• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#2081
อุปกรณ์ออกกำลังกาย HOME GYM และ COMMERCIAL ราคาถูกและได้คุณภาพ

อุปกรณ์ออกกำลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส Home Gym และ  Commercial  ราคาถูกและได้คุณภาพ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการออกกำลังกายที่เหมาะมากกับการใช้ภายในบ้านช่วง Work from home ช่วงนี้นะครับ เครื่องออกกำลังกายและอุปกรณ์ฟิตเนส อุปกรณ์กีฬาหลากหลายประเภทครบวงจร แข็งแรงทนทาน อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย รับประกันคุณภาพ ในปัจจุบันนี้กระแสการรักสุขภาพกำลังมาแรงเป็นอย่างมาก จึงทำให้การเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายได้รับความนิยมจากกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งทำให้หลายๆคนตัดสินใจซื้ออุปกรณ์กีฬาหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการออกกำลังกายไว้ใช้เองภายในบ้าน เนื่องจากนอกจะได้ความแข็งแกร่ง ได้สุขภาพที่ดีนั้น ยังนำไปสู่เรื่องของความสวยความงามของรูปร่างอีกด้วย แต่ทุกท่านอาจยังไม่ทราบวิธีการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังการดีๆสักเครื่องนึงไว้ที่บ้านนั้น ควรดูองค์ประกอบอะไรบ้าง อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายฟิตเนส ซึ่งในบทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจในเรื่องนั้นกันอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว บอกได้เลยคุ้มค่าอย่างแน่นอน

Facebook : CCT Fitness นำเข้าเครื่องออกกำลังกาย
Tel: 089-750-7380
สนใจชมตัวอย่างสินค้า >> https://goo.gl/maps/RBNaNTLmk8LD3T2A8 
#2082
'เจดีฟู้ด' หุ้นน้องใหม่ ปิดจองซื้อ IPO เกลี้ยง พร้อมเทรด SET 7 เม.ย.นี้ เตรียมทำ Big Lot กรรมการ-ผู้บริหาร 11 ล้านหุ้น

กระแสตอบรับดีเยี่ยม! สำหรับหุ้นไอพีโอน้องใหม่ป้ายแดง 'เจดีฟู้ด' หรือ JDF โดย IPO 150 ล้านหุ้น มีนักลงทุนจองซื้อเข้ามาอย่างล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นในฐานะ Food Tech สุดแข็งแกร่ง และมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่อเนื่อง ในวันที่เข้าซื้อขายวันแรกใน SET วันที่ 7 เมษายนนี้ ด้าน 2 ผู้ถือหุ้นใหญ่ เผย เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมโยน Big Lot บนกระดานในวันเทรด จำนวน 11 ล้านหุ้น หรือ 1.85% ให้กรรมการและผู้บริหาร เพื่อสร้างแรงจูงใจและเติบโตไปพร้อมกัน
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของ บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ JDF เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของ JDF ระหว่างวันที่ 29 - 31 มีนาคมที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวน สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ JDF ทั้งศักยภาพการเติบโตในอุตสาหกรรมอาหาร แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทฯ ก็ยังบริหารธุรกิจและจัดการความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่า JDF จะได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องในวันเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม วันที่ 7 เมษายน 2565 นี้

ทั้งนี้ JDF เสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท กำหนดราคา IPO หุ้นละ 2.60 บาท โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 5 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด

ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ JDF กล่าวเสริมว่า JDF จะเป็นอีกหุ้นเด่นที่น่าสนใจ โดยมีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น มีโรงงานแห่งใหม่ที่มีมาตรฐานรับรองคุณภาพในระดับสากล สามารถเพิ่มกำลังการผลิตพร้อมรองรับโอกาสการเติบโตในยุค New Normal เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสและอาหารแปรรูประดับประเทศซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศและลงทุนในระบบเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพิ่ม เพื่อรองรับโอกาสเติบโตในอนาคต จึงมองว่า JDF จะเป็นหุ้นคุณภาพสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทที่มีจุดแข็งและปัจจัยส่งเสริมการเติบโตที่มั่นคงตามเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารโลก

นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ JDF เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ประมาณ 370.50 ล้านบาท เพื่อขยายช่องทางตลาดไปยังต่างประเทศ ทั้งประเทศในกลุ่ม CLMV ประเทศจีนตอนใต้และประเทศอินเดีย ลงทุนในการวิจัยและพัฒนารวมถึงเครื่องจักรของกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูงและลงทุนในระบบเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตและเชื่อมโยงด้านข้อมูล และใช้ชำระคืนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน โดยระยะเวลาในการใช้เงินปี 2565-2567

ด้วยจุดแข็งด้านนวัตกรรมอาหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสและอาหารแปรรูปมายาวนานกว่า 20 ปี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหารและร้านอาหารยักษ์ใหญ่มากมาย การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้บริษัทฯได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเติบโตในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องปรุงรสและอาหารแปรรูปของคนไทยสู่ระดับโลก

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JDF คือ กลุ่ม 'ครอบครัวหอสัจจกุล' โดยมีสัดส่วนก่อน IPO 75% หลัง IPO 54.87% และนางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ สัดส่วนก่อน IPO 25% หลัง IPO 18.28%

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ภายหลังหุ้นของบริษัทซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นายธีรบุล หอสัจจกุล และนางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ มีความประสงค์จะดำเนินการขายหุ้นสามัญเดิมที่ตนถืออยู่ในบริษัท ให้แก่กรรมการอิสระและผู้บริหาร เพื่อสร้างแรงจูงใจหรือเสริมสร้างกำลังใจให้กรรมการอิสระหรือผู้บริหารในการร่วมงานกับบริษัท โดยจะมีการซื้อขายหุ้นสามัญเดิม 11,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.85 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย ในเท่ากับราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในวันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่าน Big Lot ซึ่งการขายหุ้นสามัญเดิมดังกล่าวไม่เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้

ทั้งนี้ การขายหุ้นดังกล่าวของ นายธีรบุล หอสัจจกุล และนางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจของกลุ่มผู้ถือใหญ่ของบริษัท โดยภายหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้นเดิมแก่กรรมการบริษัทและผู้บริหารดังกล่าว กลุ่มครอบครัวหอสัจจกุล และนางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชน ซึ่งยังคงมีอำนาจในการเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่
#2083
ตลท. แนะ How-To: จับโป๊ะ เพจปลอมหลอกลงทุน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แนะนำ How-To: จับโป๊ะ เพจปลอมหลอกลงทุน

ดูยอด Like เพจจริงมักจะมีจำนวนแฟนเพจ (Page Like) เยอะ หากเพจไหนมีน้อยแค่หลักสิบหลักร้อย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอม
สังเกตหน้า About หน้า About ของเพจจริง จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจและข้อมูลติดต่อชัดเจน
ดู URL เพจปลอมมักจะมี URL แปลกๆ หรือตัวสะกดไม่ถูกต้อง
เครื่องหมายรับรองตัวตน หรือ Verified Badge มีลักษณะเป็นวงกลมสีน้ำเงิน ซึ่งเพจจริงส่วนใหญ่มี หากเพจองค์กรไหนยังไม่มีก็ให้ดูองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย

ทีเอ็มบีธนชาต จัดงาน "ทีทีบี ยินดีที่ได้รู้จัก" ขอบคุณลูกค้าธุรกิจ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอกย้ำความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

ทีเอ็มบีธนชาต โดยนายศรัณย์ ภู่พัฒน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจตลาดเงินและบริการธุรกรรมทางการเงิน (ซ้ายสุดในภาพ) และนายอเล็กซานเดอร์ นนท์ แลงเฟลด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจ (ขวาสุดในภาพ) พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร จัดงานเลี้ยงดินเนอร์สุดพิเศษ "ทีทีบี ยินดีที่ได้รู้จัก" พร้อมการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น โดยงานจัดขึ้นที่ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์และขอบคุณลูกค้าธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มอบความไว้วางใจให้ธนาคารร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีเสมอมา รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนมุมมองวิสัยทัศน์ระหว่างลูกค้าธุรกิจและผู้บริหารธนาคาร เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าธุรกิจจากจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดข้างเคียงมาร่วมงานมากมาย สุดท้ายผู้บริหารกล่าวยืนยันอีกครั้งว่า ทีเอ็มบีธนชาต พร้อมสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในทุกสถานการณ์ เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน
#2084
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน "บ. พีทีจี เอ็นเนอยี" ที่ "BBB+" แนวโน้ม "Stable"
 
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB+? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของประเทศไทยและการมีเครือข่ายสถานีบริการที่กว้างขวาง โดยอันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไป ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีค่าการตลาดที่อ่อนตัวลงอันเนื่องมาจากนโยบายจำกัดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลของรัฐบาล นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงตลาดค้าปลีกน้ำมันที่มีการแข่งขันรุนแรงตลอดจนการก่อหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นของบริษัทเพื่อรองรับการเติบโตอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่อันดับสอง

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทยังคงสามารถรักษาสถานะผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของประเทศไทยเอาไว้ได้เมื่อพิจารณาจากยอดขายโดยเป็นรองจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นผู้นำตลาดเท่านั้น ข้อมูลของทริสเรทติ้งระบุว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 16.7% ในปี 2564 จาก 15.5% ในปี 2563 ซึ่งในช่วงที่ตลาดค้าปลีกน้ำมันโดยรวมได้รับผลกระทบจากการบริโภคที่หดตัว แต่บริษัทกลับมียอดขายน้ำมันถึง 4.8 พันล้านลิตรผ่านช่องทางการขายปลีกในปี 2564 โดยเพิ่มขึ้น 1.2% จากปี 2563

บริษัทได้มีการกำหนดกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวน นอกจากนี้ ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันที่เชื่อมโยงกับการค้าปลีกมักสร้างอัตรากำไรที่สูงกว่าอีกด้วย ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันของบริษัทจะมีการเติบโตตามจำนวนของสถานีบริการ ?PT? ที่เพิ่มขึ้นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม การค้าน้ำมันน่าจะยังคงเป็นแหล่งสร้างกำไรหลักของบริษัทในอนาคตอันใกล้ต่อไป

มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่กว้างขวาง

ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นผลจากการขยายตัวที่รวดเร็วของเครือข่ายสถานีบริการ PT นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นเจ้าของเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในตลาดค้าปลีกน้ำมันรองจาก ปตท. อีกด้วย โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันของบริษัทประกอบด้วยสถานีบริการทั้งหมดจำนวน 2,167 แห่งซึ่งจำแนกออกเป็นสถานีบริการน้ำมันจำนวน 1,945 แห่ง สถานีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จำนวน 80 แห่ง และสถานีบริการแบบผสมอีกจำนวน 142 แห่ง ทั้งนี้ จากข้อมูลที่รวบรวมโดยทริสเรทติ้ง ระบุว่าสถานีบริการน้ำมันของบริษัทมีสัดส่วนคิดเป็น 27.8% ของจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั้งหมดในประเทศในปี 2564 โดยทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะทางการตลาดของบริษัทจะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า

แบรนด์เป็นที่รับรู้มากยิ่งขึ้น

ทริสเรทติ้งมองว่าผู้บริโภคมีการรับรู้แบรนด์ของบริษัทที่ดีขึ้นจากการที่บริษัทมีจำนวนสถานีบริการเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการเปิดสถานีบริการแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบ อีกทั้งยังได้จัดสรรงบประมาณประจำปีเพื่อใช้ปรับปรุงสถานีบริการที่มีอยู่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น กลยุทธ์เหล่านี้ส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มมากขึ้นและสามารถให้บริการผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจากน้ำมันที่มีความน่าสนใจกว่าแก่ลูกค้า เช่น ร้านขายของชำ ร้านกาแฟ และการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์

ในส่วนของบัตร ?PT Max Card? ซึ่งให้ส่วนลดและรางวัลตามการสะสมคะแนนสำหรับสมาชิกนั้นก็เป็นหนึ่งในการรณรงค์ส่งเสริมการตลาดที่สำคัญของบริษัท บริษัทมีสมาชิกบัตร PT Max Card เพิ่มขึ้นเป็น 16.9 ล้านคนในปี 2564 จาก 14.8 ล้านคนในปี 2563 และเพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกให้แก่สมาชิก บริษัทจึงตั้งใจที่จะพัฒนาบริการทางด้านอิเล็กทรอนิกส์แก่สมาชิก เช่น บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์และบริการโอนเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สมาชิกอีกด้วย

ตลาดค้าปลีกน้ำมันได้รับผลกระทบจากโรคระบาด

ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทายนานัปการจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ระลอกใหม่ในปี 2564 โดยการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าในปี 2564 นั้นมีความรุนแรงยิ่งกว่าการระบาดในปี 2563 ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องกลับมาบังคับใช้มาตรการปิดเมือง (Lockdown) ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงหลาย ๆ จังหวัด การระบาดเริ่มควบคุมได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 และนำไปสู่การยกเลิกมาตรการปิดเมืองของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้ปิโตรเลียมในประเทศในปี 2564 ก็ลดลง 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยอดขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการลดลง 5.3% แต่ในทางตรงกันข้ามกับการหดตัวของตลาดค้าปลีกน้ำมัน บริษัทกลับมียอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ค่าการตลาดที่ลดลง

ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทยังคงมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของราคาน้ำมันอยู่ โดยราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นอย่างมากอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าการตลาดของบริษัท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะมีเพียงในระยะสั้นเท่านั้นเนื่องจากบริษัทมีการจัดการน้ำมันสำรองคงคลังที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยลดความรุนแรงจากการขาดทุนจากการสำรองน้ำมันลงได้ในยามที่ราคาน้ำมันมีความผันผวน

บริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของราคาน้ำมันดีเซลเนื่องจากน้ำมันดีเซลเป็นสินค้าหลักของบริษัท ราคาน้ำมันในตลาดค้าปลีกได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุปสงค์ ตลอดจนอุปทานที่ตึงตัว และความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียกับยูเครน ทั้งนี้ จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ รัฐบาลไทยได้คงนโยบายจำกัดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรโดยดำเนินการผ่านมาตรการหลาย ๆ ด้านเช่น การอุดหนุนโดยตรง การลดปริมาณส่วนผสมของน้ำมันไบโอดีเซล และการลดภาษีสรรพสามิตเป็นการชั่วคราว เป็นต้น ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ราคาน้ำมันดีเซลที่มีการควบคุมได้ส่งผลทำให้ส่วนต่างทางการตลาดของผู้ค้าปลีกน้ำมันลดลงอย่างมาก ในส่วนของบริษัทนั้น ค่าการตลาดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเนื่องจากยอดขายน้ำมันดีเซลคิดเป็น 74% ของยอดขายน้ำมันทั้งหมดของบริษัทในปี 2564

รัฐบาลไทยได้ประกาศเจตจำนงที่จะคงราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตรเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไป โอกาสที่รัฐบาลจะผ่อนปรนนโยบายจำกัดราคาและยอมให้น้ำมันดีเซลปรับราคาเพิ่มขึ้นก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันให้แก่ผู้ค้าปลีกน้ำมัน ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าค่าการตลาดของบริษัทจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น

เป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง

ทริสเรทติ้งมองว่าการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดค้าปลีกน้ำมันจะยังคงดำเนินต่อไป ผู้ค้าปลีกน้ำมันต่างแข่งขันกันเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายในสถานีบริการที่ทันสมัย ทริสเรทติ้งเห็นว่าผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่ต่างก็มีการขยายสถานีบริการกันอย่างต่อเนื่อง การก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันใหม่ ๆ อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากเนื่องจากผู้ค้าปลีกน้ำมันพยายามสร้างความแตกต่างให้แก่สถานีบริการของตนเพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากของผู้ค้าปลีกน้ำมันที่ต้องพยายามลดต้นทุนการดำเนินงานในขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นต้องรักษาระดับการบริการและความสามารถในการแข่งขันเอาไว้

ความคาดหวังต่อผลการดำเนินงานที่ดี

ผลกระทบที่ยืดเยื้อของโรคโควิด 19 และอัตรากำไรที่ตึงตัวส่งผลทำให้บริษัทมีรายได้ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ระดับ 5.2 พันล้านบาทในปี 2564 ซึ่งต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่ายอดขายน้ำมันของบริษัทจะยังคงเติบโตต่อไปโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายสถานีบริการอย่างต่อเนื่องและการฟื้นตัวของอุปสงค์หลังโรคโควิด 19

ทริสเรทติ้งมองว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า โอกาสที่รัฐบาลจะกลับมาบังคับใช้มาตรการปิดเมืองอีกมีไม่สูงมาก ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าการใช้น้ำมันภายในประเทศจะฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง

จากสมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายน้ำมันของบริษัทจะเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยประมาณการว่าค่าการตลาดในภาพรวมของบริษัท (ทั้งการขายปลีกและขายส่ง) จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.77 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลทำให้ EBITDA ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 5.4-6.3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อหรือเลวร้ายลงก็ถือเป็นความเสี่ยงด้านลบที่สำคัญต่อประมาณการรายได้ดังกล่าว

หนี้สินจะยังคงอยู่ในระดับสูง

บริษัทได้มีการตัดงบลงทุนลงเพื่อรักษาสภาพคล่องในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 โดยในปี 2564 บริษัทใช้เงินลงทุนไปเพียง 2.5 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้ที่ 4.0-4.5 พันล้านบาท เป็นผลให้หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้ว (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ของบริษัทลดลงเหลือ 2.8 หมื่นล้านบาทในปี 2564 จาก 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2563 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 77.4% อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 5.4 เท่าในปี 2564 เนื่องจาก EBITDA ที่ลดลง

ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าบริษัทจะกลับมาขยายธุรกิจอีกครั้ง โดยภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเพิ่มสถานีบริการใหม่และจะปรับปรุงสถานีที่มีอยู่ต่อไป ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 3.2 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 77% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะอยู่ที่ระดับ 5.2-5.6 เท่าในช่วงปี 2565-2567

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับประมาณ 3.9-4.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2567 และจะมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 13%-14% ทั้งนี้ ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2564 ระบุว่าบริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 2.4 พันล้านบาทและมีภาระหนี้ระยะยาวที่จะครบกำหนดชำระในเวลา 12 เดือนข้างหน้าทั้งสิ้นจำนวน 3.9 พันล้านบาท สำหรับสภาพคล่องนั้นบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 และจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานในอีก 12 เดือนข้างหน้าซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะจัดหาเงินกู้เพื่อทดแทนหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระเกือบทั้งหมดเพื่อใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจตามแผน และเมื่อพิจารณาถึงธุรกิจของบริษัทที่แข็งแกร่งแล้ว ทริสเรทติ้งมองว่าความเสี่ยงในการหาเงินกู้ทดแทนของบริษัทนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการได้

โครงสร้างหนี้

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีเงินกู้จากธนาคารและหุ้นกู้จำนวน 9.6 พันล้านบาท ซึ่งรวมถึงหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนเงินก่อนจำนวนประมาณ 3.4 พันล้านบาทซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทย่อย ดังนั้น อัตราส่วนของหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ระดับ 35% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 50% ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้? ของทริสเรทติ้งนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่ได้มีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของลำดับในการเรียกชำระหนี้คืนจากสินทรัพย์ของบริษัท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? ยอดขายน้ำมันจะเติบโตประมาณ 7% ต่อปีโดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการขยายสถานีบริการใหม่ ๆ

? ราคาจำหน่ายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 11.2% ในปี 2565 และจะปรับตัวลดลง 5.9% และ 3.4% ในปี 2566-2567 ตามลำดับ

? รายได้จะปรับเพิ่มขึ้น 18% ในปี 2565 และจะเพิ่มขึ้น 1%-4% ในปี 2566-2567

? ค่าการตลาดของธุรกิจน้ำมันโดยรวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1.76-1.77 บาทต่อลิตร

? เงินลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 3.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเอาไว้ได้ด้วยการมีแผนกลยุทธ์ขยายธุรกิจที่มีความรอบคอบ ทริสเรทติ้งยังคาดอีกด้วยว่าระดับหนี้สินทางการเงินและระดับความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดเมื่อเทียบกับภาระหนี้ของบริษัทนั้นจะยังคงอยู่ในระดับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีโอกาสเกิดขึ้นได้หากบริษัทยังสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่มีความแข็งแกร่งต่อไปได้ด้วยการสร้างการเติบโตของยอดขายในสาขาเดิมและมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงได้ในกรณีที่สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงเป็นอย่างมากจากการที่บริษัทมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญหรือบริษัทมีการลงทุนที่ใช้การก่อหนี้ในระดับสูง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

PTG233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+

PTG242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+

PTG252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating. com
ติดต่อ santaya@trisrating. com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
#2085
เครื่องแกะสลัก CNC คือ การควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ เมื่อระบบCNC ถูกนำมาใช้ในเครื่องจักรเราก็จะเรียกกันว่า เครื่องแกะสลัก CNC Rounter หรือ เครื่องแกะสลักขนาดใหญ่ cnc โดยระบบ CNC จะควบคุมการทำงานต่างๆ ของในเครื่องจักรอัตโนมัติภายใต้คำสั่งภาษาเครื่องที่เราสร้างขึ้นมา.

เครื่อง CNC เริ่มมีการพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 โดยประมาณ โดยพัฒนามาจากระบบ NC (Numerical Control) หรือการควบคุมด้วยระบบตัวเลขซึ่งจะเป็นลักษณะกึ่งอัตโนมัติ คือ การเคลื่อนที่ในแกนต่างๆ จะเคลื่อนที่ไปตามระยะที่เราได้ป้อนไปในแต่ละครั้ง. หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาชุดคำสั่งต่างๆ ขึ้นมาเป็นโปรแกรม ทำให้ให้การทำงานสะดวกขึ้นมากเพราะว่าเราไม่ต้องมาป้อนคำสั่งทุกๆ ครั้ง เพื่อสั่งให้เครื่องจักรเคลื่อนที่ แต่ชุดคำสั่งนี้จะทำงานตามคำสั่งตั้งแต่ต้นจนจบตามที่เราต้องการ โดยปัจจุบันชุดคำสั่งดังกล่าวจะมีการพัฒนาไปมาก นอกจากจะควบคุมการเคลื่อนไหวขอเครื่อง CNC แล้ว ยังมีหน้าที่ควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ของเครื่อง CNC ได้ด้วย. ซึ่งชุดคำสั่งนี้เราเรียกกันว่า "G Code" และ "M Code". อ่านต่อ เครื่องแกะสลัก CNC Rounter หรือ เครื่องแกะสลักขนาดใหญ่

สนใจดูตัวอย่างสินค้า/เป็นตัวแทนขาย
Inbox: m.me/CCTGROUPCompany
Email : info@cctgroup.co.th
Line: Lakkana99 , 0812079977
โทร : 081-6428557 (คุณสมนึก) , 081-6428556 (คุณลักขณา)
Website : https://www.cctgroup.co.th
Facebook : บัวเชิงผนัง พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องยาง By CCT Group
#2086
พร้อมแล้ว! กับบริการพิเศษ Event Stickers สติ๊กเกอร์แบรนด์แจกฟรี ‼️

เพียงใช้บริการของเรา ไม่ว่าองค์กรเล็ก หรือใหญ่ เราทำได้ ใช้เงินน้อย ได้ดั่งใจ การันตีเหมาะกับทุกองค์กร ทุกแคมเปญ เป็นที่นิยม แจกมาแล้วกว่า 500,000 ชุด ดูแลครบวงจร
#2087
เสริมจมูก ราคา"สถานพยาบาลของพวกเราเปิดให้บริการมายาวนานหลายปีแล้วค่ะ 
ผู้เจ็บป่วยที่มาใช้บริการแล้วประทับใจ
 ก็แนะนำกันปากต่อปากตรงนี้พวกเราไม่รีบผลีผลามรักษาคนเจ็บ
เราจำต้องเรียนรู้ให้มั่นใจก่อนจึงจะรักษา 
หากแม้จะใช้เวลามากหน่อย แม้กระนั้นคำตอบเป็นที่น่าประทับใจค่ะ"เสริมจมูก ราคา
คณะทำงานของเรา มีประสบการณ์สูงในการปรับเปลี่ยน
รูปหน้าให้นางงามที่ขึ้นเวทีแข่งขันระดับประเทศ และระดับประเทศ 
ได้รับรางวัลมาหลายเวทีแล้วจนเป็นที่ยอมรับจากสาวงามเวทีต่างๆ
นอกจากแพทย์หญิงศรีพร ยังได้รับเกียรติยศ
 รับมอบรางวัลในฐานะแพทย์ประจำบ้านในอุดมคตินักศึกษาแพทย์ทหาร จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า 
เสริมจมูก ราคาแล้วก็ได้รับชวนเป็นคณะกรรมการตัดสินการแข่งขัน


https://bit.ly/3qPh3rR
#2088
TOP คาด Q1/65 โตต่อเนื่องรับราคาพลังงาน-ดีมานด์พุ่ง,บุ๊กกำไรขายหุ้น GPSC Q2/65

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 จะเติบโตดีต่อเนื่อง เป็นไปตามความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย แต่ด้วยซัพพลายที่จะยังมีไม่เพียงพอต่อดีมานด์ จากการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศตะวันตก ก็ส่งผลให้ราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้น จึงส่งผลดีต่อธุรกิจโรงกลั่น

อย่างไรก็ตาม บริษัทประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ หากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนสามารถนำไปสู่การยุติสงครามได้ ราคาน้ำมันก็น่าจะปรับตัวลง หรือเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 95-100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้จะมีอุปทานเข้ามาเพิ่มขึ้นจากฝั่งโอเปก อิหร่าน และสหรัฐ แต่มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียก็น่าจะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะคงไม่สามารถจะยกเลิกได้ทันทีหากยุติสงคราม

ขณะที่หากการเจรจาเพื่อยุติสงครามล้มเหลว คาดว่าคงมีจังหวะที่ราคาน้ำมันดิบอาจย่อตัวลงได้บ้าง แต่ยังยืนตัวในระดับสูงในช่วงระดับ 110-115 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรืออาจปรับขึ้นไปได้มากกว่านี้ เพราะรัสเซียถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับต้นๆ ของโลก และยุโรปก็มีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเกือบ 30% จึงยังเป็นความเสี่ยงต่อยุโรป

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า มุมมองต่อค่าการกลั่นในปีนี้คาดว่าจะดีกว่าปีก่อน ตามดีมานด์เบนซินและดีเซลทั่วโลกฟื้นตัวต่อเนื่องมาจากปลายปี 64 ทำให้ปัจจุบันค่าการกลั่นกลับเข้าสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ขณะที่ก็ยังมีอัพไซด์จากตลาดผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นดีเซลและแก๊สโซลีนค่อนข้างตึงตัวมาก เพราะส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดีเซลเทียบกับน้ำมันดิบดูไบ (Spread) ปรับตัวขึ้นสูงมาก เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังยุโรปด้วย และการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา ก็ทำให้การใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น โดยสต็อกน้ำมันดีเซล รวมถึงแก๊สโซลีนทั่วโลกก็อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ค่าการกลั่นสามารถยืนตัวกลับไปที่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้

นายวิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว ผ่านการเพิ่มทุนและปรับลดสัดส่วนการลงทุนใน บมจ.โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เพื่อนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) จากการเข้าลงทุนใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ในช่วงไตรมาส 3/64 ที่ผ่านมา รวมถึงรองรับการลงทุนขยายธุรกิจในอนาคตของไทยออยล์นั้น

บริษัทเตรียมเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น (AGM) ช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อปรับลดสัดส่วนการลงทุนใน GPSC จำนวนทั้งสิ้น 304,098,630 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนราว 10.78% หรือมูลค่ารวมประมาณ 22,351 ล้านบาท คาดว่าการดำเนินการขายหุ้นจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/65 จากนั้นจะรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนและกำไรจากการเปลี่ยนแปลงบันทึกบัญชีเงินลงทุน GPSC ประมาณ 11,000 ล้านบาทเข้ามาทันที

นอกจากการขายหุ้น GPSC แล้ว บริษัทคาดว่าจะดำเนินการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (PO) จำนวนไม่เกิน 275.12 ล้านหุ้นได้ภายในช่วงไตรมาส 3/65 ซึ่งการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะแบ่งเป็นเสนอขาย PO จำนวนไม่เกิน 239.23 ล้านหุ้น และเพื่อรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู) จำนวนไม่เกิน 35.88 ล้านหุ้น

การระดมทุนทั้ง 2 ส่วนเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะกลางถึงยาวของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปชำระคืนหนี้ bridge loans มูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาทให้กับบมจ.ปตท. (PTT) และสถาบันการเงิน จากการลงทุนในธุรกิจโอเลฟินใน CAP ประเทศอินโดนีเซีย

โดยประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจะหนุนให้ฐานทุนของบริษัทจะใหญ่มากขึ้นและคงอันดับความน่าเชื่อถือด้านเครดิต (Credit rating) ให้อยู่ในเกณฑ์กลุ่มระดับลงทุน (Investment grade) รวมถึงลดอัตราส่วนระหว่างหนี้สินสุทธิต่อทุน (D/E) ให้ไม่เกิน 1 เท่า จากสิ้นปี 64 ที่อยู่ระดับ 1.4 เท่า ซึ่งช่วยทำให้บริษัทมีความคล่องตัวมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจในอนาคต

บริษัทยังได้ทบทวนแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและบริบทของธุรกิจ พร้อมก้าวสู่องค์กร 100 ปีอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด "Building on Our Strong Foundation" ต่อยอดธุรกิจจากพื้นฐานด้านการกลั่นที่แข็งแกร่งของบริษัทไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง กระจายผลิตภัณฑ์ตามที่ตลาดต้องการโดยเจาะลึกในตลาดภูมิภาคที่มีความต้องการสูง รวมถึงกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่มีความผันผวนต่ำและลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนของกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียม 40% ธุรกิจปิโตรเคมี 40% ธุรกิจไฟฟ้า 10% และธุรกิจใหม่อีก 10% ภายในปี 73
#2089
ซิลิโคนผิวเรียบ"สถานพยาบาลของพวกเราเปิดให้บริการมาหลายปีแล้วค่ะ 
คนไข้ที่มาใช้บริการแล้วติดใจ
 ก็เสนอแนะกันปากต่อปากตรงนี้พวกเราไม่รีบผลุนผลันรักษาคนไข้
เราต้องศึกษาเล่าเรียนให้แน่ใจก่อนจึงจะรักษา 
แม้จะใช้เวลามากมายหน่อย แต่ว่าคำตอบเป็นที่น่าประทับใจค่ะ"ซิลิโคนผิวเรียบ
ทีมงานของพวกเรา มีประสบการณ์สูงสำหรับเพื่อการเปลี่ยนแปลง
รูปหน้าให้นางงามที่ขึ้นเวทีประกวดระดับประเทศ และก็ระดับโลก 
ได้รับรางวัลมาหลายเวทีแล้วจนเป็นที่ยอมรับจากนางงามเวทีต่างๆ
ยิ่งไปกว่านั้นแพทย์หญิงศิริพร ยังได้รับเกียรติยศ
 รับมอบรางวัลในฐานะแพทย์ประจำบ้านในอุดมคตินักเรียนแพทย์ทหาร จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า 
ซิลิโคนผิวเรียบและก็ได้รับชวนเป็นคณะกรรมการตัดสินการแข่งขัน


https://bit.ly/35plfab
#2090
บลจ.เกียรตินาคินภัทร เผยกองทุนหุ้นคุณภาพเวียดนาม KKP VGF-UI นักลงทุนตอบรับท่วมท้น รับกระแสเศรษฐกิจเวียดนามโต

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด (บลจ.เกียรตินาคินภัทร) เผยกองทุนเปิด เคเคพี เวียดนาม หุ้นเติบโต ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KKP VGF-UI) ที่เสนอขายครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 - 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน มียอดจองซื้อเต็มจำนวนเงินทุนโครงการที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน รวมกับส่วนที่เสนอขายเพิ่มภายใต้กรอบของ green shoe รวมทั้งสิ้น 3,293 ล้านบาท ตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นเวียดนาม เปิดโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ตามกระแสเศรษฐกิจเวียดนามที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจของโลกและกลุ่มประเทศเกิดใหม่

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด เปิดเผยว่า "หุ้นเวียดนามกำลังได้รับความสนใจมากจากนักลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2565 มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นกว่าปีก่อนที่เติบโตร้อยละ 2.6 โดย IMF ประเมินว่า จีดีพีของเวียดนามในปีนี้จะเติบโตถึงร้อยละ 6.6 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของโลกและกลุ่มประเทศเกิดใหม่ สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากภาคการผลิตและส่งออกของเวียดนามกลับมาเติบโตได้หลังการเปิดเมือง การบริโภคภายในประเทศเร่งตัวขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างเช่นการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงแนวโน้มการลงทุนระยะยาวจากต่างชาติ (FDI) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ตลาดหุ้นเวียดนามซึ่งมีหุ้นในกลุ่มธนาคารและธุรกิจเกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 73 ของมูลค่าตลาดทั้งหมด มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ โดยนักวิเคราะห์ในตลาดประเมินว่ากำไรสุทธิของตลาดหุ้นเวียดนามจะเติบโตถึงร้อยละ 20.6 ในขณะที่มูลค่า P/E ของตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ที่ระดับ 11.9 เท่า ยังคงถูกกว่าตลาดหุ้นโลกที่ระดับ 15.9 เท่า และใกล้เคียงกับตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ระดับ 11.4 เท่า ดังนั้น กองทุนเปิด KKP VGF-UI ซึ่งมีนโยบายลงทุนในกองทุนหลักที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทเวียดนามที่มีศักยภาพเติบโต และเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน"

กองทุนเปิด KKP VGF-UI มีจุดเด่นคือเป็น Feeder Fund มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก คือ Vietnam Long-term Growth Fund (VLGF) บริหารโดย SSI Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนในประเทศเวียดนาม กองทุนหลักมีนโยบายการลงทุนเชิงรุกด้วยกลยุทธ์การวิเคราะห์ทั้งแบบปัจจัยมหภาคและวิเคราะห์หุ้นรายตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว จากการลงทุนในหุ้นของบริษัทเวียดนามที่มีจุดแข็งด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีศักยภาพที่จะเติบโตและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจค้าปลีก ธนาคาร ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ และการขนส่ง

ทั้งนี้ กองทุนเปิด KKP VGF-UI มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปกติ บริษัทจัดการมีความตั้งใจที่จะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 305- 9559

คำเตือน :

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศที่กองทุนไปลงทุนด้วย
กองทุนจะทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ โดยในสถานการณ์ปกติ บริษัทจัดการมีความตั้งใจที่จะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อาจมีเหตุการณ์อื่นใดที่อาจทำให้ระดับการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจได้ ดังนั้น กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนที่ไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงไว้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก นอกจากนี้ การทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว อาจมีต้นทุนที่อาจทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในประเทศเวียดนามซึ่งเป็นประเทศในกลุ่ม Frontier market รวมถึงมีการกระจุกตัวในผู้ออก จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
กองทุนนี้ไม่ถูกจำกัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนระดับสูงได้เท่านั้น
โปรดศึกษาคำเตือนที่สำคัญอื่นได้ในหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลกองทุนรวม
#2091
ฉีดlifting"คลินิกของเราเปิดให้บริการมายาวนานหลายปีแล้วจ้ะ 
ผู้เจ็บป่วยที่มาใช้บริการแล้วประทับใจ
 ก็เสนอแนะกันปากต่อปากตรงนี้พวกเราไม่รีบผลีผลามรักษาคนไข้
พวกเราจะต้องเรียนให้แน่ใจก่อนก็เลยจะรักษา 
ถึงแม้ว่าจะใช้เวลามากหน่อย แต่ผลลัพธ์เป็นที่น่าประทับใจค่ะ"ฉีดlifting
ทีมงานของเรา มีประสบการณ์สูงสำหรับเพื่อการปรับเปลี่ยน
รูปหน้าให้นางงามที่ขึ้นเวทีแข่งขันระดับประเทศ รวมทั้งระดับนานาชาติ 
ได้รับรางวัลมาหลายเวทีแล้วจนกระทั่งเป็นที่ยอมรับจากนางงามเวทีต่างๆ
นอกจากนี้แพทย์หญิงศรีพร ยังได้รับเกียรติยศ
 รับมอบรางวัลในฐานะหมอประจำบ้านในอุดมคตินักเรียนแพทย์ทหาร จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า 
ฉีดliftingและได้รับชวนเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวด


https://bit.ly/3NAUIIk
#2092
ฉีดปรับรูปหน้า"สถานพยาบาลของพวกเราเปิดให้บริการมาหลายปีแล้วค่ะ 
ผู้เจ็บป่วยที่มาใช้บริการแล้วซาบซึ้งใจ
 ก็แนะนำกันปากต่อปากที่นี่พวกเราไม่รีบผลุนผลันรักษาผู้ป่วย
พวกเราจะต้องเรียนรู้ให้มั่นใจก่อนจึงจะรักษา 
ถึงจะใช้เวลามากมายหน่อย แม้กระนั้นผลเป็นที่น่าประทับใจค่ะ"ฉีดปรับรูปหน้า
ทีมงานของพวกเรา มีประสบการณ์สูงในการปรับเปลี่ยน
รูปหน้าให้สาวงามที่ขึ้นเวทีประกวดระดับประเทศ แล้วก็ระดับประเทศ 
ได้รับรางวัลมาหลายเวทีแล้วจนเป็นที่ยอมรับจากนางงามเวทีต่างๆ
นอกจากนี้แพทย์หญิงศิริพร ยังได้รับเกียรติ
 รับมอบรางวัลในฐานะหมอประจำบ้านในอุดมคตินักเรียนแพทย์ทหาร จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า 
ฉีดปรับรูปหน้าแล้วก็ได้รับชวนเป็นคณะกรรมการตัดสินการแข่งขัน


https://bit.ly/3uG3f3V
#2093
'ช้อปปี้' เดินหน้าขับเคลื่อนเพื่อสังคม มุ่งสร้างอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลที่สดใสและเข้าถึงทุกคน

'ช้อปปี้' ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เฉลิมฉลองการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค และแชร์ผลงานในการรังสรรค์สิ่งดี ๆ ที่สังคมได้รับจากอีคอมเมิร์ซ และบริการทางด้านการเงินแบบดิจิทัลในปี 2564

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีการหันมาใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้งานดิจิทัลรายใหม่ถึง 40 ล้านคนในปี 2564 โดยเมื่อการใช้เทคโนโลยีมีการเติบโตมากขึ้น ช้อปปี้มุ่งเพิ่มโอกาสให้การสร้าง การมีส่วนร่วมให้ทุกคนเข้าถึงโลกดิจิทัลได้ ส่งเสริมให้ผู้คนและธุรกิจเปิดรับโอกาสของโลกออนไลน์ได้มากขึ้น

ในปี 2564 มีผู้ใช้งานที่เข้าถึงและได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีผ่านช้อปปี้มากขึ้น โดยในภาพรวมทั่วทั้งภูมิภาค 1 ใน 6 ของยอดคำสั่งซื้อ มาจากผู้ใช้งานครั้งแรก ในขณะที่จำนวนผู้ขายบนช้อปปี้ที่อยู่นอกเมืองใหญ่เติบโตขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับปี 2563 นอกจากนี้ ช้อปปี้ยังได้สร้างสีสันและมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ซื้อ และเสริมศักยภาพให้ผู้คนในวงการเทคโนโลยีเพื่อให้เติบโตได้อย่างเต็มความสามารถในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

มร. เทอเรนซ์ แพง ประธานฝ่ายปฎิบัติการ ช้อปปี้ กล่าวว่า "ในปี 2564 ช้อปปี้ยังคงมุ่งสานต่อเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือสังคมผ่านเทคโนโลยี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการโอกาส เนื่องในปัจจุบันผู้คนและธุรกิจหันมาใช้ช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เราจึงนำเสนอสิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้มากขึ้น และสามารถปรับเข้ากับวิถีใหม่ทั้งในด้านการใช้ชีวิต การทำงาน และการซื้อสินค้า ยิ่งเรามีการเชื่อมต่อกันมากขึ้นเท่าไหร่ จะทำให้เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น และที่สำคัญเราสามารถช่วยเหลือกันและกันเพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทั้งหมดนี้คือการสร้างโอกาสใหม่ ๆ และมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่สังคม ผมจึงอยากเชิญชวนให้มาร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้สดใสและเข้าถึงทุกคนไปด้วยกัน"

สร้างการเข้าถึงและเพิ่มการเติบโต

ในปี 2564 ทั้งผู้คนและธุรกิจในประเทศต่างได้เข้าถึงและได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านช้อปปี้

- การเข้าถึงที่กว้างขวางกว่าที่เคย: ช้อปปี้ทำให้การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ในตลอดปีที่ผ่านมาช้อปปี้ได้จัดแคมเปญภายในประเทศที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ซื้อ และขยายเครือข่ายการจัดส่งสินค้าเพื่อให้ผู้ซื้อ สามารถช้อปและรอรับสินค้าได้อย่างมั่นใจแม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ ยังมีการช่วยเหลือธุรกิจ MSMEs ในการก้าวสู่โลกดิจิทัล โดยเฉพาะผู้ผลิตและเกษตรกรภายในประเทศ ผู้เป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจในประเทศ โดยมีไฮไลท์ ดังนี้

ผู้ขายช้อปปี้ที่อยู่นอกเมืองใหญ่เติบโตขึ้น 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในปี 2564 1 ใน 6 ของยอดคำสั่งซื้อมาจากผู้ใช้งานรายใหม่ และจำนวนผู้ใช้งานที่อยู่นอกเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นถึง 40%
ผู้ใช้งาน ShopeePay ที่อยู่นอกเมืองใหญ่มีจำนวนเพิ่มถึง 2.5 เท่า ด้วยความสะดวกสบายของการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัล นอกจากนี้ ShopeePay ยังช่วยเชื่อมต่อร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้เข้าถึงลูกค้ารายใหม่อีกด้วย
- ยกระดับการดำเนินธุรกิจ: ด้วยช้อปปี้ช่วยให้ภาคธุรกิจในประเทศสามารถสร้างธุรกิจดิจิทัลให้เติบโตได้อย่างเป็นรูปธรรมทั้งในแง่ยอดขายและและการดำเนินธุรกิจ ในปี 2564 ช้อปปี้ได้สร้างเครื่องมือและฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้ขายท้องถิ่นเป็นที่มองเห็นมากขึ้นในแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น กิจกรรม 'Shopee Celebrates Local - ช้อปปี้ส่งใจให้ชุมชน' ในช่วง 12.12 Birthday Sale ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยสปอตไลต์ให้แก่ผู้ขายให้สามารถเข้าถึงผู้ซื้อได้มากขึ้นพร้อมทั้งช่วยขยายฐานลูกค้า โดยมีข้อมูลไฮไลท์ที่น่าสนใจ ได้แก่

ผู้ขายมากกว่า 1,000 ราย มียอดขายเกิน US$100,000 (ราว 3.35 ล้านบาท) ในเวลา 3 วันของช่วงแคมเปญปลายปีของช้อปปี้ ได้แก่ 9 กันยายน 11 พฤศจิกายน และ 12 ธันวาคม
ผู้ขายรายใหม่มียอดขายสูงขึ้นมากในช่วงปลายปี โดยมียอดขายเพิ่มถึง 18 เท่า ในวันที่ 11 พฤศจิกายน
ShopeePay Near Me ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้พบกับดีลพิเศษใกล้ตัวจากร้านค้าออฟไลน์ โดยสร้างยอดขายถึง 5 ล้านครั้ง ในร้านของพันธมิตร
- ปลดล็อกการเติบโตให้แก่แบรนด์ธุรกิจ: Shopee Mall ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างการเติบโตให้แก่แบรนด์ธุรกิจ โดยริเริ่มพร้อมกับนวัตกรรมและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน แบรนด์พันธมิตรธุรกิจมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสร้างสถิติใหม่ โดยในปี 2564 มีผู้ใช้งาน 42 ล้านรายที่ทำการซื้อของครั้งแรกผ่าน Shopee Mall ในขณะที่มีแบรนด์พันธมิตร 5 รายที่มียอดขายรวมถึง $100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,350 ล้านบาท)

มอบความสุขให้แก่ผู้ซื้อ

ช้อปปี้ไม่หยุดยั้งคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้งานในปี 2564 เมื่อผู้คนหันมาใช้อีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น ช้อปปี้ได้ทำงานร่วมกับผู้ขายและพันธมิตรอย่างเต็มที่เพื่อมอบความสุขให้แก่ผู้ซื้อและสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้แก่ทุกคน

- สร้างรอยยิ้มนับพันล้าน: ช้อปปี้เพิ่มความหลากหลายของสินค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยผู้ขายและแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและมั่นใจได้ด้วยระบบที่ครบวงจรทำให้ผู้ใช้งานรีวิวแอปฯ ช้อปปี้ด้วยคะแนน 5 ดาว ถึง 3 พันล้านรีวิวในปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึง 60% ด้วยผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น เพลิดเพลิน และไว้วางใจได้

ในประเทศไทย ช้อปปี้ได้สานต่อความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้คนไทยก้าวข้ามความท้าทายในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไปด้วยกัน ช้อปปี้ได้จัดทำแคมเปญ #ShopeeFromHome ซึ่งเป็นหนึ่งในแคมเปญหลักของโครงการเพื่อสังคม #ShopeeTogether เพื่อมอบทางเลือกการซื้อสินค้าให้คนไทยสามารถซื้อของใช้ ส่วนตัวและของใช้ในบ้านที่จำเป็นได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายโดยไม่ต้องออกจากบ้าน
- ส่งความสนุกมอบความบันเทิงให้ผู้ใช้งาน: ฟีเจอร์ต่าง ๆ ในช้อปปี้สามารถมอบความบันเทิงให้แก่ผู้ใช้งานและช่วยเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน โดยมีการรับชม Shopee Live รวมกันถึง 400 ล้านชั่วโมง และมียอดการเล่นเกมในแอปฯ มีจำนวนสูงถึง 4 หมื่นล้านครั้ง

ยกระดับภาคชุมชน

ในปี 2564 ช้อปปี้ได้ช่วยเสริมศักยภาพให้แก่ผู้ที่มีความสามารถ นักธุรกิจมือใหม่ และชุมชน ด้วยการมอบความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการก้าวสู่ความสำเร็จในเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งสำหรับในวันนี้และในอนาคต

- พัฒนาบุคลากรคุณภาพที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี: ช้อปปี้มุ่งมั่นที่จะเข้าถึงและเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ที่มีความสามารถและสนใจในด้านเทคโนโลยี โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมอบรมต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีของช้อปปี้มากกว่า 20,000 คน ไม่ว่าจะเป็นงาน "Tech@Shopee" Webinars และการแข่งขัน Shopee Code League ในขณะที่โดย 8 ใน 10 ของทีมงาน ช้อปปี้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผ่าน Shopee Academy รวมเป็นชั่วโมงการเรียนรู้ถึง 27,000 ชั่วโมง

- เพิ่มศักยภาพให้ผู้ขายในประเทศ: ช้อปปี้มีการพัฒนาแหล่งข้อมูลสำหรับการเรียนรู้เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจให้มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยหลักสูตรของ Shopee University ช่วยให้ผู้ขายสามารถเข้าถึงคอร์สอบรมเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซและพัฒนาความสามารถได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และยังมี Seller Education Hub ที่มีคอร์สการเรียนรู้ที่น่าสนใจสำหรับผู้เรียนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่มากประสบการณ์ หรือมือใหม่หัดขาย โดยในปี 2564 มีผู้ขาย 1.3 ล้านคน ที่เข้าเรียนรู้ในคอรส์ของ Shopee University

คุณ รณกร เฉลียวบุญ เจ้าของร้าน @Byhome.TH ยอดนิยมบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ เผยว่าเคล็ดลับในการทำธุรกิจขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ คือ การไม่หยุดที่จะเรียนรู้ "กุญแจสำคัญ คือ เราต้องทำความเข้าใจลูกค้า และต้องหมั่นศึกษาอัปเดตข้อมูลให้เท่าทันกับการความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เรารู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนทักษะจาก Shopee University ที่นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ เพราะช่วยติดอาวุธให้ผู้ขายสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างมีศักยภาพในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล"
คืนกำไรสู่สังคม

ในประเทศไทย ช้อปปี้ใช้แพลตฟอร์มและทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือผู้คนท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ชุมชนที่ขาดแคลน

- สนับสนุนการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19: ตลอดปี 2564 ช้อปปี้ และ SEA ประเทศไทยมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้คนในประเทศไทยผ่านโครงการ "Shopee Together" โดยได้มอบรถตู้ทีมแพทย์สนามฉุกเฉินและถังออกซิเจน 2,000 ถัง ให้แก่สถานพยาบาลและโรงพยาบาลสนามทั่วไทย เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการรับมือสถานการณ์โควิด-19

- ให้ความช่วยเหลือสังคม ก้าวผ่านสถานการณ์อันท้าทายไปด้วยกัน: ช้อปปี้ ประเทศไทย ได้เปิดตัว "ช้อปปี้ช่วยเปย์" แคมเปญพิเศษที่ช้อปปี้ริเริ่มขึ้นเพื่อมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศด้วยการลดค่าครองชีพให้แก่คนไทย และกระตุ้นการทำธุรกิจออนไลน์ โดยชาวไทยกว่า 450,000 คน[1] ได้รับประโยชน์จากการได้รับโบนัสพิเศษใน ShopeePay เพื่อนำมาซื้อสินค้าบนช้อปปี้
#2094
ซีพีเอฟ ร่วมมือกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หนุน 'ดีพร้อมสตาร์ทอัพ คอนเน็ค' ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG

บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม 'โครงการ ดีพร้อม สตาร์ทอัพ คอนเน็ค (DIPROM Startup Connect) ปี 3' จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เพื่อสร้างโอกาสเติบโตสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีตอบโจทย์ความยั่งยืนของธุรกิจ ตามแนวทาง BCG (Bio-Circular-Green economy) เดินหน้าสู่เป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ

นายพีรพงศ์ กรินชัย รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ ร่วมแถลงข่าวโครงการ ดีพร้อม สตาร์ทอัพ คอนเน็ค ปี 3 ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธาน และพันธมิตรภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อค้นหาสตาร์ทอัพที่มีความพร้อมในการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม ร่วมทดสอบการใช้งานจริงกับองค์กรธุรกิจชั้นนำ สร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุน และมีส่วนร่วมผลักดันการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง BCG Economy เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green economy) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย

นายพีรพงศ์ กล่าวว่า บริษัทฯได้คัดเลือก และทำงานร่วมกับบริษัท สตาร์ทอัพ เพื่อค้นหาโซลูชั่นร่วมกันในการตอบโจทย์ทางด้านการจัดการฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farm) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงานและอาคาร (Energy Efficiency) การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการบำบัดน้ำเสีย การผลิตพลังงานทดแทน พลังงานทางเลือก และเทคโนโลยีของระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) เป็นต้น โดยมีทีมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและพลังงานทางเลือก (Environmental, Renewable and Alternative Energy Engineering) ของซีพีเอฟ กำหนดโจทย์ให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ในด้าน BCG (Bio-Circular-Green economy) และทีม Digital Transformation and Innovation ร่วมพิจารณาคัดเลือกสตาร์ทอัพที่นำเสนอโมเดลธุรกิจ

'โครงการดีพร้อม สตาร์ทอัพ คอนเน็ค เป็นการสร้างโอกาสเติบโตให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ได้นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของธุรกิจ ตามแนวทาง BCG ขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสขององค์กรธุรกิจที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีและมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งตามโจทย์ที่ซีพีเอฟกำหนด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และมีส่วนร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ' นายพีรพงศ์ กล่าว

ซีพีเอฟ กำหนดกลยุทธ์และเป้าหมายสู่ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ประกอบด้วย 9 ความมุ่งมั่น ซึ่งหนึ่งภารกิจสำคัญ คือ การบริหารจัดการทรัพยากรที่เป็นเลิศ จำกัดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดำเนินการจัดการพลังงาน ทรัพยากรน้ำและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยบริษัทฯกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อมต่อหน่วยการผลิตลง 25 % ในปี 2568 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558 ลดปริมาณการดึงน้ำมาใช้ต่อหน่วยการผลิตลง 30 % ต่อหน่วยการผลิต เป็นต้น

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้จัด โครงการดีพร้อมสตาร์ทอัพ คอนเน็ค (DIPROM Startup Connect) ต่อเนื่องจนถึงปีนี้ เป็นปีที่ 3 มีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพได้รับการคัดเลือก จำนวน 17 บริษัท นำเสนอโมเดลสำหรับองค์กรธุรกิจ โดยนอกจากซีพีเอฟแล้ว ยังมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด และบริษัท เอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
#2095
ห้องสุวรรณภูมิในจ.กรุงเทพฯ เมืองไทย
​สุวรรณภูมิสวีทตั้งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในกรุงเทพมหานคร
 เพียงแต่ 5 นาที เป็นรีสอร์ทที่สมบูรณ์แบบ हवाई अड्डे के पास होटल
สำหรับนักทัศนาจรที่รอคอยต่อเครื่อง ตรงนี้ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักที่สุดยอด
พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับช่วยในด้านสำหรับอำนวยความสะดวกแบบบริการเต็ม
แบบในทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบแล้วก็ราคาที่มีเหตุผล 
โรงแรมของเรามีมากกว่าที่พักที่เงียบสงบ
ก่อนหรือหลังเที่ยวบิน เราภูมิใจที่เกินความคาดหมาย
ของแขกของเราด้วยการนำเสนอห้องพักรวมทั้ง हवाई अड्डे के पास होटल
สิ่งอำนวยความสะดวก
ที่ดูแลอย่างประณีต และก็บริการที่มีคุณภาพและ
เหมาะสมที่สุดจาก
บุคลากรที่เรียบร้อยของพวกเรา हवाई अड्डे के पास होटल
 พวกเราได้ดีไซน์ทุกแง่ทุกมุมโดยพิจารณาถึงความสะดวกสบายของคุณ
 เชื้อเชิญเข้ามาได้ตลอดเวลา แล้วก็รับการต้อนรับจากแผนกต้อนรับที่เปิดตลอด 
24 ชั่วโมงของพวกเรา พวกเราได้ทำให้มั่นใจว่าหอพักพร้อมเสมอที่จะสามารถช่วยให้คุณนอน
สบายเพื่อจัดเตรียมสำหรับวันหยุดที่น่าตื่นเต้นของคุณ  हवाई अड्डे के पास होटल



https://bit.ly/3IQbX4J
#2096
เซ็นทรัลพัฒนา เดินหน้า Retail-Led Mixed-Use Development ปั้นรีเทลโตต่อเนื่อง ทุ่มงบมากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ชูไฮไลท์โปรเจ็ค พลิกโฉมย่านใหม่ที่ 'เซ็นทรัล เวสต์วิลล์'

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำอสังหาริมทรัพย์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก และผู้พัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ เดินหน้า "Retail-Led Mixed-Use Development" สร้างความเติบโตโดยมีธุรกิจศูนย์การค้าเป็นแกนหลัก ชูแผนธุรกิจรีเทล เติบโตต่อเนื่อง ทุ่มงบมากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี สร้าง Center of Life ทุกแห่ง ผสานจุดแข็งทั้งการเป็น Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่ง พัฒนาย่าน-พัฒนาเมือง ให้กับทุกชุมชน, เป็นผู้นำแนวคิด Customer-Centric พัฒนามิกซ์ยูสแห่งการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงการเป็น Partner Champions ช่วยเหลือคู่ค้าแบบ End-to-End Solutions เติบโตเคียงข้างคู่ค้าอย่างยั่งยืน พร้อมชูไฮไลท์ ปั้นโครงการใหม่ 'เซ็นทรัล เวสต์วิลล์' พลิกโฉมย่านราชพฤกษ์ มูลค่ากว่า 6,200 ล้านบาท เตรียมเปิด Q4/2566 และ 'เซ็นทรัล จันทบุรี' มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท เตรียมเปิด 26 พ.ค. 65 นี้ สำหรับแผนในอนาคตอันใกล้นี้ เตรียมพัฒนาโครงการระดับโลกและโครงการใหม่เพิ่มเติมอีกปีละ 2-3 โครงการ, โครงการพลิกโฉม Major Renovation กว่า 10 โครงการ พร้อมปรับโฉมโครงการในสาขาต่างๆ ทุกสาขาอย่างต่อเนื่อง

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "เซ็นทรัลพัฒนา มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับทุกคน ด้วยบทบาทการเป็น Place Maker ผู้พัฒนาพื้นที่แห่งอนาคต ที่ใส่ใจยกระดับคุณภาพชีวิต ไปพร้อมกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ได้เป็นผู้บุกเบิก Retail Landscape สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศและพัฒนาพื้นที่การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ พร้อมประสบความสำเร็จในการเป็น Center of Life มาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ต่อยอดสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า, โครงการที่อยู่อาศัย, โรงแรม และออฟฟิศ ให้เป็นพื้นที่และศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ผู้คนในแต่ละส่วนได้อย่างแท้จริง"

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการของบริษัทฯ เผยว่า "เราวางแผนเดินหน้าขยายโปรเจ็คใหม่และยกระดับโปรเจ็คที่มีอยู่แล้ว โดยภายใน 2 ปีนี้ วางงบประมาณไว้มากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ชูกลยุทธ์ Imagining the future of retail ซึ่งผสานจุดแข็งของเราใน 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1) Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ผ่านการขยายโครงการ, 2) Customer-Centric สร้างคอมมูนิตี้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้า, และ 3) Partner Champions การเป็น Business Partner ให้คู่ค้าเติบโตไปด้วยกัน"

นายชนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า "กลยุทธ์ที่ 1: Sustainable Ecosystem การขยายโครงการต่างๆ ในทุกย่าน ทุกเมือง ทุกโลเคชั่นที่เราเข้าไปร่วมกับคู่ค้า, ผู้ประกอบการท้องถิ่น และชุมชนให้ได้มาอยู่ใน Ecosystem ที่ยั่งยืนของเรา โดยเราได้ศึกษาศักยภาพของย่าน ของเมืองนั้นๆ, กำลังซื้อ และไลฟ์สไตล์ของผู้คน ทั้งเพื่อสร้างพื้นที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมไปถึงสร้างความมั่นใจในการขยายธุรกิจให้กับคู่ค้าอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังเป็น Dynamic Place Maker นำเทรนดใหม่ๆ มาพัฒนา Future Space คำนึงถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคต นำโดยแนวคิด Experiential & Customer-Centric Design ผสมผสานพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติ, ออกแบบพื้นที่ให้มีสัดส่วน Public Space เพิ่มขึ้น รวมถึงการดึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นเข้ามา Integrate กับตัวโครงการ ในด้าน Art & Culture และการ Co-Create ร่วมกับ Local Heroes

เซ็นทรัลพัฒนาเตรียมสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมย่านราชพฤกษ์กับโปรเจ็คใหม่ "เซ็นทรัล เวสต์วิลล์" (Central WestVille) มูลค่ารวมกว่า 6,200 ล้านบาท เจาะทำเลราชพฤกษ์เชื่อมตรงสู่ Bangkok CBD บนที่ดิน 40 ไร่ พื้นที่ GFA 93,000 ตร.ม. เตรียมเปิด Q4/2566 ปักหมุดย่านใหม่ด้วยการ Reinventing the Neighborhood ซึ่งจะเป็นการยกระดับฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ให้เป็นย่าน Upper-Class Lifestyle ชูจุดเด่น ได้แก่

The Evolution of Semi-Outdoor Retail Model จากเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ผสมผสานพื้นที่สีเขียวเป็น Green Park ของเมือง ด้วยแนวคิด Inside-Out ที่นำธรรมชาติจากด้านในสู่ด้านนอก ด้วยการออกแบบดีไซน์ Facade แนวใหม่ที่เปิดรับลมและแสงธรรมชาติ พักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศน้ำตก รวมถึงมีพื้นที่กิจกรรมเอาท์ดอร์สำหรับครอบครัวและ Pet Friendly Space เพิ่มขึ้น รวมถึงการเป็น Eco-Friendly Mall
ตอบรับ Emerging Lifestyle ด้วย Urban & Outdoor Activities ที่ทำได้ตลอดทั้งวันแบบ Day-to-Night เช่น พื้นที่ให้ Jogging กับสัตว์เลี้ยง, Urban Farming, Organic Weekend Market, พื้นที่สำหรับครอบครัว, ชมงานอาร์ต, ไปจนถึงชิลเอาท์ในร้านคาเฟ่และร้านอาหารชิคๆ
Affluent & Quality Lifestyles เจาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่อาศัยในโครงการระดับ High-End และโครงการต่างๆ ในย่าน กว่า 115,000 ยูนิต ซึ่งมีหมู่บ้านระดับ 10-100 ล้านจำนวนมาก, จำนวนประชากร 415,000 คน ที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงย่าน CBD และกำลังซื้อสูงเทียบเท่าย่านอีสต์วิลล์ ด้วยการ Synergy ผนึกกำลังธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ Central Department Store คอนเซ็ปต์ใหม่, Central Foodhall และ B2S ThinkSpace ร่วมโครงการด้วย
พร้อมบุกเบิกเมืองศักยภาพ เตรียมเปิด "เซ็นทรัล จันทบุรี" โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ในวันที่ 26 พ.ค. 65 นี้ รองรับความเจริญต่อเนื่องจากเขตเศรษฐกิจ EEC ในอนาคต ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวเมืองรอง โดยตัวโครงการมีความโดดเด่นด้วยโมเดล Semi-Outdoor ผสมผสานอัตลักษณ์ของจันทบุรี พร้อมจับมือกับท้องถิ่นดึง Local Heroes ร่วมสร้างเสน่ห์ท่องเที่ยวให้โดดเด่น เจาะกลุ่มเป้าหมายไลฟ์สไตล์ดีมีกำลังซื้อ ครอบคลุมประชากร 1.8 ล้านคนในจันทบุรีและจังหวัดใกล้เคียง สร้างพื้นที่การใช้ชีวิต New Urban Lifestyle Destination ของเมือง อาทิ พื้นที่สีเขียว 4 ไร่ที่เป็นปอดของเมือง, Family & Pet Friendly Space และ Sport Destination ครบวงจร 4,000 ตร.ม. เป็นต้น

ในด้านความสำเร็จของการขยายและปรับโฉมโครงการต่างๆ นายเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารทรัพย์สินของบริษัทฯ เผยว่า "ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จในการเปิดโครงการ 'เซ็นทรัล ศรีราชา' ที่เป็นต้นแบบ Eco-Friendly Mall ในภาคตะวันออก และพื้นที่รีเทลแบบ seamless space และ 'เซ็นทรัล อยุธยา' ที่เป็นสปอต์ไลท์ระดับโลก เติมเต็มการท่องเที่ยวอยุธยา โดยทั้งสองโครงการใหม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี มีทราฟฟิกในช่วงเปิดตัวถึง 50,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ เรายังไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์พื้นที่และประสบการณ์ใหม่ๆ ในโครงการที่มีอยู่แล้ว อาทิ 'เซ็นทรัลเวิลด์' ตอกย้ำความเป็นแลนด์มาร์กระดับโลกรองรับปรากฎการณ์ Global Phenomenon ต่างๆ พร้อมเตรียมเปิดโซนใหม่ คือ 'Zone I' (โซน ไอ) รองรับร้านค้า lifestyle brand ทั้ง local & international อีกมากมาย และ 'โซนฮักไทย' ชูจุดขายการตกแต่งในวิถีไทยร่วมสมัย สินค้าและอาหารไทยขึ้นชื่อ เพื่อดึงดูดทั้งลูกค้าชาวไทย ชาวต่างชาติในไทย และพร้อมรับกลุ่มนักท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่เพื่อชุมชนอย่าง ตลาดจริงใจที่จำหน่ายสินค้าจากเกษตรกรและชุมชนต่างๆ ทั่วไทย ด้าน 'เซ็นทรัล วิลเลจ' ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย เปิดตัวเฟสสองมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 15% (ตัวเลขเฉลี่ยในเดือนมกราคมเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า) และ 'เซ็นทรัล พระราม 2' พลิกโฉมเป็น The Regional Mall of South Bangkok เจาะกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ Wealth Segment และมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนรีโนเวท"

นอกจากนี้ยังมีโครงการพลิกโฉมศูนย์การค้าต่างๆ อีกกว่า 10 โครงการ อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล พระราม 2, รามอินทรา, พัทยาบีช, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, และ ขอนแก่น เป็นต้น

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของบริษัทฯ กล่าวว่า "สำหรับจุดแข็งที่สำคัญใน กลยุทธ์ที่ 2: Customer-Centric ที่ทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็น Center of Life ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ เป็น Experience Curator คัดสรรอีเวนต์กว่า 1,000 งานต่อปี และการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในศูนย์การค้า ได้แก่

จับ Emerging Lifestyles ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Food, Fashion, Sport จับเทรนด์สร้างคอมมูนิตี้ Surf skate, Pet Friendly ที่แรกและประสบความสำเร็จมากที่เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ รวมไปถึง Co-Working Space ตอบโจทย์ Workplace ยุคใหม่ เป็นต้น
การทำ Co-Campaign ร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก อาทิ Tinder, Huawei และการใช้ New Disruptive Platform ใช้เทคโนโลยี VR ดึงลูกค้าให้มี Experience บนพื้นที่โลกเสมือนแบบ Cross-Region
สร้าง Tourism Multiplier ด้วย Localized Events ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ อาทิ เซ็นทรัล พิษณุโลก จัดงาน 'Phitsanulok Mango Fest 2022', เซ็นทรัล อยุธยา จับมือกับ ททท. พาเที่ยวเมืองเก่ากับรถไฟหัวจักรไอน้ำขบวนพิเศษ และ เซ็นทรัล เวสต์เกต จัดงาน Flower on the beach ประติมากรรมคลื่นดอกไม้ยักษ์ ใหญ่ที่สุดในโซนกรุงเทพฯ ตะวันตก
ผู้นำองค์กรยั่งยืน ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การติดตั้ง Recycle Station ที่เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, ติดตั้ง Solar Rooftop และ EV Charger ใช้ Innovation ดูแลด้านความสะอาดปลอดภัย และการใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจากธรรมชาติในศูนย์การค้า เป็นต้น
ปิดท้ายด้วย นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายของบริษัทฯ เปิดเผยถึงจุดแข็งข้อสุดท้าย "กลยุทธ์ที่ 3: Partner Champions เราตั้งใจที่จะเป็น Business Partner ที่สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคู่ค้า ช่วยเหลืออย่างครบวงจรแบบ End-to-End Solutions ได้แก่ การช่วยเหลือการเติบโตและขยายสาขาด้วยโมเดล Co-investment, Funding, และ Franchise การช่วยเหลือด้าน Business Operation ต่างๆ, การใช้ Big Data จาก The 1 และ The 1 Biz, และ Retail Omnichannel เพื่อส่งเสริมและผลักดันธุรกิจของคู่ค้า, รวมไปถึงการจัดการ Transaction และบริการต่างๆ นอกจากนี้ เรายังเน้นย้ำถึงจุดแข็งของเซ็นทรัลพัฒนา ที่พร้อมช่วยเหลือคู่ค้าให้ Scale up business ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการได้เข้ามาอยู่ใน ecosystem ที่แข็งแกร่งของ Central Group, การที่ศูนย์การค้ามีการวางโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น Excellent Services & Facilities ในส่วนกลางที่พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเสมอโดยร้านค้าไม่ต้องลงทุนเอง ไปจนถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ ทดลองและเจาะตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ"

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย
#2097
โปแลนด์จ่อยุตินำเข้าน้ำมันรัสเซีย เรียกร้อง EU ร่วมตอบโต้รุกรานยูเครน


นายมาเทอุส โมราวิคกี นายกรัฐมนตรีโปแลนด์เปิดเผยว่า โปแลนด์ต้องการยุติการนำเข้าน้ำมัน, ก๊าซ และถ่านหินจากรัสเซียในปีนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศยุโรปเลิกพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน

นายโมราวิคกีกล่าวว่า โปแลนด์มีแผนที่จะทำทุกวิถีทางที่จะยุติการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเช่นกัน รวมทั้งใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าไฮโดรคาร์บอนจากรัสเซีย เพื่อเป็นการลงโทษรัสเซียที่รุกรานยูเครน

ที่ผ่านมานั้น นายโมราวิคกีพยายามกดดันให้ EU ใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงกับรัสเซียฐานใช้กำลังทหารโจมตียูเครน โดยเขากล่าวว่า รัสเซียกำลังใช้น้ำมันและก๊าซเป็นเครื่องมือข่มขู่ชาติสมาชิก EU

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แผนการดังกล่าวของโปแลนด์อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทกลั่นน้ำมันสองแห่งของรัฐบาล ซึ่งได้แก่บริษัทพีเคเอ็น ออร์เลน เอสเอ และบริษัทกรูปา โลทอส เอสเอ นอกเสียจากว่าประเทศอื่น ๆ จะตัดสินใจยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

ทั้งนี้ รัสเซียจัดหาน้ำมันให้กับโปแลนด์ในปริมาณ 365,000 บาร์เรล/วันในช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาดในปี 2562 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของยอดนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมดของโปแลนด์

การที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนส่งผลให้นานาประเทศประกาศคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้ ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียไม่ได้แสดงท่าทีครั่นคร้าม โดยกล่าวว่า ประเทศที่อยู่ในรายชื่อ "ไม่เป็นมิตร" ของรัสเซีย จะต้องชำระค่าซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นสกุลเงินรูเบิลเท่านั้น โดยประเทศเหล่าได้แก่ประเทศที่ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.

ประเทศและดินแดนที่ปรากฏในรายชื่อที่ไม่เป็นมิตรของรัสเซีย ได้แก่ สหรัฐ, แคนาดา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร (รวมทั้งดินแดนในอาณัติ ได้แก่ เจอร์ซีย์, แองกวิลลา, หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน และยิบรอลตาร์), ยูเครน, มอนเตเนโกร, สวิตเซอร์แลนด์, แอลเบเนีย, อันดอร์รา, ไอซ์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, โมนาโก, นอร์เวย์, ซาน มาริโน, นอร์ท มาซิโดเนีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, ไมโครนีเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์ และไต้หวัน
#2098
ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 33.32 แข็งค่าจากช่วงเช้า ขานรับเจรจารัสเซีย-ยูเครนคืบหน้า
 
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.32 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.55 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทแข็งค่าจากช่วงเช้า เช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค เป็นผลจากการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้า ส่วนผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็เป็นไปตามคาด มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยเท่าเดิม ระหว่างวันบาทเคลื่อนไหว ในกรอบ 33.29 - 33.57 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้บาทแข็งค่าค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ปิดอยู่ที่ระดับ 33.71 บาท/ดอลลาร์ ถือว่าเคลื่อนไหวเยอะ ถึง 40 สตางค์ ผลก็มาจากเรื่องรัสเซีย-ยูเครนคืบหน้า" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25 - 33.40 บาท/ดอลลาร์ สำหรับคืนนี้ ต้องติดตาม ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP ของสหรัฐฯ

THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 33.3237 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 121.68 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 122.36 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1136 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1103 ดอลลาร์/ยูโร
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี โดย
ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 65 และ 66 จะขยายตัวได้ต่อเนื่องแม้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการ
ปรับขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ และอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอลง
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 65 จะปรับสูงขึ้นเกินกรอบเป้าหมาย ก่อนจะทยอยลดลงและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วง ต้นปี 66 จากราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นเป็นผลจากปัจจัยด้านอุป ทาน (cost-push inflation) เป็นหลัก ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) ยังอยู่ในระดับต่ำ จึง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง

รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่มีข้อสรุปการจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้น อย่างไรก็ตาม หากพิจารณา
ตามข้อเท็จจริงแล้วควรมีการเก็บภาษีดังกล่าวมานานแล้ว แต่ทางการได้ยกเว้นมาให้แล้วกว่า 30 ปี ซึ่งระหว่างนี้อยากให้ทุกฝ่ายรอดูผล
สรุปเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก่อน
คลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนก.พ. 65 ว่า เศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัว
ของการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน การส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 และผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ
102.0 ขยายตัว 2.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับตั้งแต่เดือนก.ย. 64
สำหรับ 2 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) ขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 2.38%
รมว.ต่างประเทศตุรกี กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กรุงอิสตันบูลเมื่อวานนี้ มีความคืบหน้ามาก
ที่สุดนับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มการเจรจาเป็นต้นมา พร้อมกับกล่าวว่า รมว.ต่างประเทศของรัสเซียและยูเครนจะหารือกันในโอกาสต่อไป
เกี่ยวกับประเด็นที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ก่อนที่ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน จะพบปะ
กันในที่สุด
ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้ยูเครน เตรียมแถลงต่อรัฐสภาออสเตรเลียผ่านทางระบบออนไลน์ในช่วงค่ำวัน
พฤหัสบดี (31 มี.ค.) ในฐานะที่ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความช่วยเหลือยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียส่งกำลังทหารเข้าโจมตียูเครน
ในวันที่ 24 ก.พ.
โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐไม่มั่นใจในคำมั่นสัญญาของรัสเซียที่ว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารในกรุง
เคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน และในเมืองเชอร์นิฮิฟ
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า ไม่คิดว่าการดำเนินการในตลาดของ BOJ จะส่งผลกระทบรุนแรงและโดย
ตรงต่อความเคลื่อนไหวของเงินเยน และเป็นเรื่องเหมาะสมที่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศจะเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพและ

สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ คำชี้แจงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ BOJ ได้เสนอซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลญี่ปุ่นด้วยอัตราดอกเบี้ย

คงที่เมื่อวันจันทร์ (28 มี.ค.) ซึ่งส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา
#2099
เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม แบบแยกส่วนขนาดใหญ่ M-Series ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในราคาที่คุ้มค่า

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ขอแนะนำเครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น กับเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม แบบแยกส่วนขนาดใหญ่ M-Series ระบบอินเวอร์เตอร์ ทั้งรุ่น PLY-M Series แบบฝังในฝ้าเพดาน กระจายลม 4 ทิศทาง ดีไซน์สวย ทันสมัย ยกระดับงานออกแบบให้ดูหรูหรา พร้อมเทคโนโลยี 3D Move-eye Human Sensor ช่วยส่งความเย็นทั่วห้องได้อย่างรวดเร็ว (อุปกรณ์เสริม) รุ่น PCY-M แบบแขวนใต้ฝ้าเพดาน  ที่มีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย ทนทานใช้งานได้นานต่อเนื่อง ทำความเย็นอย่างเต็มประสิทธิภาพและรุ่น PEY-M แบบซ่อนในฝ้าเพดานแบบต่อท่อ DUCT ตอบโจทย์ทุกงานดีไซน์ ติดตั้งได้ง่ายในพื้นที่จำกัด พร้อมมาตรฐานประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ในขนาด 13,000 - 36,000 บีทียู และรุ่นที่รองรับห้องขนาดใหญ่  42,000 - 48,000 BTU

และขอแนะนำอุปกรณ์เสริมเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นด้วย Anti-Allergy Enzyme Filter หรือแผ่นฟอกอากาศยับยั้งไวรัสและสารก่อภูมิแพ้ (สำหรับใช้กับรุ่น PLY-M และ PCY-M เท่านั้น) มีคุณสมบัติในการยับยั้งสารก่อภูมิแพ้ เช่น ปฏิกูลของไรฝุ่น เกสรดอกไม้ และเชื้อไวรัส รวมไปถึงผ่านการทดสอบความสามารถในการต้านไวรัสสายพันธุ์ SARS-CoV-2 จากประเทศญี่ปุ่น ให้คุณมั่นใจกับความเย็นสบายและคุณภาพอากาศไปพร้อมๆ กัน
#2100


5 สิ่งที่ควรทราบ ก่อนการตกลงใจเลือก พื้นไม้ลามิเนตและพื้นกระเบื้องยาง

การศึกษาหาข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกซื้อพื้นไม้ลามิเนต และพื้นกระเบื้องยาง นอกเหนือไปจากเลือกลวดลายไม้แล้ว ชนิดของพื้นไม้ ทีมติดตั้งและโรงงานที่ผลิต เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้งานติดตั้งพื้นไม้มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนาน

✔️ รู้จักวัสดุพื้นไม้ลามิเนต และพื้นกระเบื้องยาง ข้อดี-ข้อเสีย
✔️ ทราบข้อแนะนำและวิธีการติดตั้งพื้นแต่ละชนิด
✔️ สร้างไอเดียในการออกแบบพื้นที่เป็นตัวคุณ
✔️ คัดเลือกผู้ผลิตพื้นและทีมติดตั้งที่มีคุณภาพ
✔️ สรุปชนิดพื้นและเลือกรูปแบบลายไม้

One Source One Services for You

มั่นใจว่าคุณ ๆจะได้รับพื้นไม้คุณภาพ ที่โครงการระดับมหาชนเลือกใช้ พื้นไม้ลามิเนตและพื้นกระเบื้องยางลายไม้ UNIX by SCG, พื้นไม้เอ็นจิเนียร์,มั่นใจด้วยการรับประกันพื้นไม้ 10 ปี การรับประกันผลงานติดตั้ง 1 ปี

มั่นใจว่าท่านจะได้รับผลงานพื้นไม้ที่ดี ด้วยทีมงานปูพื้นไม้ที่มีมาตรฐาน ความรับผิดชอบในบริการหลังการขาย 

การันตีด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ รับติดตั้งให้ SCG SOURCING BUSINESS และ บริษัทระดับมหาชนมั่นใจเรื่องพื้นที่ให้บริการ สามารถให้บริการปูพื้นได้ 50 จังหวัด ศูนย์ปูพื้นของเรา 12 จังหวัด ตรวจพื้นที่หน้างาน ให้คำแนะนำก่อนปูพื้นฟรี และบริการหลังการขาย

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ : https://www.floordweb.com/
Line : https://line.me/ti/p/@floord
Facebook : https://www.facebook.com/laminatefloord/