถานการณ์และความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ รวมถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจที่มีโอกาสกลับมาชะลอตัว จึงเลือกถือเงินสดเพื่อรอดูทิศทางต่างๆ ให้มีความชัดเจน และอยู่ระหว่างการหาจังหวะกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง ซึ่งปัจจัยในส่วนของนักลงทุนสถาบันที่ยังชะลอการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยหนุนในการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น

หากมองมาที่ตลาดหุ้นไทยนั้นบล.เอเซีย พลัส มองว่าผลกระทบในด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจมีค่อนข้างจำกัด แม้ว่าจะมีการปรับประมาณการตัวเลข GDP ลงมาแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีการฟื้นตัวที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆที่เศรษฐกิจกลับเข้าไปใกล้ช่วงก่อนโควิด-19 หรือเกินช่วงก่อนโควิด-19 ไปแล้ว ทำให้ Downside risk ด้านการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างจำกัด

ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคาดว่าอยู่ในระดับที่ต่ำต่อเนื่อง เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจไว้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไม่ได้รับผลกระทบมาก และยังมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี รวมถึงการผ่อนคลายเปิดประเทศ และการที่ไม่ได้มีการล็อกดาวน์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น และประชาชนยังคงทำงานมีรายได้ ทำให้มีกำลังซื้อกลับมา กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีแรงกดดันเข้ามาจากต้นทุนและค่าครองชีพที่สูงขึ้นก็ตาม แต่ถือว่ากระทบต่อภาพรวมของกำลังซื้อไม่มากอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 65 บล.เอเซีย พลัส ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับปัจจัยบวกด้านราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงจะเข้ามาช่วยหนุนต่อ EPS ในปีนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งหากรวมปัจจัยบวกด้านราคาน้ำมันที่เร่งตัวขึ้นสูงนั้นจะทำให้ประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเป็น 93.9 บาท/หุ้น จากเดิมที่ 88.9 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 86.2 บาท/หุ้น สะท้อนภาพว่าบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยยังมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นได้อยู่ในภาวะที่มีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกเข้ามา

นอกจากนี้บล.เอเซีย พลัส มองว่าเงินสดจากนักลงทุนสถาบันที่ถือครองอยู่ในสัดส่วนค่อนข้ามาก จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เพราะเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันที่ไหลเข้ามานั้นจะเน้นไปที่การลงทุนในตลาดหุ้นที่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีความสามารถในการเติบโตได้อยู่ และเป็นตลาดหุ้นที่ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่ดี ซึ่งตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็นหนี่งในตลาดหุ้นที่น่าจะมีโอกาสที่เม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันจะเข้ามาช่วยหนุนในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งทางบล.เอเซีย พลัส ยังคงประมาณการดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ไว้ที่ 1,810 จุด ซึ่งเป็นระดับดัชนีที่มี Market Equity Yield Growth ที่ดีในระดับ 4.3% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยที่ 4%

ส่วนหุ้นที่ทางบล.เอเซีย พลัส แนะนำการลงทุนนั้น แบ่งออกเป็น 3 ธีมการลงทุน ได้แก่ 1. กลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดเมือง และการฟื้นตัวขึ้นของกำลังซื้อและการจับจ่ายใช้สอย ได้แก่ AEONTS ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง ทำให้กำลังซื้อกลับมา มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และมีความต้องการในการเบิกใช้สินเชื่อส่วนบุคคลกลับมาฟื้นตัว อีกทั้งเป็นหุ้นที่มีค่า P/E ที่ถูกเพียง 11-12 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ราว 2%

และ MAJOR ซึ่งเป็นหนึ่งหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดเมืองค่อนข้างมาก และหน้าหนังจากฮอลลีวูดส์ฟอร์มยักษ์ และหนังไทยที่ตบเท้าเข้าฉายในปีนี้มากขึ้น และยังมีการลงทุนในบริษัทอื่นที่ยังเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพของบริษัท และ SAPPE ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองเช่นเดียวกัน และในช่วงเทศกาลและฤดูร้อนนี้จะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเติบโตของยอดขายเครื่องดื่มในต่างประเทศที่ยังเติบโตได้ดี

2. กลุ่มหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่กลับมา ประกอบกับการลดลงของสต๊อกที่อยู่อาศัยที่ลดลงไปมาก และความมั่นใจของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาเปิดโครงการจำนวนมากในปีนี้ สะท้อนภาพบวกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาฟื้นตัว จาก 18 ที่บล.เอเซีย พลัส มีการทำบทวิเคราะห์ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พบว่ามีมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้มากถึง 4.47 แสนล้านบาท แต่การลงทุนในกลุ่มนี้จะเลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีการกระจายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองและเปิดประเทศ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี คือ LH

3. กลุ่มหุ้นที่ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นในระดับสูง และราคามีการย่อตัวลงมา เป็นจังหวะน่าเข้าสะสม เพื่อเก็งกำไรในช่วงที่ปัจจัยกดดันคลี่คลายลง ได้แก่ SCC ที่ได้รับแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่สูง และราคามีการย่อตัวลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งยังมีอัพไซด์ของราคาค่อนข้างมาก หากปัจจัยด้านต้นทุนราคาน้ำมันคลี่คลายลง รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC ที่ราคาปรับตัวลงมาเช่นเดียวกัน เพราะความกังวลในเรื่องต้นทุนราคาก๊าซที่ใช้ในโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักของ GPSC ทำให้เป็นปัจจัยเข้ามากดดันต่อกำไรของ GPSC ในระยะสั้น แต่หากปัจจัยกดดันได้ผ่านพ้นไปแล้วยังเห็นอัพไซด์ที่เปิดกว้าง และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังเป็นหุ้น Defensive ที่ไม่ค่อยมีความผันผวนมาก และไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากนัก
#4298
ดอลลาร์แข็งค่าสอดคล้องบอนด์ยีลด์ดีดตัว เก็งเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในวันนี้ สอดคล้องกับการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด

ณ เวลา 23.38 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.61% สู่ระดับ 123.53 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.14% สู่ระดับ 134.88 เยน และร่วงลง 0.47% สู่ระดับ 1.092 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.36% สู่ระดับ 99.36

นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 32.9% ก่อนหน้านี้

หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าวตามที่มีการคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกของเฟดที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งหากจำเป็น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนมี.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
#4299
ราคา 6.69 ล้านครับ
ติดต่อทศพร  092*453*6575

ขายบ้านเดี่ยว หมู่บ้านไลฟ์บางกอกบูเลอวาร์ด ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ถนนพุทธมณฑลสาย 4


บ้านเลขที่ 199/18 ซอย 4 หมู่บ้านไลฟ์บางกอกบูเลอวาร์ด ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน นครปฐม

บ้าน 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ

แอร์ 6 ตัว จอดรถได้ 2 คัน

พื้นที่ใช้สอย 210 ตรม. ขนาดที่ดิน 65 ตรว.

ใกล้มหาลัยมหิดล ศาลายา โรงพยาบาลธนบุรี 2 เซ็นทรัลพลาซ่าศาลายา ตลาดเวิร์ลมาเก็ต

ราคา 6.69 ล้านครับ
ติดต่อทศพร  0924536575 

https://www.ddteedin.com/633529/






























#4300
ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 3.33 จุดรับแรงซื้อกลุ่มน้ำมัน-เปิดเมือง-ชิ้นส่วนฯ แต่วอลุ่มบาง

SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,706.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.33 จุด (+0.20%) มูลค่าการซื้อขายราว 36,019 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์-วอลุ่มเบาบางรอปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่มีปัจจัยเดิมยังกดดันทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงเงินเฟ้อพุ่งสูงกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่มีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นและจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศลดลง โดยเช้านี้มีแรงซื้อจากกลุ่มน้ำมัน, กลุ่มเปิดเมือง, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สลับแรงขายกลุ่มแบงก์ แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดแกว่งแคบ ให้แนวรับ 1,700 และ 1,697 จุด ส่วนแนวต้าน 1,710 และ 1,714 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,706.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.33 จุด (+0.20%) มูลค่าการซื้อขายราว 36,019 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบในแดนบวก โดยทำระดับสูงสุด 1,708.89 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,702.63 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวไซ์เวย์ลักษณณะซึมๆ รอปัจจัยใหม่หนุน และปริมาณการซื้อขายเบาบาง ขณะที่ยังคงมีปัจจัยเดิมกดดันอยู่ทั้ง สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งใกล้วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ แม้ว่าวันนี้จะมีปัจจัยบวกจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้ โดยจะต้องติดตามว่าหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเข้ามากลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมัมดิบปรับตัวขึ้น 4% และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปรับขึ้นตามตลาด Nasdaq และกลุ่มเปิดเมืองหลังรัฐเปิดประเทศมากขึ้นตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา สลับแรงขายกลุ่มแบงก์และกลุ่มอื่นๆ

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย นายกิติชาญ คาดว่าตลาดน่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยให้แนวรับที่ 1,700 และ 1,697 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,710 และ 1,714 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,137.46 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,727.06 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 1,564.32 ล้านบาท ปิดที่ 97.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

NEX มูลค่าการซื้อขาย 1,417.03 ล้านบาท ปิดที่ 20.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

BYD มูลค่าการซื้อขาย 969.36 ล้านบาท ปิดที่ 14.10 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
#4301
ก.ล.ต. ชวนทำความรู้จัก ข้อมูลสำคัญจาก 'หนังสือชี้ชวน'

ก.ล.ต. ชวนทำความรู้จัก ข้อมูลสำคัญจาก การออกเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (Initial Public Offering) หรือที่เราคุ้นหูกันว่า 'IPO' ยังคงมีให้เราเห็นตามข่าวกันอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีบริษัทขนาดใหญ่หลายรายเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของบริษัทด้วยการเสนอขายหุ้น ทำให้เกิดกระแสการลงทุนในหุ้น IPO ที่คึกคัก และมีผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เมื่อพิจารณาในมุมมองของกิจการที่ต้องการเงินทุน นับเป็นการสร้างโอกาสให้บริษัทได้ระดมทุนนำเงินไปใช้ขยายกิจการให้เติบโตยิ่งขึ้น เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ และในมุมของผู้ลงทุนก็เป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่ช่วยสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินและยังมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของบริษัทเหล่านั้นโดยใช้เงินจำนวนไม่มาก

เมื่อโอกาสการลงทุนมาถึง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนสามารถทำความเข้าใจกับหุ้น IPO จาก หนังสือชี้ชวน ซึ่งจะให้ข้อมูล 3 ส่วนที่สำคัญ คือ

การประกอบธุรกิจ ให้ข้อมูลว่าบริษัททำธุรกิจอะไร มีลูกค้าเป็นใคร เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในเรื่องใด ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอะไรบ้างและโครงการในอนาคตจะเป็นอย่างไร รวมทั้งความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจ เป็นต้น
การจัดการและการกำกับดูแลกิจการ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการ ผู้บริหาร การกำกับดูแลกิจการ โครงสร้างการบริหารงาน การทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์
ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ให้ข้อมูลทางการเงิน และการวิเคราะห์งบการเงินโดยผู้บริหาร
เมื่อผู้ลงทุนรู้จักธุรกิจของบริษัทแล้ว และต้องการทำความรู้จักกับ 'กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่' ที่จะมีสิทธิออกเสียงนำบริษัทให้เติบโตต่อไป และถ้าบริษัทเติบโต บริษัทจะจ่ายเงินปันผลอย่างไร ผู้ลงทุนสามารถหาข้อมูลได้จากหนังสือชี้ชวนในหัวข้อ 'การจัดการและการกำกับดูแลกิจการ' และ 'โครงสร้างผู้ถือหุ้น' ที่จะอธิบายถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการตรวจสอบและผู้บริหาร ว่าจะมีการออกนโยบายที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดเกณฑ์สำหรับบริษัทที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียน เกี่ยวกับช่วงระยะเวลาที่ห้ามขายหุ้น หรือที่รู้จักกันว่า 'Silent period' สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนรายย่อย หรือเรียกว่า 'Strategic Shareholders' ซึ่งได้แก่ กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและและผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นจำนวนมากกว่าร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้ว รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจควบคุม เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ลงทุนรายย่อย ว่า Strategic Shareholders จะถือหุ้นบริษัทไปอีกระยะหนึ่ง โดยหุ้นของกลุ่ม Strategic Shareholders จำนวนรวมกัน 55% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO จะถูกห้ามซื้อขายในช่วง 1 ปีนับแต่วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาด นั่นหมายความว่า ณ วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขาย หุ้นของกลุ่ม Strategic Shareholders จำนวน 55% จะถูกล็อคห้ามซื้อขาย และเมื่อครบกำหนด 6 เดือน จะสามารถทยอยขายหุ้นได้ 25% ของหุ้นที่ถูกห้ามขาย เมื่อครบเวลา 1 ปี จึงสามารถขายหุ้นทั้งหมดได้ 100% เกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้บริหารขายหุ้นทั้งหมดออกไปทันที เพราะการขายหุ้น ในช่วงวันแรกที่เข้าซื้อขาย อาจทำให้ราคาหุ้น IPO ต่ำลงอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทในอนาคต อย่างไรก็ดี ในกรณีที่กลุ่ม Strategic Shareholders มีหุ้นรวมกันเกินกว่า 55% จะทำให้มีหุ้นบางส่วนของ Strategic Shareholders ที่ไม่ติด silent period ซึ่งเป็นดุลพินิจของ Strategic Shareholders ในการที่จะขายหุ้นส่วนนี้ โดยสามารถทำได้ตั้งแต่วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขาย นอกจากนี้ ในบางกรณีอาจมีการซื้อขายหุ้น IPO แบบ Big Lot ซึ่งเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ในกระดานรายใหญ่สำหรับ นักลงทุนรายใหญ่ เช่น สถาบัน เจ้าของกิจการ กลุ่มบริษัท หรือนักลงทุนที่รวมตัวกันเพื่อซื้อหุ้นตัวนั้น ตั้งแต่ 1 ล้านหุ้น หรือ 3 ล้านบาทขึ้นไป ที่ราคา IPO

อีกเรื่องหนึ่งในหนังสือชี้ชวนที่ผู้ลงทุนควรศึกษา คือ การจ่ายเงินปันผล ซึ่งบริษัทจะระบุว่าจะมีนโยบายการจ่ายปันผล และเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผลอย่างไร โดยแต่ละบริษัทจะกำหนดการจ่ายเงินปันผลแตกต่างกันไป โดยมักคิดเป็นสัดส่วนของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ อัตราการจ่ายเงินปันผลอาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยบริษัทอาจกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติม และในปีใดที่บริษัทมียอดขาดทุนสะสมอยู่ กฎหมายจะกำหนดให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาความสม่ำเสมอของการจ่ายเงินปันผลอีกด้วย โดยหากเป็นเงินปันผลที่มาจาก 'กำไรพิเศษ' เช่น กำไรจากการขายที่ดิน ขายหุ้นบริษัทย่อย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทก็อาจจะจ่ายเงินปันผลได้สูงในบางปีเท่านั้น อีกทั้งในบางกรณีที่บริษัทมีการจ่ายปันผลภายหลังจากวันที่ระบุในงบการเงิน เช่น ข้อมูลในงบการเงินแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 และบริษัทจ่ายเงินปันผลภายหลังจากวันดังกล่าวทำให้ไม่สะท้อนค่าใช้จ่ายในงบการเงิน แต่จะอธิบายไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน หรือจ่ายปันผลจากเงินกู้ยืมระยะสั้น ซึ่งทั้งสองกรณี ผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาว่ากระทบต่อภาระดอกเบี้ย สภาพคล่อง หรือฐานะการเงินของบริษัทหรือไม่ มีผลต่ออัตราหนี้สินต่อผู้ถือหุ้นหรือไม่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถดูได้จากหัวข้อ 'การวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ' ที่จะทำให้เรารู้จักบริษัทในเชิงวิเคราะห์ถึงสาเหตุการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของตัวเลขในงบการเงินที่สำคัญ ช่วยให้อ่านงบการเงินได้เข้าใจมากขึ้น และพิจารณาต่อได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการทำธุรกิจปกติ ผลกระทบจากเหตุการณ์พิเศษ รวมทั้งรายการสำคัญที่เกิดภายหลังงบการเงิน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพื่อให้มองภาพการลงทุนของบริษัทและประเมินความยั่งยืนของเงินปันผลได้ถูกต้อง
#4302
ยูเครนลั่นเดินหน้าเจรจาต่อไป แม้พบหลักฐานรัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม

สำนักข่าวยูครินฟอร์มรายงานในวันพุธ (6 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนกล่าวว่า จะดำเนินการเจรจาระหว่างยูเครนและรัสเซียต่อไป แม้จะพบหลักฐานการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนของกองทัพรัสเซียก็ตาม

ปธน.เซเลนสกีกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฮาเบอร์เติร์กของตุรกีว่า "ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เราต้องหาโอกาสแม้เพียงเล็กน้อยสำหรับกระบวนการเจรจา หากปราศจากสิ่งนี้ ผมคิดว่าคงยากที่จะยุติสงคราม"

ปธน.เซเลนสกีกล่าวย้ำถึงความสำคัญของภารกิจในการไกล่เกลี่ยโดยประเทศอื่น ๆ รวมถึงตุรกีในการเจรจา

ยูเครนได้พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 280 ราย รวมถึงเด็กในเมืองบูชา (Bucha) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 28 กม. หลังจากที่กองทัพยูเครนได้ยึดเมืองคืนจากกองทัพรัสเซียได้

ก่อนหน้านี้ ปธน.เซเลนสกีเรียกการสังหารหมู่พลเรือนในเมืองบูชาว่าเป็น "อาชญากรรมสงคราม"

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 เม.ย.) กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเกี่ยวกับการสังหารหมู่พลเรือนในเมืองบูชา

แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า "ภาพถ่ายและวิดีโอทั้งหมดที่เผยแพร่จากรัฐบาลยูเครน ซึ่งกล่าวหาว่ากองทัพรัสเซียก่ออาชญากรรมในเมืองบูชา เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการยั่วยุ"