• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - dsmol19

#3001


ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ได้เปิดบริการใหม่ เซ็นทรัล คิทเช่น (Central Kitchen) ส่งความอิ่มอร่อยจากเซ็นทรัลสู่บ้านคุณ สะดวก สะอาด ดี ครบ จบในที่เดียว อำนวยความสะดวกให้กับคนไทยได้อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารจากร้านดังระดับโลกกว่า 2,000 เมนู รวมทั้งร้านมิชลินสตาร์ มิชลินไกด์ และร้านอร่อยแห่งเดียวในไทย พร้อมเสิร์ฟถึงบ้านแบบไม่ต้องต่อคิว ตอกย้ำการเป็น Food destination

ไม่ว่าจะสั่งอยู่ที่บ้าน หรือแวะสั่งที่เคาน์เตอร์ Central Kitchen ข้างซูเปอร์มาร์เก็ตที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั้ง 21 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง โคราช และหาดใหญ่  เพียง Add Line OA หรือโทรตรงที่สาขาใกล้บ้าน  คลิก https://www.centralplaza.co.th/CentralKitchen/

"เซ็นทรัลพัฒนา ไม่หยุดนิ่งพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งบริการใหม่ล่าสุด 'Central Kitchen' นี้ จะเป็นจุดศูนย์กลางการให้บริการผ่านช่องทางการสั่ง ที่ง่ายและสะดวกกว่า ทั้งแบบโทรตรงหรือ Add LINE OA สาขาใกล้บ้าน คลิกเลือกเมนูที่ชอบ และรอรับอาหารที่บ้าน ทางร้านมีบริการเรียกไรเดอร์ส่งให้ หรือจะแวะมาสั่งที่เคาน์เตอร์ Central Kitchen ก่อนเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต เสร็จแล้วออกมารับได้เลยด้วยบริการแบบ Touchless experiences"  

ทั้งนี้ Central Kitchen รวบรวมร้านดังตั้งแต่ Street food อร่อยทานง่ายจานเดียวจบ ชาบู ปิ้งย่าง ชานมไข่มุก ไปจนถึงร้านที่มาเปิดแห่งแรกในไทย และร้านดังระดับโลก การันตีด้วยมิชลินสตาร์ และมิชลินไกด์ รวมแล้วกว่า 1,000 ร้าน 2,000 เมนู  อาทิ Kam' Roast ห่านย่างชื่อดังระดับตำนาน  มิชลินสตาร์ 7 ปีซ้อน, Song Fa บักกุ๊ดเต๋ระดับ Michelin Guide Singapore สาขาแรกในไทย, Din Tai Fung อาหารจีนระดับมิชลินสตาร์สไตล์ไต้หวัน ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก, TP Tea ชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก และ The Coffee Academics คอฟฟี่เฮ้าส์แบรนด์ดังจากฮ่องกง หนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก, % Arabica ร้านกาแฟชื่อดังจากเกียวโต

ยังมีเมนูเด็ดจากร้านดังมากมายในศูนย์ฯ อาทิ Haidilao หม่าล่าหม้อไฟชื่อดัง, Sushiro ร้านซูชิสายพานอันดับ 1จากญี่ปุ่น, La Meow หม่าล่าชื่อดังสูตรเมืองจีนมณฑลหูหนานแท้ , Seoga & Cook, แหลมเจริญซีฟู้ด, SUSHI DEN, SIZZLER, Spaghetti Factory, OOTOYA, MOMO PARADISE, SUSHI HIRO, PEPPER LUNCH, SUBWAY, CHUAN KITCHEN  Jones' SALAD, คำพูน, ลาวญวน, เพลินพุง, ตำตำ,  คัตสึยะ, ร้านของหวานร้านดัง อร่อยเด็ด ที่ต้องโดน อาทิ, Peak Chocolate , S&P, mx cake & bakery,  Paul Bakery, ERIC  KAYSER, Haagen-Dazs, Cheevit Cheeva, Swensen's, Cold Stone,  Krispy Kreme , Koomi, Kyo Roll En, Olino , Toku Dessert, Mom & Sis , KYO ROLL EN , BAIMIANG ดื่มด่ำความสดชื่นจากร้านชาไข่มุก และคาเฟ่ร้านดังยอดนิยม  อาทิ host & AMBER, GAGA, LOUISA COFFEE, KOI Thé  และอื่นๆอีกมาก รวมถึงร้านอร่อยใน FOOD PARK  

มั่นใจมาตรฐานสะอาด ปลอดภัย "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ x 2"

พร้อมกันนี้ เซ็นทรัลพัฒนา คุมเข้ม มาตรการ อย่างเต็มที่ ทั้งพนักงาน พื้นที่ส่วนกลาง และร้านค้า อาทิ จัดเส้นทางเข้าออกชัดเจน และกำหนดจุดคัดกรองพนักงานเข้มงวดก่อนการปฏิบัติงานทุกวัน, คุมเข้ม 100% Social distancing งดความแออัด, ติดตาม Timeline ของพนักงานทุกวัน, พนักงานต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน 2 ชั้น Double Protection ใส่หน้ากาก 2 ชั้น หรือหน้ากากและ Face shield, รวมถึงมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ในทุกขั้นตอน และ Big Cleaning ทุกวันเป็นประจำ

สำหรับบริการ Delivery พนักงานไรเดอร์ทุกคนต้องผ่านการคัดกรองและประเมิณตนเองผ่าน Thai Stop Covid,  การใช้เจลแอลกฮอล์ฆ่าเชื้อที่ถุงมือและมือก่อน-หลังการรับส่งอาหาร, การจัดพื้นที่เป็นสัดส่วนในการนั่งรอแบบเว้นระยะห่าง และงดการรวมกลุ่มพูดคุยระหว่างรออาหาร เป็นต้น เพื่อความมั่นใจในการใช้บริการของลูกค้าทุกคน

พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแล้ววันนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่  เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, ปิ่นเกล้า, ลาดพร้าว, มหาชัย, แกรนด์ พระราม 9, พระราม 3, พระราม 2, เวสต์เกต, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา, ศาลายา, ระยอง, ชลบุรี, นครราชสีมา, เซ็นทรัล มารีนา, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, อีสต์วิลล์, หาดใหญ่ และเซ็นทรัล วิลเลจ
#3002


หนึ่งในนวัตกรรมที่ถ่ายทอดสปิริต "ความยั่งยืน" ของ Tokyo Olympic 2020 คือเตียงนอนนักกีฬาที่ทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล และที่นอนจากเส้นใยโพลิทีลีนที่สามารถรีไซเคิลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

Airweave บริษัทเครื่องนอนของญี่ปุ่นได้สร้างเตียงและที่นอนจำนวน 18,000 เตียง สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ โดย 8,000 เตียง จะถูกนำมาใช้ใหม่อย่างแน่นอนในพาราลิมปิกเกมส์ และหลังจบการแข่งขันแล้วก็จะนำไปบริจาคให้กับองค์กรระดับชาติต่อไป

โครงเตียงนั้นทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล ส่วนฟูกนอนทำจากเส้นใยโพลีเอทีลีนที่สปริงตัวได้ ออกแบบแยกกันเป็นสามชั้นแบบโมดูลาร์ โดยมีความแน่น 4 ระดับ สำหรับปรับแต่งความกระชับที่ช่วงไหล่ เอว และขา เพื่อให้ได้ท่านอนที่เหมาะกับสรีระ
ทั้งนี้นักกีฬาสามารถขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการจัดวางที่นอนในหมู่บ้านโอลิมปิก หรือส่งรูปถ่ายและระบุสัดส่วนของตนเองผ่านแอปพลิเคชันของ Airweave เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกที่นอนที่เหมาะสม
#3003


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้...รถไฟฟ้าลอดใต้เจ้าพระยา เจาะอุโมงค์เหมือนกัน แต่ทำไมประมูลต่างกัน ?

เวลานี้มีรถไฟฟ้าวิ่งลอดใต้เจ้าพระยาแล้ว 1 สาย นั่นคือสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และกำลังจะมีเพิ่มอีก 2 สาย ประกอบด้วยสายสีส้มส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ซึ่งอยู่ในระหว่างการประมูล แต่เชื่อมั้ยครับว่าเกณฑ์ประมูลกลับถูกเปลี่ยนจากเกณฑ์เดิมที่ใช้กับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งมีการเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาได้ผลดีมาแล้ว?



รฟม.ใช้เกณฑ์อะไรในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาครั้งแรก?

ในการประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และต้องขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาครั้งแรก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ใช้เกณฑ์ประมูลโดยพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเทคนิคก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป ใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งเกณฑ์นี้เป็นที่ยอมรับและยึดถือปฏิบัติกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของ รฟม. และของหน่วยงานอื่น

ปรากฏว่าผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลไม่เคยมีประสบการณ์ในการขุดเจาะอุโมงค์ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน เพิ่งมีโอกาสจากโครงการนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถทำการก่อสร้างจนสำเร็จลุล่วงเป็นไปตามความต้องการของ รฟม. และได้เปิดใช้ในปี 2562 ชี้ให้เห็นว่าเกณฑ์ประมูลนี้เป็นเกณฑ์ที่ใช้ได้ผลดี

ADVERTISEMENT


รฟม.เปลี่ยนใจไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาเช่นเดียวกัน

รฟม.ได้เปิดประมูลหาผู้ร่วมลงทุน (หรือผู้รับสัมปทาน) ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจัดหารถไฟฟ้ารวมทั้งให้บริหารจัดการเดินรถตลอดเส้นทาง ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยใช้เกณฑ์ประมูลเหมือนกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย นั่นคือต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเทคนิค ก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านผลตอบแทน ("ผลตอบแทน" ใช้สำหรับการหาผู้รับสัมปทาน ส่วน "ราคา" ใช้สำหรับการหาผู้รับเหมา) ต่อไป ใครเสนอผลตอบแทนสูงสุดก็จะชนะการประมูล

แต่ก่อนถึงวันยื่นข้อเสนอ รฟม.ได้ประกาศเปลี่ยนไปใช้ "เกณฑ์ใหม่" ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30% และคะแนนด้านผลตอบแทน 70% ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะชนะการประมูล ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการลดทอนความสำคัญข้อเสนอด้านเทคนิคลงจากเดิมที่มีคะแนนเต็ม 100% เหลือ 30% เท่านั้น

ทั้งนี้ รฟม.อ้างว่าเหตุที่ต้องเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลเนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตกเป็นโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง โดยเฉพาะการก่อสร้างสถานีและอุโมงค์ใต้ดินผ่านพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน รวมทั้งจะต้องก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย จึงจำเป็นต้องได้ผู้รับสัมปทานที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งผมเห็นว่าถ้าเป็นไปตามข้ออ้างดังกล่าวจริง รฟม.ควรใช้เกณฑ์เดิม เพราะเป็นเกณฑ์ที่ให้ความสำคัญข้อเสนอด้านเทคนิคถึง 100%

รฟม.คงลืมไปว่าในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ซึ่งต้องขุดเจาะอุโมงค์ในพื้นที่ชุมชนหลายแห่งเป็นระยะทางใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมด 22.5 กิโลเมตร รฟม.ก็ใช้เกณฑ์ประมูลเดิมหรือเกณฑ์ที่ใช้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ไม่ได้ใช้เกณฑ์ใหม่ ปรากฏว่าใช้ได้ผลดีทำให้การก่อสร้างมีความคืบหน้าถึงวันนี้ (13 สิงหาคม 2564) ประมาณ 85%

รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาเช่นเดียวกัน

ขณะนี้ รฟม.กำลังประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟาสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ หรือสายสีม่วงใต้ ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย

แต่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งใช้ได้ผลดีมาแล้ว กลับไปใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ซึ่งพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจทำให้ รฟม.ต้องเสียค่าก่อสร้างมากกว่า และที่สำคัญ อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งหรือไม่?

เหตุที่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้นั้น รฟม.อ้างเหตุผลทำนองเดียวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก โดยอ้างว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ประกอบกับมีเส้นทางผ่านเขตชุมชนหนาแน่น พื้นที่ที่มีความอ่อนไหวสูง เช่น พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องได้ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูง

ข้ออ้างของ รฟม. ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริงหรือไม่?

รฟม.อ้างว่าเหตุที่ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เพราะต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวและมีความซับซ้อน และต้องขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ทำให้ต้องใช้ผู้รับสัมปทานหรือผู้รับเหมาที่มีความสามารถสูง

จะเห็นได้ว่าข้ออ้างของ รฟม.ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริง กล่าวคือในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายก็ต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน ซึ่ง รฟม.ได้ใช้เกณฑ์ประมูลที่ทำให้สามารถคัดเลือกผู้รับเหมาที่มีความสามารถก่อสร้างอุโมงค์ในพื้นที่ดังกล่าวได้สำเร็จสมบูรณ์ โดยไม่ได้นำคะแนนด้านเทคนิคมารวมกับคะแนนด้านราคาเพื่อพิจารณาหาผู้ชนะการประมูลแต่อย่างใด

ข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีในการขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้มีความพิเศษสลับซับซ้อนถึงขนาดต้องใช้เกณฑ์ประมูลที่แตกต่างไปจากการประมูลโครงการอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ก็คือ การขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่เป็นการขุดเจาะในแม่น้ำ แต่เป็นการขุดเจาะในดินใต้ท้องน้ำประมาณ 10 เมตร หรือใต้ผิวน้ำประมาณ 30 เมตร

สรุป

การที่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสำหรับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และสายสีม่วงใต้ แต่ใช้เกณฑ์พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา อาจทำให้มีข้อเสียดังนี้

1. ในกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก รฟม.อาจไม่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด ส่วนในกรณีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รฟม.อาจต้องเสียค่าก่อสร้างมากกว่า การพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา อาจทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอผลตอบแทนสูงสุด หรือเสนอราคาต่ำสุดไม่ได้รับการคัดเลือก เพราะเขาอาจได้คะแนนรวม (ด้านเทคนิค+ด้านผลตอบแทนหรือราคา) น้อยกว่า
2. อาจถูกกล่าวหาว่าต้องการล็อกผู้รับสัมปทานหรือผู้รับเหมา หากกรรมการคัดเลือกต้องการช่วยผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่งสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากเกณฑ์นี้พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา หากเห็นว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้นเสนอผลตอบแทนต่ำหรือเสนอราคาค่าก่อสร้างสูง ซึ่งจะทำให้ได้คะแนนด้านผลตอบแทนหรือราคาต่ำกว่า ก็จะเพิ่มคะแนนด้านเทคนิคให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงอาจทำให้ รฟม.ถูกกล่าวหาว่าต้องการให้ผู้ยื่นข้อเสนอบางรายได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นหรือไม่?

ดังนั้น หาก รฟม.คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งความสำเร็จของโครงการอย่างแท้จริง ก็ควรพิจารณาใช้เกณฑ์ประมูลเดิมที่พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคแยกกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา ซึ่งใช้ได้ผลดีเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว แต่เหตุใด รฟม.จึงไม่ใช้เกณฑ์ประมูลเดิมเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนดังที่ได้ยึดถือปฏิบัติกันมา
เห็นชัดๆ กันอย่างนี้แล้ว รฟม.จะว่าไง?

ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง

 
#3004


นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้  กล่าวว่า สำหรับมาตรการใหม่เพิ่มเติมหลังหมดพักหนี้ 2 เดือนแล้ว และคงต้องรอความชัดเจนจากทางธปท. ก่อนว่าจะช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโควิด-19ต่อไปอย่างไร   ซึ่งธนาคารพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่  

ขณะที่ปัจจุบันมาตรการของธนาคารมีการให้ความช่วยเหลือลูกค้าอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์  มีทั้งปรับโครงสร้างหนี้ พักหนี้ตามมาตรการธปท.และคืนรถปลดหนี้  มองว่าเรามีเครื่องมืือที่ยังเพียงพอดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ปีนี้ได้อยู่  

โดยมาตรการคืนรถปลดหนี้ นับถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ยังเพียงพอดูแลหากลูกค้าไปไม่ไหวจริงยังมีมาตรการนี้รองรับได้ แต่ปัจจุบันกลับพบว่า มีลูกค้าเข้ามาคืนรถปลดหนี้เพียง 1,000 ราย ยังต่ำที่คาดไว้ 5,000 ราย  สะท้อนว่ารถยนต์ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ประกอบอาชีพและสร้างรายได้อยู่ เพื่อพยายามจ่ายหนี้ได้บ้าง 

ทั้งนี้ทางธนาคารพยายามช่วยประคับประคองลูกค้า ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าเป็นรายกรณี ถือว่าตอบโจทย์ลดภาระหนี้ระยะยาวให้ลูกค้าผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19ไปให้ได้  เช่น สามารถลดค่างวดได้ 30-50% หรือยืดระยะเวลาผ่อนออกไป 3-6 เดือน   ขณะที่มาตรการพักหนี้รอบนี้  มีลูกค้ามาขอช่วยเหลือน้อยมากไม่ถึง 1 %ของพอร์ตลูกหนี้ทั้งหมด  
#3005


รอยเตอร์ - รัฐบาลเวียดนามระบุว่าประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดจากจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นและการขาดแคลนวัคซีน ในขณะที่ประเทศได้เห็นจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เกือบทำนิวไฮอีกครั้งจากการระบาดครั้งที่รุนแรงและยาวนานที่สุด

กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 9,667 คน ส่วนใหญ่พบในนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางการระบาด และจังหวัดอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้เคียง คือ จ.บิ่งเซวือง และ จ.ด่งนาย ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายใหม่มีทั้งหมด 326 คน ในวันพฤหัสฯ (12) ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 4,813 คน

"สถานการณ์โรคตึงเครียดมาก และเรากำลังเผชิญกับการขาดแคลนวัคซีนทั่วประเทศ" รองนายกรัฐมนตรี หวู ดึ๊ก ดาม ที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านโควิด-19 ของประเทศ กล่าว

หวู ดึ๊ก ดาม กล่าวว่า เวียดนามมีข้อตกลงจัดหาวัคซีนหลายร้อยล้านโดสแต่การส่งมอบล่าช้า และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้นำเวียดนามได้โทรศัพท์ติดต่อคู่เจรจาต่างชาติราว 20 ครั้ง ในความพยายามที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม

เวียดนามเคยเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย แต่สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันสูงกว่าจำนวนที่บันทึกไว้ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

ข้อมูลของทางการระบุว่า มีประชากรไม่ถึง 1.1 ล้านคน จากทั้งหมด 98 ล้านคนของประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็ม ซึ่งนับเป็นอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และจนถึงตอนนี้เวียดนามได้รับวัคซีนแล้วประมาณ 18 ล้านโดส

ปัจจุบันประเทศมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมมากกว่า 246,500 คน โดยผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่พบตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.เป็นต้นมา.
 
#3006
สำนักพรเทวะ ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์ 

สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999 

Shopee
https://shopee.co.th/teerapat992018?categoryId=100636&itemId=5537373349 
#3007


แคลิฟอร์เนียกลายเป็นมลรัฐแรกของอเมริกาที่บังคับให้ครูทุกคนต้องฉีดวัคซีนหรือตรวจโควิดทุกสัปดาห์ หลังยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งทะลุ 10,000 คน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถึง 10 เท่า ขณะที่ผู้อำนวยการซีดีซีเรียกร้องให้ว่าที่คุณแม่ หรือผู้หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์หรือที่กำลังให้นมบุตร เข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจากผลศึกษาพบวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอไม่เพิ่มความเสี่ยงแท้ง

จำนวนผู้ติดโควิดทั่วสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้จากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา

ในวันพุธ (11 ส.ค.) เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงเรียนทั้งรัฐบาลและเอกชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือไม่ก็ต้องแสดงผลตรวจโควิดทุกสัปดาห์ เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองมั่นใจในการส่งบุตรหลานกลับเข้าเรียนในโรงเรียนในปีการศึกษาใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลานี้

เช่นเดียวกับอีกหลายรัฐในอเมริกา แคลิฟอร์เนียสามารถจัดการกับวิกฤตโรคระบาดที่เลวร้ายที่สุดได้เมื่อต้นปีและการดำเนินชีวิตกลับสู่ภาวะปกติเป็นส่วนใหญ่ ทว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐนี้กลับเพิ่มขึ้นเกิน 10,000 คนทุกวัน หรือมากกว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถึง 10 เท่า และแพทย์ระบุว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่คือผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน ข้อมูลของรอยเตอร์ระบุว่า จำนวนเคสใหม่ในอเมริกาเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากเดือนที่แล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในรอบ 7 วันพุ่งขึ้นเป็น 118,000 คนเมื่อวันอังคาร (10)

คำสั่งของนิวซอม ทำให้แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกในอเมริกาที่บังคับให้บุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดฉีดวัคซีน เพิ่มเติมจากกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และยังเกิดขึ้นขณะที่ผู้พิพากษาศาลแขวงในดัลลัส ระงับชั่วคราวการบังคับใช้คำสั่งของเกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ที่ห้ามไม่ให้บังคับสวมหน้ากากป้องกันภายในรัฐ

แอ็บบอตต์ รวมทั้ง รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ที่สังกัดพรรครีพับลิกันเช่นเดียวกัน กำลังเผชิญการท้าทายจากภายในรัฐของตนเอง เกี่ยวกับคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบังคับให้ประชาชนหรือลูกจ้างสวมหน้ากาก

ในทางกลับกัน เคต บราวน์ ผู้ว่าการรัฐออริกอน ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ประกาศวันอังคาร บังคับให้ลูกจ้างทั้งหมดในส่วนบริหารของรัฐต้องฉีดวัคซีน และยังฟื้นคำสั่งสวมหน้ากากภายในอาคารทั่วทั้งรัฐ

ต้นสัปดาห์นี้กระทรวงกลาโหมอเมริกันก็ประกาศจะดำเนินการภายในเดือนหน้าเพื่อบังคับให้ทหารทุกนายต้องฉีดวัคซีน

นอกจากนั้น ในเร็วๆ นี้ นิวยอร์กซิตีประกาศแผนจะกำหนดให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการในร้านอาหารและฟิตเนส รวมทั้งพื้นที่สาธารณะในอาคารอื่นๆ โดยที่เมืองลอสแองเจลิสมีแนวโน้มบังคับใช้มาตรการนี้เช่นเดียวกัน

ในอีกด้านหนึ่ง พญ.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกมาเรียกร้องให้สตรีมีครรภ์ ตลอดจนถึงสตรีที่วางแผนตั้งครรภ์หรือที่ให้นมลูกอยู่ ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิดโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดรุนแรง

จากข้อมูลล่าสุด สตรีมีครรภ์เพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส

ซีดีซีสำทับว่า การวิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบันพบว่า ในสตรีมีครรภ์เกือบ 2,500 คนที่ฉีดวัคซีนเทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ เช่น วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ มีอัตราการแท้งอยู่ที่ 13% เทียบกับอัตราการแท้งจากสาเหตุทั่วไปซึ่งอยู่ที่ 11-16% อยู่แล้ว จึงหมายความว่าไม่ได้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

ยิ่งเมื่อคำนึงถึงว่าการติดโรคโควิด-19 จะเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหนักและเพิ่มความยุ่งยากต่อการตั้งครรภ์ด้วยแล้ว การฉีดวัคซีนป้องกันจึงมีประโยชน์มากกว่า ซีดีซีชี้

(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)
#3008


ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.88 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 35,499.85 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 4,460.83 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 51.13 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 14,816.26 จุด

แอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ไมโครซอฟต์ อเมซอนดอทคอม อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และเฟซบุ๊ค ซึ่งมีมูลค่าตลาดคิดเป็นราวๆ 1 ใน 4 ของเอสแอนด์พี 500 เป็นแกนนำเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก เคลื่อนไหวในแดนบวก ส่วนดัชนีดาวโจนส์ แกว่งตัวขึ้นมาทุบสถิติสูงสุดในช่วงท้ายของการซื้อขาย


นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวในแดนบวกของหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เทสลา อิงค์ เอ็นวิเดีย คอร์ป และโมเดอร์นาอิงค์ แม้หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดจะปรับตัวลดลงมากกว่าปรับตัวขึ้นก็ตาม

การซื้อขายยังได้รับอิทธิพลจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 375,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวแม้มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6%

มื่อเทียบรายปี ดัชนีพีพีไอพุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ขยายตัว 7.3% ในเดือนมิ.ย. แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2553

ส่วนดัชนีพีพีไอพื้นฐาน ที่ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี
#3009


ขอต้อนรับเข้าสู่เดือนแห่งวันแม่ด้วยการหยิบเรื่องราวน่ารักๆ ของไลน์แมนไรเดอร์แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดเปรี้ยว แนต-วราพร นะนิ่มนวล

ที่ไม่ว่าจะขับรถส่งอาหารที่ไหนก็จะหิ้ว น้องอ๊อฟ ลูกชายวัย 5 ขวบไปด้วยทุกครั้ง ที่สะดุดตาที่สุดก็คงเป็นชุดคู่หูปฏิบัติหน้าที่ส่งอาหารที่ทุกคนต้องหันมอง เรามาลองทำความรู้จักกับแม่-ลูกสุดแกร่งคู่นี้กัน

แนต ซิงเกิ้ลมัมสุดสตรองคนนี้หาเลี้ยงตัวเองและลูกชายด้วยการเป็นพนักงานจ้างเหมาที่บริษัทฯ แห่งหนึ่ง ตั้งแต่เช้า จนถึงบ่ายสามโมง หลังจากเลิกงานจึงมาขับไลน์แมนส่งอาหารซึ่งตลอดทั้งวันน้องอ๊อฟจะติดสอยห้อยตามแม่ ไปในทุกที่ สำหรับทั้งคู่แล้ว การขี่จักรยานยนต์ส่งอาหารเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่รอคอยเพราะมันทำให้ทั้งคู่ได้เป็นตัวเอง อย่างเต็มที่ และได้เที่ยวไปในที่ใหม่ๆ

ถ้าพูดถึงความเป็นตัวเองคงบอกได้จากสีสันสุดจี๊ดสะดุดตาจากการแต่งตัวและหมวกกันน็อคคู่ใจที่ชวนให้คนที่ เห็นถึงกับต้องมองตามกันเป็นแถว แนตเล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจที่ต้องการให้คนรอบข้างยิ้มได้ "ถ้ามันอยู่ในจุดที่ อยากจะทำ ก็ทำเลย" ทุกการเดินทางไม่ว่าจะไปรับอาหารจากร้านอาหาร หรือส่งอาหารให้กับลูกค้าก็ช่วยสร้างรอยยิ้ม ทุกครั้ง บางคนถึงกับขอถ่ายรูปด้วยเลยทีเดียว

สำหรับ น้องอ๊อฟ ลูกชายที่คอยซ้อนท้ายแม่ไปทุกที่ และจะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ได้ไปสถานที่ใหม่ๆ แถมยัง เป็นนักชิมตัวจิ๋วเวลาที่ไปถึงร้านขนมอีกด้วย แนตเล่าให้เราฟังว่าด้วยความจำเป็นของสถานการณ์ช่วงนี้ ทำให้ต้องพา น้องอ๊อฟไปทำงานด้วยตลอดจนกว่าโรงเรียนจะกลับมาเปิดอีกครั้ง

แนตเล่าว่า การมาทำอาชีพขับรถส่งอาหารเป็นงานเสริมทำให้มีรายได้ 2 ทาง มีความอิสระในการแบ่งเวลา ทำงานระหว่างงานประจำกับงานนี้ แล้วยังได้ประสบการณ์สนุกๆ ใหม่ๆ ร่วมกับลูกชายในทุกวัน เช่น เปลี่ยนพื้นที่รับงาน ได้เจอที่ใหม่ๆ คนใหม่ เพราะมีงานให้กดและรับ-ส่งอาหารทุกจุด และการมีระบบที่เอื้ออำนวยทำให้การทำงานง่ายขึ้นมาก "บางทีลูกค้าปักหมุดมาไม่ตรง เราก็พิมพ์แชทหรือส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ถามลูกค้าได้ สะดวกดี"

เมื่อถามว่าแนตคาดหวังอนาคตของน้องอ๊อฟไว้อย่างไร แนตบอกว่าขอให้ลูกชายคนนี้สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง และเป็นคนที่แข็งแกร่ง "อย่างน้อยเราจะได้หมดห่วง ให้เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้โดยไม่ยอมแพ้ ไม่ได้คาดหวัง อะไรมาก ไม่ต้องมาเลี้ยงเรา แต่ให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง" ส่วนน้องอ๊อฟเองก็เคยพูดกับแม่ว่า เมื่อโตขึ้นเขาจะเลี้ยงดูแม่ของเขา ด้วยตัวเอง รวมถึงคอยมอบกอดให้กำลังใจเสมอทุกวัน นี่คือเรื่องราวที่น่ารักและอบอุ่นของคู่หูแม่-ลูกไรเดอร์ที่ทำให้ทุกวัน เป็นทั้งวันแม่ และวันลูกสำหรับทั้งสองคนเสมอ
#3010


กลุ่มบางจากฯ โดยบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ร่วมจัด โครงการปันกันอิ่ม เฟสพิเศษ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ สนับสนุนภารกิจกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มอบอาหารกล่องแก่ชุมชนรวม 57 แห่ง ในพื้นที่ 9 เขตในกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผู้ด้อยโอกาส

และสนับสนุนอาหารจากผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยและร้านพันธมิตรในสถานีบริการน้ำมันบางจากอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 20,000 อิ่ม ระหว่างวันที่  12-15 สิงหาคม 2564

ก่อนหน้านี้ บริษัท บางจากฯ ได้จัดโครงการบางจากฯ ปันกันอิ่มเฟสที่ 1 และขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการเฟสที่ 2 และยังมีโครงการปันกันอิ่มในพื้นที่พระโขนง – บางนา ปันกันอิ่มให้แคมป์คนงานก่อสร้าง และปันกันอิ่มรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ช่วยอุดหนุนเจ้าของธุรกิจและช่วยบรรเทาภาระแก่ผู้รับที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

โดยระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม ได้สนับสนุนร้านอาหารในพื้นที่รอบโรงกลั่น ในพื้นที่เขตพระโขนง-บางนา รวมถึงร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อยและร้านพันธมิตรในสถานีบริการน้ำมันบางจากในกทม. ปริมณฑล รวมเกือบ 100 ร้าน และส่งมอบอาหารรวมกว่า 40,000 อิ่ม ผ่านทุกโครงการ
#3011


ประจวบคีรีขันธ์ - จ.ประจวบฯ ประชุมขับเคลื่อนแผนเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เน้นต้องพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ บริหารความเสี่ยงได้ และประชาชนต้องได้รับวัคซีนครอบคลุมตามเป้าหมาย ส่วนผู้ประกอบการท่องเที่ยวชี้การเปิดต้องดูความพร้อม ศึกษาให้ดี ยกตัวอย่างภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อย่ามุ่งหวังตัวเลขรายได้มากกว่าความปลอดภัย

วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ห้องประชุมสิงขร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมนำร่องด้านการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านระบบโปรแกรมซูม เพื่อเตรียมความพร้อมแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วในจังหวัดนำร่องโดยไม่ต้องกักตัวตามเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นภายใต้มาตรการป้องกันที่เคร่งครัดและอยู่ในเงื่อนไขที่ยอมรับความเสี่ยงต่อการระบาดได้



โดน น.ส.แสงจันทร์ แก้วประทุมรัสมี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ของ จ.ภูเก็ต ที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจังหวัดแรก ขณะที่พื้นที่หัวหิน-ชะอำ อยู่ในระยะที่ 3 ของเป้าหมายการเปิดการท่องเที่ยวในเดือน ต.ค.64 โดยขณะนี้มีการกำหนดแผนรองรับการเปิดเมือง 5 แผน ได้แก่ แผนการกระจายวัคซีนและบริหารด้านสุขอนามัยแผนพัฒนาเมืองหัวหิน-ชะอำ แผนการตลาดและการสื่อสาร แผนเผชิญเหตุและแผนบริหารความเสี่ยง และแผนการสร้างความเข้าใจให้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่ยอมรับการเปิดเมือง

ด้าน นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ได้นำเสนอแผนการตลาดและแผนการสื่อสารเพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว โดยระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาจะต้องมีใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนการเดินทางแต่ไม่เกิน 1 ปี ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อที่สนามบิน เดินทางด้วยยานพาหนะที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ เข้าพักในโรงแรมที่พักที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ โดยรอผลตรวจในห้องพัก พำนักในเขตเทศบาลเมืองหัวหินอย่างน้อย 14 คืน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ตามระยะเวลาที่พำนักในวันที่ 6-7 และ 12-13 ก่อนออกเดินทางนอกเขตจังหวัดได้



ด้านนายกรด โรจนเสถียร ประธานภาคเอกชน โครงการหัวหิน รีชาร์จ กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคลากรธุรกิจท่องเที่ยวและบริการในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้รับวัคซีนครอบคลุมแล้วเกือบร้อยละ 90 โดยภาคเอกชนผู้ประกอบการได้ร่วมสนับสนุนการจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้รับวัคซีนแล้วกว่าร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรเป้าหมาย 90,564 คน คาดการณ์ว่าหากเทศบาลเมืองหัวหินสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงธันวาคม 2564 จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 100,000 คน สร้างรายได้แก่พื้นที่กว่า 1,200 ล้านบาท และมีการจ้างงานในภาคธุรกิจบริการอีกกว่า 89,000 คน โดยโครงการหัวหิน รีชาร์จ เป็นความร่วมมือของภาครัฐ โรงพยาบาลและสาธารณสุข สมาคม และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อร่วมมือในการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการขอความเห็นชอบจากภาครัฐให้จัดสรรวัคซีนอย่างเร่งด่วน

ด้าน นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องมีแผนการรองรับที่ชัดเจนและมีความพร้อมจริงๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และบุคลากรการท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบ 100 เปอร์เซ็นต์จึงจะสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้ รวมทั้งจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.เพชรบุรี ด้วยเนื่องจากหัวหิน-ชะอำ มีเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกัน โดยหลังจากนี้ได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อขับเคลื่อนแผนการทำงานแต่ละด้าน มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม และจะมีการประชุมติดตามความพร้อมอย่างต่อเนื่อง



อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ขนาดเล็ก ร้านนวด ผู้ประกอบการขนส่ง อีกหลายสาขาที่เกี่ยวข้องธรุกิจท่องเที่ยวของหัวหิน เปิดเผยว่า ขอให้ภาครัฐ หน่วยงานเกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ท่องเที่ยวรายใหญ่อย่าด่วนตัดสินว่าเจาจะเปิดเมืองท่องเที่ยวหัวหิน ในเดือนตุลาคม จะสร้างรายได้ดังที่ดังที่ตั้งไว้ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา ต้องดูด้วยว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีตัวเลข 100 กว่ารายทุกวันนี้ ผู้เสียชีวิตสะสม 24 ราย ณ วันนี้ คลัสเตอร์การระบาดยังมีต่อเนื่องทั้งหัวหิน และอีกหลายอำเภอ

นอกจากนั้น ปัจจุบันนี้โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านค้าหลายแห่งต้องปิดกิจการมานานหลานเดือน บางแห่งปิดตั้งแต่ปีที่ผ่านมาปัจจุบันยังเปิดไม่ได้เพราะแม้แต่คนไทยก็ไม่มา ตราบใดการติดเชื้อยังมีอยู่ทุกวัน ประชาชนบางกลุ่มที่ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำ ยังคงเดือดร้อนกันอยู่ วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน เปิดแล้วใครได้ประโยชน์ ควรดูจากภูเก็ต ทำอย่างไรประโยชน์ที่จะได้รับควรตกอยู่กับทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อยากฝากให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ เอาให้โควิด-19 หมดลงและประชาชนปลอดภัยน่าจะดีกว่า ตอนนี้เหลืออีก 4 เดือนก็จะเข้า 2 ปีที่ได้รับผลกระทบ
#3012


ภาคอีสาน-ACE รวมพลังคณะผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาในกลุ่มสู้โควิด-19 เดินหน้าผลิตเตียงสนามจากไฟเบอร์บอร์ด จำนวนรวมกว่า 2,000 เตียง ส่งมอบแก่หน่วยงานภาครัฐ โรงพยาบาล และชุมชนที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ โดยทยอยส่งมอบล็อตแรกทั่วโคราชรวม 300 เตียง



นางสาวจิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE ผู้นำด้านพลังงานสะอาดของไทย เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลให้โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศประสบปัญหาขาดแคลนเตียงรองรับผู้ป่วย บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนของปัญหาที่เกิดขึ้น จึงผนึกกำลังคณะผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาในกลุ่ม ACE ร่วมกันผลิตเตียงสนามจากแผ่นไม้ไฟเบอร์บอร์ด จำนวนรวมกว่า 2,000 เตียง สำหรับส่งมอบแก่หน่วยงานภาครัฐ โรงพยาบาล รวมถึงชุมชนที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ



สำหรับแผ่นไม้ไฟเบอร์บอร์ดที่ ACE นำมาผลิตเตียงสนามสามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 200 กิโลกรัม โดยทำมาจากต้นยูคาลิปตัสที่บริษัทในเครือส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพื่อสร้างรายได้เสริม ลดการตัดไม้จากป่าธรรมชาติอันเป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะโลกร้อน



นางสาวจิรฐากล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ACE เริ่มทยอยส่งมอบเตียงสนามแล้ว โดยล็อตแรกจำนวน 300 เตียงถูกส่งมอบแก่หลายหน่วยงานในจังหวัดนครราชสีมา เช่น เทศบาลตำบลโชคชัย จำนวน 20 เตียง อำเภอโชคชัย จำนวน 50 เตียง ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา จำนวน 50 เตียง โรงพยาบาลจักราช จำนวน 10 เตียง ศูนย์พักคอย อบต.โชคชัย จำนวน 44 เตียง อบต.พลับพลา 17 เตียง ฯลฯ และอยู่ระหว่างเร่งผลิตเพื่อกระจายส่งมอบทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง



นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ACE ยังได้บริจาคขวดเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยให้แก่ชุมชน รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องสแกนวัดอุณหภูมิ เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพอัตโนมัติแก่โรงพยาบาลและสถานพยาบาลในบริเวณรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของ ACE ใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ และยังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือเคียงคู่คนไทยสู้โควิด-19 จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย
#3013


วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบถุงปันสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564 ให้แก่พนักงานจ้างเหมาบริการ ประกอบด้วย พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาด คนขับรถ และคนสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน รวม 47 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พนักงานในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับถุงปันสุขได้บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ประกอบด้วย ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ รวมไปถึงอุปกรณ์จำเป็นเพื่อการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย และสเปรย์แอลกอฮอล์ เพื่อเป็นประโยชน์ในช่วงที่สถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวัง



ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน จะเห็นว่าทุกคนต่างได้รับผลกระทบในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่ง กพร. ได้รวบรวมเงินจากกลุ่มของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นำไปซื้อของอุปโภคบริโภค ปันน้ำใจแก่พนักงานจ้างเหมาบริการที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำ กพร. เพื่อร่วมบรรเทาค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต พร้อมจัดหาวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่เกิดความเดือดร้อน ทำให้เห็นว่าคนไทยมีน้ำใจไม่ทอดทิ้งกัน พร้อมให้คามช่วยเหลือกันอยู่เสมอ

"แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือน้ำใจจากผู้ให้ที่ได้ส่งต่อเพื่อคลายทุกข์แก่ผู้รับ และขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงบุคลากรทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ แล้วเราจะผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน" รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย
#3014


ลิโอเนล เมสซี เตรียมเลือกสวมเบอร์ 30 ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยในการเล่นให้กับต้นสังกัดใหม่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แห่งศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส

เบอร์ประจำของ เมสซี ก็คือ หมายเลข 10 ที่ บาร์เซโลน่า แต่สำหรับที่ เปแอสเช แนวรุกอาร์เจนไตน์วัย 34 ปี จะไม่ขอเอามาจาก เนย์มาร์ กองหน้าบราซิล ที่เตรียมประสานงานกันล่าตาข่ายอีกครั้ง

ดังนั้น เมสซี่ จะหันไปเลือกเบอร์ 30 ซึ่งถือว่าเป็นหมายเลขแรกที่เจ้าตัวสวมลงเล่นระดับอาชีพหนแรกอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปี 2004

ตอนที่ เมสซี ขึ้นมาเล่นให้ บาร์เซโลน่า ใหม่ๆ นั้นเบอร์ 10 ยังเป็นของ โรนัลดินโญ่ จากนั้นเมื่อปี 2008 แข้งบราซิลย้ายไปเล่นให้ เอซี มิลาน หมายเลขจอมทัพดังกล่าวจึงถูกส่งต่อมาให้กับนักเตะอาร์เจนไตน์จนปัจจุบันที่หมดสัญญาลงในซัมเมอร์นี้

ขณะที่เบอร์ 30 ของ เปแอสเช ในตอนนี้เป็นของ อเล็กซานเดร เลเทลลิเยร์ มือกาววัย 30 ปี ที่ไม่เคยเล่นชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว ดังนั้น ก็ไม่มีปัญหาหาก เมสซี่ ต้องการ

ฟาก บาร์เซโลน่า การเสีย เมสซี่ ได้มีการเรียกร้องให้แขวนเบอร์ 10 เป็นเกียรติแก่ตำนาน แต่ทำไม่ได้ เนื่องจาก สมาคมฟุต.สเปน มีกฎว่าทีมของรัฐจะต้องกำหนดหมายเลขให้นักเตะภายในทีมเป็นเบอร์ 1 ถึง 25 ให้ครบ
#3015
ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรสกัด ยาแผนโบราณ/ยาสามัญประจำบ้าน
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย :
สารสกัดฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ไม่ต่ำกว่า 24 มก.
วิธีใช้ :
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร คำเตือน : อ่านฉลากก่อนใช้ยา การเก็บรักษา : เก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้นและแสงแดดเก็บให้พ้นมือเด็ก
รหัสสินค้า 48009
ปริมาณสุทธิ : 30.00 แคปซูล
น้ำหนักรวม : 40.90 กรัม
จำนวน : 1 กล่อง   

add line  https://line.me/ti/p/tSPtWbRL8c
ดูรายละเอียด https://bit.ly/3CvHCq2

#3016


รองโฆษกรัฐบาล เผย ไทยพร้อมร่วมมืออาเซียนขับเคลื่อนพลังงานสะอาด เพิ่มการผลิตไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ-หนุนยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้าผลิต 30% ภายในปี 68

วันนี้ (10 ส.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ว่า ครม.รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งอาเซียนมีความมุ่งหมายร่วมกันในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการความร่วมมืออาเซียนด้านพลังงาน ในระยะที่ 2 ที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านพลังงานของภูมิภาคอาเซียนให้มีความสะอาด ยืดหยุ่น และเหมาะสมกับสภาวะด้านพลังงานของโลก โดยประเทศไทยมีแนวทางดำเนินการดังนี้

1. ปรับแผนกลยุทธ์ระยะยาวและแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านนโยบายที่สำคัญ

2. เพิ่มการผลิตไฟฟ้าแบบคาร์บอนต่ำ โดยการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมทั้งได้ประกาศนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular Green Economy Model: BCG model) เพื่อส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

3. พัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายในปี 2568 ไทยจะมีสัดส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ร้อยละ 30 จากสัดส่วนการผลิตรถยนต์ทั้งหมด รวมทั้งการสนับสนุนการปรับใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด

4. สนับสนุนแผนเร่งด่วนในการปลูกป่า เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดคาร์บอนไดออกไซด์และสอดรับกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีส

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แสดงเจตจำนงร่วมกันในการส่งเสริมนโยบายการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานในอาเซียนผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล และความเชี่ยวชาญระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นในด้านการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดต่างๆ อาทิ เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด เทคโนโลยีการดักจับ กักเก็บและการใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (CCUS) เป็นต้น
#3017


หุ้นปิดเช้าบวก 17.33 จุด รับแรงซื้อกลับหุ้นบิ๊กแคป-Sentiment ภูมิภาคช่วยหนุน อีกทั้งยังคลายกังวลปัจจัยการเมืองช่วงสุดสัปดาห์ไม่ได้บานปลาย สำหรับแนวโน้มการลงทุนในภาคบ่าย ตลาดได้ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าไปมาก ทำให้น่าจะมี upside น้อยลง เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ในช่วงนี้ด้วย

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าที่คาดไว้ รับแรงซื้อกลับจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ และยังได้รับ Sentiment จากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่อิงบวกมาช่วยหนุนได้บ้าง อีกทั้งยังคลายกังวลปัจจัยการเมืองช่วงสุดสัปดาห์ไม่ได้บานปลาย

อย่างไรก็ดี ให้ติดตาม MSCI Quarterly review ประกาศในวันที่ 11 ส.ค.นี้ และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รวมถึงรายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปก และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,539.05 จุด เพิ่มขึ้น 17.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.14% มูลค่าการซื้อขายราว 37,837 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดได้ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าไปมาก ทำให้น่าจะมี upside น้อยลง เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ในช่วงนี้ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,530-1,525 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540-1,550 จุด
#3018


GPSC สุดแกร่งผลประกอบการไตรมาส 2/2564 คว้ากำไร 2,302 ล้านบาท โต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โชว์ศักยภาพแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง เดินหน้านวัตกรรมพลังงานเต็มสูบ รับรู้ผลการดำเนินงานจากพอร์ตพลังงานสะอาดในต่างประเทศทั้งอินเดีย และไต้หวัน พร้อมยกระดับมาตราการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ดูแลความมั่นคงระบบการผลิต ป้อนไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 มีรายได้ทั้งสิ้น 18,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 โดยมีกำไรสุทธิ 2,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 (YoY) โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี การรับรู้รายได้จากเงินชดเชย ค่าประกันภัยของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงานระยะที่ 5 ปัจจัยบวกจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) จะลดลงในส่วนของโรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน ที่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของไตรมาส 2/2564 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 (QoQ) มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 329 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เป็นผลการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเงินชดเชยจากค่าประกันโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงานระยะที่ 5 และมีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า IPP ถึงแม้ว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง เนื่องจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะเดียวบริษัทฯ ยังรับรู้มูลค่า Synergy ร่วมกับ GLOW จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษี จำนวน 436 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ รวมถึงการใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน ทั้งยังสามารถลดต้นทุนจัดซื้อจัดจ้าง และงานซ่อมบำรุงได้ตามเป้าหมาย

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 4,276 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23% โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 34,858 ล้านบาท หรือลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงาน จากกลยุทธ์หลักในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้แก่ วันที่ 13 ก.ค. 2564 บริษัท โกล. รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 100% ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนในบริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) สัดส่วนประมาณ 41.6% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 14,825 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศอินเดีย กำลังผลิตรวม 3,744 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้วประมาณ 1,392 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนประมาณ 2,352 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ในปี 2564-2565 ทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที นอกจากนี้ วันที่ 14 ก.ค. 2564 GRSC ยังได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับกองทุน CI-II และ CI-III ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท Copenhagen Infrastructure Partners (CIP) เพื่อเข้าลงทุนในสัดส่วน 25% ในโครงการ Changfang และ โครงการ Xidao (CFXD) ซึ่งเป็นโครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore wind) ในไต้หวัน กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจำนวน 595 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ในช่วงปี 2565-2567 CFXD มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ บริษัท Taiwan Power Company โดยคาดว่าการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนดังกล่าวจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการโอนหุ้นได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

พร้อมกับความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมพลังงาน โดย GPSC ได้เปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี SemiSolid กำลังการผลิตเริ่มต้น 30 MWh ต่อปี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เป็นการผลิตแบตเตอรี่ G-Cell ที่ใช้เทคโนโลยี 24M เป็นแบตเตอรี่ชนิดกึ่งแข็ง ที่มีความปลอดภัยสูง มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นหน่วยงานกักเก็บพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนในการเพิ่มประสิทธิภาพจ่ายไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถรองรับอุตสาหกรรมไฟฟ้ายานยนต์แห่งอนาคต (EV)

"แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน มีมาตรการต่างๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด โดย GPSC ในฐานะผู้ผลิตสาธารณูปโภคในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและสังคม ได้ยกระดับมาตรการป้องกันเข้มข้นสูงสุด ผ่านการดำเนินงานโดยศูนย์เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส (GPSC G-COVID Center) ของบริษัทฯ โดยกำหนดให้พื้นที่กระบวนการผลิตเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ตั้งทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจของแต่ละโรงไฟฟ้า ห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อให้การผลิตไฟฟ้า ไอน้ำและสาธารณูปโภคเป็นไปมีเสถียรภาพและความมั่นคง ตอบสนองความต้องการใช้ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง" นายวรวัฒน์กล่าว
#3019


8 ส.ค. 64 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจความพร้อมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตบางแค แห่งที่ 2 บริเวณโรงเรียนคลองหนองใหญ่ เขตบางแค โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักงานเขตบางแค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล

ทั้งนี้ กทม.ได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต โดยมีเป้าหมายเปิดศูนย์พักคอยฯ ให้ได้มากที่สุด เพื่อแยกผู้ป่วยโควิด-19 ออกมาจากบ้าน นำมาพักคอยที่ศูนย์ฯ มีการคัดกรองอาการและดูแลเบื้องต้น เพื่อรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล ลดปัญหาการแพร่ระบาดและติดเชื้อของคนในครอบครัวและชุมชน

สำหรับศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตบางแค แห่งที่ 2 โรงเรียนคลองหนองใหญ่ ใช้พื้นที่อาคารเรียน 5 ชั้น 2 อาคาร สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 312 เตียง แบ่งเป็น ผู้ป่วยระดับสีเหลือง/แดง 48 เตียง ผู้ที่มีผลการตรวจ ATK ติดเชื้อ 33 เตียง และผู้ป่วยระดับสีเขียว 231 เตียง โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลบางปะกอก 8 และศูนย์บริการสาธารณสุข 40 บางแค เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วย กำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 9 ส.ค. 64 นี้


จากนั้น เวลา 11.15 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตบางแค แห่งที่ 1 ตั้งอยู่ที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค (เรืองสอน) ซึ่งเป็นศูนย์พักคอย 1 ใน 7 แห่ง ที่กรุงเทพมหานครเตรียมขยายศักยภาพในการรองรับผู้ป่วย


โดยได้ปรับเป็นศูนย์พักคอยกึ่งโรงพยาบาลสนาม (Community Isolation plus : CI plus) เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีอาการระดับสีเหลืองได้รับการรักษาเพิ่มขึ้น สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 150 เตียง แบ่งเป็น ชาย 62 เตียง หญิง 77 เตียง พ่อลูกอ่อน 4 เตียง และแม่ลูกอ่อน 7 เตียง โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วย

ทั้งนี้ ศูนย์พักคอยฯ เขตบางแค เริ่มรับผู้ป่วยเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่เข้าพักในศูนย์พักคอยฯ จำนวนสะสม 443 ราย และพักรักษาจนครบกำหนด 14 วันโดยไม่มีอาการรุนแรง และหายเป็นปกติกลับบ้านได้แล้ว คิดเป็นร้อยละ 60 และส่งต่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล คิดเป็นร้อยละ 20 (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ส.ค. 64 เวลา 11.00 น.)

ซึ่งศูนย์พักคอยฯ มีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการดูแลผู้ป่วย ด้วยทีมแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมยารักษาและเครื่องมือทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจร ถังออกซิเจน เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว อาหารหลัก 3 มื้อ และของใช้จำเป็นอื่ๆ ให้กับผู้ป่วยด้วย ศูนย์พักคอยฯ ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมที่จะให้บริการประชาชน เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด

ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแล้ว 65 แห่ง สามารถเปิดรับผู้ป่วยได้แล้ว 50 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 8,597 ราย และยังมีศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานประกอบการและประชาชนทั่วไป อีก 5 แห่ง สามารถรับผู้ป่วยได้ 960 ราย

นอกจากนี้ยังมีศูนย์พักคอยแบบ Semi Community Isolation อีก 23 แห่ง สามารถรับผู้ป่วยได้ 527 รวมจำนวนศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 93 แห่ง สามารถรับผู้ป่วยได้ 10,084 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ส.ค. 64 เวลา 09.55 น.)

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 สามารถโทรติดต่อสายด่วน 1330 หรือ สายด่วนโควิด 50 เขต 20 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการประเมินเข้าสู่ระบบการรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) หรือเข้าพักที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) หรือโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
#3020


ส่งเสริมการบูรณาการเชื่อมโยงร่วมกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานผู้ผลิตองค์ความรู้การวิจัย หน่วยงานภาคปฏิบัติที่ทำหน้าที่ส่งต่อองค์ความรู้ และกลุ่มเป้าหมายในการนำองค์ความรู้จากการวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริงในพื้นที่ โดยมี พล.อ. ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี และ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีลงนามฯ พร้อมด้วย ผศ. ดร.ดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล เลขานุการ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีฯ

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว นำโดยผู้บริหารของ วช.และมหาวิทยาลัยราชภัฏ 11 แห่ง ได้แก่ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ลินดา เกณฑ์มา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ภู่ผะกา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสนาะ กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไชยรัตน์ ปราณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประยูร ลิ้มสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริวัฒน์ โพธิเวชกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จรูญ ถาวรจักร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา รัตนพรหม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือวิศวกรสังคมสร้างชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม ผ่านระบบออนไลน์ (ระบบ ZOOM)

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ได้กล่าวว่า วิศวกรสังคม เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยสร้างชุมชนเข้มแข็งและสร้างเสริมสมรรถนะผู้เรียนให้สมบูรณ์ด้วยคุณลักษณะ 4 ประการ ได้แก่ การมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง การมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม มีงานทำ มีอาชีพ และเป็นพลเมืองดี ซึ่งวิศวกรสังคมที่ได้รับการพัฒนาทักษะ จะสามารถเป็นสื่อกลางในการประสานประโยชน์ของทุกภาคส่วนเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นเกิดการพัฒนา ให้นักศึกษามีความสามารถและทักษะเพื่อการดำรงชีวิตและการทำงานในอนาคต สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนได้และเกิดการสร้างนวัตกรรมตามมา มหาวิทยาลัยราชภัฎ ทั้ง 11 แห่ง ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก วช. คงจะนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เรากำลังเดินตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ว่าการศึกษาต้องสร้างคนไทยที่มีทัศนคติที่ดี สร้างพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง เข้มแข็ง เป็นพลเมืองดี มีวินัย จะเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นได้ภายใต้โครงการนี้

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวว่า บัณฑิตกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศล้วนผลิตโดยมหาวิทยาลัยราชภัฎ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชบายในด้านการศึกษา โดยเฉพาะในส่วนมหาวิทยาลัยราชภัฎ คือให้มุ่งเน้นในการพัฒนาคนและพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฎก็ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดี เช่นในสถานการณ์โควิด -19 มหาวิทยาลัยราชภัฎยังร่วมกับ อว. ทำโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ เป็นกำลังของจังหวัด และวันนี้ยังมีเรื่องที่ยังความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวน 18.9 ล้านบาทแก่ อว. เพื่อจัดทำโรงพยาบาลสนาม ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฎก็จะต้องเป็นกำลังหลักในการจัดทำอยู่แล้ว

รมว.อว. กล่าวต่อว่า การลงนามความร่วมมือ "วิศวกรสังคมสร้างชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม" ครั้งนี้ ถือเป็นการสนับสนุนทุนวิจัยให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฎทั้ง 11 แห่ง โดย วช. จะมอบให้แห่งละ 750,000 บาท และขอยืนยันว่า อว. จะดูแลมหาวิทยาลัยราชภัฎให้เป็นพิเศษ เพราะเราตระหนักว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงให้ความสำคัญกับมหาวิทยาลัยราชภัฎ