• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#4531
SYNEX ส่งเฮ้าส์แบรนด์ S-GEAR ลุยตลาดเกมมิ่งหวังสร้างรายได้ 500 ลบ.ภายในปี 67

น.ส.สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวเฮ้าส์แบรนด์ผ่านแบรนด์ S-GEAR ภายใต้คอนเซ็ปต์ "MAKE IT MORE"บุกตลาดสินค้าเกมมิ่งและสินค้าไอทีไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยที่มีการเติบโตสูง ตั้งเป้ารายได้ปี 67 ที่ 500 ล้านบาท โดยจะวางจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายกว่า 6,000 ช่องทาง รวมไปถึงการจัดจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ ด้วยราคาที่จับต้องได้พร้อมบริการหลังการขายที่มีครอบคลุมอยู่ทั่วประเทศไทย

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นชิ้นไฮไลท์ในการเปิดตัวแบรนด์ S-GEAR อาทิ ชุดเซ็ตเม้าส์และคีย์บอร์ด รุ่น MK-M411 Combo คีย์บอร์ดขนาดกระทัดรัดสีสันสดใส ไซเรนท์ทั้งเม้าส์และคีย์บอร์ด, คอนเวอร์เตอร์ 5 in 1 รุ่น CVTC002-5in1 ที่ได้รับรางวัลการออกแบบ Design Red Dot 2020 มาพร้อม HDMI 4K, PC Fast Charge และ USB A 3.0 จำนวน 3 พอร์ท, คีย์บอร์ด Multi Device รุ่น KB-H701 และ KB-H801 เชื่อมต่อผ่าน Wireless และ Bluetooth เหมาะกับแท็บเล็ตและมือถือ สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ได้สูงสุด 3 อุปกรณ์ และ Ergonomic Mouse รุ่น MS-MV400 เม้าส์ที่ออกแบบขึ้นให้โค้งตามหลัก Ergonomic ป้องกันอาการอ่อนล้าจากการทำงานเป็นระยะเวลานาน จับถนัดมือ เหมาะกับผู้ที่ใช้เม้าส์เป็นเวลานานต่อวัน

สำหรับทิศทางยอดขายในช่วงไตรมาส 1/65 ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากำลังซื้อของประชาชนจะไม่ดีนักในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีความต้องการสินค้าด้าน IT เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีการขยายพอร์ตสินค้าที่รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับเกมมิ่ง รวมทั้งมีสินค้าใหม่ๆ และสินค้า House Brand โดยบริษัทยังคงมั่นใจรายได้ในปี 65 จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณเดียวกัน บริษัทยังคงมองหาการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุนในธุรกิจด้าน IT เพื่อให้บริษัทมี Ecosystem ตั้งแต่ปลายน้ำถึงต้นน้ำ โดยอยู่ระหว่างพิจารณาในกลุ่ม Cyber securityes และบริการหลังการขายอื่นๆ เป็นต้น โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 1 ดีล

"วันนี้เราเดินหน้าสร้างเฮ้าส์แบรนด์ เพื่อที่จะนำสินค้าของคนไทยก้าวสู่ระดับโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์จะออกครบในไตรมาส 3/65 จะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทอีกทางหนึ่ง และในปีนี้เรายังเดินหน้าหา M&A และ JV เพื่อสร้าง Ecosystem ของบริษัทตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งการสร้าง จำหน่าย และบริการ จึงมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"น.ส.สุธิดา กล่าว
#4532
ทีเอ็มบีธนชาต จับมือสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) เสริมแกร่ง SME ผ่านโครงการให้ความรู้ finbiz by ttb และดิจิทัลโซลูชันที่ครบครัน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) นำเสนอโซลูชันทางการเงิน รวมไปถึงการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจผ่านโครงการ finbiz by ttb เพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจ ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ในทุกสถานการณ์  

นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจตลาดเงินและบริการธุรกรรมทางการเงิน ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีจำนวนผู้ประกอบการมากถึง 3 ล้านราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อ GDP ของประเทศถึง 42% แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่างได้รับผลกระทบโดยตรง ต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์เพื่อที่จะเติบโตต่อไป ซึ่งแน่นอนยังคงมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมากที่ยังคงมีศักยภาพไปต่อได้ โดยข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ระบุว่า ปีนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีโอกาสฟื้นตัวในลักษณะ K-Shape โดยในกลุ่มภาคการผลิตและภาคการค้า เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มภาคบริการ ยังคงต้องใช้เวลา ซึ่ง ณ สิ้นปีที่ผ่านมา ภาคการผลิตสามารถฟื้นตัวใกล้ระดับเดิมที่ 99% ส่วนภาคการค้าปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศแตะระดับ 95%  ในขณะที่ภาคบริการฟื้นตัวที่ระดับ 70% เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด

ทีเอ็มบีธนชาตมุ่งมั่นสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีศักยภาพและเติบโตได้ดีขึ้น ผ่านมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมไปการนำเสนอแหล่งเงินทุน ดิจิทัลโซลูชันและบริการที่ช่วยเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น นอกจากเครื่องมือบริหารธุรกิจและการเงิน ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการเสริมองค์ความรู้ที่ครบครันและจำเป็นสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ ผ่านโครงการ finbiz by ttb  ซึ่งในปีนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการต่อยอดองค์ความรู้ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ เพื่อขยายองค์ความรู้ให้ครอบคลุมและหลากหลายไปสู่เอสเอ็มอีได้เร็วขึ้นและกว้างขึ้น และในครั้งนี้ ธนาคารได้ร่วมมือกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ ISMED ซึ่งเป็นสถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีพันธกิจและแนวนโยบายในการส่งเสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเช่นกัน

ด้าน นายธนนนทน์ พรายจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า แม้ปัจจุบันภาคเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลกเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น ทำให้ระบบเศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อน แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ภาคธุรกิจต้องสามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ ISMED เป็นสถาบันในเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจหลักในการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งภาคการผลิต การค้า บริการ รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนให้เติบโตและแข่งขันได้ โดยได้บูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตและเข้มแข็ง ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ การให้บริการคำปรึกษาแนะนำ การศึกษาวิจัยทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค รวมไปถึงการรับรองมาตรฐานวิชาชีพของบุคลากรที่ให้บริการแก่ผู้ประกอบการ

ความร่วมมือกับทีเอ็มบีธนชาตในครั้งนี้ จะช่วยบ่มเพาะศักยภาพของเอสเอ็มอี ผ่านโครงการ finbiz by ttb  อันจะนำไปสู่โมเดลการเติบโตในเศรษฐกิจกระแสใหม่ และสามารถมองหาน่านน้ำแห่งโอกาสใหม่ ๆ ในปี 2565 โดยมุ่งหวังว่าจะได้รับความสำเร็จร่วมกันในอนาคต

นางพรรณวลัย อินทราพิเชฐ หัวหน้าบริหารการตลาดลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) กล่าวว่า ธนาคารมีเป้าหมายในการส่งเสริมชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน รวมถึงดิจิทัลโซลูชันต่าง ๆ แล้ว ยังมุ่งมั่นในการส่งมอบองค์ความรู้ที่ช่วยตอบโจทย์การทำธุรกิจ ประกอบการตัดสินใจ นำไปประยุกต์ใช้จริง และจุดประกายต่อยอดให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน จึงเป็นที่มาของ โครงการ finbiz by ttb ที่มุ่งเสริมความรู้และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งได้ต่อยอดมาจากโครงการ LEAN Supply Chain by ttb ที่ธนาคารได้ดำเนินการมานานกว่า 10 ปี ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และสัมมนาออนไลน์ ที่เจาะลึกทุกบริบทของอุตสาหกรรมและเข้าใจธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด "ครบ จบในที่เดียว ปรับใช้ได้ง่าย ต่อยอดได้จริง สู่การเป็น Smart SME"

"ความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีการนำเสนอทั้ง ผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อ บริการ ซื้อขายรับจ่าย ทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงดิจิทัลโซลูชัน และองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้แก่สมาชิกของ ISMED โดยกิจกรรมสัมมนาออนไลน์ต่าง ๆ ที่กำลังจะร่วมกันจัดขึ้น มาช่วยเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการ โดยจะเน้นเรื่องการบริหารธุรกิจและการเงินในยุคดิจิทัลเป็นหลัก เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพร้อมปรับตัว มองเห็นโอกาส และช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ดียิ่งขึ้น และเติบโตต่อไปได้ในทุกสถานการณ์" นางพรรณวลัย กล่าว
#4533
รัสเซียลั่นความสัมพันธ์กับสหรัฐใกล้ถึงจุดแตกหัก หลังไบเดนจวกปูตินเป็นอาชญากรสงคราม

กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า ทางการได้เรียกตัวนายจอห์น ซัลลิแวน เอกอัครราชทูตสหรัฐเข้าพบ เพื่อแจ้งว่าคำพูดของปธน.โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ที่กล่าวโจมตีว่าปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียเป็น "อาชญากรสงคราม" นั้น ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐเดินทางเข้าใกล้จุดแตกหัก

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนกล่าวโจมตีว่า ปธน.ปูตินเป็นอาชญากรสงคราม หลังส่งกองกำลังทหารหลายหมื่นนายเข้าบุกโจมตียูเครน

แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า "ถ้อยแถลงดังกล่าวจากประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งไม่คู่ควรกับการเป็นรัฐบุรุษที่มีตำแหน่งสูงเช่นนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐใกล้แตกสลาย" ขณะทำเนียบเครมลินระบุว่า คำกล่าวของผู้นำสหรัฐถือเป็นการดูถูกปธน.ปูตินเป็นการส่วนตัวด้วย

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังระบุด้วยว่า การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซียจะได้รับการตอบโต้อย่างเด็ดขาด

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียได้ใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครนมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. โดยอ้างว่าเป็น "ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ" ซึ่งส่งผลให้ชาวยูเครนหลายล้านคนต้องหนีออกนอกประเทศ

ปธน. ปูตินอ้างว่า การที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารพิเศษต่อยูเครนเป็นไปด้วยความชอบธรรมเพื่อปกป้องประชาชนในยูเครนตะวันออกจากการถูกกดขี่ข่มเหงและถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยาวนานถึง 8 ปี
#4534


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศเตือนเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ว่า คำกล่าวอ้างของรัสเซียที่ว่ายูเครนมีการพัฒนาอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในประเทศ ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ารัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตียูเครน

ปธน.ไบเดนกล่าวในการประชุมกับผู้นำภาคธุรกิจว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียนั้น 'อยู่ในสภาพหลังชนฝา เขาจึงอ้างถึงข้อมูลเท็จใหม่ ๆ ที่เขาสร้างขึ้น รวมถึงเรื่องที่ว่าสหรัฐมีอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยุโรป ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย'

'นอกจากนี้รัสเซียยังอ้างว่ายูเครนเองก็มีอาวุธเหล่านี้เช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าปธน.ปูตินกำลังพิจารณาใช้อาวุธเหล่านี้' ปธน.ไบเดนกล่าวเสริม
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียทางโทรศัพท์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยย้ำเตือนถึงผลกระทบที่จะตามมาหากรัสเซียใช้อาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพในยูเครน

ด้านสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า รัสเซียอ้างว่ามีหลักฐานยืนยันถึงข้อตกลงระหว่างสหรัฐและยูเครนเพื่อร่วมวิจัยอาวุธชีวภาพในประเทศยูเครน อย่างไรก็ตาม อิซุมิ นากามิตสึ รองเลขาธิการ UN ฝ่ายกิจการลดอาวุธ ยืนยันว่า UN ไม่เคยได้รับรายงานใด ๆ เกี่ยวกับโครงการวิจัยอาวุธชีวภาพในยูเครน
#4535
 ติดตั้งผ้าม่านพระนคร ติดผ้าม่านกับเรา ช่วยคุณปะหยัด
 ติดตั้งผ้าม่านพระนคร ค่าใช้สอย ผลงานออกมางาม 
พวกเราเป็นคณะทำงานจัดตั้งมืออาชีพ 
 ติดตั้งผ้าม่านพระนคร ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน เรา
ได้รับความเชื่อใจ
 ติดตั้งผ้าม่านพระนครจากลูกค้า ในงานตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว 
โครงงานหมู่บ้าน หรือคอนโด โทรมาไต่ถาม
 ติดตั้งผ้าม่านพระนคร  ข้อมูลบริการได้



https://bit.ly/3Na6Q2L
#4536
อนาคตของความยั่งยืนด้านอาหาร
 
บทความโดย นายฟาบิโอ ทิวิติ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินฟอร์ อาเชียน-อินเดียในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บริษัทต่าง ๆ จะต้องดำเนินการเชิงรุกในส่วนของตนเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน ไม่ว่าจะผ่านการร่วมมือกับภาครัฐ การใช้เครื่องมืออัจฉริยะ และการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตและการปรับตัวการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประชากรที่เพิ่มขึ้น และการระบาดของโควิด-19 เป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่งที่กำลังมีอิทธิพลและกำลังมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบของระบบอาหารของโลก การที่บริษัททั้งขนาดเล็กและใหญ่ต้องเผชิญกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นตลอดเวลานั้น บริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มจำเป็นต้องถอยหนึ่งก้าวเพื่อประเมินเสียใหม่ว่าบริษัทของตนอยู่ ณ สถานะใดในเรื่องของความยั่งยืนสำหรับเรื่องการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ไม่มีโซลูชันใดโซลูชันหนึ่งที่เหมาะสมไปกับทุกธุรกิจ ในความเป็นจริง การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องให้องค์กรทบทวนเรื่องผลิตภัณฑ์ การจัดหาวัสดุและกระบวนการต่าง ๆ ตลอดจนวิเคราะห์ถึงวิธีที่จะสามารถเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับการดำเนินงานทุกด้านของตน

แนวทางแรกที่ควรทำคือการให้คำจำกัดความว่า ความยั่งยืนในการดำเนินงานของบริษัทคืออะไร และจะเริ่มใช้แนวทางต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกสายงานของบริษัทอย่างไร จากนั้นทำการเชื่อมโยงเส้นทางการเปลี่ยนสู่การดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนของบริษัทเข้าด้วยกัน เช่น เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่บริษัทตั้งไว้ และกรอบการดำเนินธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่วางแผนไว้ในปัจจุบัน

แนวทางสุดท้ายคือการกำหนดและประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเป้าหมายต่าง ๆ และวิธีการนำเทคโนโลยีมาใช้เร่งกระบวนการต่าง ๆความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญมากในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน วิธีการทำงานแบบสองประสานร่วมกันเพื่อบรรลุจุดหมายด้านความยั่งยืนนี้ เป็นแนวทางสำคัญที่จะมั่นใจได้ว่าสามารถแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อได้จริงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาด้านความยั่งยืนเสียตั้งแต่ต้นทางของการเกิดปัญหา เป็นการสร้างความมั่นใจว่าจะมีนโยบายและโครงการที่สนับสนุนการทำงานด้านความยั่งยืนให้กับธุรกิจต่าง ๆ และลดความสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์

ธุรกิจยังต้องตระหนักว่าตนมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและต่อลูกค้า ซึ่งพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าล้วนต้องการความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ การศึกษาจึงเป็นหัวใจหลักทั้งกับภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาความเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่แบบองค์รวม การสนับสนุนจากภาครัฐจะช่วยให้ผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรรมนี้ สามารถรวมตัวกันเพื่อจำแนกความท้าทายต่าง ๆ และหารือเกี่ยวกับโอกาสต่าง ๆ ในหลายแง่มุม เช่น การผลิตผลิตผลด้านอาหาร การผลิตในโรงงาน และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงสามารถรวบรวมนวัตกรรมการวิจัย และความพยายามต่าง ๆ ในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืนไว้ด้วยกันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นกรณีศึกษาด้านความพยายามด้านความยั่งยืนที่เน้นความร่วมมือแบบองค์รวมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ เอเชียแปซิฟิกมีความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาด้านความยั่งยืน ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายขององค์กรทุกขนาดต่างตระหนักถึงหน้าที่ของตนที่มีต่อส่วนรวม เช่น มาตรการด้านความยั่งยืนในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นการห้ามใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในบางรัฐของอินโดนีเซียและมาเลเซีย ตลอดจนการนำการผลิตอาหารท้องถิ่นมาใช้ในสิงคโปร์ถึงแม้ว่าผู้บริโภคต่างพยายามเต็มที่เพื่อลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำกลับมาใช้ใหม่ และรีไซเคิล แต่ไม่มีอะไรดีไปกว่าการยับยั้งไม่ให้พลาสติกและความสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์หลุดลอดเข้ามาใน value chain เสียตั้งแต่เริ่มต้น และนี่เองที่นวัตกรรมและความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนเข้ามามีบทบาทสำคัญ ด้วยการใช้นโยบายและผลิตภัณฑ์ทำการแทรกแซงเสียตั้งแต่ต้นทางเพื่อสร้างความยั่งยืนเป็นอีกครั้งที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยบริษัทต่าง ๆ คำนวณต้นทุนการดำเนินการของทางเลือกในการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ใช้ซ้ำได้หรือย่อยสลายได้

ข้อมูลที่รวบรวมจากการวิเคราะห์เหล่านี้ขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) จะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ เกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ทรัพยากรทางเลือกและกระบวนการผลิต หรือกระบวนการผลิตใด ๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุงขนาดธุรกิจไม่ใช่ปัญหากรณีเรื่องขนาดของผู้ประกอบการนี้ แม้แต่เกษตรกรรายย่อยก็อาจพบว่าตนอยู่บนทางแยกระหว่างความยั่งยืนและความอยู่รอด เครื่องมือที่ชาญฉลาด เช่น การใช้เซ็นเซอร์ที่ใช้ความสามารถของอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) ทำการติดตามสภาพการเจริญเติบโตของผลผลิต ลดการใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง และเพิ่มผลผลิต ควบคู่กับการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ของผลผลิตที่คาดหวังไว้ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค จะช่วยให้เกษตรกรมีความคล่องตัวและตอบสนองต่อเงื่อนไขต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบนิเวศกับองค์กรขนาดใหญ่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เกษตรกรรายย่อยสามารถใช้ทรัพยากรจากองค์กรใหญ่ ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการทำงาน และความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายนี้จะสามารถเร่งให้เกิดนวัตกรรมที่คล่องตัวในองค์กรขนาดใหญ่ได้เช่นกัน ความร่วมมือต่าง ๆ จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับแนวทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดได้อย่างสะดวก และได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายสำหรับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับ "greenwashing" ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทใช้ประโยชน์เรื่องความยั่งยืนมาเป็นเทรนด์ในการสร้างกำไรนั้น มีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้วางแนวทางและข้อจำกัดในการยับยั้งการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าจะผ่านรูปแบบการจัดการฉลากและการปฏิบัติตามข้อกำหนด หรือการตรวจสอบย้อนกลับที่มากขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท ซึ่งทั้งระดับความรับผิดชอบและความโปร่งใสที่สูงขึ้นล้วนเป็นผลลัพธ์และวิธีป้องกันที่ต้องการให้เกิดขึ้นโลกที่กำลังเปลี่ยนไปหากถามว่าโควิด-19 เผยให้เห็นความไม่มีประสิทธิภาพของระบบอาหารของโลกอย่างไรทั้งในเรื่องของ การจัดหาอาหาร ความขาดแคลน และความสูญเปล่า ผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบที่ธุรกิจได้รับ คือ ธุรกิจที่มีการพัฒนาและปรับกระบวนการดำเนินงานจะก้าวหน้าและประสบความสำเร็จกว่าธุรกิจอื่นทั้งในปัจจุบันและอนาคตบริษัทที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ต่างแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างความเติบโต ด้วยการบูรณาการความยั่งยืนของธุรกิจหลักทั้งหมดเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กร ไม่ว่าจะผ่านการลดบรรจุภัณฑ์ ลดการสูญเปล่าในระบบซัพพลายเชน หรือการฟื้นฟูส่วนประกอบต่าง ๆ ในระบบนิเวศสิ่งสำคัญกว่านั้น คือบริษัทเหล่านี้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยให้เปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มกำลังมองไปข้างหน้าหลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเทคโนโลยีจะยังคงมีความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือและนวัตกรรมที่ทันสมัย ยั่งยืน และยืดหยุ่นให้กับทุกภาคส่วน และนำพาบริษัทต่าง ๆ สู่อนาคตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
#4537
Line : Lakkana99 , 0812079977
เบอร์ติดต่อ : 081-6428557 (คุณสมนึก) , 081-6428556 (คุณลักขณา)
เรียบเรียงบทความโดย : https://www.cctgroup.co.th
#4538
ทรูบิสิเนส เผยยุทธศาสตร์ 2022 Professional Digital Solutions

ทรูบิสิเนส เผยยุทธศาสตร์ 2022 Professional Digital Solutions รุกตลาดลูกค้าองค์กรด้วยธุรกิจดิจิทัล ปักธงผู้นำบริการสื่อสารและดิจิทัลโซลูชันครบวงจรร่วมทรานส์ฟอร์มธุรกิจไทยเต็มรูปแบบ ชูกลยุทธ์ 4 ด้าน

ครบครันกว่า 100 โซลูชัน ครอบคลุม 9 กลุ่มบริการ
ผนึกพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
อัปสกิลทีมผู้เชี่ยวชาญ ยกระดับบริการแบบมืออาชีพ
บริการหลังการขายแบบไร้รอยต่อ เบ็ดเสร็จครบวงจร
ทรูบิสิเนส ย้ำภาพผู้นำบริการสื่อสารและดิจิทัลโซลูชันครบวงจรสำหรับลูกค้าธุรกิจ เร่งเครื่องรุกตลาดลูกค้าองค์กรและธุรกิจเต็มสูบ จับเทรนด์ผู้ประกอบการปรับตัวพลิกฟื้นจากวิกฤต โควิด-19 สนับสนุนภาคธุรกิจไทยดึงศักยภาพ 5G และเทคโนโลยีดิจิทัลทรานส์ฟอร์มองค์กร เสริมแกร่งธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม  เดินหน้ายกระดับบริการด้วยยุทธศาสตร์ Professional Digital Solutions ชูจุดเด่นกลยุทธ์ 4 ด้าน ครอบคลุมครบทุกมิติ ทั้ง Perfect Solutions จัดเต็มกว่า 100 โซลูชัน ใน 9 กลุ่มบริการสื่อสารและดิจิทัล ตอบสนองทุกรูปแบบความต้องการที่แตกต่าง เลือกได้ทั้งโซลูชันพร้อมใช้ หรือ ออกแบบพิเศษให้ตรงโจทย์ธุรกิจ Premium Partners ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ สร้างสรรค์และส่งมอบนวัตกรรมดิจิทัลโซลูชันล้ำสมัยระดับเวิลด์คลาส เติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัลให้แข็งแกร่ง Professional Digital Consultants เสริมทัพผู้เชี่ยวชาญและอัปสกิลดิจิทัล  พร้อมให้บริการปรึกษาและออกแบบโซลูชันตามความต้องการของแต่ละองค์กรแบบเฉพาะรายอย่างมืออาชีพ และ Pleasant Experience มอบประสบการณ์การใช้บริการแบบไร้รอยต่อในทุกช่องทางบริการหลังการขาย ดูแลอย่างใกล้ชิดแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร เพื่อส่งเสริมองค์กรและผู้ประกอบการทุกขนาดคว้าโอกาสใหม่ทางธุรกิจ พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้เต็มรูปแบบ เป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก

นายพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ในการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรและธุรกิจมายาวนาน ทรูบิสิเนส เข้าใจลึกซึ้งถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าทั้งกลุ่ม SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรม และพร้อมเดินหน้าเคียงข้างธุรกิจไทยในการทรานส์ฟอร์มสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ นำอัจฉริยภาพของ 5G ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย ช่วยพลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤตโควิด-19 เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตอย่างก้าวกระโดด  โดย ทรูบิสิเนส ผู้นำบริการสื่อสารและดิจิทัลโซลูชันครบวงจร ได้ก้าวไปอีกขั้นสู่มิติใหม่ของบริการระดับโปรสำหรับองค์กรและธุรกิจในยุคดิจิทัล ด้วยยุทธศาสตร์ Professional Digital Solutions ที่มุ่งยกระดับบริการดิจิทัลสำหรับลูกค้าธุรกิจแบบเฉพาะรายอย่างมืออาชีพ โดยใช้กลยุทธ์ 4 ด้านที่ครอบคลุมทุกความต้องการอย่างเหนือชั้น ประกอบด้วย Perfect Solutions การพัฒนาและสรรหาโซลูชันที่หลากหลายรองรับทุกรูปแบบการใช้งานของธุรกิจ Premium Partners ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อพัฒนานวัตกรรมและสร้างระบบนิเวศดิจิทัลเพื่อองค์กรธุรกิจ รวมถึง Professional Digital Consultants  การเพิ่มศักยภาพบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความชำนาญ เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ และ Pleasant Experience บริการหลังการขายในหลากหลายช่องทางที่เชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้บริการที่ดีที่สุดตลอดระยะเวลาการใช้บริการของ ทรูบิสิเนส

นายพิชิต กล่าวเสริมว่า 5G เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อผสานการทำงานกับเทคโนโลยีดิจิทัลหลากหลายไม่ว่าจะเป็น IoT, Cloud, Blockchain, Robotics รวมทั้งเทคโนโลยี Analytics, AI และ Big Data จะสร้างประโยชน์ในเชิงธุรกิจได้มหาศาล ทั้งเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัว เพิ่มผลิตผล และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสนับสนุนความก้าวหน้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน พลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน  สะท้อนถึงความตั้งใจของทรูบิสิเนส ที่จะนำศักยภาพความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจรของกลุ่มทรู  เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการลูกค้าองค์กรและธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศทั่วโลก

ยุทธศาสตร์ Professional Digital Solutions ของทรูบิสิเนส ชูกลยุทธ์ 4 ด้านหลัก ดังนี้

- Perfect Solutions ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละธุรกิจที่มีความต้องการหรือความพร้อมที่แตกต่างกัน ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและทุกระดับ เลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ ครอบคลุม 9 กลุ่มบริการสื่อสารและดิจิทัล ได้แก่

Network Solutions บริการโครงข่ายล้ำสมัยทั้งโมบายล์และบรอดแบนด์เพื่อทุกการเชื่อมต่อของธุรกิจ เช่น บริการ Corporate Internet และ บริการ True SD-Wan
Voice & Conference Solutions บริการด้านเสียงแบบครบวงจร ทั้งการโทรภายในและต่างประเทศ เช่น บริการ Mobile PBX และ Cloud PBX
Mobility Solutions เชื่อมต่อรวดเร็วทุกที่ทุกเวลาบนเครือข่ายทรูมูฟ เอช เพื่อทุกธุรกิจ อาทิ บริการ Messaging Solutions, True UEM และ บริการ Business Privilege Package มอบค่าโทรค่าเน็ตเป็นของรางวัล
5G Infrastructure เครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่เร็วแรง ครบกว่า และครอบคลุมมากที่สุดทั่วไทย พร้อมรองรับทุกการใช้ชีวิต การเรียน การทำงาน รวมถึง 5G โซลูชันที่หลากหลายเพื่อการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม
IoT & Digital Solutions บริการเทคโนโลยีและโซลูชันด้านดิจิทัล เช่น บริการ Smart Health, Smart Man.cturing และ True5G Smart Robo-Service
Marketing Solutions บริการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบโจทย์ด้านการตลาด เช่น True Analytics, VR Solution
Productivity & Collaboration Solutions เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เติมเต็มดิจิทัลเวิร์คสไตล์ เช่น บริการ Cloud Contact Center, True Digital Academy, VROOM และ HR Solution
Data Center & Cloud Services Solutions บริการคลาวด์ และ ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งในและต่างประเทศ
Digital Security Solutions บริการศูนย์กลางการตรวจสอบความปลอดภัย และเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในโลกไซเบอร์
- Premium Partners สร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลโซลูชันล้ำสมัยร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับเวิลด์คลาส ทั้งด้าน ซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีดิจิทัลอีกมากมาย เติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัล เพื่อบริการที่หลากหลายครอบคลุมทุกมิติ

- Professional Digital Consultants ทีมผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่ผ่านการอบรมอัปสกิลดิจิทัลและเข้าใจความต้องการของธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี พร้อมขยายทีมงานรองรับการบริการให้คำปรึกษาและออกแบบดิจิทัลโซลูชันสำหรับลูกค้าธุรกิจแบบเฉพาะราย ตลอดจนดูแลใกล้ชิดระยะเวลาตลอดเวลาการใช้บริการ

- Pleasant Experience มอบประสบการณ์การดูแลและบริการหลังการขายแบบไร้รอยต่อ เริ่มตั้งแต่การรับข้อมูลและศึกษาความต้องการโดยตรงจากลูกค้า แนะนำให้คำปรึกษา พร้อมนำเสนอโซลูชันที่เหมาะสมและดีที่สุด และบริการหลังการขายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน ทรูบิสิเนส ไอเซอร์วิส (TrueBusiness iService) หรือ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าองค์กร โทร. 1239
#4539
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299
สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  รับตรวจสอบบัญชี สำนักงานสอบบัญชี
#4540
ทรูบิสิเนส เผยยุทธศาสตร์ 2022 Professional Digital Solutions

ทรูบิสิเนส เผยยุทธศาสตร์ 2022 Professional Digital Solutions รุกตลาดลูกค้าองค์กรด้วยธุรกิจดิจิทัล ปักธงผู้นำบริการสื่อสารและดิจิทัลโซลูชันครบวงจรร่วมทรานส์ฟอร์มธุรกิจไทยเต็มรูปแบบ ชูกลยุทธ์ 4 ด้าน

ครบครันกว่า 100 โซลูชัน ครอบคลุม 9 กลุ่มบริการ
ผนึกพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
อัปสกิลทีมผู้เชี่ยวชาญ ยกระดับบริการแบบมืออาชีพ
บริการหลังการขายแบบไร้รอยต่อ เบ็ดเสร็จครบวงจร
ทรูบิสิเนส ย้ำภาพผู้นำบริการสื่อสารและดิจิทัลโซลูชันครบวงจรสำหรับลูกค้าธุรกิจ เร่งเครื่องรุกตลาดลูกค้าองค์กรและธุรกิจเต็มสูบ จับเทรนด์ผู้ประกอบการปรับตัวพลิกฟื้นจากวิกฤต โควิด-19 สนับสนุนภาคธุรกิจไทยดึงศักยภาพ 5G และเทคโนโลยีดิจิทัลทรานส์ฟอร์มองค์กร เสริมแกร่งธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม  เดินหน้ายกระดับบริการด้วยยุทธศาสตร์ Professional Digital Solutions ชูจุดเด่นกลยุทธ์ 4 ด้าน ครอบคลุมครบทุกมิติ ทั้ง Perfect Solutions จัดเต็มกว่า 100 โซลูชัน ใน 9 กลุ่มบริการสื่อสารและดิจิทัล ตอบสนองทุกรูปแบบความต้องการที่แตกต่าง เลือกได้ทั้งโซลูชันพร้อมใช้ หรือ ออกแบบพิเศษให้ตรงโจทย์ธุรกิจ Premium Partners ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ สร้างสรรค์และส่งมอบนวัตกรรมดิจิทัลโซลูชันล้ำสมัยระดับเวิลด์คลาส เติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัลให้แข็งแกร่ง Professional Digital Consultants เสริมทัพผู้เชี่ยวชาญและอัปสกิลดิจิทัล  พร้อมให้บริการปรึกษาและออกแบบโซลูชันตามความต้องการของแต่ละองค์กรแบบเฉพาะรายอย่างมืออาชีพ และ Pleasant Experience มอบประสบการณ์การใช้บริการแบบไร้รอยต่อในทุกช่องทางบริการหลังการขาย ดูแลอย่างใกล้ชิดแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร เพื่อส่งเสริมองค์กรและผู้ประกอบการทุกขนาดคว้าโอกาสใหม่ทางธุรกิจ พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้เต็มรูปแบบ เป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก

นายพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ในการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรและธุรกิจมายาวนาน ทรูบิสิเนส เข้าใจลึกซึ้งถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าทั้งกลุ่ม SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรม และพร้อมเดินหน้าเคียงข้างธุรกิจไทยในการทรานส์ฟอร์มสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ นำอัจฉริยภาพของ 5G ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย ช่วยพลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤตโควิด-19 เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตอย่างก้าวกระโดด  โดย ทรูบิสิเนส ผู้นำบริการสื่อสารและดิจิทัลโซลูชันครบวงจร ได้ก้าวไปอีกขั้นสู่มิติใหม่ของบริการระดับโปรสำหรับองค์กรและธุรกิจในยุคดิจิทัล ด้วยยุทธศาสตร์ Professional Digital Solutions ที่มุ่งยกระดับบริการดิจิทัลสำหรับลูกค้าธุรกิจแบบเฉพาะรายอย่างมืออาชีพ โดยใช้กลยุทธ์ 4 ด้านที่ครอบคลุมทุกความต้องการอย่างเหนือชั้น ประกอบด้วย Perfect Solutions การพัฒนาและสรรหาโซลูชันที่หลากหลายรองรับทุกรูปแบบการใช้งานของธุรกิจ Premium Partners ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อพัฒนานวัตกรรมและสร้างระบบนิเวศดิจิทัลเพื่อองค์กรธุรกิจ รวมถึง Professional Digital Consultants  การเพิ่มศักยภาพบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความชำนาญ เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ และ Pleasant Experience บริการหลังการขายในหลากหลายช่องทางที่เชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้บริการที่ดีที่สุดตลอดระยะเวลาการใช้บริการของ ทรูบิสิเนส

นายพิชิต กล่าวเสริมว่า 5G เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อผสานการทำงานกับเทคโนโลยีดิจิทัลหลากหลายไม่ว่าจะเป็น IoT, Cloud, Blockchain, Robotics รวมทั้งเทคโนโลยี Analytics, AI และ Big Data จะสร้างประโยชน์ในเชิงธุรกิจได้มหาศาล ทั้งเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัว เพิ่มผลิตผล และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสนับสนุนความก้าวหน้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน พลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน  สะท้อนถึงความตั้งใจของทรูบิสิเนส ที่จะนำศักยภาพความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจรของกลุ่มทรู  เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการลูกค้าองค์กรและธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศทั่วโลก

ยุทธศาสตร์ Professional Digital Solutions ของทรูบิสิเนส ชูกลยุทธ์ 4 ด้านหลัก ดังนี้

- Perfect Solutions ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละธุรกิจที่มีความต้องการหรือความพร้อมที่แตกต่างกัน ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและทุกระดับ เลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ ครอบคลุม 9 กลุ่มบริการสื่อสารและดิจิทัล ได้แก่

Network Solutions บริการโครงข่ายล้ำสมัยทั้งโมบายล์และบรอดแบนด์เพื่อทุกการเชื่อมต่อของธุรกิจ เช่น บริการ Corporate Internet และ บริการ True SD-Wan
Voice & Conference Solutions บริการด้านเสียงแบบครบวงจร ทั้งการโทรภายในและต่างประเทศ เช่น บริการ Mobile PBX และ Cloud PBX
Mobility Solutions เชื่อมต่อรวดเร็วทุกที่ทุกเวลาบนเครือข่ายทรูมูฟ เอช เพื่อทุกธุรกิจ อาทิ บริการ Messaging Solutions, True UEM และ บริการ Business Privilege Package มอบค่าโทรค่าเน็ตเป็นของรางวัล
5G Infrastructure เครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่เร็วแรง ครบกว่า และครอบคลุมมากที่สุดทั่วไทย พร้อมรองรับทุกการใช้ชีวิต การเรียน การทำงาน รวมถึง 5G โซลูชันที่หลากหลายเพื่อการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม
IoT & Digital Solutions บริการเทคโนโลยีและโซลูชันด้านดิจิทัล เช่น บริการ Smart Health, Smart Man.cturing และ True5G Smart Robo-Service
Marketing Solutions บริการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบโจทย์ด้านการตลาด เช่น True Analytics, VR Solution
Productivity & Collaboration Solutions เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เติมเต็มดิจิทัลเวิร์คสไตล์ เช่น บริการ Cloud Contact Center, True Digital Academy, VROOM และ HR Solution
Data Center & Cloud Services Solutions บริการคลาวด์ และ ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งในและต่างประเทศ
Digital Security Solutions บริการศูนย์กลางการตรวจสอบความปลอดภัย และเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในโลกไซเบอร์
- Premium Partners สร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลโซลูชันล้ำสมัยร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับเวิลด์คลาส ทั้งด้าน ซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีดิจิทัลอีกมากมาย เติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัล เพื่อบริการที่หลากหลายครอบคลุมทุกมิติ

- Professional Digital Consultants ทีมผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่ผ่านการอบรมอัปสกิลดิจิทัลและเข้าใจความต้องการของธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี พร้อมขยายทีมงานรองรับการบริการให้คำปรึกษาและออกแบบดิจิทัลโซลูชันสำหรับลูกค้าธุรกิจแบบเฉพาะราย ตลอดจนดูแลใกล้ชิดระยะเวลาตลอดเวลาการใช้บริการ

- Pleasant Experience มอบประสบการณ์การดูแลและบริการหลังการขายแบบไร้รอยต่อ เริ่มตั้งแต่การรับข้อมูลและศึกษาความต้องการโดยตรงจากลูกค้า แนะนำให้คำปรึกษา พร้อมนำเสนอโซลูชันที่เหมาะสมและดีที่สุด และบริการหลังการขายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน ทรูบิสิเนส ไอเซอร์วิส (TrueBusiness iService) หรือ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าองค์กร โทร. 1239
#4541

เครื่องบดพลาสติก หรือ เครื่องบดผงพลาสติก ผลิตและนำเข้าจากต่างประเทศ

เครื่องบดพลาสติก หรือ เครื่องบดย่อยพลาสติก หรือ เครื่องโม่พลาสติก มีตั้งแต่ขนาด 100-800 กิโลกรัม/ชั่วโมง ใช้วัสดุอย่างดีในการผลิตเครื่องและใบมีดที่ออกแบบมาพิเศษ ใบมีดสามารถถอดและติดตั้งเองได้ง่าย ใบมีดมีความทนทาน อายุการใช้งานอยู่ได้นาน ใบมีดออกแบบมาโดยเฉพาะทางเท่านั้น วัสดุที่ผลิตจากใบมีดทำมาจากเหล็ก T7A
มีความแข็งแรงและสามารถยืดหยุ่นได้ การรีไซเคิลพลาสติกสามารถใช้เครื่องบดพลาสติกได้ทุกชนิด อาทิ PVC, PE, PP, PS, SAN, ABS, PET, PC เป็นต้น ตัวอย่างชิ้นงานพลาสติก เช่น ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก กระป๋อง ถาด ตะกร้า ไม้แขวนเสื้อ ขาเก้าอี้ สายน้ำเกลือ แผ่น CD และกันชนรถยนต์ เป็นต้น นอกจากพลาสติก เครื่องบดพลาสติกของเรายังสามารถบดชิ้นงานจากวัสดุอื่นได้อีก เช่น ใช่เป็นเครื่องย่อยขยะ ธนบัตร หนังสือพิมพ์ ยางรถยนต์ เหล็กบางๆ แก้ว ไม้ กางปลา กระดองปลาหมึก เป็นต้น

Line : Lakkana99 , 0812079977
เบอร์ติดต่อ : 081-6428557 (คุณสมนึก) , 081-6428556 (คุณลักขณา)
เรียบเรียงบทความโดย : https://www.cctgroup.co.th
#4542
สรรพสามิต ลงนาม 2 ค่ายรถจากจีนลดภาษีรถ BEV, ค่ายรถญี่ปุ่น-ยุโรป รอเจรจา
 
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระหว่างกรมสรรพสามิต กับบริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบที่พร้อมเข้าร่วมมาตรการเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากการนำเข้าและผลิตรถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) ทั้งภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต และเงินอุดหนุนจำนวน 70,000 หรือ 150,000 บาทต่อคัน ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่

เมื่อได้ลงนามในข้อตกลงแล้ว ผู้ประกอบทั้ง 2 ราย จะได้รับสิทธิในการรับเงินอุดหนุนจากการจำหน่าย ซึ่งราคาที่แสดงในงานมอเตอร์โชว์ จะเป็นราคาขายปลีกแนะนำที่ได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว และคาดว่าจะมีผู้ประกอบอุตสาหกรรม และผู้นำเข้ารถยนต์ และรถจักรยานยนต์รายอื่น ๆ เข้าร่วมลงนามข้อตกลงในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป

สำหรับค่ายรถที่เข้าร่วมมาตรการ จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ คือ ในปีที่ 3 ค่ายรถจะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อทดแทนรถที่นำเข้ามาจำหน่าย ในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ซึ่งตามเป้าหมายภายในปี 2573 จะต้องมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอยู่ที่ 30% ขอการผลิตรถยนต์ทั้งหมด เพื่อทำให้ไทยสามารถรักษาการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไว้ได้

นายลวรณ กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้อนุมัติโครงสร้างราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งราคาดังกล่าว จะถูกส่งไปยังประชาชนที่ซื้อรถอย่างแท้จริง โดยในปีแรก ได้รับงบประมาณดำเนินการ 3 พันล้านบาท คาดว่าจะครอบคลุมความต้องการได้เพียงพอ

ส่วนงบประมาณสำหรับดำเนินการในระยะถัดไปนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง หารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการหาแหล่งงบประมาณเพื่อดำเนินการในระยะถัดไป

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการลงนามร่วมกับ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้า นำมาขายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ได้ประมาณ 500 คัน ส่วนบริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าจะนำมาขายประมาณ 1,500 คัน โดยประชาชนที่สนใจ จะได้รับส่วนลดตามมาตรการรัฐทันที 150,000-200,000 บาทต่อคัน

ทั้งนี้ มีค่ายรถยนต์ที่สนใจลงนามร่วมกับกรมสรรพสามิตอีกหลายค่าย โดยรายที่ 3 เป็นค่ายเนต้า จากประเทศจีนที่ร่วมลงทุนกับ บมจ. ปตท. (PTT) ขณะที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า ฮอนด้า มิตซูบิชิ อยู่ระหว่างการหารือกับกรมสรรพสามิต เบื้องต้นขอเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งยังไม่พร้อมจะร่วมในงานเอ็กซ์โปครั้งนี้

ส่วนค่ายรถยุโรป เช่น บีเอ็มดับเบิ้ลยู เมอร์เซเดส เบนซ์ หากทำราคาขายได้ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ก็จะมีส่วนลดต่อคันสูงถึง 6-7 แสนบาท ซึ่งเชื่อว่าค่ายรถทั้งหมดกว่า 80% จะลงนามกับกรมสรรพสามิตได้หมดภายในปีนี้
#4543
BAY คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 33.20-33.65 สินทรัพย์เสี่ยงอาจพักฐาน

กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยทิศทางเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.65 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดทรงตัวที่ 33.28 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.20-33.55 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ยกเว้นเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติ 8-1 ให้ปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 0.25-0.50% โดยเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี

ทั้งนี้ ประมาณการล่าสุดของเฟดบ่งชี้ว่า ดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นไปแตะระดับ 1.75-2.00% ก่อนสิ้นปีนี้ หรือปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 25bp ทุกรอบการประชุมที่เหลืออีก 6 ครั้งในปีนี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดย Dot Plot ยังบ่งชี้ว่าดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับ 2.8% ในปี 2566 ขณะที่ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ลงมติสนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ย 25bp ในการประชุมครั้งนี้

ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 0.75% ด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ และแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวน้อยลงเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คงนโยบายตามเดิม ขณะที่เงินเยนร่วงลงสู่ระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปี ท่ามกลางราคาพลังงานที่สูงขึ้น และการใช้นโยบายการเงินตึงตัวทั่วโลก ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 11,148 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 8,366 ล้านบาท

กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ฯ คาดว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย หลังประธานเฟดเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย โอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ มีไม่สูง และเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าครั้งละ 25bp หากภาวะเงินเฟ้อไม่คลายตัวลงในระยะข้างหน้า โดยเฟดอาจจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการลดขนาดงบดุลในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนพฤษภาคม

อนึ่ง กรุงศรีคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงอาจเข้าสู่ช่วงพักฐาน เนื่องจากตลาดได้ซึมซับข่าวเชิงบวกไปค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นคำมั่นของรัฐบาลจีนต่อการสนับสนุนและรักษาเสถียรภาพของตลาดทุน รวมถึงความหวังเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน อย่างไรก็ดี นโยบายของเฟดที่เข้าสู่วัฏจักรคุมเข้มอย่างชัดเจน ความไม่แน่นอนต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อโลกจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร จะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ในระยะนี้

สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลส่งออกนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ และการตอบรับการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ ขณะที่กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มผันผวนสูงต่อเนื่อง