• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - dsmol19

#6766
สำนักพรเทวะ ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์
สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999 
#6767
3 เจ้าของร้านอาหารดัง ร่วมแชร์เคล็ดลับการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 แนะนำวิธีสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่กลับมารับประทานอาหารที่ร้านหลังคลายล็อกดาวน์ พร้อมติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ "ไดกิ้น สตรีมเมอร์"

แน่นอนว่าในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา หลายคนต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเดินทาง การท่องเที่ยว หรือการรับประทานอาหารจากร้านโปรดที่ชื่นชอบ ซึ่งหลังจากมีประกาศคลายล็อกดาวน์จากภาครัฐออกมา เกี่ยวกับการนั่งรับประทานอาหารนั้น ด้านเจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดังต่างก็ได้หาแนวทางเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้ใช้บริการกันอีกครั้ง

โดยล่าสุดแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการปรับอากาศคุณภาพสูง "ไดกิ้น" (Daikin) ได้จัดเวิร์คช็อปร่วมกับ 3 เจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดัง ได้แก่ อัจฉรา บุรารักษ์ เจ้าของธุรกิจร้านอาหารเครือ iberry Group ที่มีมากกว่า 40 สาขาทั่วกรุงเทพฯ, อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ เจ้าของคาเฟ่ขนมหวานสไตล์ไต้หวัน QQ Dessert ที่ปัจจุบันมีร้านถึง 12 สาขาในประเทศไทย และธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของร้านชาบูชื่อดัง Penguin Eat Shabu ที่มีถึง 7 สาขา มาร่วมแนะนำเทคนิคการดูแลธุรกิจร้านอาหารในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พร้อมเผยเคล็ดลับสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคที่กลับมารับประทานอาหารที่ร้าน ด้วยการเสริมสร้างความปลอดภัยภายในร้านด้วยนวัตกรรมจากเครื่องฟอกอากาศ "ไดกิ้น" (Daikin) สตรีมเมอร์

"ไดกิ้น" (Daikin) แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการปรับอากาศคุณภาพสูง ที่ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกน้อยที่สุด จนขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ยอดนิยมที่สามารถครองใจเหล่าผู้บริโภคภายในครัวเรือน และผู้ประกอบการชั้นนำมาอย่างยาวนาน ล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า "สตรีมเมอร์" (Streamer) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยขจัดควันพิษ ก๊าซอันตรายจากสารเคมี ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อโรค รวมถึงเทคโนโลยีตัวกรองฝุ่น PM2.5 ที่เข้ามาช่วยปรับอากาศ ภายในบ้านให้มีความสะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้ร่วมมือกับคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อทดสอบประสิทธิภาพเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่เก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยติดเชื้อจากการระบาดภายในประเทศไทย และนำมาเพาะเชื้อเพื่อทดสอบในห้องทดลอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาได้บ่งชี้ว่าเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องฟอกอากาศ "ไดกิ้น" (Daikin) สามารถช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ได้ถึง 99.9%* สอดคล้องกับผลการทดสอบก่อนหน้านี้ที่ "ไดกิ้น" (Daikin) ประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยโอคายามะนำเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ไปทดสอบในห้องทดลอง กระทั่งได้ผลลัพธ์ว่าสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ได้เช่นกัน

ด้านเซเลบริตี้เจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดังต่างก็ได้แนะนำเทคนิคการดูแลธุรกิจร้านอาหารท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 พร้อมเผยเคล็ดลับสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่กลับมารับประทานอาหารที่ร้าน รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยอยู่เสมอ

เริ่มจาก อัจฉรา บุรารักษ์ เจ้าของธุรกิจร้านอาหารเครือ iberry Group กล่าวว่า "ในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมาเรามีการปรับตัวค่อนข้างมาก หลักๆ เลยคือหันมาทำในรูปแบบของเดลิเวอรี่มากขึ้น มีการออกแบบการรับประทานให้เป็นแบบเฉพาะบุคคล จากปกติที่ทำเป็นคอร์สใหญ่ๆ เหมาะสำหรับหลายๆคน เราก็ลดปริมาณลงมา มีการคิดค้นเมนูใหม่ๆ ที่เหมาะสำหรับการรับประทานคนเดียว และสำหรับการกลับมาเปิดร้านในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าเราต้องมีการเตรียมความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในร้าน มีน้ำยาแอลกอฮอล์ให้ลูกค้าใช้ทุกจุด การจัดโต๊ะก็ต้องเว้นระยะห่างตามที่กฎหมายกำหนด มีการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าก่อนเข้าร้าน

รวมไปถึงมีการตรวจหาเชื้อในพนักงานทุก 1 สัปดาห์ และขณะอยู่ในร้านพนักงานต้องใส่ถุงมือ และหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เวลาพักก็ต้องแยกกันรับประทานอาหาร ห้ามนั่งรวมกัน เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ มีการจัดอบรมพนักงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในที่สาธารณะ หรือแม้กระทั่งเวลาที่เขากลับไปอยู่บ้าน เพราะพนักงานจะเป็นสิ่งที่เรากังวลเป็นอย่างมากว่าห้ามติดเชื้อเด็ดขาด เพราะเขาต้องกลับมาบริการลูกค้าที่ร้าน ซึ่งนอกจากการเตรียมความพร้อมขั้นพื้นฐานแล้ว เรายังใส่ใจในเรื่องของอากาศภายในร้านด้วย เพราะร้านเราเป็นพื้นที่ปิด การมีเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ก็ทำให้เราอุ่นใจขึ้น เพราะก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการดูแลของเรา



รวมไปถึงพนักงานภายในร้านก็จะได้ทำงานอย่างไร้กังวล ส่วนตัวเราเองก็ระมัดระวังสุขภาพเป็นอย่างมาก ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ออกจากบ้านเลย ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันอย่างสม่ำเสมอ ล้างมือบ่อยๆ แล้วก็ดูแลอากาศภายในบ้านให้สะอาด สดชื่น ปราศจากเชื้อโรค"



ถัดมาที่ อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ เจ้าของคาเฟ่ขนมหวานสไตล์ไต้หวัน QQ Dessert ที่ปัจจุบันมีร้านถึง 12 สาขาในประเทศไทย เผยว่า "การทำธุรกิจในช่วงสถานการณ์แบบนี้ สิ่งสำคัญเลยคือการปรับตัว ต้องจัดการกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นให้ได้ อย่างร้านเราก่อนหน้านี้จะปิดเฉพาะสาขาที่อยู่ในห้างฯเท่านั้น ส่วนสาขาอื่นๆ ก็เปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งก่อนที่จะเปิดให้นั่งในร้านได้ก็จะมีแค่การขายแบบซื้อกลับและเดลิเวอรี่อย่างเดียว พอมีประกาศให้นั่งในร้านได้ เราก็มีการทำความสะอาดร้านครั้งใหญ่ทุกสาขา มีการอบโอโซนฆ่าเชื้อทำความสะอาดทุกจุดภายในร้าน มีจุดตรวจคัดกรอง มีการตรวจหาเชื้อในพนักงาน และอบรมให้ความรู้พนักงานเกี่ยวกับการดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วย เพราะสถานการณ์มันสามารถกลับมาระบาดรุนแรงได้ทุกเมื่อ ทั้งพนักงานเราเอง ลูกค้า คนส่งอาหาร ทุกคนต่างก็มีความเสี่ยงทั้งสิ้น

 ดังนั้นเราต้องป้องกันอย่างดีไม่ควรประมาทเด็ดขาด ซึ่งนอกจากการป้องกันขั้นพื้นฐานแล้ว ที่ร้านก็ยังติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไดกิ้น สตรีมเมอร์ ที่มีคุณสมบัติสามารถช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ถึง 99.9% ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และพนักงานในร้านได้เป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าโรคนี้อันตรายมาก ถ้ามันมีเทคโนโลยีที่สามารถจัดการได้ เราก็ยินดีที่จะนำมาใช้ สำหรับการดูแลตัวเองทุกวันนี้ก็ระวังตัวมาก โชคดีที่เป็นคนติดนิสัยล้างมือบ่อยอยู่แล้ว หยิบจับอะไรนิดหน่อยก็ต้องล้างมือตลอด ถ้ามีธุระต้องออกไปข้างนอกกลับมาก็ต้องรีบอาบน้ำทำความสะอาดตัวเอง ของที่ซื้อเข้าบ้านทุกชิ้นก็ต้องล้างน้ำเปล่าแล้วก็พ่นสเปรย์แอลกอฮอล์ก่อน ดูแลทำความสะอาดบ้านตลอด ซึ่งที่บ้านเราก็มีเครื่องฟอกอากาศไดกิ้น สตรีมเมอร์ด้วยเช่นกัน เลยทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น



ปิดท้ายที่ ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของร้านชาบูชื่อดัง Penguin Eat Shabu ที่มีมากถึง 7 สาขา เล่าว่า "การเปิดร้านรอบนี้จะค่อนข้างแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ตรงที่เราเปิดร้านในช่วงที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเยอะอยู่ ดังนั้นจึงค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง เราจึงต้องมีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ อย่างแรกเลยก็จะพยายามให้พนักงานไปฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด แล้วก็มีการตรวจหาเชื้อให้พนักงานทุกสัปดาห์ รวมถึงจำกัดการเดินทางของพนักงานทุกคนให้อยู่ระหว่างที่พักกับร้านเท่านั้น ตัวเราเองก็เช่นกัน พยายามหลีกเลี่ยงที่จะต้องเจอกับคนที่ไม่คุ้นเคย เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาดูแลตัวเองดีไหม พอร้านเปิดเราก็ต้องควบคุมปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการให้อยู่ในระดับ 50% ของร้าน ตามที่ภาครัฐกำหนด และต้องทำฉากกั้นระหว่างโต๊ะเพื่อที่จะให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจมากขึ้น พนักงานทุกคนต้องใส่ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน และหมวกตลอดเวลา รวมถึงการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในพื้นที่ต่างๆ ของร้าน 

นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไดกิ้นที่มีเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ ซึ่งสามารถจัดการกับเชื้อไวรัสนี้ได้ แน่นอนว่าในฐานะเจ้าของธุรกิจอะไรที่พอจะเป็นตัวช่วยได้ เราก็ยินดีที่จะลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน สำหรับเคล็ดลับการทำธุรกิจร้านอาหารในยุคนี้ การยึดวิธีการทำงานแบบเดิมๆ คงไม่เพียงพออีกต่อไป เราต้องดูว่าตอนนี้คนให้ความสนใจกับอะไร ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง อย่างช่วงที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะกินชาบู เพราะไม่สามารถออกจากบ้าน หรือถ้าอยากกินก็คงลำบาก เราก็ทำโปรโมชั่นขายชาบูแถมหม้อไปด้วยเลย ทำให้เขารู้สึกง่ายต่อการใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่คนสนใจ อย่างการขายผลไม้ ขายทุเรียน คือเราก็ต้องเรียนรู้ และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้"
#6768


โฆษกรัฐบาลแจง ยังจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามปกติ ไม่ปรับลด นายกฯ ให้นโยบาย หากเปลี่ยนแปลงให้รักษาสิทธิของผู้รับสิทธิเดิมจนเสียชีวิต มอบหมาย "จุรินทร์" นั่งประธาน กผศ.พิจารณาเสนอ ครม. พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ

วันที่ 21 ก.ย.เมื่อเวลา 15.20 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมาย กรณีคณะอนุกรรมการนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หารือเรื่องการกำหนดจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเฉพาะกลุ่มคนยากจนว่า ยังเป็นการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามปกติ ไม่ได้มีการปรับลดแต่อย่างใด หากมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ให้นโยบายว่า ให้รักษาสิทธิผู้รับสิทธิเดิมไปจนเสียชีวิต

ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รายงานว่า คณะอนุกรรมการนโยบายฯ พิจารณาข้อเสนอทางเลือกส่งให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) โดยนายกฯ มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ทำหน้าที่แทนและเสนอให้ ครม. พิจารณา ทั้งนี้นายกฯ พร้อมที่จะรับฟังหากมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและจะส่งให้ พม.รับไปพิจารณา
#6770


กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ สปสช.กระจายชุดตรวจ ATK ทั่วประเทศแล้ว 6.7 ล้านชิ้น ตรวจสอบจุดแจกได้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังและเว็บไซต์ สปสช. ย้ำแจกชุดตรวจในกลุ่มเสี่ยง หากได้รับแล้วควรใช้ทันที และแจ้งผลตรวจเข้าระบบ ล่าสุด แจกชุดตรวจแล้ว 8 หมื่นคน รายงานผล 1.4 หมื่นคน

วันนี้ (21 ก.ย.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงข่าวความคืบหน้าการจัดสรรชุดตรวจ ATK ด้วยตนเอง โดยนายแพทย์ธงชัย กล่าวว่า การกระจายชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชิ้นให้ประชาชนตรวจด้วยตนเองฟรีนั้น ขอให้ใช้เฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้แก่ ผู้ที่มีอาการแต่ไม่มีประวัติสัมผัส , ผู้ที่มีประวัติสัมผัส แต่ไม่มีอาการ และกลุ่ม 608 ในพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาด โดยขอรับชุดตรวจได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน / คลินิก /ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือ อสม. ซึ่งจะมีการประเมินความเสี่ยงก่อนแจก ส่วนผู้ที่มีทั้งความเสี่ยงและมีอาการ ควรไปตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาล

นายแพทย์ธงชัยกล่าวว่า ผู้ที่ได้รับชุดตรวจ ATK ควรใช้ตรวจทันที อย่าเก็บไว้ใช้ภายหลังเนื่องจากชุดตรวจมีวันหมดอายุและหากเก็บไม่ดีจะเสื่อมสภาพ โดยควรเก็บในอุณหภูมิห้องไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส กรณีผลตรวจเป็นลบและไม่มีอาการควรตรวจซ้ำทุก 7 วัน และตรวจทันทีเมื่อเริ่มมีอาการ ส่วนกรณีผลลบแต่มีอาการควรตรวจซ้ำ ใน 3-5 วัน สำหรับผลบวกให้แจ้งผ่านสายด่วน 1330 หรือบันทึกในแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือเบอร์ติดต่อที่หน่วยบริการแต่ละจังหวัดแนบมากับชุดตรวจ

"แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และผลตรวจจะเป็นลบก็ห้ามประมาท เพราะ ATK ช่วยให้รู้ผลเร็ว เข้าระบบการรักษาได้เร็ว และช่วยควบคุมโรคได้เร็ว แต่ไม่ได้ช่วยป้องกันโรค มาตรการสำคัญคือ การป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา (Universal Prevention) สำหรับการจำหน่ายชุดตรวจ ATK ขณะนี้มีในร้านยาทั่วไป โดยวันที่ 22 กันยายน คณะกรรมการเครื่องมือแพทย์จะมีการประชุมและพิจารณาเรื่องการจำหน่าย คาดว่าสิ้นเดือนกันยายนจะประกาศให้จำหน่ายได้ทั่วไป แต่ไม่ควรซื้อทางออนไลน์ เพราะอาจไม่ได้มาตรฐาน" นายแพทย์ธงชัยกล่าว

ด้าน นายแพทย์จเด็จกล่าวว่า ขณะนี้กระจายชุดตรวจ ATK แล้ว 6.7 ล้านชิ้นทั่วประเทศ สามารถเข้าเว็บไซต์ สปสช. www.nhso.go.th หรือแอปพลิเคชันเป๋าตังเพื่อตรวจสอบจุดกระจายชุดตรวจได้ ซึ่งจะเริ่มวันที่ 22 กันยายนเป็นต้นไป ส่วนใน กทม.นอกจากศูนย์บริการสาธารณสุขที่กระจายชุดตรวจแล้ว จะมีคลินิกชุมชนอบอุ่น 120 กว่าแห่งเริ่มกระจายชุดตรวจวันที่ 27 กันยายนนี้ และมีอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) 1 หมื่นคนทยอยกระจายชุดตรวจพื้นที่เป้าหมาย สำหรับการรับชุดตรวจทำได้ 3 วิธี คือ 1.หน่วยบริการในพื้นที่ใกล้บ้าน ที่มีป้ายสีเหลืองว่าจุดแจกชุดตรวจโควิด ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงขอรับได้ที่นี่ฟรี สามารถเข้าไปรับประเมินความเสี่ยงเพื่อรับชุดตรวจ 2.แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ตอบคำถาม 3 ข้อเพื่อประเมินความเสี่ยง โดยสามารถเลือกหน่วยบริการแจกชุดตรวจใกล้บ้าน เพื่อกดรับชุดตรวจ เมื่อไปหน่วยบริการให้แสดงคิวอาร์โคดเพื่อสแกนรับชุดตรวจ และ 3. พื้นที่ชุมชนแออัด ตลาด พนักงานร้านเสริมสวย นวดสปา จะมี อสส. และ อสม. ไปประสานและแจกชุดตรวจ

นายแพทย์จเด็จกล่าวว่า เมื่อตรวจแล้วไม่ว่าผลเป็นบวกหรือลบให้รายงานผลด้วย ถ้าใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังให้กลับเข้าแอปพลิเคชันอีกครั้ง เพื่อกดรายงานผล หากผลบวกจะมีเจ้าหน้าที่โทรกลับเพื่อประสานนำเข้าระบบดูแลรักษาที่บ้านหรือชุมชน หากผลลบจะบันทึกข้อมูลไว้และควรสังเกต 3-5 วันก่อนตรวจซ้ำอีกครั้ง หรือหากรับจากหน่วยบริการให้โทรศัพท์กลับไปแจ้งผล ซึ่งข้อมูลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - ปัจจุบัน มีการรับชุดตรวจแล้วเกือบ 8 หมื่นคน บันทึกผลตรวจ 1.4 หมื่นคน คิดเป็นเกือบ 20% โดยพบผลบวก 100 คน หรือเกือบ 1% ทั้งนี้ สปสช.ได้ประสานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขยายจุดแจกชุดตรวจเพิ่มเติม ที่จะขยายเร็วๆ นี้ คือ จุดตรวจห้องปฏิบัติการทั่วไป 60 กว่าแห่งทั่วประเทศ สถานพยาบาลของพยาบาล นอกจากนี้ สปสช.ได้ประชาสัมพันธ์ร้านยาจำนวนมากเพื่อให้เข้าร่วมเป็นหน่วยกระจายชุดตรวจ ATK เนื่องจากประเมินว่าประชาชนมีความสะดวก
#6774


"สุพัฒนพงษ์" นั่งหัวโต๊ะ "กบง." มอบ สนพ.-พพ.ร่วมทบทวนแผน PDP ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ด้วยการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้สอดรับกับมติ กพช.เพื่อเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเคาะตรึงราคา LPG ภาคครัวเรือนต่ออีก 3 เดือน สิ้นสุด 31 ธ.ค.นี้

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (20 ก.ย.) ว่า กบง.ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกันดำเนินการทบทวนปรับปรุงแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP2018 rev.1 (ปี พ.ศ. 2564-2573) ให้สอดรับกับมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเมื่อ 4 ส.ค. โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ให้การสนับสนุนข้อมูลศักยภาพสายส่ง รวมถึงพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงระบบสายส่ง และจำหน่ายไฟฟ้า และนำกลับมาเสนอ กบง.เพื่อพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ หลักการสอดคล้องเป้าหมายด้านความมั่นคงทางพลังงานและส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของประเทศให้สอดรับกับประชาคมโลกที่มุ่งเน้นพลังงานไฟฟ้าสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอนและรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Decarbonization) ประกอบด้วย 1) ทบทวนปรับเพิ่ม/ลดกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่รายปีของโรงไฟฟ้าประเภทฟอสซิล (Coal/Natural Gas) โรงไฟฟ้าจาก RE (รายเชื้อเพลิง) เช่น ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ แสงอาทิตย์ ลม ขยะชุมชน ขยะอุตสาหกรรม เป็นต้น รวมถึงการรับซื้อไฟฟ้าโครงการพลังน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน

2) ทบทวนโครงการรับซื้อไฟฟ้า RE ที่มีการดำเนินการล่าช้ากว่าแผนฯ เพื่อปรับกำหนด SCOD ใหม่ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน เป็นต้น 3) รวมทั้งพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก RE ที่มีศักยภาพเหมาะสมร่วมกับเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้า เช่น Solar + ESS เป็นต้น

นอกจากนี้ กบง.ได้เห็นชอบให้คงราคาขายปลีก LPG ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่าราคา LPG ตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ราคา LPG อย่างใกล้ชิด และนำเสนอแนวทางการทบทวนราคา LPG ต่อ กบง.ต่อไป
#6775


ททท.พังงา ชวนสัมผัสกิจกรรมใหม่ ล่องเรือยอร์ชคาตามารัน ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่เขาหลัก รับการเปิดการท่องเที่ยวต่อจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 7+7 เขาหลัก-เกาะยาว

หลังจากจังหวัดพังงาได้มีการเปิดการท่องเที่ยวนำร่องต่อจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 7+7 ในพื้นที่โซนเขาหลักและเกาะยาว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพังงา ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวผู้สนใจทำกิจกรรมใหม่ "ล่องเรือยอร์ชคาตามารัน" ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่เขาหลัก ที่หาดบางเนียง หน้าโรงแรมลาฟลอร่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา



สำหรับทริปการท่องเที่ยวใหม่นี้ จะพานักท่องเที่ยวขึ้นเรือยอร์ชคาตามารัน แล่นออกจากชายหาดบางเนียง ล่องชมความงามของทะเลเขาหลักแบบช้า ๆ ผ่านหาดเขาหลัก ไปทางฐานทัพเรือพังงา ไปจนถึงเขาหน้ายักษ์ หาดท้ายเหมืองและวนกลับ

ทั้งนี้ในระหว่างล่องเรือจะมีการเสิร์ฟอาหารว่างและเครื่องดื่ม เพื่อรอชมความงดงามของพระอาทิตย์ตอนลับขอบฟ้าจมลงในทะเลอันดามัน

ขณะที่ตอนขากลับก็จะได้ชมความสวยงามของแสงไฟจากโรงแรมและรีสอร์ทย่านเขาหลักที่ส่องกระทบน้ำทะเล ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามประทับใจและเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ในพื้นที่เขาหลัก

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานพังงา โทรศัพท์ 076-413-400
#6776
 
 มากกว่าคำว่ากาแฟ Room Coffee อร่อยดี ไม่มีอ้วน




ประโยชน์เพียบจากสารสกัด 36 ชนิด
เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย ชงง่าย
ชงได้ทั้งน้ำร้อนน้ำเย็น อยากกินต้องได้กิน

มีสารสกัดทั้งหมดมากถึง 36 ชนิด
เช่น โสม ถั่วเช่า เห็ดหลินจือ เมล็ดเจีย คอลลาเจน (สูตรเจ) และอีก...เยอะ
ที่ให้คุณ 5 คุณประโยชน์
Detox ขับสารพิษ
Block บล็อกแป้งและน้ำตาลที่มาใหม่
Burn ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ
Build  ช่วยสร้างเสริมกล้ามเนื้อให้กระชับ
Boost  เพิ่มพลังงานให้กระฉับกระเฉง

และยังช่วยเสริมภูมิต้านทาน ให้ไกลจากโรคหวัดและโรคต่างๆอีกด้วย ทุกอย่างรวมไว้ให้คุณขนาดนี้ บอกเลย คุ้

Room Coffee 1 ห่อ มี 10 ซอง ราคา 299 บาท
สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Tel. 0846623662

Line id : teerapat999
ข้อมูลเพิ่มเติม/รีวิวสินค้า https://teerapat99.iconroomcoffee.com/

#6777


ไทยคว้าอันดับ 43 ในตารางดัชนีนวัตกรรมโลกปี 64 จากทั้งหมด 132 ประเทศ ครองแชมป์อันดับ 1 ของโลกด้านการลงทุนวิจัยและพัฒนาขององค์กรธุรกิจไทย พบยังมีปัญหาข้อมูลไม่อัปเดททำให้ส่งรายงานไปปรับคะแนนได้ไม่เต็มที่ ย้ำองค์กรไทยทุกฝ่ายต้องบูรณาการร่วมกันมากขึ้น

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวถึงการจัดอันดับ GII 2021 ภายใต้แนวคิด Tracking Innovation through the COVID-19 Crisis ว่าเป็นการมุ่งเน้นการวิเคราะห์ผลกระทบของวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อการพัฒนาระบบนวัตกรรม โดยผลการจัดอันดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมในปีนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 43 ปรับเพิ่มขึ้น 1 อันดับจากปี 63 ที่อยู่อันดับ 44

"ในรายงานนี้มีชุดข้อมูลที่เราไม่ได้ส่ง เป็นข้อมูลที่ล้าหลัง ผมคิดว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของหน่วยงานราชการที่ดูแลข้อมูลเหล่านี้ มาทำงานร่วมกันให้ข้อมูลเหล่านี้อัปเดทและเจาะลึกที่สุด เราจึงเน้นที่ Data driven innovation เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดก็สามารถเพิ่มอันดับของไทยได้ เพราะสะท้อนศักยภาพของระบบนิเวศน์จริงๆ"

  ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ 
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์

ไทยถือเป็นอันดับ 3 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ที่อยู่อันดับ 8 และมาเลเซียอันดับ 36 ในตารางการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2564 (Global Innovation Index 2021; GII 2021) ภายใต้แนวคิด "ติดตามการปรับตัวระบบนวัตกรรมในภาวะวิกฤตโควิด-19" หรือTracking Innovation through the COVID-19 Crisis ซึ่งจัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศกว่า 132 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้ประเทศไทยแซงเวียดนามเฉียดฉิวที่ตามมาในอันดับ 44

ดัชนีนี้จัดให้ไทยมีปัจจัยค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนาซึ่งลงทุนโดยองค์กรธุรกิจสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศไทยมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจด้วยการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น



ขณะที่ปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) มีอันดับลดลงจากอันดับที่ 44 ลดลงเป็นอันดับที่ 46 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน (upper middle-income economies) ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 5 จาก 34 ประเทศ โดยประเทศไทยมีอันดับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในทุกปัจจัย แต่หากเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 9 จาก 17 ประเทศ



ที่โดดเด่นที่สุดคือปัจจัยชี้วัดความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศไทยในกลุ่มปัจจัยด้านระบบตลาด และกลุ่มปัจจัยด้านระบบธุรกิจ พบว่าแม้จะมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนาซึ่งลงทุนโดยองค์กรธุรกิจ ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดสำหรับปีนี้เป็นกลุ่มปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ปรับอันดับขึ้นจากอันดับที่ 79 เป็นอันดับที่ 60

ตัวชี้วัดภายใต้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเข้าถึงและการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงการบริการออนไลน์ของภาครัฐ สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการปรับตัวของภาครัฐและภาคเอกชนในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมข้อมูล (Data–driven Innovation)

สิ่งสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดด้านข้อมูลในการติดตามและวัดผลนวัตกรรมไทย คือการขาดข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งจากตัวชี้วัดทั้งสิ้น 81 ตัวชี้วัด มีถึง 16 ตัวชี้วัดที่ต้องนำข้อมูลในอดีตมาประมาณการ และมี 1 ตัวชี้วัดที่ไม่ได้มีการจัดเก็บหรือรายงานผล ส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในภาพรวมและการติดตามเพื่อวางแผนการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ



ข้อมูลหลักที่ขาดไปคือตัวชี้วัดด้านการร่วมลงทุน ทั้งในส่วนของนักลงทุนและบริษัทที่ได้รับการลงทุน โดยช่วงที่ผ่านมาถือได้ว่าประเทศไทยมีความตื่นตัวและการเติบโตด้านนี้เป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้มีการติดตามหรือจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม จึงทำให้ข้อมูลในส่วนนี้มีความคลาดเคลื่อนและส่งผลต่อการจัดอันดับในกลุ่มปัจจัยด้านการลงทุน

บทสรุป 7 มาตรการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมเร่งด่วนที่ไทยควรดำเนินการเพื่อเพิ่มดัชนีนวัตกรรมคือ 1) การเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่มีศักยภาพ 2) การพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการ 3) การปรับปรุงกฎ ระเบียบ และมาตรการที่เป็นอุปสรรค 4) การพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้และการลงทุน 5) การใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม 6) การกระจายโอกาสด้านนวัตกรรมไปสู่ภูมิภาค และ 7) การเตรียมความพร้อมต่อระบบนวัตกรรมที่กำลังเปลี่ยนไป

หากทำได้ ประเทศไทยจะมีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็น "ประเทศแห่งนวัตกรรม" อาจจะขับเคลื่อนนวัตกรรมประเทศไทยให้ก้าวสู่อันดับ 1 ใน 30 ของประเทศที่มีความสามารถด้านนวัตกรรมของโลก ภายในปี 2573.
#6778
ผู้สูงอายุควรทาน ข้าวมะลิแดง และประโยชน์ของ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวน้ำตาลน้อย ข้าว Low GI
ข้าวมะลิแดง ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวกล้องมะลิแดง ข้าวกล้องหอมมะลิแดง ข้าวมะลิแดงสุรินทร์ ข้าวหอมมะลิแดงสุรินทร์ ข้าวกล้องมะลิแดงสุรินทร์
"ข้าวหอมมะลิแดง" /   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค  อาหารผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
"ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง " (Red Jasmine Rice) คือ ข้าวเจ้าพันธุ์หนึ่งของไทย ปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง เมล็ดข้าวมีรูปร่างเรียวยาว มีสีน้ำตาลแดง มีความนุ่ม หอม อร่อย ไม่ต่างจาก "ข้าวหอมมะลิ หรือมองง่ายๆก้คือ ข้าวหอมมะลิ ที่มีสีแดงเลยเรียกกันว่า "ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง  / ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก"



คุณสมบัติเด่น   ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ ใช้เป็นอาหารหลักในการฟื้นฟูกำลัง และเยียวยาผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน
ประโยชน์ของ "ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง  /  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค"-   ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง
-  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิว
- ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคคือ  เป็น Growth Factor ตามธรรมชาติสามารถช่วยการเจริญของเซลล์ผิว
กลุ่มข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ ช่วยชะลอการเกิดและต้านริ้วรอย คงความอ่อนเยาว์
-  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์ คืนความมีชีวิตชีวาให้กับผิว
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค อุดมไปด้วยวิตามินบีเช่นเดียวกับข้าวงอก ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง และช่วยลดอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย
-    ข้าวหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์   มีไฟเบอร์หรือกากใยสูง ช่วยในการดูดซึมไขมัน ทำให้อิ่มนาน และทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์    อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและทองแดงที่ช่วยบำรุงเลือด เป็นอาหารหลักที่ควรกินสำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจางหรือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
- ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง มีสารไนอะซินทำให้ผิวแข็งแรง ลดการเกิดโรคผิวหนังและปัญหาผิวพรรณหยาบกร้าน
-   ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิก มีแคโรทินที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยบำรุงดวงตาให้แข็งแรง
รวมถึงอุดมด้วยใยอาหาร ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ มีเบต้าแคโรทีน และธาตุเหล็กสูง เป็นข้าวกล้องที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ    ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง  ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน คนป่วยเบาหวานและคนที่กำลังคุมน้ำหนักสามารถกินได้อย่างสบายใจ 
ข้าว Hor.Boutique  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก  ข้าวหอมมะลิแดงเพื่อสุขภาพ ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   เครือข่ายข้าวอินทรีย์สุรินทร์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000 โทร. 092-8245655
website : นาข้าวอินทรีย์
Facebook : www.facebook.com/Organic.Red.Jasmine.Rice/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ / ข้าวปลอดสาร  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคคือ เพื่อสุขภาพ 7 ประเภท
1. ข้าวมะลินิลออแกนิคคือ
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค 3. ข้าวผกาอำปึล4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ จ.สุรินทร์5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์สุรินทร์ 6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค 7.   ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคสำหรับทารก

#ข้าวมะลิแดง #ข้าวหอมมะลิแดง #ข้าวกล้องมะลิแดง #ข้าวกล้องหอมมะลิแดง #ข้าวมะลิแดงสุรินทร์  #ข้าวหอมมะลิแดงสุรินทร์  #ข้าวกล้องมะลิแดงสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุรินทร์ #ข้าวมะลิแดงอินทรีย์  #ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ #ข้าวมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสาร  #ข้าวกล้องมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวมะลิแดงเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลิแดงเพื่อสุขภาพ #ข้าวกล้องมะลิแดงสุขภาพ   #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุขภาพ
 

 

 

 
 
#6779


สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจ้งย้ำวันนี้ว่า หยุดงานเพราะโควิด ตกงาน หรือลาออก ก็ยังมีสิทธิ์ประกันสังคมดูแลอยู่

อนุมัติการเยียวยาในอัตราใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ใน 15 เดือนย้อนหลังก่อนวันที่ว่างงาน รายละเอียดต่างกันไปในแต่ละกรณี

(ดังรายละเอียดตามภาพ)


'เยียวยาประกันสังคม' มาตรา 33 กรณีตกงาน ลาออกเพราะโควิดเหตุสุดวิสัย



5 ขั้นตอนลงทะเบียนขอรับสิทธิ์

1. ลูกจ้างกรอกแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01/7)

ลูกจ้างดาวน์โหลดและกรอกแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01/7) https://bit.ly/3u0PrzE ส่งให้นายจ้างพร้อมแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก

กรณีกักตัว ใช้เอกสารประกอบดังนี้ 

- ใบรับรองแพทย์ให้กักตัว หรือ

- คำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งให้กักตัว 

2. นายจ้างหรือเจ้าของธุรกิจ รวบรวมแบบคำขอรับประโยชน์แทน (สปส.2-01/7) และเอกสารอื่น (ถ้ามี) จากลูกจ้างให้ครบถ้วน

3. นายจ้างบันทึกข้อมูลในระบบ e-Service (www.sso.go.th)

นายจ้างบันทึกข้อมูลในระบบ e-Service บน www.sso.go.th พร้อมแนบเอกสารดังนี้

- ข้อมูลลูกจ้างตามแบบฯ สปส.2-01/7

- หนังสือรับรองการหยุดงาน กรณีราชการสั่งปิด/กรณีกักตัว (นายจ้างที่ใช้ระบบครั้งแรกต้องลงทะเบียนเพื่อใช้ระบบก่อน)

4. นำส่งแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01/7) 

นายจ้างนำส่งแบบคำขอรับประโยชน์แทน (สปส.2-01/7) และเอกสารอื่น (ถ้ามี) ของลูกจ้างที่บันทึกข้อมูลในระบบ e-Service ไว้แล้ว ส่งไปที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ทางไปรษณีย์ (ส่งแบบลงทะเบียน) ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่บันทึกข้อมูลในระบบ e-Service

5. ประกันสังคมอนุมัติจ่าย โอนเงินเข้าบัญชี

เมื่อสำนักงานประกันสังคมได้รับข้อมูลของนายจ้างถูกต้องครบถ้วนจะทำการอนุมัติจ่าย รอบแรกเงินเข้าบัญชี ภายใน 5 วันทำการ ส่วนที่เหลือจะโอนเข้าบัญชีทุกสิ้นเดือนจนครบ

กรณีเงินไม่เข้าบัญชี สามารถติดต่อสอบถาม โทร.สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ นายจ้างที่ยังไม่ได้สมัครใช้งาน e-Service ของสำนักงานประกันสังคม สามารถสมัครใช้งานในเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมก่อน จึงจะยื่นผ่านระบบได้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ติดต่อสายด่วน 1506 หรือสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่นายจ้างตั้งอยู่
#6780


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 กันยายน 2564 แยกเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 27,424.36 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 11,334.52 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 79,251.11 ล้านบาทนักลงทุนทั่วไปในประเทศ(รายย่อย) ซื้อสุทธิ 95,340.96 ล้านบาท

สำหรับภาวการณ์ลงทุนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนโดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,625.65 จุดลดลง 0.59% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 85,757.98 ล้านบาท ลดลง 5.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.00% มาปิดที่ 554.20 จุด


 

หุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลภาคธุรกิจของทางการจีน นอกจากนี้ยังมีแรงขายในหุ้นที่มีฟรีโฟลทต่ำ(โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) หลังมีรายงานข่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมที่จะพิจารณาปรับเกณฑ์ในการหาหุ้นเข้า SET50 และ SET100 อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ ก่อนจะร่วงลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่การปรับน้ำหนัก FTSE Rebalance เริ่มมีผลในวันที่ 17 กันยายน 2564

สำหรับสัปดาห์นี้ (20-24 กันยายน) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,635 และ 1,645 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (21-22 กันยายน) สถานการณ์โควิด ประเด็นการเมืองไทย ตัวเลขส่งออกเดือนสิงหาคมของไทย ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสองเดือนสิงหาคมรวมถึงดัชนี PMI เดือนกันยายน (เบื้องต้น)