• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Shopd2

#6736


"20Something Bar" ร้านอาหารกึ่งบาร์ชื่อดังแห่งย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ประกาศปิดอย่างเป็นทางการ หลังทนวิกฤตโควิดครั้งนี้ไม่ไหว ด้านลูกค้าแห่คอมเมนต์รู้สึกใจหาย

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. เพจ "20Something Bar" หรือ ร้าน ทเวนตี้ ซัมติง บาร์ ร้านอาหารกึ่งบาร์ชื่อดังแห่งย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ประกาศปิดอย่างเป็นทางการ รับวิกฤตโควิดครั้งนี้ไม่ไหว โดยระบุข้อความว่า "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา วันนี้ถึงเวลาที่ร้าน 20somethingbar ต้องเลิกลาแล้ว...

จากวิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทางร้านได้ทำการปรับตัว และยื้อจนร้านไม่สามารถไปต่อได้แล้วจริงๆ ถึงวันนี้ค่าเช่ายังคงต้องจ่าย ค่าไฟที่ต้องเปิดเพื่อให้คนมาเฝ้าของกันขโมย มันหนักหนาตั้งแต่โควิดครั้งแรก จนมาถึงวันนี้...ทางร้านจึงขอประกาศปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ

ขอบคุณสำหรับความทรงจำตลอด​เกือบ​ 12​ ปี​ เราเชื่อว่าหลายคนมีความทรงจำมากมายกับที่นี่แน่นอน​ ใครอยากแชร์​ความทรงจำอะไรใส่ไว้ในคอมเม้นได้เลยนะครับ แล้วเรามาอ่านด้วยกัน

ส่วนท่านใดที่สนใจบริหารร้านต่อ สนใจเซ้งร้าน หรือสนใจจะเซ้งแต่ชื่อร้าน 20something และสื่อ โซเชียล เพื่อไปทำร้านต่อในพื้นที่อื่นๆในอนาคตสามารถติดต่อได้ที่ Line: nookp Tel : 081-8257555 , 061-6524246"
#6737


นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานเปิดงานสัมมนา "โครงการพัฒนาระบบชำระค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Tax Compensation : DTC)" เพื่อให้ผู้ประกอบการหรือตัวแทนเข้าใจการชำระเงินค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 500 คน ผ่านระบบ Video Conference : Zoom Cloud Meeting

นายพชรเผยว่า งานสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับชำระค่าภาษีอากร โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ การยื่นขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร การเปลี่ยนบัตรภาษีกระดาษเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ การชำระค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากร กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต เป็นต้น

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

สำหรับในส่วนของกรมศุลกากรผู้เข้าร่วมสัมมนาจะมีความเข้าใจในระบบการชำระค่าภาษีอากรด้วยวงเงินชดเชยอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกับใบขนสินค้าขาเข้าและใบขนสินค้าขาออก ซึ่งจะสามารถชำระเงินค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ต้องเดินทางมายังกรมศุลกากร ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจมีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนโครงการ National e-Payment ตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะเริ่มใช้วันที่ 21 ก.ย.นี้เป็นต้นไป

อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กรมศุลกากรมีช่องทางการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แล้ว 2 ช่องทาง ดังนี้ 1. การชำระเงินโดยวิธีตัดบัญชีธนาคาร e-Payment และ 2. การชำระเงินโดยผ่านช่องทางการให้บริการของธนาคาร/ตัวแทนรับชำระเงิน Bill Payment และ ในครั้งนี้กรมศุลกากรได้เปิดตัว บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะครบกระบวนการ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากรเป็น 100% อีกทั้ง ยังลดการเดินทาง ลดการสัมผัส ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด – 19 อีกด้วย

ทั้งนี้ ขณะนี้ ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกเกือบทั้งหมดเข้ามาใช้บริการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ที่กรมฯจัดทำขึ้น เหลือเพียงประมาณ 5%เท่านั้น ที่ชำระด้วยเงินสด
#6738


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องปรับปรุงหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนสำหรับบริษัทต่างประเทศ ((Foreign Listing)  ถึงวันที่ 3 ก.ย. 2564 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องปรับปรุงหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนสำหรับบริษัทต่างประเทศ (Foreign Listing)  ถึงวันที่ 3 ก.ย. 2564 

 ทั้งนี้ตลท.มีนโยบายที่จะพัฒนาการเชื่อมโยงด้านตลาดทุนของประเทศไทยกับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมบทบาทของตลาดทุนไทยในการเป็นฐานการระดมทุนของภูมิภาค (Regional Exchange) โดยปัจจุบัน มีหลักเกณฑ์รองรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สำหรับบริษัทต่างประเทศใน 2 รูปแบบ ได้แก่ 

1. Primary Listing หรือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นแห่งแรก 

 2. Secondary Listing หรือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ภายหลังจากที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Home Exchange) ที่ตั้งอยู่ในประเทศที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อประเทศที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ยอมรับ (Recognized Market) ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวเมื่อปี 2558

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทบทวนและหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องถึงความเหมาะสมของหลักเกณฑ์นี้ ซึ่งได้รับความเห็นว่าหลักเกณฑ์ส่วนใหญ่มีความเหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ควรทบทวนและพิจารณาปรับปรุง ดังนี้

กรณี Primary Listing: ปัจจุบันตลท.กำหนดหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนสำหรับบริษัทต่างประเทศที่จะเข้าจดทะเบียนแบบ Primary Listing จะต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับบริษัทไทย ยกเว้นระยะเวลาในการห้ามผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร1 และผู้ถือหุ้นขายหุ้น (Silent Period) ที่กำหนดระยะเวลาไว้นานกว่ากรณีของบริษัทไทย

ในกรณีนี้ มีผู้ให้ข้อเสนอแนะว่า หลักเกณฑ์การกำกับดูแลบริษัทต่างประเทศที่เข้าจดทะเบียนแบบ Primary Listing ไม่ควรมีความแตกต่างจากหลักเกณฑ์ที่ใช้กับบริษัทไทย ซึ่งรวมถึงระยะเวลา Silent Period ด้วย

กรณี Secondary Listing: ปัจจุบันตลท. กำหนดหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนสาหรับบริษัทต่างประเทศที่จะเข้าจดทะเบียนแบบ Secondary Listing ที่ผ่อนคลายกว่าบริษัทไทย เนื่องจากเป็นบริษัทต่างประเทศที่ได้ผ่านการคัดกรองจาก Home Exchange ที่เป็น Recognized Market แล้ว

ในกรณีนี้ มีผู้ให้ข้อเสนอแนะว่า แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV2 จะไม่ใช่ Recognized Market แต่ตลท. ควรจะพิจารณาผ่อนผันหลักเกณฑ์บางประการสำหรับบริษัทต่างประเทศที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV แล้ว และประสงค์จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น คุณสมบัติในส่วนของการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน เนื่องจากมีการเสนอขายหุ้นในกลุ่มประเทศ CLMV แล้ว เป็นต้น 

ตลท.ได้พิจารณาข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้นแล้วเห็นว่า ควรมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ตามที่มีผู้ให้ข้อเสนอแนะ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลท.และลดอุปสรรคในการเข้าจดทะเบียนของบริษัทต่างประเทศ (โดยเฉพาะบริษัทต่างประเทศที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศ CLMV แล้ว) ซึ่งจะช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกสรรได้ตามระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง ประกอบกับปัจจุบันผู้ลงทุนมีความคุ้นเคยและเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น

โดยบริษัทต่างประเทศยังคงต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านข้อจากัดของการบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศของบริษัทต่างประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ตลท.จะกำหนดชื่อย่อท้ายหลักทรัพย์ของบริษัทต่างประเทศดังกล่าว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจแก่ผู้ลงทุนอีกทางหนึ่งด้วย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทต่างประเทศ และสนับสนุนนโยบายการเป็น Regional Exchange โดยท่านสามารถให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 3 กันยายน 2564 

สำหรับประเด็นในการรับฟังความคิดเห็นดังนี้ 

1. การปรับลดระยะเวลา Silent Period สาหรับบริษัทต่างประเทศที่จะเข้าจดทะเบียนแบบ Primary Listing โดยอาศัยคุณสมบัติในเรื่องผลการดาเนินงานตามเกณฑ์กาไร (profit test) เป็น 1 ปี (เมื่อครบ 6 เดือนแล้ว สามารถขายได้ 25%) เพื่อให้เท่ากับระยะเวลา Silent Period สำหรับบริษัทไทย ซึ่งเป็นหลักการที่สอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ    

ทั้งนี้ สำหรับบริษัทต่างประเทศที่เข้าจดทะเบียนด้วยหลักเกณฑ์สาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infrastructure Company) จะยังมีกำหนดระยะเวลา Silent Period เป็น 3 ปี (เมื่อครบ 1 ปีแล้วสามารถทยอยขายได้ 20% ทุก 6 เดือน) คงเดิมเช่นเดียวกับบริษัทไทยที่เข้าจดทะเบียนด้วยหลักเกณฑ์ดังกล่าว   

 สำหรับเกณฑ์ปัจจุบันคือ กำหนดระยะเวลา Silent Period ไว้ 3 ปี (เมื่อครบ 1 ปี แล้วสามารถทยอยขายได้ 20% ทุก 6 เดือน) เนื่องจากบริษัทต่างประเทศมีการประกอบธุรกิจหลัก และมีผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารอยู่ในต่างประเทศ  เพื่อให้บุคคลดังกล่าวยังคงถือหุ้นของบริษัทต่อไปภายหลังการเข้าจดทะเบียน ซึ่งกำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นกำหนดเวลาที่นานกว่ากาหนดระยะเวลา Silent Period สำหรับบริษัทไทยที่กาหนดไว้ 1 ปี (เมื่อครบ 6 เดือนแล้ว สามารถขายได้ 25%)  

   อย่างไรก็ตาม เมื่อศึกษาข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค เช่น Singapore Exchange (SGX), Bursa Malaysia และ Hong Kong Exchanges (HKEX) พบว่า การกำหนดระยะเวลา Silent Period ของบริษัทต่างประเทศที่เข้าจดทะเบียนแบบ Primary Listing ไม่แตกต่างจากที่กำหนดสำหรับบริษัทที่จัดตั้งในประเทศนั้น ๆ (Local Company)

2. การปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับหุ้นสามัญของบริษัทต่างประเทศที่มีหุ้นสามัญจดทะเบียนอยู่ใน Home Exchange ที่ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV แล้ว เนื่องจากบริษัทต่างประเทศดังกล่าวมีการระดมทุนและจดทะเบียนใน Home Exchange แล้ว จึงเสนอปรับปรุงหลักเกณฑ์ในเรื่องดังต่อไปนี้ ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์สาหรับบริษัทต่างประเทศที่เข้าจดทะเบียนแบบ Secondary Listing

1. ยกเว้นคุณสมบัติเรื่องการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (PO)

2. ยกเว้นคุณสมบัติเรื่องการกระจายการถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เมื่อบริษัทแสดงได้ว่าหุ้นจะมีการซื้อขายและมีสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามกรณีใดกรณีหนึ่งหรือหลายกรณีประกอบกัน ดังนี้

2.1 มีการเสนอขาย PO ในประเทศไทยโดยมีมูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด (Market Capitalization) ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท หรือ 5% ของทุนชาระแล้ว แล้วแต่จานวนใดจะต่ากว่า

2.2 มีการนาหุ้นมาฝากไว้ที่บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จากัด (TSD) โดยหุ้นที่นามาฝากมี Market Capitalization ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท หรือ 5% ของทุนชาระแล้ว แล้วแต่จานวนใดจะต่ากว่า2.3 แสดงให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นได้ว่าหุ้นจะมีการซื้อขายและมีสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์ฯ

3. ยกเว้นหลักเกณฑ์ Silent Period และให้บริษัทปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ Home Exchange กำหนด


โดยหลักเกณฑ์ปัจจุบัน กำหนดให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์สาหรับบริษัทต่างประเทศที่เข้าจดทะเบียนแบบ Primary Listing เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV ไม่ใช่ Recognized Market ตามที่ ก.ล.ต. กาหนด รวมถึงจะต้องมีการกระจายการถือหุ้น โดย (1) มีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (PO) ขั้นต่าในสัดส่วน 10% - 15% ของทุนชาระแล้ว และ (2) มีการกระจายการถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ไม่น้อยกว่า 1,000 ราย และต้องถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 25% ของทุนชาระแล้ว
#6739


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร พัฒนาและยกระดับทำธุรกิจค้าขายสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยม เพื่อนำผลผลิตการเกษตรจากสมาชิกสหกรณ์หรือเกษตรกรทั่วไป                 ในพื้นที่ต่าง ๆ คัดเกรดคุณภาพมาบริการและจำหน่ายสู่ผู้บริโภค นอกเหนือจากธุรกิจปกติที่สหกรณ์รวบรวมผลผลิตและ                 ส่งจำหน่ายให้กับคู่ค้าประจำ ทั้งห้างโมเดินเทรดและพ่อค้าเอกชนเท่านั้น  
 

 ซึ่งกรมฯจะผลักดันให้สหกรณ์ยกระดับเป็น  ตลาดสินค้าเกษตรเกรดพรีเมี่ยม เป็นตลาดทางเลือกสำหรับให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและมีความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าจากสหกรณ์  โดยเฉพาะในยุคการค้าออนไลน์ที่ผู้ซื้อสามารถเข้าสั่งซื้อสินค้าได้  ทางอินเตอร์เน็ต คาดว่าแนวทางนี้จะช่วยส่งเสริมให้สหกรณ์การเกษตรเป็นตลาดสินค้าเกษตรกรคุณภาพที่แท้จริง                      สามารถคัดสรรสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตอบสนองผู้บริโภคซึ่งมีความต้องการสินค้าคุณภาพด้วยเช่นกัน


            " ผมหวังว่าสหกรณ์จะเป็นตลาดสินค้าเกษตรพรีเมี่ยม ตลาดใหม่ และต้องดีกว่าทุกตลาดเพราะเป็นความร่วมมือของสหกรณ์และสมาชิกที่ต้องช่วยกันนำเสนอของดีให้กับผู้บริโภคที่ต้องได้ทานของดีเกรดส่งออก จากเดิมที่ประชาชนทั่วไปมักจะได้บริโภคสินค้าเกรดรอง  จนมีคำพูดที่ว่าคนไทยไม่ได้กินของดี ของเกรดส่งออกหากินยาก เป็นต้น "

            เดิมทีสหกรณ์การเกษตรได้มีการซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างกันในเครือข่ายสหกรณ์ หรือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกในช่วงฤดูผลไม้ราคาตกต่ำ  เป็นประจำเกือบทุกปี แต่นั่นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจากประสบการณ์เหล่านั้น ควรยกระดับมาทำเป็นธุรกิจปกติของสหกรณ์เลย สหกรณ์การเกษตรควรเข้าสู่การทำธุรกิจการค้าสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยมได้แล้ว  ภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริมสหกรณ์

  สินค้าเป้าหมายเบื้องต้น เช่น ข้าว  พืชผัก ผลไม้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือสินค้าเกษตรที่ผู้บริโภคสนใจจะสั่งซื้อจากสหกรณ์ทั่วประเทศ โดยกรมมีตัวอย่างสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จเช่น สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี  จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช  สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด และสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สามารถยกระดับการขายมังคุด เงาะ คัดเกรดคุณภาพ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ                 จนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ  และในปีที่ผ่านมาสหกรณ์การเกษตรสามารถรวบรวมผลไม้ได้กว่า 30,000 ตัน                   มูลค่ากว่า 789 ล้านบาท

 

 

            "กรมฯ พร้อมสนับสนุนสหกรณ์ที่ต้องการพัฒนาและยกระดับธุรกิจเข้าสู่รูปแบบดังกล่าวโดยสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ของกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.) นอกจากนั้น พร้อมที่จะประสานให้สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี จำกัด เป็นพี่เลี้ยงอบรมการทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ให้อีกทางหนึ่ง  "


อย่างไรก็ตามเป้าหมายสำคัญของโครงการนี้ก็เพื่อให้ขบวนการสหกรณ์เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสมาชิกตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับราคาสินค้าเกษตรของเกษตรกร ขณะที่สหกรณ์เหล่านั้นก็จะต้องเข้าไปช่วยส่งเสริมสมาชิกของท่านในการพัฒนาแปลง พัฒนาสวน พัฒนาไร่ เพื่อยกระดับเป็นแปลงการเกษตรที่ดีหรือจีเอพี  การยกระดับ    โรงคัดบรรจุหรือล้งเป็น GMP เพื่อคัดสรรนำผลผลิตคุณภาพสู่ผู้บริโภค

            ทั้งนี้ก่อนหน้ากรมส่งเสริมสหกรณ์ มีโครงการแก้ปัญหาระยะสั้นในช่วงราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ โดยการสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรภายในเครือข่ายสหกรณ์ด้วยกัน เช่น สหกรณ์การเกษตรที่ขายข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับสหกรณ์ที่จำหน่ายผลไม้ในภาคใต้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือโครงการแลกผลไม้กับข้าว                    เช่น สหกรณ์ในจังหวัดพะเยาและพิจิตร แลกข้าวกับมะม่วง สหกรณ์ในจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด แลกข้าวกับผลไม้                กับสหกรณ์ในภาคใต้ เป็นต้น  ช่วยกระตุ้นราคาสินค้าในพื้นที่ให้สูงขึ้น

 

  ผลจากการแลกเปลี่ยนระหว่างข้าวและผลไม้ ปริมาณกว่า 1,221.33 ตัน มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท สามารถดูดซับปริมาณและพยุงราคาผลผลิตของเกษตรกรผู้ผลิต   ไม่ให้ตกต่ำ ผู้บริโภคปลายทางได้บริโภคผลไม้ที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้จำหน่ายและผู้บริโภค

 

            ผลจากการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบัน ปริมาณผลผลิตมังคุดและเงาะของสมาชิกสหกรณ์และ                กลุ่มเกษตรกรในภาคใต้ ผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วกว่า 60 % ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด และคาดว่าปริมาณผลผลิตเงาะจะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ในส่วนของปริมาณผลผลิตมังคุดของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ยังคงเหลือปริมาณผลผลิตที่ต้องเก็บเกี่ยวอีกจำนวน 40 % คาดว่าจะสามารถจำหน่ายผลผลิตได้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งราคารับซื้อผลผลิตมังคุด ปรับตัวสู่ขึ้น จากช่วงเดือนกรกฎาคม ราคาอยู่ที่ 7-10 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 23 – 47 บาท ต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของมังคุด ทำให้สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่มีความพึงพอใจที่สามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เพิ่มสูงขึ้น
#6740


นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยภายในงานสัมมนา 50 ปี เครือเนชั่น Virtual Forum Thailand Next EP.1 : Innovation Beyond Business โอกาสนวัตกรรมเศรษฐกิจ ในหัวข้อ "Thailand New Outlook Innovation and Opportunity Post Covid" โดยระบุว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โควิด 19 ตอนนี้วิกฤติมาก ในแง่ของภาคสาธารณสุข โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ถือว่าทำงานเต็มศักยภาพแล้ว

อย่างไรก็ดี สถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเมืองไทย แต่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านเราเหมือนกัน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม อีกทั้งเดือนนี้เราจะเริ่มเห็นสถานการณ์ในอเมริกา ในยุโรป อังกฤษ ที่เจอการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า พบว่าผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพรวมทั้งโลกในเดือน ส.ค.ที่เริ่มมานี้ สถานการณ์คนติดเชื้อ 2 ใน 3 ของตัวเลขพีคในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าสถานการณ์เรียกว่าค่อนข้างหนัก

"วันนี้คำถามที่ว่าเมื่อไหร่โควิดจะหมดไป เมื่อไหร่จะพีค หรือเมื่อไหร่จะหายไป โรคนี้จะหายไปไหม อาจเป็นคำถามที่เราต้องคิดใหม่ว่า หรือเป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมัน เพราะแม้จะมีวัคซีน เราก็ต้องปรับตัวให้อยู่กับมัน เพราะวัคซีนป้องกันระบาดไม่ได้ 100% แต่ป้องกันการเจ็บตัวลงได้"



ทั้งนี้ ในแง่ของภาคธุรกิจ ที่ก่อนหน้านี้เรียกว่าต้องปรับตัวรับ นิวนอร์มอล (New Normal) ตอนนี้ส่วนตัวผมคิดว่าไม่แน่ใจแล้วกับการปรับตัวหลังโควิดคลี่คลาย แต่สิ่งที่เห็นคือการปรับตัวให้เป็น นาวนอร์มอล (Now Normal) เป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมันให้ได้ในวันนี้ สิ่งนี้มีผลอย่างมากกับภาคธุรกิจ สังคม และสาธารณสุข เป็นสิ่งที่เราต้องปรับตัวทำทันที ทำไปเรื่อยๆ และต้องอยู่กับมันให้ได้


สำหรับการปรับตัวสู่นาวนอร์มอลของเอสซีจี เมื่อเจอการแพร่ระบาดของเดลต้า ได้ปรับแผนจากการทำไข่แดง มาเป็นการทำ มาตรการการควบคุมโรคลักษณะ หรือบับเบิ้ลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) และทำให้เป็นการปรับตัวรับกับนาวนอร์มอล โดยการเอาเทคโนโลยีมาใช้กับสิ่งเหล่านี้ให้เป็นการปรับตัวที่อยู่กับเอสซีจีตลอดไป


ตลาดแร่โลหะ ณ ตลาดลอนดอน (19 ส.ค. 64)
'วันสารทจีน 2564' วันประตูนรกเปิด แนะวิธีทำบุญและบอกสิ่งห้ามทำ โดย อาจารย์ 'คฑา ชินบัญชร'
'หญิงตั้งครรภ์'ติดโควิด19โอกาสเข้าไอซียูสูงกว่า 2-3เท่า
ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ที่เคยคิดว่าเมื่อโควิด 19 คลี่คลายแล้วจะกลับไปเป็นแบบเดิม อย่างภาคการท่องเที่ยว ขณะนี้อาจต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะเป็นแบบเดิมอย่างไร หรือจะปรับเป็นนาวนอร์มอลเพื่ออยู่กับสิ่งนี้ เพราะทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ กับทุกธุรกิจที่รู้จักปรับตัว และผู้ที่อยู่รอดค คือผู้ที่ปรับตัว นวัตกรรมจะเป็นนาวนอร์มอลในยุคต่อไปนี้ และความเร็วจากการใช้นวัตกรรม เพื่อการปรับตัวให้เป็นไปตามคความต้องการของลูกค้า จะเป็นนาวนอร์มอลที่ทำให้เราอยู่กับโควิด 19  

นายรุ่งโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่า เอสซีจีมองว่านาวนอร์มอล คือ 4 กลุ่มธุรกิจที่หากเปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลจะเกิดโอกาสอย่างชัดเจน ได้แก่

1.เรื่องของอีคอมเมิร์ซ การเอาดิจิทัล ไปใช้ในการให้บริการ การทำระบบอัตโนมัติ คือการพัฒนาโมเดลในการทำธุรกิจ

2.เรื่องของการใช้ชีวิต นาวนอร์มอลเรื่องของบ้าน ปัจจุบันไม่ใช่เพียงการอยู่บ้าน แต่หมายถึงการอยู่บ้านยังไงให้สบาย เพราะตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคต้องทำงานที่บ้านด้วย

3.เรื่องของธุรกิจกลุ่มเฮลแคร์ หรือสุขภาพ

4.เรื่องของการเกษตร เอาเทคโนโลยีมาใช้ จะทำให้ประเทศของเราเปลี่ยนแปลงเป็น Food Chain สมัยใหม่
#6741
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#6742
6 วัน 6 วิชา ขายออนไลน์อย่างไร...ให้ปัง
#6745
Boom Gluta กลูต้า ที่โดมเลือก


ดีและปลอดภัยกลูต้าช็อต ช็อตเดียวรู้เรื่อง!!!

ดำกรรมพันธุ์ ผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระ อยากเปลี่ยนลุงป้าเป็นหนุ่มสาวน่ารัก
กลูต้าช๊อต เพียงกล่องเดียว รู้เรื่อง!!!...ดีกว่ากลูกต้าทั่วไป 215 เท่า

ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ21ชนิด ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมนาโนฟา อินฟาเรด เหรียญเงินระดับนานาชาติ

แค่เทใส่ปาก ละลายและดูดซึมทันที พกพาง่ายไม่ต้องชง!!
1 กล่อง 590 จากปกติ 890.- .
เลขที่จดทะเบียน 1311585950607

 Boom Gluta Shots จึงเป็นที่มาของการแก้ปัญหาด้วยการปกป้องจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Boom Gluta Shots" มีส่วนประกอบสำคัญ FIR Glutathione Complex สุดยอดอาหารผิวแห่งปี ที่ได้รับรางวัลจากงาน "Seoul International Invention Fair 2020" ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ผิวขาวกว่ากลูตาทั่วไปถึง 250% .

รับตัวแทนจำหน่าย/สมาชิก รับสิทธิ์ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์มูลค่า 7,990 บาท ฟรี

สนใจติดต่อ
โทร. 0846623662

id line : teerapat999

รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99-gluta.salepage365.com/



#6746
6 วัน 6 วิชา ขายออนไลน์อย่างไร...ให้ปัง
#6747


นางพรรณี พุ่มพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า จากที่ ขบ.ได้ยกระดับการบริการประชาชนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยได้พัฒนาช่องทางชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ให้สามารถรองรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี หรือรถที่ค้างชำระภาษีเกินกว่า 1 ปี ให้นำรถเข้าตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ สำหรับรถที่ไม่มีเงื่อนไขต้องตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีสามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น
ทำให้สถิติการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร ประจำเดือนกรกฎาคม 2564เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการชำระภาษีผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นถึง 53,100 คัน และบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจำนวน 5,956 คัน

ซึ่งมีแนวโน้มที่เจ้าของรถจะใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางให้บริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในส่วนของสถิติการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางอื่นๆ 

อาทิ เลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีได้โดยไม่ต้องลงจากรถ มีผู้ใช้บริการจำนวน 61,573 คัน การให้บริการชำระภาษีที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 มีผู้ใช้บริการจำนวน 266,150 คัน การให้บริการชำระภาษีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) มีผู้ใช้บริการจำนวน 882 คัน เคาน์เตอร์เซอร์วิส มีผู้ใช้บริการจำนวน 12,270 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 754 คัน และผ่านแอปพลิเคชัน mPAY  และ Truemoney Wallet จำนวน 1,100 คัน รวมมียอดผู้ใช้บริการชำระภาษีประจำเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวนทั้งสิ้น 401,785 คัน

กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการประชาชนในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงบริการชำระภาษีรถประจำปีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถล่วงหน้าก่อนภาษีรถสิ้นอายุ 90 วัน ผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th หรือผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เจ้าของรถจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการ นับจากวันชำระเงิน สำหรับการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เมื่อมีการชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี 

โดยเจ้าของรถสามารถเลือกรับเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์หรือเลือกพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ซึ่งมีให้บริการที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำหรับรถติดตั้งแก๊ส และรถที่ค้างชำระภาษีรถเกิน 3 ปี ที่ไม่สามารถชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ได้ แนะนำให้ใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ
#6748


นางสุดปรารถนา ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการ - ทรัพยากรบุคคล "เคทีซี" กล่าวว่า "เนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในวงกว้างรุนแรงมากขึ้น เคทีซีจึงได้ปรับแผนการเรียนการสอนของโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 ในรูปแบบออนไลน์ และบันทึกวีดิโอผ่านช่องทางของโรงเรียน โดยใช้หลักสูตรและสานต่อแนวคิดการแบ่งปันความรู้จากรุ่นสู่รุ่น (Train the Trainer) โดยวิทยากรภาษามือจากคุณครูและนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเคยเป็นผู้รับในปีทื่ 2 จะเป็นผู้ร่วมส่งต่อความรู้ในปีที่ 3 ให้กับเพื่อนๆ โรงเรียนโสตศึกษา นนทุบรี ซึ่งเป็นโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวน 49 คน"

"ความสำเร็จของโครงการฯ สองครั้งที่ผ่านมา มีนักเรียนและครูที่เข้าร่วมในโครงการรวม 156 คน จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ และโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ โดยเคทีซีเน้นให้ความสำคัญกับการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่สังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนในสังคมพัฒนาอาชีพสร้างรายได้เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม"

"โครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2562 ด้วยเชื่อมั่นว่าการบกพร่องทางกายของเยาวชนมิใช่อุปสรรคในการเรียนรู้ หากได้รับโอกาสในการพัฒนาที่เหมาะสม จึงได้นำการเรียนรู้เพาะเห็ด ออร์แกนิค ตามวิถีเกษตรพอเพียง และความรู้ทางการเงิน เข้ามาเป็นหลักสูตรการสอน โดยเน้นการลงมือปฏิบัติและพัฒนาความรู้ไปสร้างอาชีพ ตลอดจนสามารถส่งต่อเครือข่ายองค์ความรู้ให้กับสังคมต่อไป"

นายสมชาย บ้านไร่ ผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า "โครงการเรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 นี้จะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ได้ศึกษาเรียนรู้ในเรื่องการเพาะเห็ด และการทำผลิตภัณฑ์จากเห็ดเต็มรูปแบบ ทั้งการเพาะ การดูแล การแปรรูป การออกแบบผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย ซึ่งถือว่านักเรียนที่ได้เข้าร่วมโครงการจะสามารถนำความรู้พื้นฐานนี้ไปต่อยอดพัฒนาการเรียนรู้ในวิชาอื่นๆ และประกอบอาชีพต่อไป ขอขอบคุณเคทีซี โรงเรียนโสตทุ่งมหาเมฆ และฟาร์มเห็ดโพธิ์ทอง ที่ให้โอกาสและสนับสนุนนักเรียนได้เข้าร่วมโครงการนี้ ทางโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรีจะพยายามเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ ทักษะการประกอบอาชีพอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้นักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้"

"นางจุฑารัตน์ เรืองเดช รักษาการผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า "ในปีการศึกษา 2563 โรงเรียนได้รับเกียรติจากเคทีซี และโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ส่งต่อโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน ปี 2" ซึ่งนอกจากโรงเรียนจะได้รับโรงเพาะเห็ดที่มีมาตรฐาน และก้อนเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์ยิ่งก็คือ การส่งมอบความรู้ ประสบการณ์ และกระบวนการจัดการ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียรและเคทีซี รวมถึงฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองที่เคทีซีจัดให้นักเรียนไปศึกษาดูงาน เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจ โดยตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการ นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำโรงเพาะเห็ด การบริหารจัดการโครงการ การดูแล-เก็บเกี่ยวผลผลิต การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารต่างๆ ก่อให้เกิดรายได้ ทั้งยังสร้างให้นักเรียนเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ มีภาวะผู้นำ เป็นประโยชน์โดยตรงแก่นักเรียน ในขณะที่คณะครูผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันจัดประสบการณ์ เพื่อผลักดันให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ จนทำให้ "เห็ด" เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของโรงเรียนที่สร้างรายได้ เป็นแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน และเป็นแนวทางสร้างอาชีพให้แก่นักเรียนได้เป็นอย่างดี และในปีนี้เป็นความยินดียิ่งของโรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ ที่จะได้ส่งต่อโครงการที่มีประโยชน์นี้ให้กับเพื่อนต่างโรงเรียนคือ โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 จะยั่งยืนส่งต่ออย่างต่อเนื่องไปอีกนานเท่านาน"

นางสาวเนตรนภา ขวัญสุข หนึ่งในทีมวิทยากรนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ สื่อสารผ่านล่ามภาษามือถึงประสบการณ์ตอนที่เข้าร่วมเรียนรู้ในโครงการฯ ครั้งที่ 2 ว่า "ตอนที่คุณครูบอกว่า เคทีซีจะมาสร้างโรงเพาะเห็ดให้โรงเรียนของเรา และคุณครูกับเพื่อนๆ หูหนวกจากโรงเรียนเศรษฐเสถียรจะมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะพวกเราไม่เคยเห็น ไม่เคยทำโรงเพาะเห็ดมาก่อน โรงเพาะเห็ดที่สร้างสวยงามมาก ติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบพ่นละอองน้ำพร้อมใช้งาน"

"เมื่อฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาส่งก้อนเชื้อเห็ดรอบแรก เราตกใจมาก ก้อนเชื้อเห็ดมีจำนวนมากถึง 1,800 ก้อน และเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร สอนให้เราเปิดปากถุง เรียงก้อนเชื้อเห็ด รดน้ำ จนวันที่เห็ดทั้งโรงพากันออกดอก เราตื่นเต้นมาก ทำไมมากมายขนาดนี้ เก็บขายครั้งละหลายกิโลกรัม เราขายกิโลกรัมละ 100 บาท โดยขายให้โรงครัวของโรงเรียน ชุมชนรอบโรงเรียน ตลาดสวนพลู และให้เป็นของที่ระลึกแก่ผู้มาบริจาค สัปดาห์ต่อๆ มาเรายังได้เรียนรู้การทำอาหารจากเห็ด สนุกและอร่อยมาก ทำบิ๊กบุ๊ค และพี่ๆ จากเคทีซียังมาสอนการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย คำนวณต้นทุน-กำไร รวมถึงออกแบบโลโก้เห็ดให้พวกเราด้วย ขอบพระคุณครูและเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร พี่ๆ จากเคทีซี และครูรัตน์จากฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาก ที่นำสิ่งดีๆ มาให้พวกเรา และยินดีมากที่ทราบว่าปี 2564 นี้จะได้มีโอกาสนำความรู้และประสบการณ์ของพวกเรา ไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ และน้องๆ ที่โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี เราจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณเคทีซีที่ให้โอกาส ให้ความรู้และประสบการณ์ดีๆ แก่พวกเรา"
#6749
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand