• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Prichas

#5072
TQR มั่นใจปี 65 ธุรกิจประกันภัยต่อโตต่อเนื่อง ลุยพัฒนาประกันภัยรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค

บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ประเมินภาพรวมธุรกิจประกันภัยและประกันภัยต่อยังเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าพัฒนาออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีเพิ่มขึ้น ฟากซีอีโอ "ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์" เผย มองหาโอกาสการลงทุน ในธุรกิจใหม่ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ ผลักดันผลงานปี 65 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) ผู้ให้บริการนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 ยังมีทิศทางที่ดี โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าในธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business) และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) จากความต้องการการทำประกันภัยของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะ การประกันภัยไซเบอร์ การประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่างๆ การประกันสุขภาพ รวมทั้ง ประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และการประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประกันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ อาทิ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น และกระแสของ Environmental, Social and Governance: ESG ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั้งโลกให้ความใส่ใจในปัจจุบัน

สำหรับ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน การดำเนินธุรกิจเป็น Software-as-a-Service มุ่งเน้นด้าน Learning Management Platform ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้บริการอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นการพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย และในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่ 6-8 ราย คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้า ทั้ง ธุรกิจประกันวินาศภัย ธุรกิจประกันชีวิตที่เป็นบริษัทประกันภัย บริษัทนายหน้าประกันภัย รวมถึง สมาคมตัวแทนภาคธุรกิจต่างๆ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ขณะนี้ มีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาหลายโครงการ คาดจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทของ TQM มีมติอนุมัติการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR จากนายอัญชลิน พรรณนิภา และนางนภัสนันท์ พรรณนิภา จำนวนรวม 102,000,000 หุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 44.35 ของหุ้นทั้งหมดของ TQR ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท (ห้าบาทสิบสตางค์) โดยจะเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR ภายหลังจากที่ TQM ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2565

โดยภายหลังจากที่ TQM เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ เสร็จสิ้น TQM จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยถือหุ้นทั้งหมด 102,190,000 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.43 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัทฯ และ TQM มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท และ คาดว่าจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2565 นี้

"ในปี 65 นี้ TQR มีการคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้มองหาโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลัก เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้เติบโตในระยะยาวและในส่วนของการเตรียมร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ TQM เพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยต่อ ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น สามารถแข่งขันในระดับสากลได้" นายชนะพันธุ์กล่าว

นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2565 คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตที่ 4% - 5.5% จากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 มีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภค การลงทุน การนำเข้า ส่งออกสินค้าและบริการ เริ่มที่จะทยอยฟื้นตัวได้ตามลำดับ โดยคาดว่าหลังไตรมาส 2 ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจประกันภัยจะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย มั่นใจว่า จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 97.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.60% เทียบปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 74.06 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 256.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.77% เทียบปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 196.04 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดอีก ในอัตรา 0.153 บาท/หุ้น โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.165 บาท/หุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 27 เมษายน 2565
#5073
TRUE-DTAC เดินหน้าควบรวมหลังเก็งที่ประชุม ผถห.4 เม.ย.ให้ไฟเขียว

หุ้น DTAC และ TRUE ปรับตัวขึ้นคาดหวังที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการควบรวมกิจการในวันที่ 4 เม.ย.65

เมื่อเวลา 10.51 น.

DTAC ปรับขึ้น 2.54% หรือเพิ่มขึ้น 1.25 บาท มาที่ 50.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 270.05 ล้านบาท

TRUE ปรับขึ้น 1.94% หรือเพิ่มขึ้น 0.10 บาท มาที่ 5.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 694.16 ล้านบาท

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นทั้งบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ต่างปรับตัวขึ้น รับความคาดหวังการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 4 เม.ย.นี้ จะอนุมัติการควบรวมกิจการระหว่างกัน ซึ่งราคาของทั้งสองแห่งก็ใกล้เคียงราคาเหมาะสม

อย่างไรกด็ตาม เมื่อพิจารณา Enterprise Value ต่ำกว่า 15-20% เมื่อเทียบกับบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) แต่เมื่อมีการควบรวมกิจการ บริษัทใหม่จะมีขนาดธุรกิจใกล้เคียง ADVANC ก็มีความเป็นไปได้ที่จะอัพเกรดราคาเหมาะสม โดย TRUE น่าจะอัพขึ้นมาที่ 5.50-6.00 บาท จากราคา 5 บาทต้นๆในปัจจุบัน และ DTAC คาดอัพขึ้นมา 55-60 บาท จาก 50 บาท

ทั้งนี้ ในวันที่ 4 เม.ย. ทั้ง TRUE และ DTAC ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีวาระพิจารณาอนุมัติการควบ TRUE และ DTAC เพื่อการปรับโครงสร้างทางธุรกิจก้าวไปสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company) อย่างเต็มรูปแบบ เพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนในโครงข่ายยุคใหม่ ตลดอจนก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการหลัก (Key Player) ในการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทย

ในการควบรวมบริษัทจะมีการจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TRUE และ DTAC

1 หุ้นเดิมใน TRUE ต่อ 0.60018 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน DTAC ต่อ 6.13444 หุ้นในบริษัทใหม่

ทั้งนี้ บริษัทใหม่จะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว จำนวน 138,208,403,204 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 34,522,100,801 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท
#5074
ขนส่งนำเข้าสินค้าทั่วไป จากทั้งใน และ นอกประเทศ พวกเราบริการขนส่งผลิตภัณฑ์ทั่วทั้งโลก
มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจขนส่งผลิตภัณฑ์รวมทั้งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์อื่นๆ
ที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการขนส่งทั้งยังในแล้วก็
ต่างถิ่นซึ่งเกี่ยวพันในอุตสาหกรรมการขนส่ง

ขนส่งนำเข้าสินค้าทั่วไป จากทั้งใน และ นอกประเทศการส่งผลิตภัณฑ์ระหว่างชาติมากมาย
กว่า 22 ปีด้วยความตั้งใจที่
ปรารถนาเน้นย้ำให้ลูกค้าเพื่อได้รับ
ความพอใจและบริการอย่างมาก
ขนส่งนำเข้าสินค้าทั่วไป จากทั้งใน และ นอกประเทศสุด โดยจากจุดเริ่มที่พวกเราเริ่มด้วยพนักงานที่มี
ความตั้งใจจริง
สำหรับในการให้บริการซึ่งได้รับ
การฝึกฝนมาเป็นอย่างดี


https://bit.ly/3uNOzzJ
#5075
ทั่วโลกติดโควิดทะลุ 489,000,000 ราย ตายกว่า 6,100,000 ราย
 
Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 489,187,542 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 6,168,947 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (81,782,787) รองลงมาคืออินเดีย (43,025,775) บราซิล (29,947,895)

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 25 ล้านราย ได้แก่ ฝรั่งเศส

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 21 ล้านราย ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 17 ล้านราย ได้แก่ รัสเซีย

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 14 ล้านราย ได้แก่ ตุรกี อิตาลี

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 13 ล้านราย ได้แก่ เกาหลีใต้

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 11 ล้านราย ได้แก่ สเปน

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (1,007,352) ตามมาด้วยบราซิล (659,860) อินเดีย (521,211)
#5076
รับจ้างลงโพสต์อสังหา   โพสต์ขายอสังหา โพสขายบ้าน รับรองผล ติดgoogle หน้าแรกใน7วัน ถูกสุด 15 บาท/วัน 
#5077
ญี่ปุ่นขยายมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โทษฐานพัฒนาขีปนาวุธ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือในวันนี้ โดยอายัดทรัพย์สินขององค์กรรัสเซีย 4 แห่งและชาวเกาหลีเหนือ 9 รายโทษฐานที่มีส่วนร่วมในโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

นายฮิโรคาซุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและโฆษกระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า มาตรการนี้เป็นความพยายามส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนืออย่างครอบคลุม โดยมาตรการดังกล่าวได้รับอนุมัติในที่ประชุมครม.ช่วงเช้าวันนี้และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายมัตสึโนะกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันว่า "ญี่ปุ่นเรียกร้องให้เกาหลีเหนือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขปัญหา" รวมถึงโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธ ตลอดจนปัญหาการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นในอดีตของเกาหลีเหนือ

ด้านนายฟูมิโอ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวถึงการออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมในการประชุมของราชมนตรีสภา (House of Councillors) โดยระบุว่า "เราจะทำทุกอย่างต่อไปเพื่อรวบรวมข้อมูลและติดตามสถานการณ์ ในขณะเดียวกันก็รับประกันความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศเรา"

หลังการยิงขีปนาวุธจำนวนมากในช่วงต้นปีนี้ เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่อ้างว่าเป็นชนิดใหม่ชื่อว่า "ฮวาซอง-17" เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ลงสู่น่านน้ำในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งจังหวัดอาโอโมริของญี่ปุ่น
#5078
USTR วอนญี่ปุ่นลด-งดเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐเพิ่มเติม

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า สหรัฐจะยังคงเรียกร้องให้ญี่ปุ่นลดมาตรการกีดกันทางการค้า (Trade Barriers) สำหรับสินค้าหลายรายการ หลังจากเผยแพร่รายงานที่ระบุว่า ญี่ปุ่นจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงสำหรับสินค้าหลายรายการ รวมถึงข้าวและผลิตภัณฑ์นม

USTR ยอมรับว่า ข้อตกลงการค้าทวิภาคีที่สหรัฐทำร่วมกับญี่ปุ่นเมื่อปี 2563 ทำให้มีการลดหรืองดเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าภาคเกษตรกรรมของสหรัฐแล้วราว 90% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงมีสินค้าที่สำคัญบางรายการที่มีอัตราจัดเก็บภาษีที่สูงอยู่ ซึ่งปิดกั้นไม่ให้ผู้ค้าสหรัฐเข้าถึงตลาดญี่ปุ่นได้เต็มที่

ตัวอย่างของสินค้าเหล่านี้ได้แก่ น้ำผลไม้, อาหารสัตว์เลี้ยง, องุ่นบริโภค, บลูเบอร์รีแช่แข็ง, น้ำตาล, ผงเครื่องดื่มช็อกโกแลตและโกโก้ เป็นต้น

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดรายประเทศสำหรับสินค้าภาคเกษตรกรรมของสหรัฐที่ใหญ่ที่เป็นอันดับ 4 โดยตัวเลขประมาณการณ์ของมูลค่าส่งออกสหรัฐอยู่ที่ 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2564

รายงานยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นมีกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวดและมีการบังคับใช้อย่างแข็งขัน แต่ยังมีข้อกังวลในประเด็นอื่น ๆ อยู่บ้าง

อนึ่ง เมื่อปีที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้แก้ไขกฎหมายป้องกันการนำเข้าสินค้าปลอมจากผู้ขายในต่างประเทศด้วยการอ้างว่าเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ส่วนบุคคล โดย USTR ระบุว่า จะติดตามการบังคับใช้ข้อกฎหมายดังกล่าวเพื่อดูว่าเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ได้ผลหรือไม่สำหรับปัญหาการนำเข้าสินค้าปลอมในญี่ปุ่น
#5081
Asia Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 31 มีนาคม 2565

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,499.60 จุด ลดลง 14.90 จุด หรือ -0.20% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,789.60 จุด ลดลง 10.30 จุด หรือ -0.13%

-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ 2564 ของญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดได้รับผลกระทบจากความวิตกว่าวิกฤตการณ์ยูเครนจะยืดเยื้อหลังจากกองกำลังของรัสเซียยังคงทำการโจมตีในยูเครน

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 27,821.43 จุด ลดลง 205.82 จุด หรือ -0.73% และลดลง 1,357.37 จุดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฉุดตลาดลง

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยหุ้นกลุ่มการเงินและผู้ผลิตเหล็กปิดนำตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,757.65 จุด เพิ่มขึ้น 10.91 จุด หรือ +0.4% โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลางที่ 1 พันล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 9.6 ล้านล้านวอน (7.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในสัดส่วน 607 ต่อ 240 ตัว

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ หลังจีนเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงในเดือนมี.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,252.20 จุด ลดลง 14.39 จุด หรือ -0.44%

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงในเดือนมี.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจจีนถูกกระทบจากการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 21,996.85 จุด ลดลง 235.18 จุด หรือ -1.06%
#5082
CEYE โรดโชว์ออนไลน์ จ่อขาย IPO 70 ล้านหุ้น ภายใน Q2/65 กางแผนโตครบวงจร รับอุตสาหกรรมโฆษณาบูม

บมจ.ตาชำนิ หรือ CEYE น้องใหม่ IPO สุดครีเอทีฟ เดินหน้าโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนตามแผนเสนอขายหุ้น IPO 70 ล้านหุ้น โดยมี "บจก. แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์" ที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมชูศักยภาพ และจุดเด่น มอง CEYE เป็นหนึ่งในผู้นำด้านครีเอทีฟ คอนเทนต์โฆษณา ครบวงจร ปัจจุบันยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท ตลอดจนทีมงานคุณภาพ มีประสบการณ์ พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เร็วๆ นี้

นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงานโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนทั่วไปได้รับฟังข้อมูลการดำเนินธุรกิจ และแผนงานในอนาคต รวมถึง เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตตามแผนการระดมทุน โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (service) ภายในไตรมาส 2/2565

วัตถุประสงค์การระดมทุน นำไปใช้สำหรับลงทุนโครงการในอนาคต ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,000 ตารางเมตร และโครงการลงทุนในส่วนอุปกรณ์การผลิต โดยเป็นการลงทุนในอุปกรณ์การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ และลงทุนในส่วนขั้นตอนภายหลังการผลิต นอกจากนี้ นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อประโยชน์ในการบริหารสภาพคล่อง และเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสเพื่อต่อยอดความเชี่ยวชาญ ผ่านโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ลงทุนในบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาด กิจกรรม และการประชาสัมพันธ์ รวมทั้ง ธุรกิจออนไลน์ รับเทรนด์เม็ดเงินโฆษณาในยุคดิจิทัลมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้ง แผนลงทุนในบริษัท โพสต์ โปรดักชั่น สำหรับวีดีโอ ภาพยนตร์ และซีรีส์ รวมทั้ง ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพและสร้างทีมนวัตกรรม รับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจวีดีโอสตรีมมิ่ง และเพิ่มความครบวงจรในการให้บริการด้านโปรดักชั่น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน CEYE ประกอบธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณาสื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัล ออนไลน์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีบริษัทย่อยคือ บริษัท ไม้ยืนต้น จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 99.82% ดำเนินธุรกิจให้เช่าสตูดิโอสำหรับการถ่ายภาพยนตร์ โฆษณา และรายการโทรทัศน์ ปัจจุบันมีสตูดิโอ 5 สตูดิโอ

ณ สิ้นปี 2564 โครงสร้างรายได้ใน 5 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่ง 50.07% บริการผลิตภาพเคลื่อนไหว 26.73% บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ 11.50% บริการให้เช่าสตูดิโอ 3.82% และ บริการอื่นๆ รวมประมาณ 5.50% ได้แก่ ธุรกิจผลิตสื่อออนไลน์ ปัจจุบันมีจำนวน 5 สื่อ คือ Spectrum, Shifter, Love Like Laugh, Myanmar Good Friend และ Landmark ผ่านช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram, Website, Twitter เป็นต้น รวมทั้ง ให้บริการบริหารสื่อออนไลน์ให้แก่ลูกค้า บนFacebook ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เข้ามาเสริมฐานรายได้ในระยะยาว

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การนำเสนอข้อมูลสรุปในงานโรดโชว์ครั้งนี้ จึงเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ในศักยภาพการเติบโตของ CEYE ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมครีเอทีฟ และคอนเทนต์โฆษณา ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร เป็น One stop services creative and production solution ด้วยกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ มาตรฐานระดับสากล ตลอดจนทีมผู้บริหารและผู้ก่อตั้งมีชื่อเสียง ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงการโฆษณา ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อีกทั้ง มีกลยุทธ์การพัฒนาสื่อเป็นของตัวเอง รับเทรนด์การเติบโตในยุคดิจิทัล เนื่องจากธุรกิจมีความจำเป็นต่อการโฆษณาในทุกยุคสมัย เห็นได้จากรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดในปี 2564 ที่ผ่านมา การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จึงมองว่าจะเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดในการลงทุน เพิ่มโอกาสให้บริษัทฯ ขยายความครบวงจร และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สำหรับภาพรวมผลประกอบการงวดประจำปี 2564 มีรายได้รวม 272.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.53% และมีกำไรสุทธิ 28.45 ล้านบาท เติบโต 101.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยผลประกอบการในไตรมาส 4/2564 ทำจุดสูงสุดของปีที่ผ่านมา รับมาตรการผ่อนคลายของรัฐบาลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีรายได้รวม 87.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.95% จากไตรมาสก่อน และกำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1,430.00% จากไตรมาสก่อน ดังนั้นแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มบริษัทมีทิศทางสดใสมากขึ้น สอดรับกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2565
#5083
บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวลง นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อ,สถานการณ์ยูเครน
 
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในยูเครน และการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในสหรัฐ

ณ เวลา 00.11 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.323% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.448%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

นักลงทุนกลับมากังวลต่อสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน แม้ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายประสบความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพ

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่มั่นใจในคำมั่นสัญญาของรัสเซียที่ว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ โดยนายเคอร์บีมองว่า การที่รัสเซียถอนกำลังทหารบางส่วนจากกรุงเคียฟนั้นเป็นการ "กลับมาตั้งหลัก" ไม่ใช่การถอนทหารอย่างแท้จริง พร้อมกับแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้กำลังทหารโจมตีครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของยูเครน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2526 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5%

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุก่อนหน้านี้ว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งหากจำเป็น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ค.
#5084
TPCH มั่นใจปี 65 รายได้โต 30-40% เตรียมพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะอีก 4-6 แห่ง

นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่ายังมีการเติบโตที่ดี สามารถทยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ รวม 11 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP , PTG ,TPCH 5 , TPCH 1 ,TPCH 2 และโรงไฟฟ้าขยะ SP มีกำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์

"เราประเมินผลงานในปีนี้ คาดว่า ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ที่ได้รับราคาค่าไฟค่อนข้างสูง รวมถึงโรงไฟฟ้าชีวมวลเดิมทั้ง 10 แห่ง ขณะเดียวกัน การเดินเครื่องของ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ ,TPCH 1 , TPCH 2 , TPCH 5 มีความเสถียรมากขึ้น รวมทั้งการเตรียม COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวลอีก 2 แห่ง มั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้ให้เติบโตที่ 30-40% ได้" นางกนกทิพย์ กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า TPCH เตรียมพร้อม COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลาน กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล บันนังสตา กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 2/65

อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอีกประมาณ 4-6 แห่ง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) โดย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการมีกำลังการผลิตรวม 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล ชีวภาพ ขนาด 200 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ 50 เมกะวัตต์ ภายในปี 66

"ในปี 65 นี้ TPCH ให้ความสำคัญและอยู่ระหว่างการศึกษานโยบายการขับเคลื่อน BCG (Bio-Circular-Green Economy) โดยการนำพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ในปี 2565 ประมาณ 122 เมกะวัตต์ มาทำการซื้อขาย Carbon Credit ในรูปแบบของ I-REC (International Renewable Energy Certificate) ซึ่งเป็นการขอรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและนำ Carbon Credit มาขายเพื่อก่อให้เกิดรายได้จริงในปีนี้ ซึ่งโรงไฟฟ้าชีวมวล 10 เมกะวัตต์ จะลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 30,000-40,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี

ดังนั้น หากบริษัทมีโรงไฟฟ้า ประมาณ 122 เมกะวัตต์ จะลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 400,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ต่อปี และสามารถซื้อขาย I-REC ได้ประมาณ 700,000 I-REC ต่อปี อีกทั้ง ยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจอื่นที่อาจก่อให้เกิดรายได้นอกเหนือจากการขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายเชิดศักดิ์ กล่าว
#5085
บริษัทไม่มีนโยบายให้จำหน่ายผ่าน Lazada Shopee
ระวังของปลอม ลอกเลียนแบบ
ของแท้ ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายถูกต้องจากบริษัทโดยตรง
ปลอดภัย ปรึกษาแนะนำการทานที่ถูกต้องและเห็นผล
รายละเอียดเพิ่มเติม Balance U core ของแท้ ดูยังไง