• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Jessicas, April 05, 2023, 08:15:13 PM

Previous topic - Next topic

Jessicas

1. เนื่องจากว่าพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว

พวกเราไม่ได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้แต่ละวัน บ่อยมากที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แม้กระนั้นถ้าหากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น รวมทั้ง เพิ่มความเชื่อมั่น เพราะเหตุว่าการเฟลจากที่ปฏิบัติงานโดยมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ แล้วก็ขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน แล้วก็ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีสหายคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก มุ่งมั่นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในขณะนี้ปฏิบัติงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่เราเคารพนับถือที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นนายจ้าง คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนโน่นครั้งคนนี้ครั้ง แม้กระนั้นพอใช้ดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่ว่าคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมิได้ยังไง ทำไมน่ะหรอ นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเกลียดแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะพาลกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


หากให้แนะนำก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดียิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าคิดว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุมที่ว่าถ้าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากไปเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

เพียงแค่เราพรีเซ็นท์งานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะแยะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินความจำเป็นในโลกออนไลน์

ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกเหนือจากการที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนพ้องเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นส่งผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มกำลัง เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ไม่เป็นไร


ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาห้วยณพด้วย เนื่องจากว่า ส่วนใหญ่คนภายในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา พึงพอใจ ตั้งใจ แต่... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นมาริษยา

ช่วงปีที่ล่วงเลยมานี้ เพื่อนเราหลายๆคนเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน บางครั้งบางคราวพวกเราเลื่อนมองหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีกว่าพวกเราหรอกเผลอๆเพื่อนคนไม่ใช่น้อยบางครั้งอาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ควรจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา ทราบดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าจุดหมายปลายทางพวกเราปรารถนาอะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองทางวิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตเยอะขึ้น แต่อย่ าเก็บมาใส่ใจจนถึงกลุ้มใจพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้มีความหมายว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงจิตใจกับผู้ใด แต่... มีความหมายว่า " พวกเราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) โดยมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเสียทีเลยค่ะ มีคนคอยซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้พวกเราเหนือกว่ามากๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินการกับผู้ใดกัน ฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนดุตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกบีบคั้นสำหรับการปฏิบัติงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยๆโดนด่าทอในขณะนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 มากมาย ถึงจะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก แล้วก็ อ่อนประสบการณ์ คนโดยมากพร้อมจะยกโทษพวกเราเสมอ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ล้มเหลวเยอะมากๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และก็การหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่แท้ดวงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากขนาดไหน


นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง เงินเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราคือไปทำงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาสหาย ด้วยเหตุผลดังกล่าววันๆเราจึงจะเจอเพียงแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากและเป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเรามีความคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ

คุยแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม แล้วก็การหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงหัวใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง เงินเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาสหาย เพราะฉะนั้นวันๆพวกเราจึงจะพบแค่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากและเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลและเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนผู้ร่วมการทำงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบนี้ เรามีความรู้สึกว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ สนทนาแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราลองถามตนเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าหากอย ากบรรลุความสำเร็จ รวมทั้ง เป็นสุข ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแต่ทำย ากนะ เนื่องจากว่าลูกจ้างมือโปรก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าปรารถนาอะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับค่าแรงนั้นๆ

พวกเราจำต้องรู้ดีว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าอยากความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่มีความคิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


น่าจะหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเราสุขสบายและทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตนเองออกมาให้มากที่สุด นอกเหนือจากการที่จะทำให้พวกเราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังมีผลให้เราปรับปรุงตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากในที่สุดพวกเราพบสายอาชีพที่เรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

และก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าเงินเดือนกระทั่งเหลือเกิน ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นควรจะมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย ได้แก่ได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองดูด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ เดี๋ยวนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกกับความสำราญของพ่อแม่
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/